ขณะที่สวี่ฮุ่ยซื้อเสื้อผ้าและกระโปรงให้ตัวเอง เธอก็ถือโอกาสซื้อชุดเดรสลายดอกไม้ให้จ้าวชิงชิงด้วย
จ้าวชิงชิงเป็ลูกที่พ่อแม่ไม่ใส่ใจเหมือนกับเธอ ั้แ่เล็กจนโต ไม่เคยได้ใส่เสื้อผ้าดี ๆ สักชิ้น
เมื่อกลับถึงบ้าน เธอพบว่าไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลยสักคน
สวี่รั่วเฉินลาหยุดสามวัน ครบกำหนดก็ไปทำงานแล้ว
สวี่ต้าซานก็ไปทำงานเช่นกัน
สวี่ฮุ่ยเดาว่า กู่ซิ่วคงพาสวี่เยว่ไปฉลองวันเกิดที่บ้านคุณตาคุณยายนอกเมือง
ครอบครัวทางฝั่งคุณตาฐานะดี คุณตาคุณยายก็รักสวี่เยว่ ทุกปีสวี่เยว่จะไปฉลองวันเกิดที่บ้านคุณตาเสมอ
ไม่มีใครอยู่บ้าน สวี่ฮุ่ยรู้สึกสบายใจ
เธอนำเสื้อผ้าและกระโปรงที่เพิ่งซื้อมาทั้งหมดไปซัก แล้วนำไปตากไว้ข้างนอก
ฤดูร้อนอากาศร้อนจัด เสื้อผ้าก็บาง เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงเสื้อผ้าก็แห้งหมดแล้ว
สวี่ฮุ่ยต้มน้ำ อาบน้ำสระผม ทำความสะอาดร่างกายจนหอม
สวมชุดใหม่ที่เพิ่งซื้อมา จากนั้นนำเสื้อผ้าที่เพิ่งถอดออกไปซัก แล้วตากไว้หน้าประตู ผมก็ค่อย ๆ เริ่มแห้ง
เมื่อนึกว่าวันนี้เป็วันเกิดของตัวเอง สวี่ฮุ่ยจึงตั้งใจจะแต่งตัวให้สวยซะหน่อย
เธอเปลี่ยนทรงผมเป็เปียหางม้า ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน
ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวคู่กับกระโปรงลายตารางสีแดง ยิ่งขับให้ดูเรียบร้อยและมีกลิ่นอายนักวิชาการ
เมื่อสวมที่คาดผมติดโบว์ที่ลู่ฉี่เสียนซื้อให้ก็เพิ่มความสวยหวานเข้าไปอีก
สวี่ฮุ่ยมองนาฬิกาแขวนในห้องนั่งเล่น ตอนนี้เลยเวลาสิบโมงครึ่งมาแล้ว
เธอหยิบชุดใหม่ที่ซื้อให้จ้าวชิงชิง ล็อกประตูห้องของตัวเองแล้วออกจากบ้านไปอีกครั้ง
วันที่โรงเรียนจัดงานประชุมประกาศเกียรติคุณ สวี่ฮุ่ยนัดกับอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นไว้แล้วว่า เธอจะเลี้ยงอาหารที่ร้านอาหารเล็ก ๆ ของป้าอ้วนหน้าโรงเรียน เธอต้องรักษาสัญญา
สวี่ฮุ่ยแวะไปโรงงานอิฐก่อน เห็นจ้าวชิงชิงกำลังขนอิฐท่ามกลางแดดร้อนแผดเผาจนเหงื่อท่วมตัว ก็รู้สึกสงสารไม่น้อย
ถึงแม้ว่าคนขนอิฐส่วนใหญ่จะเป็ผู้หญิง แต่ส่วนมากก็เป็ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว เด็กสาวอย่างจ้าวชิงชิงนั้นมีไม่กี่คน
จ้าวชิงชิงเห็นสวี่ฮุ่ยแต่งตัวสวย ก็วิ่งมาหาเธอด้วยความดีใจ เอ่ยด้วยดวงตาเป็ประกาย “เธอสวยจัง!”
