สัตว์ตัวน้อยร่างปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง เขาแหลมขนาดเท่านิ้วมือบนหัวของมันเสียดสีเสื้อผ้าของเสิ่นเสวียนไม่หยุด ทว่าการเสียดสีนี้ทำให้เสื้อผ้าที่เสิ่นล่างยืมมาเริ่มลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เ้านี่มัน...”
เสิ่นเสวียนส่ายหัวเบาๆ อย่างจนใจ เขาจับสัตว์ตัวน้อยมาไว้ข้างๆ แล้วถอดเกราะของพี่ใหญ่ผู้นั้นในผังเมืองซานเหอมาสวมไว้เอง
เมื่อสวมเกราะสีแดงเพลิงเข้าไปแล้ว ความร้อนแรงรอบๆ พลันถูกขวางกั้นไว้ กระทั่งเติมเต็มพลังที่หมดไปกลับมาด้วย
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงทนได้ขนาดนี้ เป็เพราะสิ่งนี้นี่เอง!”
เสิ่นเสวียนััได้ถึงเกราะชุดนี้ คิดคำนวณได้ว่าต้องถึงขั้นศาสตราิญญาแล้ว ของล้ำค่าในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรแยกออกเป็ขั้นศาสตราทั่วไป ศาสตราวิเศษ ศาสตราิญญา และศาสตราเซียน ศาสตราทั่วไปสำหรับคนธรรมดา ศาสตราวิเศษสำหรับผู้บำเพ็ญเพียร ส่วนศาสตราิญญาต้องมีพลังยุทธ์ถึงขั้นหยวนก่อกำเนิดก่อนจึงจะสามารถหลอมรวมและใช้งานได้
ได้เกราะชุดนี้มา ทำให้พลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง
ขณะนั้นเอง สัตว์ตัวน้อยที่โดนจับไปไว้ด้านข้างพลันเหาะมาอยู่ตรงหน้าอกของเสิ่นเสวียน ดวงตากลมโตมีเปลวเพลิงลุกโชนจ้องมองเสิ่นเสวียนอย่างน่ารัก พลางส่งเสียงร้อง “จี๊ด จี๊ด” ออกมา
“เ้าเข้าใจที่ข้าพูดไหม”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับสัตว์ตัวน้อยตรงหน้าอก
สัตว์ตัวน้อยตรงหน้าอกได้ยินเสียงของเสิ่นเสวียน ดวงตากลมโตของมันก็กะพริบปริบๆ ดูไม่เป็อันตราย
ได้เห็นการเคลื่อนไหวของสัตว์ตัวน้อยแล้วเสิ่นเสวียนก็รู้ได้ทันทีว่ามันไม่ธรรมดา เขาไม่ได้รู้สึกแปลกตากับสัตว์ตัวน้อยเช่นนี้ ในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรมีการเลี้ยงสัตว์อยู่แล้ว การที่สัตว์บางส่วนจะฟังภาษามนุษย์ออกไม่ใช่เื่ยาก
ในชาติก่อนเขาเลี้ยงัอยู่หลายตัว แต่ละตัวสามารถแปลงกายเป็เซียนธาตุทองได้ สัตว์ตัวน้อยตัวนี้มาจากูเาไฟ ร่างของมันคือธาตุไฟบริสุทธิ์ ใกล้เคียงกับร่างกายของเสิ่นเสี่ยวเม่ยมาก
“หลังจากนี้เ้าจะยอมติดตามข้าไปไหม”
เสิ่นเสวียนยกสัตว์ตัวน้อยตัวนั้นขึ้นมากล่าวถาม
“จี๊ด จี๊ด”
สัตว์ตัวน้อยตัวนั้นพยักหน้าเล็กน้อย หางฟูฟ่องสีแดงเพลิงของมันสะบัดไปมา รวมเข้ากับเขาเล็กๆ บนหัวของมันแล้วยิ่งทำให้มันดูสง่างาม
“ฮ่าๆ เยี่ยมเลย หลังจากนี้พวกเรามาก้าวหน้าไปด้วยกัน”
เสิ่นเสวียนหัวเราะกับสัตว์ตัวน้อยตัวนั้น ถ้าจะสู้กับอีกฝ่ายมิสู้ทำให้ไว้วางใจดีกว่า ก่อนหน้านี้เขาแค่อยากใช้สัตว์ตัวน้อยตัวนี้จัดการเผ่าอนธการสามคนนั้นจึงแอบเข้ามาช่วยมัน คิดไม่ถึงว่าสู้ไปสู้มาจะทำให้อีกฝ่ายยอมรับในตัวเขาได้
ได้สัตว์ร้ายอย่างเ้านี่ในโลกใหม่แห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็โอกาสและโชคที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขา
“ในเมื่อเ้าเกิดจากลาวาในูเาไฟ เช่นนั้นข้าเรียกเ้าว่าเสี่ยวเหยียนแล้วกัน!”
