หลินฮวาเหนียนะโเสียงดัง
ทหารที่อยู่ด้านหลังวิ่งเข้าไปแยกกลุ่มคนที่กำลังชุลมุนอยู่ตรงหน้า ชาวเมืองที่ยืนดูอยู่โดยรอบต่างก็พากันถอยออกไป
ต่อจากนั้น หลินฮวาเหนียนถึงได้ก้าวเดินเข้ามา
นางเว่ยถูกทหารจับเอาไว้ เมื่อได้สติกลับมาและหันมามองก็พบกับนายท่านที่ไปปกป้องชายแดนอยู่หลายปี “นาย...นายท่าน”
พอเห็นปฏิกิริยาของผู้เป็แม่ หลินเสี่ยวฉีที่อยู่ข้างกายจึงเงยหน้ามอง “ท่าน...ท่านพ่อ!”
หลินเหลียงกับฉินข่ายก็ถูกจับตัวเอาไว้เช่นกัน
“ท่านพ่อ” หลินเหลียงที่ไม่มีเสื้อผ้าปกปิดร่างกายคงอับอายที่สุด
ฉินข่ายไม่สนว่าใครจะมา เพราะอย่างไรตอนนี้เขาก็สู้อะไรไม่ได้ ได้แต่หันไปะโด้วยความโมโห
“หลินเหลียง!” ฉินข่ายชี้นิ้วมาทางตระกูลหลิน “พวกเ้ารอข้าก่อนเถอะ!”
หลังจากนั้น เขาพาเด็กชายคนนั้นกลับเข้าไปในหอเหลียนชุน เด็กหนุ่มในหอเหลียนชุนคนนี้คือคนที่เขาแอบชอบ ทุกวันเขาจะควักเงินจำนวนมากเพื่อเรียกให้มารับใช้และป้องกันไม่ให้คนอื่นมาข้องเกี่ยว
เขาทะนุถนอมมาตลอด ไม่เคยแตะต้องแม้แต่ปลายเล็บ แต่ก็ถูกเ้าหลินเหลียงนั่นมาเด็ดดอกไม้แสนสวยของเขาไป
หากบิดาของเขาหรือฉินฉือไม่ใช่คนเข้มงวดแล้วล่ะก็ เขาคงซื้อเด็กคนนี้แล้วพากลับไปเป็นางบำเรอของเขาแล้ว
ฉินข่ายรู้มานานแล้วว่าหลินเหลียงก็สนใจเด็กคนนั้นเช่นนั้น แต่คิดว่ามีตนเองอยู่ อีกฝ่ายคงไม่กล้าลงมือทำอะไร
ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะอาจหาญถึงเพียงนี้
หลินฮวาเหนียนให้คนคุมตัวฟูเหรินกับบุตรทั้งสองของตนเองกลับจวน
.........
ในจวนแม่ทัพฮวาเวย
“โอ้ย โอ้ย อึก” หลินเหลียงนอนอยู่บนม้านั่งตัวยาว ร่างของเขาถูกทุบตีด้วยท่อนไม้ยาวจนเ็ปไปทั้งกาย
“นายท่าน นายท่าน เหลียงเอ๋อร์สำนึกผิดแล้ว ให้อภัยเขาเถิดเ้าค่ะ”
นางเว่ยทรุดตัวลง นั่งกอดขาหลินฮวาเหนียนพลางร้องไห้สะอื้น
หลินเสี่ยวฉีคุกเข่าอยู่ในห้องโถงใหญ่ ร่างกายสั่นเทา พยายามอดกลั้นความกลัว ไม่กล้าแม้แต่ส่งเสียง น้ำตาไหลร่วงลงมาอาบแก้ม
ละครฉากใหญ่ต้อนรับปีใหม่สร้างความโกลาหลไปทั่วเมืองหลวง คนในจวนหลายคนต่างก็ทราบว่าแม่ทัพฮวาเวยกลับมาถึงแล้ว
นางซ่ง นางเฉินและหลายๆ คนมาที่ห้องโถงก็พบกับหลินฮวาเหนียนที่กำลังโกรธเกรี้ยว
หากเป็ปกตินางซ่งคงจะเยาะเย้ย แต่เมื่อเห็นหลินฮวาเหนียนใช้วิธีทำโทษเช่นนั้น กระทั่งส่งเสียงก็ยังไม่กล้า
“ให้อภัยงั้นหรือ ข้าไม่อยู่ เ้าดูแลคนใจจวนให้ข้าเช่นนี้หรือ ดูสิว่าเ้าสอนพวกเขาจนกลายเป็อย่างไร!” หลินฮวาเหนียนดันนางเว่ยออกห่างจากตัว
หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลง หนวดที่อยู่ใต้จมูกขยับไปมา ดวงตาแดงก่ำ
หลินฮวาเหนียนเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว อายุถือว่าไม่น้อย แต่เขาฝึกทหารมาหลายปี ร่างกายจึงยังคงแข็งแรงอยู่ ไม่อย่างนั้นคงหมดแรงไปแล้ว
“บุตรชายของข้าค้างอ้างแรมอยู่ที่หอนางโลม เสื้อผ้าหลุดลุ่ยอยู่กลางถนน ต่อยตีกับคนอื่นเพื่อแย่งเด็กหนุ่ม คนเป็แม่พาลูกสาวไปเปิดโปง? แม่ของพวกเ้าช่างทำให้ข้าอับอายขายหน้าเสียจริง”
“ไม่ใช่นะเ้าคะนายท่าน เป็หลินหร่านที่ทำเื่น่ารังเกียจเช่นนี้ ข้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้กลายเป็หลินเหลียง เขาต้องถูกกล่าวหาเป็แน่เ้าค่ะ”
มาถึงตอนนี้ นางเว่ยรีบกล่าวถึงหลินหร่าน เป็การเตือนความจำของหลินฮวาเหนียน
ว่าแล้วหลินหร่าน บุตรชายของเขาล่ะ?
