เื่ที่หลงอวี้สามารถฝึกฝนวรยุทธ์ได้แล้ว สำหรับเฟิงฉางเกอแล้วนับเป็เื่ที่น่ายินดีเป็ที่สุด
เื่ที่หลงอวี้ไม่สามารถฝึกฝนวรยุทธ์ได้เป็ปมในใจของเฟิงฉางเกอมาตลอด เพราะผู้ที่ไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้ในโลกที่วรยุทธ์คือทุกสิ่งเช่นนี้ มิต่างอะไรกับเศษสวะไร้ค่า!
“ ข้าทำได้แล้วท่านพ่อ ข้าได้ก้าวเข้าสู่วรยุทธ์ขั้นที่หนึ่งแล้ว ”
หลงอวี้พยักหน้าพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ ไม่เลว ไม่เลว! คิดไม่ถึงว่าเ้าจะพบโชคดีในโชคร้าย นับว่าเป็ปาฏิหาริย์โดยแท้ ”
สีหน้าของเฟิงฉางเกอเปี่ยมไปด้วยความยินดี เขายื่นมือมาจับข้อมือของหลงอวี้ไว้ พอลองตรวจสอบดูก็พบว่าชีพจรภายในร่างของหลงอวี้มีลมปราณอ่อนๆ ไหลเวียนอยู่ นี่เป็พื้นฐานของวรยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง ตอนนี้ชีพจรของหลงอวี้ไม่ได้อุดตันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เฟิงฉางเกอทั้งดีใจและโล่งอกที่หลงอวี้พ้นภัย เพราะหากหลงอวี้ถูกไอ้บ่าวรับใช้สองคนนั้นฆ่าตายไปจริงๆ เขาต้องรู้สึกผิดไปชั่วชีวิตแน่นอน
“ แต่พ่อบุญธรรมขอรับ เพื่อที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ ข้าได้จัดการบ่าวรับใช้สองคนนั้นทิ้งไป... ”
หลงอวี้กระอักกระอ่วนเล็กน้อย ถึงอย่างไรเ้าสองคนนั้นก็เป็บ่าวรับใช้ที่ทำงานให้กับตระกูลเฟิงมาเนิ่นนาน
“ ไม่เป็ไร พวกมันอยากฆ่าคนแต่กลับด้อยฝีมือ เช่นนั้นให้ถือเสียว่ารนหาที่ตาย ”
เฟิงฉางเกอโบกมือพร้อมส่งยิ้มให้หลงอวี้ “ เ้าเพิ่งจะเข้าสู่วิถีวรยุทธ์ก็เอาชนะบ่าวรับใช้ได้ถึงสองคนแล้ว ดูท่าพร์ด้านการต่อสู้คงจะสูงไม่เบา ต่อจากนี้เ้าต้องตั้งใจฝึกฝนให้มาก อนาคตขึ้นอยู่กับตัวเราเอง!”
อนาคตขึ้นอยู่กับตัวเราเอง!
หลงอวี้พยักหน้ารับอย่างจริงจัง ปรัชญาข้อนี้เขาย่อมรู้ดี
ในเส้นทางแห่งวรยุทธ์นั้น ต่อให้เป็อัจฉริยะที่ร้ายกาจราวกับปีศาจ ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะสามารถเดินไปถึงปลายทางได้ เส้นทางสายนี้อันตรายสุดประมาณ มีเพียงผู้ที่รักษาอุดมการณ์ของตัวเองได้หนักแน่น และพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อฝ่าฟันอุปสรรคที่ขวางกั้นเท่านั้น จึงจะสามารถขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้!
