อ๊าก!
แขนที่ถูกมู่จงฉีกกระชากจนขาดได้ถูกเหวี่ยงลงไปบนพื้น พร้อมกับเสียงกรีดร้องของผู้คุ้มกันที่ยังคงดังก้องไปตามถนน นอกจากเสียงร้องโหยหวนอันน่าสังเวชแล้ว ยังมีผู้คนโดยรอบที่มองมายังเขาด้วยสายตกตะลึง
กระทั่งเด็กหนุ่มในชุดสีเหลืองยังมีท่าทีตื่นตระหนกเล็กน้อย ทว่าเขายังคงไม่ยอมแพ้ เขาร้องคำรามและสั่งการออกมาทันที “โจมตีมัน สังหารมันให้ข้า!”
เหล่าผู้คุ้มกันที่เหลืออยู่อีกห้าคนต่างมองหน้ากัน จากนั้นพวกเขาก็ร้องคำราม พร้อมกับดึงมีดออกมาจากเอวเตรียมสังหารมู่จงและมู่เฟิง
เมื่อเห็นภาพนี้ มู่เฟิงและมู่จงยังคงยืนนิ่งโดยไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
“คุณชาย ควรจัดการอย่างไรดีขอรับ?”
มู่จงกำหมัดเอ่ยถามผู้เป็นาย
“อย่าให้ถึงตาย แค่ตัดแขนพวกเขาคนละข้างก็พอ”
มู่เฟิงกล่าวอย่างเฉยเมย
“ขอรับ!”
หลังจากมู่จงกล่าวจบ ฉับพลันนั้นคลื่นพลังอันแข็งแกร่งภายในร่างของเขาได้ปะทุออกมาในทันที เพียงมู่จงใช้เท้าข้างหนึ่งกระแทกลงบนพื้น คลื่นพลังสีน้ำเงินก็ได้พวยพุ่งออกมาเป็รัศมีวงกลมและแผ่ขยายออกไปไกลหลายเมตร ส่งผลให้บริเวณโดยรอบคละคลุ้งไปด้วยเศษฝุ่น
พรึ่บ!
ร่างของมู่จงพุ่งทะยานออกไปราวกับะุปืนใหญ่ ก่อนจะปรากฏตัวตรงหน้าเหล่าผู้คุ้มกันในเวลาเพียงชั่วพริบตา จากนั้นมู่จงได้จับแขนของอีกฝ่ายก่อนจะออกแรงบิดกระชากจนแขนนั้นผิดรูป
กร๊อบ!
“อ๊าก…!”
ผู้คุ้มกันร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าสังเวช ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเ็ป แขนของเขาถูกบิดกระชากจนกระดูกที่อยู่ภายในหัก
จากนั้นมู่จงได้คว้ามีดจากอีกฝ่ายและฟันแขนข้างนั้นของอีกฝ่ายจนขาดกระเด็น
ฉัวะ!
ปราณดาบสีน้ำเงินสายหนึ่งยังถูกปลดปล่อยออกมาก่อนจะตวัดไปยังไหล่ของผู้คุ้มกันอีกคนทันใด ส่งผลให้แขนั้แ่หัวไหล่ลงมาถูกตัดขาดออกจากร่าง
ร่างของมู่จงเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับภูตผีปีศาจ ปราณดาบพลันส่องประกายขึ้นอีกสองครั้ง เป็ผลให้แขนั้แ่่หัวไหล่ของผู้คุ้มกันอีกสองคนถูกตัดขาด พวกเขาต่างคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมทั้งถือแขนที่ขาดไว้ในมือ และกรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนา
พรึ่บ!
“จงตายเสีย!”
ฉับพลันนั้นผู้คุ้มกันอีกคนที่ยังไม่โดนโจมตีก็โผล่มายังด้านหลังของมู่จง เขากระโจนร่างขึ้นสูงและเตรียมจะฟาดดาบลงมา โดยหวังว่าดาบนี้จะผ่าร่างของมู่จงออกเป็สองส่วน
แกร๊ก…!
ทว่าในขณะที่ดาบเล่มนั้นอยู่เหนือศีรษะของมู่จงเพียงหนึ่งฟุต ก็พลันมีแสงที่เกิดจากชั้นปราการสีน้ำเงินปรากฏออกมาจากร่างของมู่จง
ดาบเล่มนั้นกระแทกเข้ากับชั้นปราการสีน้ำเงิน ก่อนที่มันจะกระเด็นออกไปไกล ส่วนมู่จงก็ได้หันกลับมาในทันที มือข้างหนึ่งของเขาจับแขนของชายผู้นั้นเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ยกดาบขึ้นและฟันลงมา
“อ๊า ไม่นะ!”
