เจียงเฉินได้เดินไปหาพวกเขาและนั่งลงบนเก้าอี้ เขาสงบและดูสบายๆ แต่ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา
เห็นเช่นนี้แล้ว ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มขึ้น เขาไม่ได้รู้สึกว่าโดนล่วงเกินแต่อย่างใด นักปรุงยาที่สามารถปรุงยาที่มีประสิทธิภาพเต็มสิบส่วนได้มีสิทธิที่จะหยิ่งยโส
"ข้าหลี่ช่างหงจากตระกูลหลี่แห่งเมืองชื่อ ขอคารวะท่านปรมาจารย์"
หลี่ช่างหงกุมมือแสดงความเคารพต่อเจียงเฉิน
"ตระกูลหลี่แห่งเมืองชื่อ?"
เจียงเฉินประหลาดใจ ตระกูลหลี่เป็หนึ่งในตระกูลใหญ่แห่งเมืองชื่อ สถานะของพวกเขาในเมืองชื่อเทียบเท่ากับสถานะของตระกูลเจียงในเมืองเทียนเซียง
อย่างไรก็ตาม เจียงเฉินไม่รู้ว่าในตอนนี้หลี่ช่างหงมาช่วยตระกูลมู่หรงเพื่อทำากับตระกูลเจียงหรือไม่ เขาไม่รู้ด้วยว่าชายแก่ที่ยืนอยู่ข้างๆหลี่ช่างหงเป็นักปรุงยาผู้ปรุงเม็ดยาหยวนที่มีประสิทธิภาพเจ็ดส่วนที่ปรากฎตัวขึ้นที่ตระกูลมู่หรงหรือไม่
ในทำนองเดียวกัน หลี่ช่างหงไม่รู้ว่าปรมาจารย์ที่สามารถปรุงเม็ดยาประสิทธิภาพเต็มสิบส่วนได้คือเจียงเฉิน คนที่เขา้าสังหารนั่นเอง
"ท่านปรมาจารย์ เมืองเล็กๆอย่างเมืองเทียนเซียงมันเล็กเกินไปกับผู้มากความสามารถเช่นท่าน ท่านควรมากับข้าไปที่เมืองชื่อ ข้ารับปากว่าท่านจะอยู่ในตำแหน่งอันทรงเกียรติของตระกูลหลี่! ท่านน่าจะรู้นะ ว่าตระกูลเจียงที่เล็กจ้อยเช่นนี้ยังไม่มีคุณสมบัติที่จะโยนขยะของตระกูลข้าออกไปได้เลย มันจะเป็เื่เสียเปล่าหากว่าคนอย่างท่านยังอยู่ที่นี่ต่อ"
หลี่ช่างหงพูดออกมาตรงประเด็น แสดงจุดประสงค์ของเขาออกมาอย่างเปิดเผย
ด้วยคำพูดเหล่านี้ ทำให้ความรู้สึกของเจียงเฉินที่มีต่อหลี่ช่างหงได้แปรเปลี่ยนเป็รังเกียจ
"พวกเ้าไสหัวไปให้พ้นหน้าบิดาผู้นี้ซะ!"
เจียงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า ไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ในฐานะยอดนักบุญอันดับหนึ่งในใต้หล้า จะไปสนใจตระกูลเล็กๆอย่างตระกูลหลี่ได้อย่างไร
"ท่านว่าอย่างไรนะ?"
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่ช่างหงแข็งค้าง ตกตะลึงโดยสิ้นเชิง เขาไม่คิดเลยว่าจะเป็เช่นนี้หลังจากที่เขาเพิ่งได้ป่าวประกาศนาม ชายผู้นี้หยาบคายเกินไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าทำไมปรมาจารย์ผู้นี้ถึงได้โกรธทั้งๆที่เขากล่าวอย่างสุภาพและเคารพนอบน้อมแล้วแท้ๆ
"เ้าอย่าได้ปฎิเสธไวน์ที่หอมหวานและหันไปหาขนมปังเน่าไปหน่อยเลย นายน้อยของข้าอุตส่าห์สุภาพด้วยนับว่าดีโขแล้ว ในบรรดาหัวเมืองทั้ง 28 แห่ง ไม่มีผู้ใดหาญกล้าพูดจาเช่นนี้กับนายน้อยของข้า!"
ชายแก่ฉีไห่ขั้นกลางโกรธเกรี้ยวในทันใด
"เ้าปรมาจารย์ผู้นี้ นายน้อยผู้นี้อุตส่าห์เชิญเ้าด้วยความจริงใจนะ!"
