“นั่นซูซีอวี๋ที่ว่าเป็หนึ่งในเทพศาสตราวุธอายุสามสิบใช่ไหม? อายุขนาดนั้นแล้วทำไมถึงยังสวยขนาดนี้ล่ะ?”
“พระเ้าช่วย ซูซีอวี๋เป็ถึงอันดับสองของพันธมิตรนักปราชญ์ขาวและนางยังเป็น้องสาวของท่านเสนาบดีที่มีกองทหารอยู่ในการปกครองถึงสามแสนนายเชียวนะ!”
“เป็ถึงแม่ทัพของทหารชายแดนแต่ทำไมถึงมาที่สำนักของพวกเราได้ล่ะหรือแค่เพราะมาเยี่ยมซูเหยียนอย่างนั้นเหรอ?”
...
ศิษย์ของสำนักแต่ละคนต่างพากันพูดถึงการมาของนาง
ส่วนซูซีอวี๋กำลังลูบผมที่นิ่มสลวยของซูเหยียนอยู่พร้อมกับใบหน้าที่บ่งบอกถึงความรักและเมตตา “ดูเหมือนว่าซูเหยียนของข้าจะสูงขึ้นอีกแล้วสินะแต่ว่าครั้งนี้ข้าไม่ได้มาเพื่อเ้าหรอกนะ แต่ข้ามาเพื่อจัดการเื่บางอย่าง”
ซูเหยียนปรายตามองเฉิ่นหยางครั้งหนึ่งก่อนจะถามขึ้น“เกี่ยวกับเื่ที่เฉิ่นหยางโดนซัดจนน่วมใช่ไหมคะ?”
“ไม่ แต่เป็เื่ที่ปู้เสวียนยินสังหารมือปืนของสหพันธ์ต่างหาก”
เฉิ่นหยางที่ได้ยินก็รีบพูดขึ้น“ขอให้ท่านซูซีอวี๋โปรดช่วยตัดสินความถูกผิดด้วยขอรับปู้เสวียนยินไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาและทำตัววางอำนาจบาตรใหญ่มานานแล้วนางไม่เพียงใช้ดรรชนีทองคำสังหารมือปืนของสหพันธ์แต่ยังใช้กระจกเพลิงทิวากรของนางทำร้ายทหารกว่าร้อยนายซึ่งเื่นี้ต่างก็มีพยานที่เห็นเหตุการณ์จำนวนมาก ท่านเป็ถึงแม่ทัพของสหพันธ์และเป็หัวหน้าฝ่ายลาดตระเวนของสหพันธ์จึงมีสิทธิ์ในการสอบสวนเื่นี้ที่สุดแล้วขอรับ!”
“ใครจะมาสอบสวนข้า?”
ปู้เสวียนยินเดินมาพร้อมกับสวี่ลู่เฉิ่นปู้หยุนและเหล่าปรมาจารย์ิญญาอีกหลายท่านเดินเข้ามาและเมื่อมาถึงเหล่าทหารชั้นสูงที่ซูซีอวี๋พามาก็รีบทำความเคารพอย่างรวดเร็ว“คารวะท่านเทพศาสตราวุธปู้เสวียนยิน!”
ปู้เสวียนยินแสดงความเคารพตอบก่อนจะถามขึ้น “ซีอวี๋ทำไมเ้าถึงมาที่นี่ได้ล่ะ หรือมาเพราะไต่สวนข้าจริงๆ?”
ซูซีอวียิ้มแบบเก้อเขินก่อนจะถามขึ้น “เสวียนยินที่เฉิ่นหยางพูดมาเป็เื่จริงอย่างนั้นเหรอ?”
“จริงสิ”
ปู้เสวียนยินยิ้มเรียบๆ ก่อนจะพูดต่อ “แต่ดูเหมือนว่าเฉิ่นหยางจะไม่ได้พูดถึงเื่ที่ว่าใครเป็คนพาทหารประจำตัวของเ้ามาเพื่อจ่อปืนเล็งที่หัวข้าสินะ?”
“อะไรนะ!?”
ซูซีอวี๋ถึงกับมีน้ำโหก่อนจะหันไปตำหนิคนข้างๆ “เฉิ่นหยาง!เ้าไม่อยากมีหัวไว้บนบ่าแล้วใช่ไหม ถึงได้กล้าใช้ปืนจ่อหัวเทพศาสตราวุธอันดับสองอย่างปู้เสวียนยินแบบนี้!?”