“ เอาล่ะ เ้าไม่ต้องคิดมาก ”
เฟิงฉางเกอเมื่อเห็นหลงอวี้มีสีหน้าเคร่งเครียดก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยนไม่ได้ เขาตบบ่าของหลงอวี้เบาๆ “ เดิมทีข้าเตรียมโอสถหยกวิเศษไว้ให้เหยาเอ๋อร์หนึ่งเม็ด แต่นางรีบไปจนข้าไม่ทันได้มอบให้ ในเมื่อเ้าเพิ่งเข้าสู่วิถีวรยุทธ์ เช่นนั้นข้าขอมอบโอสถนี้ให้เ้าแทนก็แล้วกัน ”
กล่าวจบ ก็หยิบขวดยาขนาดเล็กที่ทำขึ้นอย่างประณีตขวดหนึ่งจากอกเสื้อมอบให้หลงอวี้
“โอสถหยกวิเศษ! ”
หลงอวี้ถึงกับตะลึง โอสถนี้มัน…!
ในแผ่นดินเทียนอวี้นั้น โอสถมีส่วนช่วยในเื่การฝึกบำเพ็ญพลังของเหล่าผู้ฝึกวรยุทธ์เป็อย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่เกิดในตระกูลใหญ่ทั้งหลายหากได้กินโอสถสมุนไพรวิเศษั้แ่ยังเล็กละก็ ย่อมได้เปรียบในการฝึกฝนกว่าคนทั่วไปหลายเท่า
“ โอสถหยกวิเศษเป็โอสถระดับต่ำ ถึงกระนั้นก็น่าจะได้ผลลัพธ์มหาศาลแก่เ้า ”
เฟิงฉางเกอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ เ้ารับไปเถิด รีบกินโอสถนี่เสีย การฝึกวิชาจะมัวชักช้าไม่ได้ ”
“ ขอรับ พ่อบุญธรรม ”
หลงอวี้ไม่ปฏิเสธ เพราะตัวเขาก็้าโอสถมากจริงๆ
อย่างที่เฟิงฉางเกอบอกไว้ ถึงโอสถหยกวิเศษนี้จะเป็โอสถระดับต่ำที่สุด ต่อให้เป็เฟิงฉางเกอก็ใช่ว่าจะหามาได้ง่ายๆ !
โอสถหยกวิเศษหนึ่งเม็ดมีมูลค่ามากพอจะทำให้ครอบครัวเล็กๆ กินอยู่สุขสบายอย่างน้อยสิบปี
เขารับขวดบรรจุโอสถหยกวิเศษมาและบอกลาเฟิงฉางเกอ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังบ้านหลังเล็กที่เขาอาศัยอยู่
เฟิงฉางเกอยืนอยู่หน้าประตูห้องโถงใหญ่เฝ้ามองแผ่นหลังของหลงอวี้ที่ค่อยๆ เลือนหาย เขาลอบพยักหน้าด้วยความโล่งใจ
‘ ท่านนายพล ในที่สุดบุตรชายของท่านก็ได้ก้าวเข้าสู่วิถีวรยุทธ์แล้ว ข้าเองก็คาดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้... ’
ระหว่างที่เขากำลังนึกถึงเื่ราวในอดีต หยดน้ำตาก็ไหลจากดวงตาของเฟิงฉางเกอ!
่เวลาที่เขาควบม้าติดตามท่านนายพลไปฆ่าเหล่าอริราชศัตรูนับพันลี้ มิอาจหวนกลับมาได้อีกแล้ว หากหลงอวี้ประสบความสำเร็จในวิถีวรยุทธ์ได้ ชีวิตของเฟิงฉางเกอก็ไม่มีสิ่งใดให้เสียใจอีก
...
ระหว่างที่หลงอวี้เดินทางกลับที่พัก จู่ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งกระโจนออกมาจากข้างทาง
“ ไอ้สวะไร้ประโยชน์ จำได้ไหมว่าวันนี้เป็วันอะไร ”
ชายหนุ่มที่สวมชุดผ้าไหมหรูหราพูดขึ้น พร้อมให้บ่าวรับใช้ตระกูลเฟิงสองคนมาขวางทางหลงอวี้ ชายหนุ่มจองหองผู้นั้นจ้องหลงอวี้ด้วยแววตาเหยียดหยาม บ่าวรับใช้สองคนนั้นก็เช่นกัน
เฟิงลั่ว!
