ตอนที่ 3
@คอนโด
เกอร์กลับจากบริษัทพ่อใน่เที่ยงของวัน แวะกินข้าวที่ร้านข้างทางก่อนกลับคอนโด ถึงจะรวยแค่ไหนแต่เขาก็กินง่ายอยู่ง่ายไม่เื่เยอะและไม่ได้ฟุ่มเฟือยไปซะทุกอย่าง แต่บางอย่างก็จ่ายแบบไม่คิด เท่าไหร่ไม่ว่าขอให้ถูกใจก็พอ โทรหาฟาร์แล้วรายนั้นยังไม่เสร็จธุระไม่ต้องซื้อข้าวไปเผื่อ เกอร์กินข้าวเที่ยงเสร็จก็ตรงกลับคอนโด พอถึงห้องถอดเสื้อผ้าอาบน้ำทันที อาบน้ำเสร็จก็ใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวแล้วะโขึ้นเตียง คือหัวถึงหมอนก็ชัตดาวน์ทันทีเหมือนร่างกายมันถึงขีดจำกัดแล้วจริงๆ ร่างกายมันทั้งล้าทั้งเพลียเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอติดต่อมาหลายวัน
ฟาร์กลับมาคอนโดในตอนเย็นเจอเพื่อนรักนอนหลับสบายขดตัวในผ้าห่มผืนหนาโดยไม่ปิดม่าน ห้องเย็นฉ่ำแบบนี้ไม่ผิดจากที่คิดเมื่อเห็นรีโมทแอร์พบว่าเกอร์เปิดแอร์ทิ้งไว้ 16 องศา ฟาร์กดปรับแอร์ให้เป็ 20 องศา เพราะกลัวเพื่อนจะเป็หวัดตาย จากนั้นฟาร์เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกจากห้องนอนมานั่งหาหนังดูที่ห้องนั่งเล่น
“เอ้า มึงกลับมานานยัง?” เกอร์ถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียอ้าปากหาวหวอดๆ
“สักพักล่ะ มึงหิวยัง” ฟาร์หันไปมองเกอร์ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนด้วยสภาพเปลือยท่อนบนโชว์กล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยส่วนด้านล่างมีเพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียว ผมเผ้าชี้ฟูไม่เป็ทรงตามฉบับคนเพิ่งตื่นนอน
“ยัง ว่าจะอาบน้ำก่อนค่อยสั่งมากิน” เกอร์ขยี้หัวตัวเองเบาๆ
“เค” ฟาร์พยักหน้ารับ
“มึงอาบยัง?” เกอร์
“ยัง” หลังจากที่ฟาร์ตอบเกอร์ก็หมุนตัวกลับเข้าห้องถอด บ็อกเซอร์โยนทิ้งลงตะกร้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ไม่ถึงห้านาทีฟาร์ก็ลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าตามเข้าไปในห้องน้ำ เกอร์ให้แม่บ้านของบ้านแม่มาทำความสะอาดคอนโดสัปดาห์ละครั้ง รวมทั้งซักผ้ารีดผ้าเสร็จสรรพ ในระหว่างสัปดาห์ก็รักษาความสะอาดกันเอาเอง
“ถูหลังให้กูหน่อยดิ” พอเห็นฟาร์ตามเข้ามาเกอร์ก็ยกยิ้มอารมณ์ดีใช้อีกฝ่ายถูหลังให้ทันที
“เอามา” ฟาร์ยื่นมือไปรับที่ขัดตัวมาจากมือเกอร์ เดินลงอ่างนั่งซ้อนด้านหลังเกอร์แล้วเริ่มถูหลังให้อีกฝ่ายโดยไม่บ่นสักคำ
“สบายว่ะ” เกอร์พูดอย่างผ่อนคลายหลับตาพริ้มด้วยความเคลิบเคลิ้ม
“ฟินสิมึง” ฟาร์ถามยิ้มๆ มือก็ถูหลังให้เกอร์ไปด้วย
“อือ” เกอร์ครางรับในลำคอ แทบจะหลับคาอ่าง น้ำอุ่นๆฟองนุ่มๆ กลิ่นหอมๆ มีคนถูหลังให้ไม่ฟินก็บ้าแล้ว
“คืนนี้ไปป่ะ ?” ฟาร์ถามเกอร์หลังจากที่ทั้งคู่อาบน้ำกันเสร็จ ฟาร์เช็ดหัวตัวเองพอหมาดๆ แล้วเช็ดผมให้เกอร์ต่อ