เฉิ่นหยางรีบคุกเข่าลงก่อนจะร่ายออกมายาวเหยียด“ขอให้ท่านซูซีอวี๋ให้ความเป็ธรรมแก่ข้าด้วยเพราะข้าไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วเหมือนกัน ปู้เสวียนเข้าข้างน้องชายตัวเองที่ทำร้ายลูกชายของข้าจนาเ็สาหัสจนเกือบต้องตายจะว่าไปแล้วเื่นี้ควรเป็ข้าต่างหากที่เป็ผู้ถูกกระทำ!”
“เป็เื่จริงอย่างนั้นเหรอ?”
ซูซีอวี๋ใช้แววตาที่เคร่งขรึมถามขึ้นเสียงหนักแน่น“ใครคือปู้อวี้เชวียน?”
ข้าได้ยินแล้วเดินออกมา “ข้าเองขอรับ”
“ฮึ...”
นางกระตุกยิ้มก่อนจะพูดต่อ “ต้นเหตุของเื่นี้เป็เพราะเ้าทีนี้จะรับผิดได้หรือยัง?”
ข้าถึงกับขมวดคิ้วแน่นและไม่รู้ว่านางจะมาไม้ไหนจึงไม่รู้จะอธิบายออกไปอย่างไรดี
และในตอนนี้เองเฉิ่นหยางก็ดูดีใจจนออกนอกหน้า “ปู้อี้เชวียนเ้าถือว่ามีพี่สาวอย่างปู้เสวียนยินคอยหนุนหลังก็เลยทำอะไรตามใจชอบข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าครั้งนี้เ้าจะทำยังไงต่อ! ท่านซูซีอวี๋เป็ถึงแม่ทัพที่มีกฎข้อบังคับและทหารภายใต้การปกครองนับแสนนายท่านจะต้องใช้กฎหมายจัดการกับคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอย่างเ้าเป็แน่เตรียมตัวตายได้เลย!”
นายทหารชั้นสูงที่อยู่ข้างๆ เฉิ่นหยางต่างหัวเราะเย้ยหยันด้วยสีหน้าที่กำลังถือไพ่เหนือกว่า
แต่ตอนนี้ตาของข้าก็พลันเห็นแผ่นสีส้มติดอยู่ตรงติ่งหูของนางจมูกที่ว่องไวได้กลิ่นอันคุ้นเคยเพราะเคยััมาก่อนข้าจึงเดินไปบอกนางอย่างอดไม่ได้“ท่านซูซีอวี๋ ท่านโดนยาพิษแล้วล่ะขอรับ แถมยังเป็พิษที่รุนแรงด้วย!”
“อะไรนะ?” นางถึงกับชะงักด้วยความใ
นายทหารพลตรีที่อยู่ข้างๆ หันมาตำหนิข้าเป็การใหญ่“เ้าอย่ามาพูดสุ่มสี่สุ่มห้า! ท่านแม่ทัพจะโดนยาพิษได้อย่างไร? ใครมันจะหาโอกาสใส่ยาพิษให้ท่านแม่ทัพที่มีพลังอันแข็งแกร่งขนาดนี้ได้!?ไม่มีทางเด็ดขาด!”
ซูเหยียนถามขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก “เ้าคนกินจุ นี่เ้า...เ้าดูผิดหรือเปล่า? ท่านอาของข้าไม่เหมือนกับคนที่โดนยาพิษเลยสักนิด...”
ซูซีอวี๋ที่เริ่มโมโหพูดขึ้น “ปู้อี้เชวียนเ้าเอาอะไรมามั่นใจว่าข้าโดนยาพิษ? เ้าอย่าได้พูดอะไรบ้าๆ เชียวนะเพราะไม่อย่างนั้นถึงจะมีปู้เสวียนยินคอยปกป้อง ข้าก็ไม่มีทางปล่อยเ้าไปแน่!”
ข้าขมวดคิ้วเล็กๆ ก่อนจะบอกไป “ท่านถูกพามาที่นี่ประมาณยี่สิบวันโดยอาการแรกคือเบื่ออาหาร กินได้น้อย หลังจากนั้นก็เริ่มมีเืกำเดาไหล ในทุกๆคืนจะมีอาการคันที่อยากจะรักษา เหมือนถูกหนอนคอยขบกัดใช่หรือไม่ขอรับ?”
ซูซีอวี๋ถึงกับโกรธจนเืขึ้นหน้า“เ้าควรจะรู้ว่าเื่แบบนี้ไม่ควรเอามาพูดเล่น...”