ดวงตาของหลี่ช่างหงเผยความโเี้ออกมา
"ไสหัวไปจากที่นี่ซะ! เจียงเฉิง ส่งแขก!"
ท่าทีของเจียงเฉินไม่แยแสแต่อย่างใด เขาหันกลับและจากไป หากไม่ใช่ว่าตอนนี้ตระกูลเจียงและตระกูลมู่หรงกำลังเตรียมทำาล่ะก็ หลี่ช่างหงคงได้ตายไปั้แ่ตอนที่เขาดูิ่ตระกูลเจียงไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีตาแก่ฉีไห่ขั้นกลางอยู่ที่นี่ด้วย ก็อย่าหวังว่าจะรอดไปได้
เจียงเฉินหายไปจากห้องโถงอย่างรวดเร็ว ทำให้เจียงเฉิงที่ยืนอยู่ด้านนอกตื่นตระหนก
"อารมณ์ของท่านปรมาจารย์นี่เอาแน่นอนไม่ได้เลย...เดี๋ยวก่อนนะ ท่านปรมาจารย์รู้นามของข้าได้อย่างไรกัน?"
เจียงเฉิงคิดในใจ ใน่ที่ทำงานคุ้มกันอยู่ที่ร้านขายโอสถ เขาคิดถึงคนผู้หนึ่ง เขาและปรมาจารย์ไม่ได้สวมหน้ากากปิดบังใดๆ แต่ปรมาจารย์รู้นามของเขา ปรมาจารย์จะต้องเป็คนผู้นั้นเป็แน่
เจียงเฉินจากไป ทิ้งหลี่ช่างหงที่ใบหน้ามืดครึ้มและมีสีหน้าโเี้ไว้ เขาไม่เคยรับมือกับเื่แบบนี้มาก่อน ใครบางคนจากเมืองเล็กๆอย่างเมืองเทียนเซียงกล้าที่จะไม่แยแสต่อชื่อเสียงของเขา
"นายน้อย เ้าคนผู้นี้มันโอหังมาก น่าจะฆ่ามันทิ้งนะขอรับ"
ชายแก่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเ็า
"ฮึ่ม! มันคิดว่าแค่มีพร์แล้วกล้าที่จะมาสามหาวต่อนายน้อยผู้นี้ได้งั้นหรือ น่าขันจริงๆ รอจนกว่าข้าทำลายตระกูลเจียงและร้านขายโอสถของมันก่อนเถอะ จากนั้นมาดูซิว่ามันจะทำอย่างไร?"
หลี่ช่างหงแค่นเสียงเ็า
"พวกท่านทั้งสอง เชิญ! ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกท่าน"
เจียงเฉิงทำตามสิ่งที่ปรมาจารย์ผู้นั้นสั่ง ทันใดนั้นเขาพลันคิดถึงท่าทางสง่างามของนายน้อยของเขา
หลี่ช่างหงจ้องมองเจียงเฉิงด้วยแววตาเดือดดาล ก่อนที่จะกลับไปด้วยความโกรธ
ณ ตระกูลมู่หรง
"คุณชายหลี่ เป็อย่างไรบ้าง? ท่านได้พบกับปรมาจารย์ท่านนั้นหรือไม่?"
มู่หรงเจิ้นเห็นหลี่ช่างหงกลับมา จึงเอ่ยปากถามขึ้น
"ฮึ่ม! เ้าบ้านั่นมันโง่เง่า! รอจนกว่าข้าทำลายตระกูลเจียงเสร็จก่อนเถอะ จากนั้นข้าจะให้มันได้ชดใช้ในสิ่งที่ทำกับข้าวันนี้ ท่านผู้นำตระกูลมู่หรง ข้าจะช่วยท่านจัดการกับเ้าเจียงเฉินนั่นเดี๋ยวนี้"
หลี่ช่างหงกล่าวด้วยความเดือดดาล
ได้ยินว่าเขาจะกำจัดเจียงเฉิน มู่หรงเจิ้นรู้สึกฮึกเหิมทันที เขาทำได้เพียงฝันว่าจะกำจัดเจียงเฉิน แต่มันไม่มีโอกาสให้ลงมือ
"เ้าเจียงเฉินนั่นวันๆมันอยู่แต่ในบ้าน คุณชายมีวิธีจัดการมันงั้นหรือ?"