“ี้เีว่ะ คืนนี้กูมีนัดกับพี่แจ็ค” เกอร์ตอบแล้วยิ้มร่า ฟาร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ สองสัปดาห์ที่ผ่านมาเกอร์ไม่มีเวลาได้ฟังสดเลยสาเหตุก็มาจากโปรเจ็คของบริษัทพ่อ ส่วนบริษัทเองให้เลขาทั้งสองคนดูแลแทนและเข้าไปดูเป็ครั้งๆ เพราะงานส่วนใหญ่ส่งมาทางเมล คืนนี้มันเป็คืนที่เกอร์ตั้งตารอมาทั้งสัปดาห์เพราะเป็คืนวันเสาร์ พี่แจ็คที่ว่านี่ไม่ใช่แจ็คสันหวังน่ะ แต่เป็พี่แจ็คเดอะโกสต่างหาก เป็รายการผีที่มีข้อคิดเยอะมากจนบางทีเขาก็กลัวบาปกรรม
“มึงไม่ไปกูก็ไม่ไป พายุติดต่อมาครั้งเดียวก็หายหัวเข้ากลีบเมฆไปเลย” ล่าสุดพายุโทรมาบอกว่าอยู่เชียงใหม่ พอพวกเพื่อนๆบอกจะไปหาพายุก็ปฏิเสธเพราะอยากอยู่คนเดียว ถ้าดีขึ้นจะให้พวกเขาไปหาพวกเราก็โอเค
“เออ โทรไปปิดเครื่องตลอด” เกอร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วยเพราะล่าสุดเขาโทรไปก็โทรไม่ติด คือต้องรอมันติดต่อกลับมา
“มันรู้แล้วนิ ว่าเดซี่เป็น้องไอ้เค” ฟาร์พูดยิ้มๆ พายุเสียใจเกือบเสียผู้เสียคนเพราะความใจร้อนและคิดเองเออเอง สุดท้ายเข้าใจผิดล้วนๆ
“รอฟีนิกซ์ไปง้อชัวร์” เกอร์ยิ้มขำไปตามๆ กันกับเื่ผัวเมียคู่นี้
“หึ กูก็ว่างั้น” ฟาร์เช็ดผมให้เกอร์จนแห้งลุกไปใส่กางเกง บ็อกเซอร์ตัวใหม่ คือถ้าไม่ออกไปไหนก็แต่งตัวสบายๆ บ็อกเซอร์ตัวเดียวจิบเบียร์เย็นๆ เกอร์เองก็ไม่ต่างกัน
“กูว่างอนนานเดี๋ยวฟีนิกซ์หาเมียใหม่ล่ะยุ่งแน่” เกอร์พูดอย่างขำๆ
“เออ น่าคิด ฮ่าๆๆ” ฟาร์เห็นด้วยกับความคิดของเกอร์
ระหว่างที่ยังไม่ถึงรายการโปรดของเกอร์ ฟาร์ก็อาสาโทรสั่งข้าวและกับแกล้มสำหรับคืนนี้
ไม่ถึงชั่วโมงไรเดอร์ก็โทรมา คอนโดที่นี่ไม่อนุญาตให้คนแปลกหน้าขึ้นมา้าเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับลูกค้า ฟาร์จึงต้องลงไปรับอาหารเองที่รีเซฟชั่น ได้อาหารมาเรียบร้อยจัดใส่จานเกอร์ก็มานั่งกินด้วยกันที่ห้องครัว พอทั้งคู่กินข้าวกันเสร็จก็ขนเหล้าและกับแกล้มเข้าห้องนอน เอาโต๊ะญี่ปุ่นมาตัั้งแล้วนั่งกินนั่งดื่มกันที่พื้นปลายเตียง เพราะได้ถึงเวลาที่เดอะโกสเริ่มไลฟ์สดแล้ว
“มึงปิดม่านทำไมว่ะ?” เกอร์ถามเมื่อฟาร์ลุกขึ้นไปกดปุ่มข้างเตียงม่านก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวปิดกระจกทุกด้านที่แสงไฟจากตึกต่างๆ สามารถลอดผ่านมาได้จนมืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากหน้าจอโทรศัพท์และไฟวอมไลฟ์สลัวๆ ติดอยู่บนฝ้าคลุมของเพดานเท่านั้น
“มึงไม่คิดว่าผีมันจะปืนตึกมาหลอกมึงรึไง?” ฟาร์ถามด้วยน้ำเสียงเย็นๆ มุมปากยกยิ้มอย่างเ้าเล่ห์เลิกคิ้วกวนๆ แล้วเดินมานั่งลงที่เดิม
“มันอาจจะห้อยหัวลงมาก็ได้น่ะมึง” ยิ่งฟาร์เห็นท่าทีของเพื่อนรักฟาร์ก็อดแกล้งเพื่อนไม่ได้จริงๆ
“ไอ้สัส !!” เกอร์ด่าฟาร์ลั่นห้อง มันรู้ว่าเขากลัวแต่มันยังจะพูด ทำเอาเกอร์มองม่านที่ปิดสนิทด้วยความหวาดระแวง
“หึหึ กูพูดเล่น” ฟาร์ขำอย่างสะใจ มองเพื่อนรักด้วยสายตาล้อเลียน