เฉิ่นหยางที่อยู่ข้างๆ พูดอย่างมีน้ำโห “ปู้อี้เชวียน!เ้ายังกล้าพูดจาพร่ำเพรื่ออยู่อีกเหรอ? ท่านซูซีอวี๋จะถูกพามาหรือเปล่าท่านต้องรู้ดีอยู่แก่ใจอยู่แล้วเ้าคิดว่าตัวเองเป็ใครถึงได้กล้าพูดจาเพ้อเจ้อแบบนี้!?”
ซูซีอวี๋ที่ได้ยินพูดออกมาเสียงแข็ง “ทหาร!มาถอดชุดของเฉิ่นหยางออกแล้วพาตัวไปรอรับโทษที่ศาล!”
“ขอรับ!”
เฉิ่นหยางถึงกับตกตะลึงเมื่อเื่กลับตาลปัตร ก่อนจะร้องขอชีวิต“ท่านซูซีอวี๋ ข้าน้อยไม่รู้เื่...ข้าน้อยไม่รู้เื่จริงๆ ขอรับ...”
ซูซีอวี๋ก้าวออกมาข้างหน้าก่อนจะจับข้อมือของข้าเอาไว้แล้วพูดขึ้น“ศิษย์น้องปู้อี้เชวียน เราไปนั่งพักที่ห้องทำงานของพี่สาวเ้ากันเถอะ”
“อืม...”
เมื่อทุกคนเห็นแบบนี้จึงเดาว่าซูซีอวี๋คงจะโดนพิษจริงๆไม่อย่างนั้นคงจะไม่แสดงท่าทีแบบนี้ออกมาขณะนางกำลังจะเดินไปก็หันกลับไปออกคำสั่งแก่ทหารคนอื่นๆ“ทุกคนไปรอฟังคำสั่งจากข้าที่หน้าประตูของสำนัก!”
“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”
พอรับคำทหารทุกนายก็พากันเดินออกไป
...
ห้องทำงานของรองเ้าสำนัก
ปู้เสวียนยินขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น “เสี่ยวเชวียน ซีอวี๋ถูกพามาจริงๆเหรอ?”
“อืม”
ซูซีอวี๋ที่ได้ยินกลับทำหน้าสบายๆ อย่างเห็นได้ชัดก่อนจะพูดขึ้น“ในนี้มีเพียงแค่พวกเราสามคน ไหนเ้าลองบอกมาสิว่าข้าโดนพิษชนิดไหนทำไมถึงมาอยู่บนตัวได้แล้วทำไมข้าถึงไม่รู้สึกโดยปกติไม่ว่าจะกินอาหารและออกนอกพื้นที่ข้าจะระมัดระวังเป็อย่างดีอยู่แล้วจะพูดกันตามจริงไม่ควรจะโดนพิษถึงจะถูก...น่าแปลก สรุปมันคือพิษชนิดไหนกัน?”
ข้าสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดขึ้น “หนอนซากศพตอนนี้มันได้ทำรังอยู่ในตัวของท่านแล้ว...ไม่ทราบว่าท่านเคยได้ยินชื่อของมันบ้างหรือเปล่า?”
ซูซีอวี๋เบิกตาโตก่อนจะส่ายหน้าแล้วปฏิเสธ “...ไม่ ไม่เคย”
ปู้เสวียนยินขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดเสริม“ดูเหมือนว่าข้าจะพอได้ยินมาบ้างว่าเ้าพิษของหนอนซากศพนี้จะเป็มนต์ดำของพวกชนเผ่าแห่งความมืด...”
“ชนเผ่าแห่งความมืด...”
ซูซีอวี๋ถึงกับตะลึงเมื่อได้ยิน “ชนเผ่าแห่งความมืดถูกขับออกไปให้อยู่ห่างจากเมืองตั้งหลายหมื่นลี้ไม่ใช่เหรอแล้วทำไมถึงมาใส่ยาหนอนพิษให้ข้าได้ล่ะ? แถมทำไมข้าถึงไม่รู้ตัวเลยสักนิด?”
ปู้เสวียนยินยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้น“ข้าว่าทางที่ดีเ้าเชื่อเสี่ยวเชวียนดีกว่าเพราะเขาฝึกวิชาปราบิญญามาั้แ่เด็กจึงรู้จักพวกชนเผ่าแห่งความมืดดีกว่ารู้จักมนุษย์ด้วยกันเองเสียอีกซีอวี๋เ้าเองก็น่าจะเคยได้ยินวิชาปราบิญญาเหมือนกันใช่ไหม?”