“จี๊ด จี๊ด”
เสี่ยวเหยียนได้ยินคำของเสิ่นเสวียนก็พยักหน้ารัวเร็ว เห็นได้ชัดว่าชอบชื่อนี้มาก
สัตว์ร้ายไม่ได้เป็เพียงชื่อเรียกเท่านั้น แต่แสดงให้เห็นถึงพลังที่แข็งแกร่ง มนุษย์ยากที่จะควบคุมได้จึงเรียกมันว่าสัตว์ร้าย แต่อันที่จริงธรรมชาติของพวกมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น อย่างเช่นเสี่ยวเหยียนที่ใสซื่อบริสุทธิ์ราวกับเด็กแรกเกิด
“ท่านผู้นำ!”
ทันใดนั้นเอง เสียงของเสิ่นล่างดังขึ้นจากด้านนอกปากปล่องูเาไฟ เสิ่นล่างในตอนนี้ลอยอยู่เหนือปากปล่องูเาไฟ แต่เพราะยังมีลาวาปิดผนึกอยู่เขาจึงมิอาจเข้ามาได้ ทำได้เพียงะโเรียกอยู่ด้านนอก
เมื่อครู่เขาเห็นสองคนจากเผ่าอนธการหนีออกไปจากที่นี่ แต่เขาไม่เห็นว่าเกิดเื่อะไรขึ้น จึงคิดจะเข้ามาดูสักหน่อย
“เสี่ยวเหยียน ต้องรบกวนเ้าคลายผนึกออกสักหน่อย”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับเสี่ยวเหยียนที่ยังอยู่ตรงหน้าอก ผนึกลาวานี้เสี่ยวเหยียนสร้างขึ้น เสิ่นเสวียนมิอาจคลายผนึกได้
เสี่ยวเหยียนได้ยินก็เหาะขึ้นไป้า มันอ้าปากเล็กๆ ของมัน ทำให้ผนึกลาวากลายเป็เสาเพลิงต้นหนึ่ง แล้วดูดกลืนเข้าไปในร่างของมันอย่างช่ำชอง
ที่น่าแปลกก็คือ ร่างเล็กๆ ของมันสามารถดูดกลืนลาวาเข้าไปได้มากมายขนาดนั้น แต่ดูเหมือนไม่ได้กินอะไรเข้าไปเลย
ตอนที่เสิ่นล่างยังเหาะอยู่ด้านนอก ลังเลว่าจะเข้าไปอย่างไรดี เขาก็เห็นว่าลาวาค่อยๆ หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เห็นเสี่ยวเหยียนกำลังกลืนกินลาวาเข้าไปคำใหญ่
“นี่...”
เสิ่นล่างมุมปากกระตุกเล็กน้อย เมื่อครู่เขาได้เห็นพลังของเสี่ยวเหยียนแล้วจากที่ไกลๆ ทว่าตอนนี้สองคนนั้นได้หนีไปแล้ว อีกคนหนึ่งที่เหลืออยู่เป็อย่างไรเขาใช้หัวแม่เท้าคิดก็ยังคิดออก
“ผู้เฒ่าล่าง สองคนนั้นหนีไปแล้วใช่ไหม!” เสิ่นเสวียนที่สวมเกราะเหาะขึ้นมา กล่าวกับเสิ่นล่างด้วยรอยยิ้ม
“หนีไปแล้ว เกิดอะไรขึ้น”
เสิ่นล่างเห็นเกราะบนร่างของเสิ่นเสวียนเป็อย่างแรก ดวงตาพร่ามัวของเขาตื่นใขึ้นมาทันที สถานการณ์พลิกผันรวดเร็วเกินไป ทำให้เขามิอาจรับความจริงได้
“เผ่าอนธการคนนั้นตายไปแล้ว เกราะชุดนี้ก็ไม่เลวเลย ข้าเก็บไว้เลยแล้วกัน”
“เ้าสังหารเขาไปแล้วหรือ” เสิ่นล่างถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“อืม”
“เขากดพลังไว้ พลังยุทธ์แท้จริงของเขาถึงขั้นราชันเลยนะ!”