“สัส” เกอร์ด่าแถมไปอีกรอบ พร้อมหยิบถั่วในจานกับแกล้มปาใส่ฟาร์ไปหลายเม็ด
“ด่ามากๆ ระวังมีอะไรมาแหวกม่านน่ะมึง” ฟาร์ยังคงพูดแกล้งเพื่อนต่อ
“เชี้ย !!” เกอร์สะดุ้งตัวลอยเมื่อผ้าม่านพริ้วไหวพอดีกับจังหวะที่ฟาร์พูดพอดี
“กลัวอะไร แอร์มันลง ผ้าม่านเลยพริ้ว ขวัญอ่อนนะมึง” ฟาร์มองเพื่อนรักอย่างเอ็นดู อะไรขยับนิดหน่อยเกอร์ก็ใไปหมด ถ้าผีมาหลอกจริงๆ มันคงช็อคแน่นอน
“มึงอะ” เกอร์มองฟาร์ด้วยสายตาเหวี่ยงๆ อย่างเคืองๆ
“เออๆ ฟังๆ” ฟาร์ยกยิ้ม พยักพเยิดหน้าไปทางโทรทัศน์ให้เกอร์ได้ตั้งใจดูตั้งใจฟัง
“น่ากลัวชิปหาย” เกอร์เอียวตัวไปหยิบหมอนมากอดไว้แน่นตาก็ยังดูไลฟ์สดในโทรทัศน์ หูก็ตั้งใจฟัง ซึ่งแต่ละเื่ของคืนนี้น่ากลัวทั้งนั้น และมีแต่นักเล่าชื่อดังยิ่งเสริมสร้างความหลอนให้อีกหลายเท่าตัว มือหยิบแก้วเหล้าขึ้นดื่มแต่ตาก็ยังมองม่านอย่างระแวง ดื่มไปหลายแก้วจนเริ่มรู้สึกตึงๆ
“กลัวผีแล้วมึงฟังเดอะโกสหาพ่องมึงเหรอ?!!” ฟาร์ด่าอย่างหน่ายใจ เป็รายการที่เกอร์เปิดฟังแทบทุกคืนก่อนนอน ยิ่งเสาร์อาทิตย์ยิ่งหนักเลยเพราะมันดูไลฟ์สด ที่สำคัญคือเขาต้องอยู่เป็เพื่อนมันตลอด คืนไหนถ้าเขาชิงหลับก่อนมันก็สะกิดทั้งคืน แต่ถ้าคืนไหนปาร์ตี้พร้อมกันห้าคนหรือติดธุระสำคัญจริงๆ เกอร์ก็จะยอมฟังย้อนหลังแทน
ในกลุ่มกลัวผีหนักกว่าธีร์ก็เกอร์นี่แหละ กลัวขี้ขึ้นสมองแต่เสือกชอบดูชอบฟังและอยากรู้อยากเห็นเก่ง
“กูกลัวแต่กูอยากฟังนี่หว่า” เกอร์ทำหน้าเศร้าปนเซ็งพูดจาโอดครวญเพื่อนรักเบาๆ
“มึงนี่น่ะ กลัวก็ไม่ต้องฟัง” ฟาร์ส่ายหน้าอย่างระอาใจ
“ก็กูชอบ” เกอร์เถียงสุดใจ ก็คนมันชอบนี่แต่ก็กลัวด้วยแล้วเขาผิดตรงไหน
“หนังผีก็เหมือนกัน” ฟาร์
“ก็กูชอบดู” เกอร์
“ลำบากกู” ฟาร์บอกอย่างไม่จริงจังนัก
“สัส !!” เกอร์ด่าฟาร์อีกรอบ ถึงฟาร์มันจะว่าแต่ก็ยอมดูเป็เพื่อน ฟังเป็เพื่อนตลอด ถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญจริงๆ ฟาร์มักจะอยู่เป็กับเขาเสมอ
“มึงเื่นี้โคตรน่ากลัวเลยว่ะ ขนลุก” เกอร์เอามือลูบขนตามแขนที่ลุกชัน
“เชี้ย มึงปิดไฟทำบ้าอะไรว่ะ?” เกอร์สะดุ้งสุดตัวมองเพื่อนรักอย่างเคืองๆ มันรู้ว่าเขากลัวผีมากแต่ยังปิดไฟคือใจร้ายมาก จากที่เคยมีเพียงแสงสลัวๆ ตอนนี้เลยเหลือเพียงแสงจากหน้าจอโทรทัศน์
“สร้างบรรยากาศ” ฟาร์ยิ้มทะเล้นให้เกอร์ไปหนึ่งกรุบ
“สัส กูกลัว” เกอร์รีบะโขึ้นเตียงอย่างไว เอาผ้าห่มขึ้นมาห่อตัวไว้จนโผล่แค่ใบหน้าเท่านั้น
“ฮ่าๆ” ฟาร์ขำกับท่าทางของเกอร์ราวกับว่าถ้าผีมาหลอกผ้าห่มผืนนี้จะช่วยกันผีได้
“มึงจะไปไหน?” เกอร์ถามขึ้นเมื่อเห็นฟาร์ไม่ยอมขึ้นมาที่เตียงนอนแต่กลับนั่งเก็บของที่โต๊ะเตรียมลุกขึ้น
“เอาของไปเก็บ” ฟาร์ยกของในมือให้อีกฝ่ายดู พยักพเยิดหน้าไปทางประตู
“ค่อยเก็บพรุ่งนี้” เกอร์รีบห้ามทันที คือถ้าฟาร์ออกไปจากห้องนั่นก็หมายความว่าเขาต้องอยู่ในห้องนอนคนเดียว ยิ่งตอนนี้เื่เล่าก็ยิ่งเพิ่มความลุ้นระทึกเป็ทวีคูณ