“ข้าก็เคยได้ยินมาบ้างวิชาปราบิญญาเป็สิ่งที่คนสมัยก่อนใช้ในการต่อกรกับพวกสามชนเผ่าใหญ่ที่มีมนต์ดำอย่างพวกชนเผ่าแห่งความมืดชนเผ่าแม่มดและชนเผ่าโลหิต แต่ผ่านมาตั้งหลายปีก็คงจะสูญหายไปหมดแล้ว...”
“ยังไม่ได้สูญหายไปหรอกนะ ก็แค่ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่านั้น”
ข้าได้ยินจึงพูดเสริมคำพูดของนางเมื่อครู่“ตระกูลปู้ที่แม่น้ำตะวันตกก็เป็หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ที่มีการสืบทอดวิชาปราบิญญาเมื่อมีการตกทอดมาถึงรุ่นข้าวิชานี้จึงมีการฝึกจนชำนาญมากยิ่งขึ้นพิษหนอนซากศพถือเป็หนึ่งในมนต์ดำที่เลี้ยงไว้ในซากศพของคนของชนเผ่าแห่งความมืดโดยหนอนชนิดนี้กินซากศพและิญญาของคนตายเป็อาหารและมีการเข้าสู่ร่างกายของผู้ถูกพิษทางสายเืเพื่อไปสร้างรังในตัวของคนคนนั้นและเมื่อใดที่มันสร้างรังและเจริญเติบโตจนสมบูรณ์ร่างของคนคนนั้นก็จะกลายเป็เหมือนร่างไร้ิญญาที่ยากจะยื้อชีวิตได้แล้วล่ะ”
ข้าอธิบายออกไปก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “ท่านซูซีอวี๋ตอนนี้หนอนซากศพในร่างกายของท่านโตเต็มวัยแล้วและจะต้องขจัดรังของมันในร่างกายท่านภายในสิบวันโดยทั่วหล้านี้มีคนที่รักษาได้ไม่ถึงสี่คนและข้าเองก็เป็หนึ่งในนั้น!”
ซูซีอวี๋อ้าปากค้างเล็กน้อยด้วยความตะลึงก่อนจะพูดขึ้น“ไหนเ้าลองว่ามาสิ ปู้อี้เชวียน...”
“จะให้พูดอะไรล่ะเมื่อกี้ท่านยังจะเอาทหารมาลากตัวข้าไปลงโทษอยู่เลย” ข้าพูดขึ้น
นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาก่อนจะพูดต่อ “ข้าก็แค่ทำๆไปอย่างนั้นแหละ เ้าเป็ถึงน้องชายของเสวียนยินจะให้ข้าไปทำอะไรได้ล่ะไม่อย่างนั้นนางจะต้องฆ่าข้าแน่ๆเ้ารีบพูดมาเถอะว่าสรุปแล้วข้าถูกพิษนี้ได้อย่างไร?”
ข้ามองด้วยแววตาที่หวาดๆ “นั่นเป็ปัญหาของท่านต้องรอให้ข้าขจัดหนอนในร่างกายของท่านเสียก่อนและหลังจากนั้นคอยจับตาดูคนรอบกายท่านเองแล้วล่ะเพราะถ้าไม่ใช่คนข้างกายคงไม่มีทางใช้พิษชนิดนี้ได้และเมื่อยี่สิบวันก่อนท่านก็ต้องได้รับาเ็มาใช่ไหม?”
ซูซีอวี๋ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าพลางพูด “ใช่เมื่อยี่สิบวันก่อนข้าออกไปนอกเมืองกับหน่วยลาดตระเวนและเจอเข้ากับสัตว์ิญญาระดับแปดจึงได้รับาเ็นิดหน่อย”
พี่เสวียนยินได้ยินจึงถามขึ้น “เสี่ยวเชวียนสรุปแล้วจะต้องขจัดเ้าหนอนซากศพนี่อย่างไร?”
“แช่ในน้ำร้อน”
“แช่ในน้ำร้อนแบบไหน?”