หลงอวี้อดแสยะยิ้มมิได้ “ ที่แท้ก็นายน้อยเฟิงลั่ว วันนี้คือวันอะไรงั้นหรือ ไยข้าจำไม่ได้เล่า ”
ในอดีตตอนที่หลงอวี้ไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้นั้น เฟิงลั่วผู้นี้มักใช้ฐานะนายน้อยตระกูลเฟิงพาพวกมารุมกระทืบหลงอวี้อยู่บ่อยครั้ง หนำซ้ำยังชอบปล้นเงินเดือนของเขาไปอีก
“ หึ อย่ามาทำไขสือ ”
เฟิงลั่วผู้หยิ่งผยองกระแทกเสียง “ ส่งเงินเดือนมาให้ข้าเสียเถิด ไอ้สวะที่ฝึกวิชาไม่ได้เช่นเ้าจะ้าเงินมากมายไปทำไม สิ้นเปลืองยิ่งนัก มิสู้เอามาให้นายน้อยอย่างข้าใช้ยังดีเสียกว่า ข้าจะได้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นอย่างไรเล่า! ”
เมื่ออยู่ต่อหน้าไอ้สวะอย่างหลงอวี้ ใบหน้าหยิ่งผยองของเขาก็แทบจะเชิดขึ้นฟ้า
ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เขาเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์ขั้นที่สามกันเล่า
แม้วรยุทธ์ขั้นสามจะไม่ใช่สิ่งที่วิเศษวิโสสำหรับผู้อื่น แต่สำหรับเศษสวะอย่างหลงอวี้แล้ว พลังของมันแข็งแกร่งมาก นั่นหมายความว่าเฟิงลั่วจะกลั่นแกล้งอีกฝ่ายอย่างไรก็ย่อมได้!
“ เงินที่เ้าปล้นไปจากข้าไป มีครั้งใดบ้างที่เ้าเคยใช้กับการฝึกฝน เ้าล้วนแล้วแต่เอาไปใช้เที่ยวเล่นเสเพลทั้งนั้น! ”
หลงอวี้หัวเราะเย้ยหยัน “ เงินที่ให้เ้าไปต่างหากที่เรียกว่าสิ้นเปลือง ”
“ไอ้สวะ วันนี้เ้ากินยาลืมเขย่าขวดหรือ อยากโดนกระทืบอีกสักหนใช่หรือไม่ ”
เฟิงลั่วไม่คิดว่าหลงอวี้จะขัดขืนเขาเช่นนี้ ยามปกติมันต้องยอมให้เขามิใช่หรือ
แน่นอนว่าเขามิอาจล่วงรู้ว่าหลงอวี้ได้ก้าวเข้าสู่วิถีวรยุทธ์แล้ว พลังของหลงอวี้ในตอนนี้ไม่ได้ต่างจากพลังของเขามากเหมือนในอดีต ที่ผ่านมาหลงอวี้ถูกรังแกมาตลอด บัดนี้เมื่อมีพลังแล้ว มีหรือที่เขาจะทนได้!
‘ ช่างพอเหมาะ ข้าจะได้ทดสอบดูว่าสามารถต่อกรกับพวกขั้นสามได้หรือไม่...’