“กูว่ามึงปิดเถอะ” ฟาร์ถอนหายใจเบาๆ ยอมเอาของที่อยู่ในมือวางลงที่เดิม แล้วเดินกลับไปนั่งข้างๆ เกอร์ที่เตียง
“ไม่ๆ ฟังไม่จบค้างคากูนอนไม่หลับ” เกอร์รีบห้าม ฟังแล้วต้องฟังให้จบถึงจะกลัวแค่ไหนก็ตาม
“ฟังจบแล้วมึงหลับ?” คำถามของฟาร์ทำเอาเกอร์ส่ายหน้าตอบอย่างไว
“หึ” ฟาร์ขำที่เพื่อนรักส่ายหัวแทบหลุด คือสรุปต่อให้ฟังจบหรือไม่จบมันก็กลัวจนนอนไม่หลับอยู่ดี สุดท้ายก็ลำบากเขาต้องปลอบขวัญมันเหมือนทุกครั้ง เป็ผู้ชายถึก ทน ท้าตีท้าต่อย ไม่กลัวตาย แต่กลัวผี
ฟังเื่เล่าไปเรื่อยๆ อยู่ดีๆ เกอร์ก็เขย่าแขนฟาร์เบาๆ จนฟาร์มองหน้าอย่างตั้งคำถามว่ามึงเป็อะไรอีก
“ไอ้ฟาร์ กูปวดขี้” เกอร์พูดเสียงเบาพร้อมทำหน้าแหย๋ๆ มองฟาร์แบบอ้อนๆ
“แล้ว ?” ฟาร์เลิกคิ้ว
“ไปเพื่อนกูเข้าห้องน้ำหน่อย” คำตอบของเกอร์ไม่ได้ต่างจากสิ่งที่ฟาร์คิดเอาไว้เลย
“มึงนี่น่ะ” ฟาร์ไม่รู้จะเอาคำไหนมาด่ามันดี ขำก็ขำ สงสารก็สงสาร ยิ่งไปกว่านั้นคือสมน้ำหน้าด้วย จากที่ดูคือตอนนี้เกอร์น่าจะปวดขี้สุดๆ แล้วจริงๆ ไอ้ที่ขนลุกนี่เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเพราะปวดขี้หรือกลัวผี แต่น่าจะทั้งสองอย่างรวมๆ กัน
“น่ะมึงน่ะ ไปเพื่อนกูหน่อย” เกอร์กอดแขนฟาร์พร้อมเอาคางเกยไหล่อย่างอ้อนๆ
“เออๆ ลุกดิ” สุดท้ายฟาร์ก็ต้องยอมลุกขึ้น และตามใจอีกฝ่ายอย่างเช่นทุกครั้ง
“แต๊งกิ้วมากเพื่อนรัก” เกอร์พูดด้วยรอยยิ้มกว้าง ใครจะตามใจเขาได้เท่าไอ้บ้าฟาร์ไม่มีอีกแล้ว
“กูรอตรงนี้” ฟาร์หยุดอยู่ที่หน้าประตู ปล่อยให้เกอร์เข้าห้องน้ำไปคนเดียว เื่อะไรกันที่เขาต้องไปนั่งดมขี้มันด้วยถึงจะเป็เพื่อนรักก็เถอะ
“มึงอะ” เกอร์พูดอย่างโอดครวญ
“ถ้ามึงยังไม่ยอมไปขี้ กูจะไปนอน” ฟาร์ยื่นคำขาด
“เออๆ ก็ได้ว่ะ” เกอร์ก็เลยต้องจำใจทำตามเพราะไม่อย่างนั้นฟาร์มันไปนอนจริงๆ แน่ ในระหว่างที่ปลดทุกข์เกอร์ก็มองรอบๆ ห้องน้ำอย่างหวาดระแวง
“มึง” หลังจากเข้าห้องน้ำได้ไม่ถึงนาทีเกอร์ก็เรียกฟาร์ทันที
“ว่า?” ฟาร์ยืนพิงกำแพงอยู่ข้างประตูห้องน้ำ
“แหะๆ เปล่าไม่มีไร” เกอร์ขำแห้งๆ อีกฝ่ายเงียบมันทำให้เขาไม่สบายใจเลยต้องเรียก
“เดี๋ยวมึงโดน” ฟาร์พูดเสียงดุๆ แต่มุมปากกลับยกยิ้ม
“กูแค่เรียกเฉยๆ กลัวมึงทิ้งกูไปนอน” เกอร์พูดเสียงเบา ก็คนมันกลัวนี่เน้อะ ทั้งกลัวผีทั้งกลัวเพื่อนหนีไปนอน
“กูเคยทิ้ง?” ฟาร์ถามกลับ
“ไม่เคย” เกอร์ตอบกลับอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดสักนิด เพราะไม่ว่าเวลาไหนฟาร์ไม่เคยทิ้งเขาเลยแม้แต่วินาทีเฉียดตายก็ตาม
เกอร์ก็ชวนฟาร์คุยไปเรื่อยจนทำธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินออกจากห้องน้ำด้วยรอยยิ้ม ฟาร์ได้แต่ส่ายหน้าขำๆ ทั้งที่คอนโดนี้ก็ของมันเอง เป็เ้าของคนแรกซื้อขาดไม่เคยมีใครเข้าพัก ไม่เคยปล่อยเช่า และไม่เคยมีใครตายมาก่อนแต่มันกลับกลัวห้องของตัวเอง