“เอาอ่างน้ำร้อนขนาดความกว้างสามเมตรตั้งอยู่บนเตาไฟที่ให้ความร้อนคงตัวอยู่ในระดับห้าสิบองศาและจะต้องใส่ยาสมุนไพรลงไปอีกยี่สิบเจ็ดชนิดแช่อยู่แบบนั้นสองชั่วโมงก็จะทำให้หนอนพวกนั้นตายอยู่ในร่างกายหลังจากนั้นจึงจะเปิดแผลเพื่อให้หนอนพวกนั้นไหลตามเืเสียออกมาเพียงเท่านี้ก็ขจัดพวกมันอย่างถอนรากถอนโคนแล้วล่ะ”
“ดอกเงินพันชั่งกิโลครึ่ง ยางเถาวัลย์หงส์เพลิงครึ่งกิโลกล้วยไม้กระดูกัสองขีด...ส่วนที่ไม่ใช่สมุนไพรที่ราคาแพงนัก ข้าจะเขียนเป็อย่างๆไว้ให้ท่าน แล้วสั่งการลูกน้องของท่านหามาให้ครบภายในหนึ่งวันและเริ่มรักษาในคืนนี้ได้เลยยิ่งดี เพราะฤทธิ์ของเ้าหนอนรุนแรงข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่ามันจะไม่กำเริบขึ้นมาก่อนเวลาที่คาดหมายหรือไม่เอาเป็ว่ายิ่งรักษาเร็วเท่าไรก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น”
“อืม!”
ซูซูอวี๋พยักหน้ารับรู้ก่อนจะพูดขึ้น “ถ้าเ้ารักษาข้าได้ซูซีอวี๋คนนี้จะต้องตอบแทนเ้าและน้องชายตัวเล็กแบบเ้าอย่างงามแน่นอน”
ข้าขมวดคิ้วพลางถาม “ข้าเล็กที่ไหนกัน!?”
ซูซีอวี๋ถึงกับหัวเราะก่อนจะพูดต่อ “หืมดูมั่นใจไม่เบาเหมือนกันนะเ้าเนี่ย”
พี่เสวียนยินพูดขึ้น “เอาล่ะ รีบไปเตรียมของได้แล้วเดี๋ยวข้าจะไปเตรียมอ่างอาบน้ำที่ว่าเองส่วนเื่สถานที่ก็ทำที่ห้องอาบน้ำของผู้หญิงในสำนักนี่แหละแล้วเดี๋ยวข้าจะไปสั่งให้หยุดการใช้งานั้แ่สามทุ่มเป็ต้นไป”
“ตกลง!”
...
ซูซีอวี๋รีบไปเตรียมยาสำหรับรักษาส่วนในสำนักก็มีข่าวดังไปทั่วว่าข้ากำลังจะถอนพิษให้กับซูซีอวี๋ซึ่งเป็ทั้งเทพศาสตราวุธและแม่ทัพใหญ่ของสหพันธ์แห่งนี้
“ปู้อี้เชวียน ท่านอาของข้าไม่เป็อะไรใช่ไหม?”
ซูเหยียนถามขณะเดินอยู่บนทางเท้าด้วยสีหน้ากังวล
“ไม่เป็ไร ข้ามั่นใจแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าจะรักษาได้”
“ฮะ? แค่แปดสิบเปอร์เซ็นต์เองเหรอ?”
“เก้าสิบ!”
“แบบนั้นก็ยังไม่ได้อยู่ดี...”ซูเหยียนมีสีหน้าที่บ่งบอกว่าเป็ห่วงอาของตัวเองมากแต่ก็ไม่แปลกถ้าไม่ใช่เพราะนางสองคนสนิทกัน ซูเหยียนคงจะเป็ตัวแทนของนางเพื่อไปทำพิธีปลุกพลังให้ข้าตอนนั้นไม่ได้หรอก
...
เวลาผานมาจวนพลบค่ำ หลังจากเสาะแสวงหายาสมุนไพรมาจนครบยี่สิบเจ็ดชนิดและยังได้มามากกว่าที่ข้า้าเป็เท่าตัวเหมือนกลัวว่าจะไม่พออีกต่างหาก
ห้องอาบน้ำรวมของผู้หญิงในสำนักถูกกันบริเวณด้วยทหารของชายแดนและนายพลชั้นสูงที่เรียงแถวเป็วงล้อมหรือแม้แต่ท่านเตรียมปรมาจารย์หลันเท้อยังคอยดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ที่หน้าประตูเนื่องจากฐานะของซูซีอวี๋นั้นสูงศักดิ์และพิเศษทำให้สำนักหมื่นิญญาของเราต้องมีการอารักขาเป็อย่างดี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้