หลงอวี้คิดเช่นนั้น
ในด้านพลังเขาอาจสู้กับเฟิงลั่วได้ไม่เต็มที่ แต่ด้วยประสบการณ์สังหารคนมากมายจากชาติที่แล้ว ผนวกกับพละกำลังของเขาในตอนนี้ที่มีถึงสองพันชั่ง ก็พอมีโอกาสชนะเฟิงลั่วได้
ในตอนนั้นก็มีเสียงตะคอกดังจากด้านข้าง
“ หยุดนะ! เฟิงลั่ว เ้ากำลังทำอันใด ”
ร่างของเฟิงฉางเกอปรากฏขึ้นใกล้กับที่เกิดเหตุ
“ เฟิงฉางเกอ ”
เฟิงลั่วหน้าถอดสีทันที จากนั้นก็กัดฟันพูด “ พวกเราไปเถอะ ไอ้เศษสวะ วันนี้ถือว่าเ้าโชคดี ”
พอพูดจบก็พาบ่าวรับใช้ทั้งสองคนจากไป
‘ โชคดีงั้นหรือ ’
หลงอวี้มองร่างของเฟิงลั่วที่เดินจากไป เขาหัวเราะออกมาอย่างเ็า
‘ ยังบอกไม่ได้หรอกว่าใครกันแน่ที่โชคดี! ’
หลังจากเฟิงฉางเกอตะคอกเฟิงลั่วจนต้องถอยไปแล้วก็ไม่เดินเข้ามาหา เขาเพียงยืนยิ้มให้หลงอวี้จากไกลๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
หลงอวี้ดูแผ่นหลังของเฟิงฉางเกออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลับหลังหันและเดินต่อไปเช่นกัน
“ เฟิงลั่ว ยังมีพี่ใหญ่ที่ชื่อเฟิงอวิ๋นอีกคน พี่ใหญ่ของเขาได้รับการฝึกฝนในสำนักลัทธิสยบฟ้าที่เป็หนึ่งในเจ็ดสำนักลัทธิที่ใหญ่ที่สุดของอาณาจักรต้าถังเป็เวลายาวนาน จวบจนตอนนี้เขาได้กลายเป็ลูกศิษย์แนวหน้าของสำนักเป็ที่เรียบร้อย...”
หลงอวี้เดินไปยังบ้านพักของตัวเองพร้อมคิดในใจว่า “ ในฐานะที่เป็ลูกศิษย์ระดับแนวหน้าของสำนักลัทธิสยบฟ้า เกรงว่าระดับพลังของเฟิงอวิ๋นคงไม่ได้ด้อยไปกว่าพ่อบุญธรรมสักเท่าไร และที่สำคัญคือยังอายุน้อย เกรงว่าตระกูลเฟิงหลังจากนี้จะตกอยู่ในเงื้อมมือของเฟิงอวิ๋นแน่ ”
ที่เฟิงลั่วโอหัง แถมยังกล้าด่าทอท้าทายหลงอวี้อย่างเปิดเผย ถึงขั้นไม่เห็นเฟิงฉางเกอในสายตาเช่นนี้ สาเหตุเพราะเขามีพี่ใหญ่ที่ฝึกวิชาอยู่ในสำนักลัทธิสยบฟ้าอย่างเฟิงอวิ๋นอยู่นั่นเอง
ในงานรวมสมาชิกตระกูลเฟิงที่จัดขึ้นทุกปี เฟิงเหยามักจะพ่ายแพ้ให้เฟิงอวิ๋นอยู่เสมอ จึงเป็ที่ประจักษ์ว่าความสามารถของเฟิงอวิ๋นผู้นี้ร้ายกาจมากเพียงใด
“ หากข้าสามารถยกระดับพลังได้เร็ว บางทีข้าอาจจะช่วยอะไรพ่อบุญธรรมได้บ้าง ”
หลงอวี้ตัดสินใจแล้ว เฟิงฉางเกอมีพระคุณกับเขาใหญ่หลวงปานูเา เขาจะทนดูอีกฝ่ายถูกผู้อื่นชิงตำแหน่งประมุขไปหน้าตาเฉยได้อย่างไร
เขาถือขวดบรรจุโอสถหยกวิเศษไว้ในมือ ก้าวเท้าเดินต่อไป คราวนี้ทุกย่างก้าวของเขาหนักแน่นขึ้นกว่าเดิม!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้