มู่หรงเจิ้นถามขึ้น
"ข้าจะลงมือจัดการมันด้วยตนเอง ท่านผู้นำตระกูลมู่หรง ท่านจงทำตามนี้........"
หลี่ช่างหงกล่าวด้วยท่าทางเปี่ยมสุข จากนั้นเขากระซิบบางสิ่งแก่มู่หรงเจิ้น
ดวงตาของมู่หรงเจิ้นเปล่งประกายในทันที จากนั้นเขายกนิ้วโป้งให้หลี่ช่างหง
"วิธีนี้ช่างหลักแหลมยิ่ง!หากว่าพวกเราทำได้สำเร็จ ก็จะสามารถฆ่าเ้าเจียงเฉินได้อย่างง่ายดาย เมื่อเจียงเฉินตกตายไป เจียงเจิ้นไห่ก็จะสูญเสียขวัญกำลังใจ ถึงตอนนั้นตระกูลเจียงก็ไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับพวกเราแล้ว"
ใน่บ่าย เจียงเฉินกำลังนั่งบ่มเพาะทักษะร่างแปลงัภายในห้อง เมื่อคืนเขาได้กลับไปยังคฤหาสน์เ้าเมือง เว้นเื่ร้านขายโอสถไว้ ในตอนนี้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
"เข้ามา"
เจียงเฉินขมวดคิ้ว
ประตูได้ถูกเปิดออก และหัวหน้ายามรักษาการณ์ เจียงเฉิงได้ก้าวเข้ามา
"นายน้อย"
"เจียงเฉิง หากเ้าไม่มีเหตุผลที่ดีพอ ข้าจะหักขาเ้าแน่"
เจียงเฉินเกลียดมากเมื่อมีคนมารบกวนขณะที่เขากำลังทำการบ่มเพาะอยู่
เจียงเฉิงหวาดกลัวและรีบกล่าวออกมาทันที
"นายน้อย ข้ามิได้ตั้งใจมารบกวนท่าน แต่นายท่าน้าจะพบท่านขอรับ ท่านขอให้นายน้อยไปยังห้องโถงหลักตอนนี้เลยขอรับ"
"ท่านพ่อ้าพบข้า? เ้ารู้ไหมว่าเพราะเื่อะไร?"
เจียงเฉินถามขึ้น ตามสถานการณ์ปกติแล้ว หากว่าเจียงเจิ้นไห่มีเื่อันใดเขาก็จะมาหาเจียงเฉินด้วยตนเอง หรือไม่ก็ให้บ่าวรับใช้มาแจ้งเขา มันหาได้ยากที่เขาจะเรียกเจียงเฉินไปพบที่ห้องโถงหลัก จะต้องมีเื่ร้ายแรงเกิดขึ้นเป็แน่
"เรียนนายน้อย ข้าได้ยินมาว่าตระกูลมู่หรงส่งสารท้าประลองมา! ใช่แล้ว ตอนนี้แขกเ่าั้ได้พูดคุยกับเหล่าผู้าุโอยู่ในห้องโถงหลักขอรับ"
เจียงเฉิงไม่กล้าปกปิดแต่อย่างใด
"สารท้าประลอง? ข้าจะไปดูเสียหน่อย"
เจียงเฉินได้เปลี่ยนชุด จากนั้นเดินออกจากห้องของเขาและมุ่งตรงไปยังห้องโถงหลัก ตระกูลมู่หรงส่งสารท้าประลองมานี่เป็สิ่งที่เขาคาดไม่ถึง หากว่าเป็เพราะมู่หรงฮ่าว พวกเขาควรที่จะส่งั้แ่เมื่อวานแทนที่จะเป็วันนี้สิ
ภายในห้องโถงประชุมตระกูลเจียง เจียงเจิ้นไห่นั่งในที่นั่งผู้นำ และมีผู้เชี่ยวชาญนั่งแบ่งเป็สองฝั่ง ฝั่งละห้าถึงหกคนสองฟากซ้ายขวา โจวเป่ยเฉินเองก็เป็หนึ่งในนั้น ในมือขวาของเจียงเจิ้นไห่ถือสารท้าประลอง
"ท่านพ่อ ท่านลุง"