สวี่ฮุ่ยยิ้ม “วันนี้วันเกิดฉัน กะว่าจะจัดงานเลี้ยงฉลองเล็ก ๆ ที่ร้านอาหารป้าอ้วนหน้าโรงเรียนตอนเที่ยง เธอมาร่วมงานด้วยนะ”
จ้าวชิงชิงอยากไปมาก แต่ยังส่ายหน้า “ฉันลาไม่ได้หรอก เธอก็รู้ ฉันต้องหาเงินกลับบ้านวันละหนึ่งหยวน ไม่อย่างนั้นแม่จะด่าฉัน”
การขนอิฐที่โรงงานอิฐคิดค่าแรงเป็ชิ้น วันหนึ่งขนอิฐได้กี่ก้อนก็รับเงินวันนั้นเลย
จ้าวชิงชิงขนอิฐวันละพันกว่าก้อน ได้เงินแค่วันละหยวนกว่า ๆ เท่านั้น
เงินหนึ่งหยวนนั้นเธอมอบให้กับพ่อแม่ทั้งหมด และเก็บเศษเงินยิบย่อยไว้
แม้ว่าพ่อแม่ของจ้าวชิงชิงจะรักลูกชายมากกว่าลูกสาว แต่ก็ยังถือว่าเป็ครอบครัวที่ปกติ ไม่ได้ร้ายกาจกับจ้าวชิงชิง
สวี่ฮุ่ยหยิบเงินสองหยวนออกมาให้เธอ พูดอย่างหน้าใหญ่ใจโต “เงินสองหยวนนี้เอาไปให้แม่เธอ วันนี้ฉันจ้างเธอวันนึง”
จ้าวชิงชิงเอ่ยกลั้วหัวเราะ “หนึ่งหยวนก็พอแล้ว ค่าจ้างฉันถูกมากนะ”
สวี่ฮุ่ยเปลี่ยนใจเธอไม่ได้ จำต้องเปลี่ยนเป็เงินหนึ่งหยวนให้แทน
จ้าวชิงชิงพูด “ฉันจะกลับไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งตัวก่อน”
สวี่ฮุ่ยเอ่ยยิ้ม ๆ “ฉันกลับไปเป็เพื่อนเธอเอง พอดีฉันซื้อชุดใหม่ให้เธอด้วย”
พูดจบ ก็ยื่นถุงใส่ชุดใหม่ให้จ้าวชิงชิง
จ้าวชิงชิงหยิบชุดออกมาดู เธอชอบมันมาก แต่ตอนรับมาก็รู้สึกเกรงใจเล็กน้อย
ทั้งสองกลับไปที่บ้านของจ้าวชิงชิงด้วยกัน พอจ้าวชิงชิงเห็นแม่ ก็ยื่นเงินหนึ่งหยวนให้แม่ พูดเต็มปากเต็มคำว่า “แม่ นี่คือเงินที่ฮุ่ยฮุ่ยจ้างหนูครึ่งวัน บ่ายนี้หนูจะไม่ไปขนอิฐที่โรงงานแล้ว”
จ้างอะไรกัน?
แม่ของจ้าวชิงชิงงงเป็ไก่ตาแตก พอรู้เื่ทั้งหมดแล้ว ก็ไม่ยอมรับเงินหนึ่งหยวนนั้นอย่างเด็ดขาด
ถึงเธอจะเป็สาวชนบท แต่เธอก็เข้าใจโลกมากกว่าใคร
ครอบครัวของเธอเป็ชาวชนบท ส่วนสวี่ฮุ่ยมีทะเบียนบ้านในเมือง พ่อก็เป็ถึงผู้จัดการโรงงานผลิตอาหารในอำเภอ ฐานะทางบ้านสูงกว่าครอบครัวของเธอมาก
ลูกสาวคบหากับสวี่ฮุ่ย อนาคตต้องได้ประโยชน์บ้างแหละ
ยิ่งตอนนี้สวี่ฮุ่ยเป็ถึงบัณฑิตสอบได้ที่หนึ่ง อนาคตไกลด้วยแล้ว วันข้างหน้าคงจะช่วยเหลือลูกสาวเธอได้มาก
ถ้าลูกสาวเธอมีชีวิตที่ดี ก็จะจุนเจือครอบครัว และช่วยเหลือพี่ชายของเธอได้
เพื่อให้ลูกสาวมีความสัมพันธ์อันดีกับสวี่ฮุ่ย เธอจะไม่รับเงินหนึ่งหยวนนี้เด็ดขาด
แต่สวี่ฮุ่ยยังคงยัดเยียดให้เธออยู่ดี
ในขณะที่สวี่ฮุ่ยและแม่ของจ้าวชิงชิงยื้อยุดเงินหนึ่งหยวนกัน จ้าวชิงชิงก็อาบน้ำสระผมเสร็จแล้ว และเปลี่ยนเป็ชุดใหม่ที่สวี่ฮุ่ยซื้อให้
เพื่อนสนิททั้งสองจูงมือกันไปที่ร้านอาหารป้าอ้วนหน้าโรงเรียนมัธยมศึกษาชิงซง
ร้านอาหารป้าอ้วนขายอาหารให้กับนักเรียนและอาจารย์
ตอนนี้ปิดเทอมฤดูร้อนแล้ว ในร้านอาหารเล็ก ๆ นอกจากเถ้าแก่เนี้ยกับสามีแล้ว ก็ไม่มีลูกค้าคนอื่นเลย
เถ้าแก่เนี้ยเห็นลูกค้าเข้ามา ก็ยิ้มแย้มต้อนรับ ถามสวี่ฮุ่ยและจ้าวชิงชิงว่าอยากกินอะไร
สวี่ฮุ่ยมองเมนูบนผนัง แล้วสั่งปลาผัดน้ำแดง หมูสามชั้นผัดฟองเต้าหู้ เป็ดตุ๋นเบียร์… อาหารสิบสองอย่าง เน้นปลา เนื้อ ไข่ เป็หลัก
ยุคนี้ผู้คนต่างขาดสารอาหาร สวี่ฮุ่ยจึงสั่งอาหารจานเนื้อเยอะ ๆ อยากให้อาจารย์และเพื่อน ๆ ได้กินอิ่มหนำสำราญกัน
เถ้าแก่เนี้ยเห็นสวี่ฮุ่ยสั่งอาหารเยอะขนาดนี้ แถมยังสั่งทีเดียวสี่โต๊ะ ก็ใจนอึ้ง
“เธอเลี้ยงเยอะขนาดนี้ ถ้าฉันเตรียมอาหารเสร็จหมดแล้ว แต่แขกของเธอมาไม่กี่คน แล้วเธอไม่เอาทีนี้ฉันจะทำยังไง?”