เกอร์ขึ้นเตียงนอนแล้วแทรกตัวเข้าใต้ผ้าห่มทันที ตาปรือนิดๆ แต่ก็ยังตั้งใจดู หูฟัง ปากเริ่มหาว ดูเวลาก็เกือบตีสามแล้ว ฟาร์ได้แต่ยิ้มบางๆ แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงข้างๆ เกอร์
“เปิดไฟนอนได้ไหมว่ะ?” เกอร์มองฟาร์ด้วยสายตาเว้าวอน เพราะตอนนี้เขาเริ่มง่วงแล้วและอาจจะด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ง่วงมากกว่าปกติ
“ไม่ นอนเลยมึง” ฟาร์ตอบเสียงนิ่งๆ ปนดุ กลัวผีทีไรมันก็เป็แบบนี้ทุกที
“ไอ้ฟาร์ กูนอนไม่หลับว่ะ” เกอร์ขดตัวเข้ากับผ้าห่มแน่นด้วยความกลัว
“ดีขึ้นไหม?” ฟาร์ยกยิ้มแล้วพลิกตัวหันข้างเอาแขนพาดไว้บนเอวสอบหลวมๆ เหมือนที่ชอบทำ
“เออ มึงห้ามไปไหนน่ะ” เกอร์เอาตัวออกจากผ้าห่มจับแขนฟาร์เอาไว้แน่น พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมาก สบตากับฟาร์ท่ามกลางความมืด
“หึหึ เออ” ฟาร์ยิ้มขำ ทุกครั้งที่เขาทำแบบนี้เกอร์มักจะหลับลงโดยง่ายครั้งนี้ก็เช่นกัน
“กว่าจะหลับได้น่ะมึง” ฟาร์พูดเสียงเบาก่อนจะหลับตาลง
08:08น.
เช้าวันถัดมาม่านถูกเปิดอัตโนมัติตามที่ได้ตั้งเวลาเอาไว้ทั้งฟาร์และเกอร์ต่างงัวเงียลืมตามองนาฬิกาดิจิตอลพบว่าแปดโมงกว่าแล้ว
“มึง วันนี้ไม่มีงาน?” เกอร์ถามด้วยน้ำเสียงแหบเล็กน้อยเนื่องจากเพิ่งตื่นนอน
“ให้พี่จัดการแทน มึงอะ?” ฟาร์ตอบ วันนี้เขาให้พี่ชายเข้าไปทำงานแทนเพราะส่วนหนึ่งก็เป็ความรับผิดชอบของพี่เขาด้วย
“บริษัทเองให้เลขาดูแลแทน ส่วนบริษัทของพ่อขอลานอนพักผ่อนสามวัน” เกอร์ตอบกลับทั้งที่หลับตา
“อืม งั้นนอนต่อ” ฟาร์
“เห็นด้วย” เกอร์ลืมตาขึ้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าไม่มีเื่สำคัญอะไรเลยเอาโทรศัพท์คว่ำหน้าวางไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียงตามเดิม แทรกตัวเข้าใต้ผ้าห่ม
ทั้งคู่ตื่นอีกรอบก็เป็เวลาบ่ายกว่า ไปกินข้าวกันที่ห้างตามประสาเพื่อน จากนั้นตามด้วยไปเดินดูเสื้อผ้าและเครื่องประดับ พนักงานต้อนรับอย่างดีพร้อมเชิญไปนั่งที่ห้องรับรองวีไอพี นำสินค้าที่เกอร์้ามาให้ดูพร้อมแนะนำอย่างชำนาญ
“มึงว่าอันนี้เหมาะกับกูป่ะ” เกอร์ชูกำไลข้อมือหรูแบรนด์หนึ่งขึ้นให้เพื่อนรักช่วยเลือก
“กูว่าอันนั้นสวยกว่า” ฟาร์ชี้ไปยังกำไลที่วางอยู่ในถาดกำไลที่วางอยู่ในถาดกำมะหยี่แทน
“งั้นเอาสองอันเลยจบ” เกอร์บอกพนักงานสาว
“แล้วมึงจะถามกูทำไม?” ฟาร์ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“เอ้า ก็กูอยากถามเฉยๆ” เกอร์บอกยิ้มๆ
“คุณเกอร์จะรับเข้าเซตเลยไหมค่ะ? ที่ช็อปมีของพอดีค่ะ ” พนักงานสาวนำเสนอสินค้าต่อทันที เนื่องจากว่าลูกค้าท่านนี้คือลูกค้าระดับวีวีไอพีซื้อแค่ละทีไม่ต่ำว่าเจ็ดหรือแปดหลักทุกครั้งที่มา
“ครับ เอาอย่างละเซตครับ”
“รอสักครู่นะคะ” เมื่อได้ยินคำตอบพนักงานสาวถึงกับยิ้มแก้มปริ