เจียงเฉินก้าวเข้ามายังห้องโถง ใบหน้าของเขาดูหล่อเหลาและผิวขาวราวกับหยก ดวงตาของเขาสุกใสดั่งดวงดาราที่อยู่บนผืนนภา และมีร่างกายแข็งแกร่ง ทุกคนสามารถบอกได้ว่าเขาเป็ัในหมู่คน เหล่าผู้เชี่ยวชาญฉีไห่ที่อยู่ที่นี่ต่างพูดคุยกับผู้าุโขณะที่มองไปยังนายน้อยผู้นี้และผงกหัวยอมรับ
ครั้งหนึ่ง พวกเขาต่างไม่คิดจะนำนายน้อยเสเพลผู้นี้มาอยู่ในสายตา แต่ไม่นานมานี้ เกิดการเปลี่ยนแปลงกับนายน้อยชนิดพลิกฟ้าดิน การกระทำต่างจากในอดีตโดยสิ้นเชิง มู่หรงเจิ้นยังถูกเขาเล่นงาน มิหนำซ้ำอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งตระกูลมู่หรงยังถูกเขาทำให้พิการ ยิ่งกว่านั้นเมื่อเขาได้พบกับพวกเขาแล้วทักทายพวกเขาว่าท่านลุง ช่างเป็การทักทายที่มากด้วยมารยาทนัก
อัจฉริยะรุ่นเยาว์เช่นนี้ ใครบ้างล่ะที่จะไม่ชอบ ใครบ้างล่ะจะไม่โปรดปราน
"เฉินเอ๋อร์ เ้ามาแล้ว"
เจียงเจิ้นไห่เห็นการมาของเจียงเฉิน ในที่สุดเขาก็เริ่มผ่อนคลายลง
"ท่านพ่อ ข้าได้ยินมาว่าตระกูลมู่หรงส่งสารท้าประลองมาหาพวกเรา...นี่มันเื่อะไรกัน?"
เจียงเฉินถามขึ้น
"สารท้าประลองอยู่นี่ เ้านำไปดูเองเถอะ"
เจียงเจิ้นไห่ส่งสารท้าประลองไปให้เจียงเฉิน
เจียงเฉินอ่านรายละเอียดของสารท้าประลอง มันได้เอ่ยถึงวิธีการแก้ไขความบาดหมางระหว่างสองตระกูล จะจัดการต่อสู้ขึ้นในอีกสามวัน ตระกูลเจียงและตระกูลมู่หรงจะต้องส่งรุ่นเยาว์มาลงประลองกันที่จตุรัสใจกลางเมืองเทียนเซียง และจะต้องเดิมพันร้านขายโอสถ ผู้ใดแพ้จะต้องส่งมอบกิจการค้าโอสถให้แก่ฝ่ายผู้มีชัย
"ฮ่าฮ่า...พวกมันถึงกับใช้ร้านขายโอสถมาเดิมพัน...พวกมันนี่เดิมพันด้วยทุกสิ่งที่มีเลยนะนี่!"
เจียงเฉินหัวเราะออกมา จากนั้นโยนสารท้าประลองไปข้างๆ สิ่งเดิมพันมันช่างยิ่งใหญ่เสียจริงๆ ถึงแม้ว่าตระกูลมู่หรงและตระกูลเจียงจะมีกิจการอยู่มากมาย แต่ที่เป็รายได้หลักของพวกเขาคือร้านขายโอสถ กระทั่งสมุนไพรหรือวัตถุดิบในกิจการแลกเปลี่ยนซื้อขายยังใช้กับร้านขายโอสถ
ซึ่งในเมืองเทียนเซียงแห่งนี้มีร้านขายโอสถเพียงแค่สองแห่งเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายไม่อาจที่จะเสียมันไปได้ หากว่าเสียร้านขายโอสถไป เท่ากับสูญเสียรายได้ไปมหาศาล มู่หรงเจิ้นยอมใช้ร้านขายโอสถมาเป็สิ่งเดิมพัน....ดูเหมือนว่าเขาจะเอาจริงสำหรับเื่นี้
"เฉินเอ๋อร์ เ้าเห็นว่าสารท้าประลองนี่มีปัญหาใดหรือไม่?"