ฉัวะ!
ชายผู้นั้นล้มลงไปบนพื้น พร้อมกับร้องโหยหวนออกมาอย่างน่าสมเพช ขณะเดียวกันเืสีแดงฉานก็ได้ไหลนองไปทั่วพื้น
ผู้คุ้มกันทั้งหกคนต่างนอนเกลือกกลิ้งไปตามพื้นถนน พร้อมกับเืของพวกเขาที่ไหลเปราะเปื้อนบริเวณรอบๆ จนทั่ว
“เมื่อครู่มัน... เป็พลังปกป้องร่างกายงั้นหรือ?”
“ผู้ที่แข็งแกร่งถึงขั้นมีพลังปกป้องร่างกายล้วนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังขึ้นไป เมืองอันหนานมีผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังปรากฏตัวขึ้นอีกแล้ว”
“เหอะ หวงอี้ผู้นั้นช่างน่าเวทนานัก ครั้งนี้เป็เขาที่หาเื่ให้ตัวเอง ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังท่านนั้นเรียกเด็กหนุ่มอีกคนว่าคุณชาย ข้าว่าเขาคงเป็คุณชายจากตระกูลใหญ่เป็แน่”
ผู้คนบนท้องถนนต่างกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันในเื่นี้ ส่วนทางด้านของเด็กหนุ่มในชุดสีเหลืองเมื่อได้เห็นฉากนี้เข้าก็ถึงกับตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เขาก้าวถอยหลังออกไปไม่หยุด
“ชายผู้นี้ทรงพลังมาก เขาคือผู้แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลงั้นหรือ? หรือเขาเป็เพียงผู้คุ้มกันของมู่เฟิง? เหอะ ให้ตายเถอะ เหตุใดเศษสวะผู้หนึ่งถึงได้มีผู้คุ้มกันระดับนี้ได้ เพียงแค่เพราะเป็คุณชายของตระกูลงั้นหรือ?”
เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ภายในใจของมู่ชางนั้นก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจและความอิจฉาริษยาอย่างถึงที่สุด
“หนิงกัง ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกัง!”
เด็กหนุ่มในชุดสีเหลืองใอย่างมาก เขารีบร้อนหันหลังและเตรียมจะวิ่งหนี
ทว่ามู่จงนั้นเร็วกว่า เขาเคลื่อนไหวว่องไวจนเห็นร่างเป็เพียงภาพซ้อน ก่อนจะเข้าขวางหน้าเด็กหนุ่มผู้นั้นเอาไว้ เด็กหนุ่มชนเข้ากับร่างแกร่งของมู่จง และล้มหน้าคะมำลงบนพื้น
“อย่าฆ่าข้า อย่าตัดแขนข้าเลย!”
เด็กหนุ่มในชุดคลุมสีเหลืองกรีดร้องพลางถอยหนีด้วยความกลัว แต่มู่จงได้คว้าร่างของเขาเอาไว้ราวกับว่าตนแค่คว้าจับขาของไก่ตัวหนึ่ง ก่อนจะเหวี่ยงอีกฝ่ายลงบนพื้นตรงหน้ามู่เฟิง
“คุณชาย”
มู่จงกักตัวเด็กหนุ่มในชุดสีเหลืองเอาไว้ พลางมองไปยังมู่เฟิง เพื่อรอให้มู่เฟิงเป็ฝ่ายลงโทษ
“ข้าขอร้อง อย่าฆ่าข้าเลย อย่าฆ่าข้า อย่าตัดแขนข้า...”
เด็กหนุ่มยังคงร้องขอความเมตตาไม่หยุด ขณะเดียวกันนั้น ได้มีของเหลวไหลออกมาจากเป้ากางเกงของเขา ซึ่งมันก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น
มู่เฟิงชำเลืองมองอีกฝ่าย ก่อนจะพูดอย่างเ็าว่า “ตอนนี้เ้ายังรู้จักร้องขอชีวิต? ท่าทางวางอำนาจบาตรใหญ่เมื่อครู่ของเ้าหายไปไหนเสียแล้วล่ะ? เ้าทำเป็เพียงแค่รังแกผู้อ่อนแอกว่าและหวาดกลัวต่อผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเท่านั้นหรือ? กระทั่งตัวเ้าเองยังไม่อยากตาย แล้วเด็กคนเมื่อครู่เขาสมควรตายหรือไม่?”