“ครับ” เกอร์ยื่นบัตรเครดิตไปให้ นั่งรอไม่นานพนักงานสาวกลับมาพร้อมสลิปและถุงสินค้า พนักงานเปิดสินค้าให้เช็คอีกครั้งจากนั้นก็ใส่กล่องกลับที่เดิม เกอร์หยิบปากกามาเซ็นชื่อแล้วรับของ
“มึงจะซื้ออะไรอีกไหม?” ฟาร์
“ไม่รู้เหมือนกัน เดินดูก่อน” เกอร์ตอบยิ้มๆ แล้วเดินออกจากช็อป พนักงานสาวกล่าวขอบคุณแล้วขอบคุณอีกสำหรับยอดที่เธอได้ของวันนี้
“เค” หลังจากที่ตกลงกันได้เดินเข้าอีกสองสามช็อปเกอร์ถือถุงใส่ของจนเต็มมือ จนฟาร์ต้องช่วยถือในบางส่วน
“มึงขากลับอยากกินหมี่ร้านประจำว่ะ” เกอร์พูดขึ้นอย่างนึกขึ้นได้ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าช็อปเสื้อผ้าอีกแบรนด์ เพราะตอนนี้เริ่มรู้สึกหิวขึ้นมาอีกแล้วและไม่ได้แวะไปร้านนี้นานแล้ว
“เออไม่ได้กินนานแล้ว” ฟาร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“พูดแล้วก็หิว กูว่ากลับเลยดีกว่าไม่เดินล่ะ” เกอร์ตัดสินใจเดินนำฟาร์กลับรถทันที
“ตามใจมึง” ฟาร์
“เออๆ ไม่รู้ร้านเปิดไหม” เกอร์พูดด้วยน้ำเสียงติดกังวลนิดๆ คือร้านป้าไม่ได้ไกลมากถ้ารถไม่ติดแต่ดูจากเวลาแล้ว หึ รถติดแน่นอน กว่าจะถึง กว่าจะได้กิน ไส้ขาดกันพอดี แล้วถ้าร้านปิดล่ะ
“ลุ้นเอา แต่ปกติป้าแกไม่ค่อยปิด” ฟาร์บอกเพื่อนรักอย่างให้กำลังใจ ส่วนใหญ่ป้าแกไม่ค่อยปิดร้านนอกเสียว่าจะไม่สบายหรือวันที่หมอนัด
การจราจรติดขัดเล็กน้อยถึงปานกลาง กว่าที่ทั้งคู่จะมาถึงร้านหมี่เ้าประจำได้ก็ใช้เวลาพอสมควร Lamborghini Aventador สีดำสนิทจอดเทียบริมฟุตบาทสร้างความแตกตื่นให้กับคนที่พบเห็นไม่น้อย จะมีก็เพียงป้าเ้าของร้านกับเด็กเสิร์ฟเท่านั้นที่ยิ้มรับอย่างเป็มิตรและดูไม่ตื่นเต้นนัก
“สวัสดีครับป้า” กลิ่นหอมของเครื่องเทศในน้ำซุปบะหมี่น้ำตกลอยปะทะเข้าจมูกั้แ่เปิดประตูรถ เกอร์ลงจากรถก็ตรงปรี่ไปหาป้าที่ยืนลวกบะหมี่อยู่หน้าเตาทันทีพร้อมทักทายอย่างเป็มิตร
“วันนี้รับอะไรดีลูก?” ป้ายิ้มตอบ ในสายตาเธอเด็กสองคนนี้ไม่ว่าจะนานแค่ไหนไม่เปลี่ยนเลย สุภาพ ยิ้มแย้ม และไปไหนไปกันตลอด
“ของผมเอาเหมือนเดิม 4 ชามครับ” เกอร์พูดยิ้มๆ พร้อมชูนิ้วมือขึ้นสี่นิ้ว
“ดูท่าจะหิวล่ะสิ” ป้ามองเกอร์อย่างอ่อนโยน
“แหะๆ หิวมากเลยครับ” เกอร์ลูบท้องเบาๆ
“ลูกล่ะเอาอะไร?” หลังจากได้คำตอบจากเกอร์แล้วป้าก็พยักหน้าเบาๆ ให้ฟาร์
“ของผมก็เหมือนเดิมครับ 2 ชาม” ฟาร์ตอบแล้วยกยิ้ม
“ไปนั่งรอที่โต๊ะเลย เดี๋ยวป้าให้เด็กเอาไปเสิร์ฟ” ป้าบอกแล้วเริ่มลงมือทำออร์เดอร์ต่อไปทันที เกอร์และฟาร์ก็เดินไปนั่งโต๊ะในสุดท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นหลายคู่ที่มองมา
“นี่ครับ” เด็กเสิร์ฟยื่นแก้วน้ำแข็งให้กับฟาร์และเกอร์
“ขอบใจน้อง ความจริงพี่ตักเองก็ได้” เกอร์บอกอย่างสนิทสนม เด็กเสิร์ฟคนนี้ทำงานอยู่กับป้าั้แ่อายุสิบแปดจนตอนนี้น่าจะอายุยี่สิบห้าได้แล้วมั้งถ้าเขาจำไม่ผิด เป็เด็กขยันและซื่อสัตย์