เจียงเจิ้นไห่ถาม
"แน่นอนว่าปัญหาน่ะมี"
เจียงเฉินเผยรอยยิ้ม
"อัจฉริยะอันดับหนึ่งอย่างมู่หรงฮ่าวได้ถูกข้าทำให้พิการ สามารถบอกได้ว่ารุ่นเยาว์ของตระกูลมู่หรงไม่มีผู้ใดที่สามารถเอาชนะข้าได้...เว้นแต่ว่าจะมีรุ่นเยาว์คนใดของพวกเขาได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตฉีไห่ มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่พวกเขาจะกล้าที่จะตัดสินใจเช่นนี้ได้"
"นายน้อยพูดได้ถูกต้อง นายน้อยเพิ่งทำให้มู่หรงฮ่าวพิการเมื่อวานนี้ มู่หรงเจิ้นมิได้โง่ เขาจะต้องรู้ถึงความแข็งแกร่งของนายน้อยพวกเขาดี แต่นี่ยังกล้าที่จะมาส่งสารท้าทายมาเช่นนี้ แถมยังเดิมพันด้วยร้านขายโอสถอีก มันจะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเป็แน่"
โจวเป่ยเฉินกล่าว
"ตามความเห็นข้า หากว่ามู่หรงเจิ้นมิได้เป็บ้า เขาก็มีความมั่นใจจริงๆ เ้าจิ้งจอกเฒ่านี่มิได้โง่ ดังนั้นข้าสรุปได้ว่าเขาจะต้องมีไพ่ตายอยู่อย่างแน่นอน ตามที่นายน้อยเฉินกล่าวมา เป็ไปได้ว่าจะมีรุ่นเยาว์บางคนได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตฉีไห่แล้ว"
ชายอีกคนหนึ่งกล่าวขึ้่น
"เฉินเอ๋อร์ เ้าคิดว่าอย่างไร? สารท้าประลองนี่ เ้าจะรับหรือไม่รับ? ชัดเจนว่าเป้าหมายของมู่หรงเจิ้นคือเ้า"
เจียงเจิ้นไห่มองไปยังเจียงเฉิน ผู้คนภายในห้องโถงแห่งนี้มิได้โง่ มันเห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของสารท้าประลองนี่คือเจียงเฉิน มู่หรงเจิ้นมีความเกลียดชังเจียงเฉินยิ่งเสียกว่าเกลียดชังเจียงเจิ้นไห่เสียอีก เขากระทั่ง้าที่จะสังหารเจียงเฉินกระทั่งในความฝันของเขา
ด้วยสารท้าประลองนี่ ไม่เพียงแค่เขาจะสามารถสังหารเจียงเฉินได้ เขายังสามารถทำลายร้านขายโอสถของตระกูลเจียงได้อีกด้วย เป้าหมายของมู่หรงเจิ้นชัดเจนนัก
"พวกเราจะยอมรับคำท้านี้ หากว่าการคาดการณ์ของข้าถูกต้อง สารท้าประลองนี่มิได้ส่งถึงพวกเราตระกูลเจียงเป็ที่เดียวเป็แน่ ตามถนนใหญ่เล็กต่างรู้ถึงเนื้อหาภายในสารท้าประลองนี้แล้ว ทุกคน้าที่จะชมงิ้วฉากนี้ หากว่าพวกเราไม่กล้ารับคำท้า เท่ากับว่าพวกเราหวาดกลัวตระกูลมู่หรง เมื่อเวลานั้นมาถึงมู่หรงเจิ้นจะใช้ข้ออ้างนี้มาข่มเหงพวกเรา คนตระกูลเจียงจะไม่สามารถโงหัวขึ้นได้อีก"
เจียงเฉินเผยรอยยิ้มจาง ไม่มีความตึงเครียดแม้แต่น้อย
"ยิ่งไปกว่านั้น มู่หรงเจิ้น้าที่จะเล่น พวกเราก็จะเล่นกับเขาด้วย ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าเขาปิดบังอะไรจากพวกเราไว้อยู่"
"เฉินเอ๋อร์ เ้าต้องระวังตัวให้มาก"
เจียงเจิ้นไห่ขมวดคิ้ว บนใบหน้าของเขาเผยถึงความเป็กังวล
"ท่านพ่อ ท่านโปรดวางใจ ข้ารู้ว่าต้องทำเช่นไร นอกจากนี้สารท้าประลองนี่ส่งมาถึงพวกเรา พวกเขาจะเขียนนามของข้าหรือไม่นั้นไม่ต่างกัน หากว่าข้าไม่รับคำท้านี้ ก็คงจะกลายเป็ตัวตลกของผู้คน"
ใบหน้าของเจียงเฉินเผยถึงความผ่อนคลาย ในฐานะนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า เขาไม่เคยหันหลังหนีจากการท้าทายใดๆ