สวี่ฮุ่ยพูด “ฉันจ่ายเงินก่อนได้ค่ะ ถ้าแขกที่เชิญมาไม่มา คุณค่อยส่งอาหารพวกนี้ไปที่บ้านอาจารย์ใหญ่โจวและอาจารย์อีกสองสามคนก็ได้ค่ะ”
เถ้าแก่เนี้ยตกลงทันที ขอแค่ไม่ขาดทุนให้เธอวิ่งส่งอาหารก็ไม่มีปัญหา
ตอนที่สวี่ฮุ่ยจ่ายเงิน เถ้าแก่เนี้ยก็คันปากถาม “ทำไมถึงจัดโต๊ะเยอะขนาดนี้ มีเื่น่ายินดีอะไรเหรอ?”
จ้าวชิงชิงตบไหล่สวี่ฮุ่ย แล้วพูดอย่างอารมณ์ดี “วันนี้วันเกิดเธอ ก็เลยอยากฉลองวันเกิดให้ตัวเองน่ะค่ะ”
เถ้าแก่เนี้ยยิ้มแย้มอวยพรวันเกิดให้สวี่ฮุ่ย
หลังจากคุณย่าลู่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ร่างกายยังไม่ฟื้นตัวดี จำเป็ต้องบำรุงร่างกายอย่างหนัก
ประกอบกับคุณย่าชอบกินตะพาบน้ำ แต่ลู่ฉี่โหย่วก็ไม่กล้าซื้อจากสวี่ฮุ่ยอีก
ด้วยครั้งที่แล้วสวี่ฮุ่ยมาขายตะพาบที่บ้านเขา สุดท้ายก็กลายเป็เอามาให้ฟรี ๆ ไป
ถ้าซื้อตะพาบจากเด็กสาวอีก เธอคงไม่รับเงินอยู่ดี
ไม่ใช่เื่ง่ายกว่าเด็กสาวจะตกตะพาบได้สักตัว แล้วยังเอาให้บ้านเขาฟรี ๆ เขาจะกล้ารับได้ยังไง?
ลู่ฉี่โหย่วจึงพาน้องชายสองคน ลู่ฉี่เหวินกับลู่ฉี่อู่มาตกตะพาบแถวตำบลเถาฮวา
ตะพาบที่สวี่ฮุ่ยตกได้มาจากบ่อน้ำแถวตำบลเถาฮวา
ลู่ฉี่โหย่วนึกว่าบ่อน้ำแถวตำบลเถาฮวามีตะพาบเยอะ ตกง่าย
ปรากฏว่าพี่น้องสามคนหลงทาง มาถึงตำบลชิงซง
ตกั้แ่แปดโมงเช้าจนถึงตอนนี้ ตกมาได้แค่ปลาช่อนหนึ่งตัว ปลาลิ่นสองตัว และปลาตะเพียนอีกไม่กี่ตัว ไม่ได้ปลาไหลเลยสักตัวเดียว นับประสาอะไรกับตะพาบน้ำ
สามพี่น้องทั้งร้อน ทั้งกระหาย ทั้งหิว เดินมาถึงร้านอาหารป้าอ้วนหน้าโรงเรียนมัธยมศึกษาชิงซงโดยบังเอิญ ตั้งใจจะเข้าไปพักและแวะกินข้าวกลางวันสักหน่อย
ตอนนี้จะสิบเอ็ดโมงแล้ว พวกเขาเหนื่อยมานาน หิวโหยกันหมดแล้ว
ทว่าสามพี่น้องเผลอได้ยินบทสนทนาระหว่างเถ้าแก่เนี้ยกับจ้าวชิงชิงเข้าเสียก่อน พวกเขาจึงไม่เข้าไปในร้าน
สวี่ฮุ่ยกับเพื่อนหันหลังให้ประตูร้าน จึงไม่เห็นพวกเขา
สามพี่น้องเลยแอบผละออกไปเงียบ ๆ แล้วมาคุยกันใต้ต้นไม้ใหญ่
ลู่ฉี่โหย่วพูดขึ้นก่อน “วันนี้เป็วันเกิดสวี่ฮุ่ย พวกเราควรทำอะไรแทนพี่ใหญ่บ้างใช่ไหม?”