“ไม่เป็ไรครับ” เด็กเสิร์ฟพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมวางจานผักลงที่โต๊ะ
“บะหมี่มาแล้วจ้า” ป้าเดินมาพร้อมบะหมี่สองชามในมือ ซึ่งเป็โต๊ะเดียวเลยก็ว่าได้ที่ป้าเดินมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง
“ขอบคุณครับป้า” เกอร์และฟาร์รับถ้วยบะหมี่
“หือ อร่อยเหมือนเดิม” เกอร์เอาช้อนตักน้ำซุปขึ้นชิมก็ต้องเอ่ยชมทันที รสชาติคืออร่อยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“ปากหวานตลอด กินเหมือนเดิมตลอดไม่เบื่อหรอ?” ป้าถามทั้งคู่ยิ้มๆ เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ทั้งคู่ก็สั่งเส้นหมี่ขาวน้ำตกหมูพิเศษทุกครั้ง
“ไม่เบื่อครับ” เกอร์ตอบยิ้มๆ ส่วนฟาร์ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เกอร์ลงมือปรุงตามรสที่ตัวเองชอบ ฟาร์เองก็เริ่มปรุงเช่นกัน
“ว่าแต่่นี้ไม่ค่อยเห็นเลย งานยุ่งเหรอลูก?” ที่ต้องถามเพราะไม่เห็นทั้งคู่มาทานบะหมี่หลายเดือนแล้วเหมือนกัน ปกติมาบ่อยแทบทุกเดือน บางเดือนก็มาหลายครั้ง มาั้แ่ตอนเรียนจนถึงตอนนี้
“ใช่เลยครับ ทั้งผมทั้งไอ้ฟาร์งานยุ่งมาก” เกอร์ตอบมือก็ใช้ตะเกียบคีบเส้นบะหมี่เข้าปากไปด้วย ไม่ได้ห่วงหล่ออะไรทั้งนั้น
“ใจเย็นๆ ค่อยๆ กินเดี๋ยวสำลัก” ฟาร์ดุเพื่อนทันที เพราะกลัวจะสำลักเส้นบะหมี่
“แหะๆ” เกอร์ได้แต่ขำแห้งๆ ให้ฟาร์กับป้า
“ตามสบายเลยลูก ป้าไปทำหมี่เพิ่มให้ก่อน” หลังจากที่เห็นเกอร์กินแล้วป้าก็รีบขอตัวไปทำบะหมี่ชามใหม่ให้ทันที เพราะชามแรกเกอร์กินใกล้จะหมดแล้วในระหว่างที่พูดคุยกัน
“ไหนชิมของมึงหน่อยดิ” เกอร์พูดแล้วยิ้ม ฟาร์ก็เลื่อนชามบะหมี่ไปตรงหน้า เกอร์ใช้ช้อนของตัวเองตักน้ำซุบขึ้นชิม ซึ่งฟาร์ก็ไม่ได้ถืออะไร ปกติก็กินช้อนเดียวกัน เวลามีเซ็กส์ส่วนมากก็ทำด้วยกัน
“เป็ไง?” ฟาร์เลิกคิ้วถาม
“มึงปรุงเหมือนเดิมเป๊ะๆ” เกอร์พูดยิ้มๆ คือมันกินรสชาติเหมือนเดิมเลยจริงๆ เผ็ดร้อนจากพริกแห้งและพริกเผา เค็มหน่อยๆ เปรียวติดลิ้น แต่โดยรวมก็คือดี
“ของมึงก็รสชาติเดิม” ฟาร์ลองชิมของเกอร์ดูบ้าง สรุปไม่ต่างกัน กินยังไงก็อย่างนั้น ของเกอร์มันเติมแต่พริก พริก และพริกเผา เท่านั้น อร่อยหรือไม่อร่อยขึ้นอยู่กับน้ำซุปป้าทั้งนั้น
หลังจากที่หมดชามแรกป้าก็ให้เด็กเสิร์ฟยกชามถัดไปมาให้ทันทีจนครบตามที่สั่ง เพราะลูกค้าเริ่มเข้าร้านเยอะป้าจึงไม่มีเวลามาเสิร์ฟเอง ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทั้งฟาร์และเกอร์ก็กินจนหมด
“ป้าครับเพิ่ม 2 ชาม” เกอร์ะโบอกป้ายิ้มๆ
“ได้จ้า” ป้า
“มึงยังไม่อิ่ม?” ฟาร์ถามอย่างสงสัย สรุปมันหิวจริงๆ ใช่ไหม ตอนแรกเขาคิดว่ามันแค่อยากกินเฉยๆ
“อืม ของกู 1 ของมึง 1” เกอร์พยักหน้า
“กินดีๆ เลอะเสื้อหมดแล้ว” พอบะหมี่มาเกอร์ก็เริ่มกินต่อด้วยความรวดเร็วจนฟาร์ต้องดุ เพราะตอนนี้เสื้อสีขาวที่เกอร์สวมอยู่มีจุดเต็มไปหมด