เสิ่นล่างสูดลมหายใจเข้าหลายครั้ง จึงค่อยๆ ควบคุมความตื่นใของตนเองได้ เสิ่นเสวียนผู้นำตระกูลเสิ่นของพวกเขาสามารถกำจัดผู้แข็งแกร่งขั้นราชันได้แล้ว
เขาติดอยู่ในขั้นบรรพบุรุษระดับสูงสุดมาสิบปีไม่มีความก้าวหน้าใดๆ แต่เขาก็รู้ดีว่าขั้นราชันเปรียบเสมือนอะไร เสมือนเป็ตัวแทนในการเจรจากับทางแคว้นและสามารถแต่งตั้งยศตำแหน่งได้
“แย่แล้ว สองคนนั้นที่หนีไปจะต้องรายงานต่อเผ่าอนธการแล้วแน่ๆ”
“วางใจได้ สองคนนั้นไม่รู้ถึงตัวตนของพวกเรา” เสิ่นเสวียนหัวเราะเสียงดัง เขาคงไม่กล้าทำเช่นนี้หากไม่ได้เตรียมตัวมาเป็อย่างดีแล้ว
เสิ่นล่างมองเสิ่นเสวียนอยู่นาน แล้วเขาก็ถอนหายใจออกมา
“อัจฉริยะแห่งยุคได้ปรากฏขึ้นแล้ว! ท่านผู้นำ ในที่สุดท่านก็อยู่ได้ด้วยตัวเองแล้ว!” เสิ่นเสวียนสามารถทำในสิ่งที่เขาทำไม่ได้แล้วจริงๆ ไม่ว่าจะทำสำเร็จได้ด้วยวิธีใดก็ตาม ที่สำคัญคือเขาทำได้สำเร็จ
“หากไม่มีผู้เฒ่าล่างคอยสนับสนุนอยู่ ข้าคงไม่กล้าทำเช่นนี้” เสิ่นเสวียนไม่ลืมกล่าวชื่นชมเสิ่นล่าง
“อย่ายกยอข้ามากเกินไปนักเลย นี่ก็คือสัตว์ร้ายตัวนั้นใช่ไหม!”
“อืม ตอนนี้มันมีชื่อว่าเสี่ยวเหยียน เป็สหายของข้า”
เสิ่นเสวียนยื่นมือออกไป เสี่ยวเหยียนเหาะไปอยู่บนแขนของเขาทันที เชื่อฟังคำสั่งเป็อย่างดี
“โอ้ ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมมาก!”
แม้เสิ่นล่างจะคาดเดาไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินเสิ่นเสวียนยอมรับออกมากลับให้ความรู้สึกอีกแบบ ผู้แข็งแกร่งเผ่าอนธการสามคนนั้นลงมือ สุดท้ายต้องจบลงที่ตายหนึ่งคนาเ็สองคน เสิ่นเสวียนกลายเป็ผู้รับผลประโยชน์
“ผู้เฒ่าล่าง ด้านล่างนี้น่าจะมีหลินจือโมรา ข้าจะลงไปดูสักหน่อย รบกวนท่านดูลาดเลาให้ข้าอยู่้าด้วย!”
“ลงไปเถอะ ข้าเฝ้าที่นี่ไว้เอง แต่เ้าต้องระวังตัวด้วย”
เสิ่นล่างกล่าวกับเสิ่นเสวียน
จากนั้น เสิ่นเสวียนก็พาสัตว์ร้ายตัวนั้นค่อยๆ เคลื่อนตัวลงไปภายในลาวาทีละน้อย
ภายในลาวามีความร้อนสูงมาก แม้แต่เกราะที่เป็ศาสตราิญญาลงไปในนั้นก็อาจโดนหลอมละลายได้ ร่างของเสิ่นเสวียนหยุดลงเมื่ออยู่สูงจากลาวาราวสามฉื่อ จากนั้นเขาก็มองหาหลินจือโมราไปรอบๆ
ลาวาูเาไฟทำให้หลินจือโมราเกิดขึ้นได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อก่อนนี้ยังมีร่องรอยของหลินจือโมราอยู่ที่นี่จริงๆ หลังจากตามหาไปตามหน้าผาภายในูเาไฟ เขาก็พบเจอร่องรอยของหลินจือโมรา
ที่หน้าผาภายในูเาไฟใกล้กับธารลาวามีหลินจือโมราสีแดงเพลิงอยู่ต้นหนึ่ง กำลังเติบโตอยู่ตรงนั้นอย่างสงบสุข
ลาวาเบื้องล่างเดือดพล่านขึ้นมา ก็เหมือนกับเป็เพียงสายน้ำที่ไหลผ่าน ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
“หลินจือโมราพันปี!”
เสิ่นเสวียนเห็นดังนั้นเขาก็ะโออกมาด้วยความดีใจ
เป้าหมายของการเดินทางมาที่นี่คือตามหาหลินจือโมรา แต่ไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอหลินจือโมราพันปี คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเจอมันจริงๆ
หากได้หลินจือโมราต้นนี้ เขาต้องทะลวงถึงขั้นหยวนก่อกำเนิดได้อย่างแน่นอน