ภายในใจของมู่เฟิงเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาย่างก้าวเข้าหาอีกฝ่าย พร้อมกับดาบในมือที่เก็บขึ้นมาจากพื้น
“คุณชายเฟิง โปรดช้าก่อน”
ในขณะนั้นเอง ท่านลุงฝูและคนอื่นๆ ได้พากันเดินเข้ามาทันที จากนั้นท่านลุงฝูก็กระซิบบางอย่างข้างหูมู่เฟิง “คุณชายเฟิง เื่นี้ให้แล้วกันไปเถอะขอรับ เด็กหนุ่มผู้นี้มีนามว่าหวงอี้ เขาคือคุณชายรองของตระกูลหวง ซึ่งเป็อีกสองตระกูลใหญ่ของเมืองอันหนาน”
“ตระกูลหวง?”
มู่เฟิงขมวดคิ้ว เขาไม่ค่อยรู้เื่อำนาจในเมืองอันหนานมากนัก
“ถูกต้องขอรับ ตระกูลหวง นอกจากนี้บิดาของเขายังเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นเก้า ส่วนตระกูลหวงเป็หนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองอันหนาน เช่นเดียวกับตระกูลมู่ของเราขอรับ”
ท่านลุงฝูกล่าว
“ถูกต้อง ท่านพ่อของข้าคือผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังขั้นเก้า หากเ้ากล้าทำร้ายข้า ท่านพ่อของข้าไม่มีทางปล่อยเ้าไว้แน่”
หวงอี้ที่ยังคงถูกมู่จงกักตัวเอาไว้พลันได้สติเมื่อได้ยินเื่นี้ จากนั้นเขาก็พูดจาข่มขู่ออกมาทันที
มู่เฟิงหัวเราะหลังได้ฟังคำพูดของอีกฝ่าย ฉับพลันนั้นเด็กหนุ่มได้ยกดาบขึ้นและฟันมันลงไปทันใด
ฉัวะ!
แขนซ้ายของหวงอี้จึงถูกฟันขาดโดยพลัน
“อ๊าก...”
ใบหน้าของหวงอี้พลันบิดเบี้ยวด้วยความเ็ป เด็กหนุ่มขดตัวอยู่บนพื้นและกรีดร้องออกมาอย่างทุรนทุราย
มู่เฟิงเหลือบมองหวงอี้ก่อนจะกล่าวอย่างเ็า “ไม่ว่าเ้าจะมีสถานะใด ในเมื่อเ้ากล้าสั่งลูกสมุนให้สังหารข้า เช่นนั้นเ้าก็ควรจะต้องชดใช้ในคำพูดของตนเองด้วย ข้ามู่เฟิงไม่ใช่คนเช่นเ้าที่จะชอบรังแกผู้อ่อนแอและหวาดกลัวต่อผู้ที่แข็งแกร่งกว่า”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มแสดงออกถึงความเหี้ยมโหดและเจตนาสังหาร การกระทำที่เด็ดเดี่ยวและโหดร้ายนี้ทำให้ผู้คนรอบข้างต่างขนลุกซู่ รู้สึกเย็นสันหลังขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“อ๊า…”
หลังมู่ชางได้เห็นหยดเืบนดาบในมือของมู่เฟิง เด็กหนุ่มก็พลันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจนตัวสั่น เมื่อหวนนึกถึงตอนที่เขาพูดจาเย้ยหยันอีกฝ่ายในคราแรก พอได้เห็นมู่เฟิงในตอนนี้ ภายในใจของเขาก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก
ถึงอย่างไรเขาก็เป็เพียงคุณชายน้อยผู้หนึ่ง แน่นอนว่าเขาย่อมไม่เคยสังหารผู้คนมาก่อน ในแง่ของความกล้าหาญเขาจะสามารถเทียบกับมู่เฟิงที่เคยผ่านสนามรบและเข่นฆ่าศัตรูมามากมายได้อย่างไร
“เขาเป็เพียงแค่เศษสวะจริงหรือ?”