“ไม่เป็ไรกลับห้องก็ถอดแล้ว” เกอร์ยกยิ้มเท่ๆ เลอะก็ซักออก
“เออๆ” ฟาร์ได้แต่ส่ายหน้า
พอกินเสร็จก็ลุกขึ้นไปจ่ายตังป้า ราคาก็ถูกเหมือนเดิม ฟาร์ไม่ลืมให้ทิปเด็กเสิร์ฟส่วนป้าก็ให้ไว้เพื่อเป็ค่ายาหมอเพราะป้าแกมีโรคประจำตัวต้องไปหาหมอเกือบทุกเดือน เคยจะพาป้าแกไปรักษาแต่แกไม่ยอมแกบอกเกรงใจ สรุปทั้งฟาร์และเกอร์เลยช่วยเท่าที่แกเต็มใจให้ช่วยแทน กว่าจะกลับกันได้ป้าแกก็ชวนโม้ซะยาวด้วยความที่แกตัวคนเดียวไม่มีลูกไม่มีหลานที่ไหนก็น่าจะเหงาเพราะวันๆ อยู่แต่กับเด็กเสิร์ฟเท่านั้น
“พุงกูจะแตกแล้วมึง” ขึ้นรถปุ๊บเกอร์ก็บ่นทันที มือก็ปลดกระดุมกางเกงไปด้วย
“ใครใช้ให้มึงแดกเยอะ” ฟาร์ได้แต่มองเพื่อนรักอย่างเวทนา คือไม่เหลือสภาพคนหล่อรวยแต่งตัวดูดีที่เพิ่งไปเดินห้างก่อนหน้านี้ไปเลย เสื้อเต็มไปด้วยจุดจำนวนมากสีน้ำตาลของน้ำซุปบะหมี่ ส่วนกางเกงก็ถูกถอดร่อนจะเกือบลงถึงขา นี่ถ้าตำรวจเรียกตรวจขึ้นมาไม่รู้ว่าจะโดนข้อหาอนาจารรึเปล่า
“ก็มันอร่อยนี่หว่า” เกอร์พูดด้วยรอยยิ้มร่า ไม่สนไม่แคร์สภาพตัวเองสักนิด
“เดี๋ยวว่างๆ จะพามาบ่อยๆ” ฟาร์ยิ้มอ่อน
“มึงพูดแล้วน่ะ” เกอร์หันควับไปมองฟาร์ทันที
“เออ”
@บริษัทพ่อ
เวลาพักผ่อนมันชั่งผ่านไปไวเหลือเกิน ตอนนี้เกอร์ก็ต้องมานั่งหัวฟูอยู่ที่บริษัทพ่อ ไหนจะงานบริษัทตัวเองอีกถึงเลขาจะช่วยได้เยอะก็ตามแต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมดอยู่ดี ่เที่ยงเกอร์โทรตามเลขาของตัวเองให้มาหาที่บริษัทของพ่อพร้อมหอบงานที่เขาต้องเซ็นมาด้วย ในเมื่อเขาไม่ว่างที่จะเข้าไปก็ให้เลขามาหาที่นี่แทน
“พี่ฟ้ากับพี่คราม ่เย็นเข้าไปคุยกับลูกค้าแทนผมหน่อย” เกอร์บอกพี่เลขาสุดหล่อทั้งสอง
“จะดีเหรอครับ ลูกค้ารายวีไอพีเลยน่ะ?” ฟ้าถามอย่างเป็กังวล ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทปกติเกอร์จะเป็คนพูดคุยและทำสัญญาด้วยตัวเอง
“ครับ” ครามตอบเสียงเรียบ
“เห้อะน่าพี่ฟ้า เดี๋ยวผมโทรหาเขาเอง พี่ครามก็ไปด้วยผ่านฉลุย” เกอร์บอกพี่ฟ้าแล้วยกยิ้มอย่างให้กำลังใจ พยักหน้าให้พี่ครามเบาๆ ทั้งคู่เป็เลขาของเขาั้แ่เริ่มสร้างบริษัทเลยก็ว่าได้ แรกๆ พี่ฟ้าก็ไม่ค่อยถูกกับพี่ครามสักเท่าไหร่แต่หลังๆ มานี่รักกันเฉย
“ครับๆ” ฟ้าตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้
“งานบริษัทพ่อโคตรเยอะเลยพี่ก็เห็น” เกอร์พูดเสียงเศร้าแล้วมองเอกสารกองโตบนโต๊ะทำงาน
“ครับ สู้ๆ” ฟ้าพูดอย่างให้กำลังใจ
“ขอบใจพี่ ฝากบริษัทนู้นด้วย งานที่ผมต้องเซ็นมีแค่นี้แล้วใช่ไหม?” เกอร์ถามเพราะแฟ้มที่ต้องเซ็นของบริษัทนำเข้าแอลกอฮอล์มีให้เซ็นแค่แปดแฟ้มเท่านั้น
“ครับ” คราม
เกอร์อ่านข้อมูลอย่างละเอียดก่อนที่จะจรดปากกาเซ็นชื่อลงไป
“กูอยู่ตรงนี้ข้างมึงเสมอ”
…………………………………………………
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้