มู่ชางอดไม่ได้ที่จะนึกสงสัยขึ้นมา
ส่วนคนที่เหลือในตระกูลมู่ต่างจ้องมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาชื่นชม
แกร๊ก
มู่เฟิงโยนดาบลงบนพื้น ก่อนจะหมุนตัวจากไปพร้อมกับมู่จง มู่ขวงและไป๋จื่อเยว่
พื้นถนนยังคงมีผู้คุ้มกันอีกหลายคนนอนร้องโอดครวญบนกองเืพร้อมกับแขนที่ถูกตัดขาด
ส่วนคนอื่นในตระกูลมู่ต่างหันมามองหน้ากันก่อนจะเดินจากไปพร้อมกัน มีเพียงมู่ชางที่ยังคงยืนนิ่งด้วยใบหน้าซีดเซียว
“มู่ชาง เ้าเป็อะไรน่ะ? ไปกันเถอะ”
มู่หลานเรียกสติมู่ชางที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง เมื่อเด็กหนุ่มได้สติเขาก็จ้องมองไปยังร่างที่เดินจากไปด้วยแววตาลึกล้ำ ก่อนก้าวเดินไปพร้อมกับคนอื่นๆ
“เ้าคนบัดซบ ไม่ว่าเ้าจะเป็ใคร แต่ข้าหวงอี้ผู้นี้ขอสาบานว่าจะสังหารเ้าให้ได้…!”
หวงอี้ประคองร่างของตัวเองขึ้นมา ขณะมองตามมู่เฟิงที่เดินจากไปด้วยแววตาอาฆาต เขากู่ร้องคำรามกับตัวเองภายในใจ
“ดูเหมือนว่าเมืองอันหนานจะมีเด็กหนุ่มไม่ธรรมดาโผล่มาเสียแล้ว”
“แหะ แขนของหวงอี้ถูกตัดขาดไปข้างหนึ่ง หากบิดาของเขาทราบเื่จะมีสีหน้าอย่างไรกันนะ คนเมื่อครู่ไม่ใช่ท่านลุงฝูจากตระกูลมู่หรอกหรือ หรือเด็กหนุ่มผู้นั้นจะเป็คนตระกูลมู่? ตระกูลมู่มีเด็กหนุ่มที่โเี้แบบนี้ั้แ่เมื่อใดกัน”
ผู้ชมบนถนนต่างเปิดหัวข้อสนทนาขึ้นมาทันที
“ฮ่าๆ พี่เฟิง เมื่อครู่ท่านสุดยอดมาก ต่อไปข้าจะเอาท่านเป็เยี่ยงอย่าง จะเป็ลูกผู้ชายเหมือนกับท่าน”
ไป๋จื่อเยว่ที่อยู่ด้านข้างของมู่เฟิงกล่าวขึ้นอย่างตื่นเต้น แววตาที่เขาใช้จ้องมองมู่เฟิงนั้นเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ
“สิ่งที่เ้าเห็นเป็เพียงด้านมืดแค่มุมหนึ่งของโลกใบนี้เท่านั้น จื่อเยว่ หากเ้า้าอยู่รอดบนโลกใบนี้ เ้าต้องแข็งแกร่งกว่า ต้องโเี้กว่า โเี้จนไม่มีใครกล้าเป็ศัตรูกับเ้า”
มู่เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม หลังจากได้ผ่านาอันเลวร้ายในครั้งนั้นมา จิตใจของเขาก็ได้เติบโตขึ้นมาก
“อืม ข้าจะจดจำไว้”
ไป๋จื่อเยว่พยักหน้าอย่างจริงจัง
“เฮ้ หนุ่มน้อยอย่างเ้า ยังมีเื่ให้ต้องเรียนรู้อีกมาก”
มู่ขวงที่อยู่อีกฝั่งกล่าวขึ้นอย่างหยอกเย้า
“ชิ เ้าเองก็เหมือนกัน”
“เ้า... ข้าน่าจะแข็งแกร่งกว่าเ้ามากนัก อย่างเ้าข้าคนเดียวสามารถจัดการได้เป็ร้อยครั้ง”
“แล้วเ้าสามารถเอาชนะพี่เฟิงได้หรือไม่เล่า?”
“เอ่อ... นี่...”
“ไม่สามารถเอาชนะพี่เฟิงได้ละซิ คิกๆ”
“เ้าคนเฮงซวยนี่ ถึงข้าจะเอาชนะพี่เฟิงไม่ได้ แต่ข้าเอาชนะเ้าได้แน่ มานี่เลย”
ท่ามกลางเสียงหยอกล้อ ทุกคนต่างเดินมุ่งหน้าไปยังจวนตระกูลมู่