“หร่านเอ๋อร์ล่ะ?” หลินฮวาเหนียนมองไปรอบๆ นอกจากเหล่าอนุภรรยา บุตรชายบุตรสาวและคนรับใช้ที่พากันยืนตัวสั่นเทา ตกตะลึงจนไม่กล้าจะส่งเสียง เขาไม่เห็นหลินหร่านเลย
เวลานี้เอง นางเว่ยจึงรีบคว้าโอกาสสุดท้ายนี้ราวกับเป็ฟางเส้นสุดท้าย
“เมื่อคืนหลินหร่านไม่อยู่ที่จวน มีคนเห็นว่าเขาชอบไปที่หอเหลียนชุนกับคนผู้หนึ่ง เื่นี้เกิดขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว ข้าก็พึ่งแน่ใจเมื่อไม่นานมานี้ วันนี้จึงพาคนเพื่อไปจับให้ได้คาหนังคาเขา…”
หลินฮวาเหนียนไม่รู้ว่าตนเองควรจะเชื่อคำพูดของฟูเหรินหรือไม่
หร่านเอ๋อร์ของเขาจะทำเื่เช่นนั้นได้อย่างไร เพราะเขาเป็บุตรที่เชื่อฟังที่สุด
“หลินหร่านถูกแต่งตั้งให้อภิเษกสมรสกับจ้านหวังแล้ว แต่ยังมีสัมพันธ์ลับกับคนอื่น นี่ไม่นับเป็การหลอกลวงท่านอ๋องหรือเ้าคะ ที่ข้าทำไปก็เพื่อตระกูลหลิน นายท่าน…” นางเว่ยเช็ดน้ำตาที่ไหลริน ใบหน้าแสร้งเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม สื่อเป็นัยว่านางไม่ผิด
หลินฮวาเหนียนยังไม่ทันเอ่ยอะไร พ่อบ้านก็รีบเปิดประตูวิ่งเข้ามา เขาะโออกไปด้วยท่าทีตระหนก “นายท่าน นายท่าน”
“มีเื่อันใดอีก” หลินฮวาโยนเื่ในจวนทิ้งไปก่อน เขาถอนหายใจก่อนเอ่ยถามอย่างใจเย็น
“จ้านหวังเสด็จมาขอรับ”
“หา? รีบไปกราบทูลเชิญเข้ามา” หลินฮวาเหนียนรู้สึกแปลกใจ แต่ก็รีบสั่งให้ไปเชิญเข้ามา
“ขอรับ” พ่อบ้านตอบรับ
หลินฮวาเหนียนใจเต้นรัว หรือว่าท่านอ๋องจะได้ยินอะไรมา ถึงได้มาเพื่อถามข้อข้องใจ หรือเื่ที่นางเว่ยไปจัดการเื่ผิดประเวณีของหลินหร่านจะกระจายไปทั่ว?
สีหน้าของนางเว่ยดูมีความสุขกว่าก่อนหน้านี้มากนัก เพราะตอนนี้หลินหร่านไม่อยู่ หากท่านอ๋องผู้นั้นไปได้ยินอะไรเข้าจริง แบบนี้ก็เท่ากับว่านางสามารถสร้างเื่ ‘ใส่สีตีไข่’ ใส่หลินหร่านได้
อีกทั้งนางเว่ยไม่เชื่อหรอกว่าหลินหร่านจะไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะหากนางไม่ได้รับข่าวยืนยันมา นางย่อมไม่คิดลงมือ
ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงดังมาจากหน้าประตู เสียงค่อยๆ ใกล้เข้ามา หลังจากมองผ่านกำแพงไม้แกะสลักไปทุกคนก็ต้องประหลาดใจ
เหตุใดหลินหร่านถึงได้อยู่กับท่านอ๋อง? เดี๋ยวก่อน แล้วเหตุใดทั้งคู่จึงเดินจับมือกัน
หลังจากอวี้ฉู่จาวเดินเข้ามาใกล้ หลินฮวาเหนียนก็คุกเข่าลงทำความเคารพ “ถวายบังคมจ้านหวัง”
จากนั้นทุกคนก็พากันคุกเข่า
ใบหน้าของนางเว่ยเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ชายผู้มีน้ำเสียงเ็า ใบหน้าไร้ความรู้สึก ร่างกายกำยำแข็งแกร่ง ผู้ที่เห็นต่างพากันขยาด
เมื่อหลินฮวาเหนียนลุกขึ้นยืน คนในตระกูลหลินคนอื่นจึงลุกขึ้นตาม
“จ้าน…”
“ไปสิ”
ในขณะที่หลินฮวาเหนียนกำลังจะเอ่ยกลับถูกขัดขึ้นมาเสียก่อน
อวี้ฉู่จาวหันไปพูดกับหลินหร่านที่อยู่ข้างกายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หลินฮวาเหนียนมองดูบุตรชายคนเล็กของตนที่พยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่ายก่อนจะเดินมาหาตนเอง
“คารวะท่านพ่อ” ดูออกเลยว่าหลินหร่านกำลังตื่นเต้นไม่น้อย
ภายหลังเจ็ดปีที่แสนยาวนาน หลินฮวาเหนียนได้พบกับหลินหร่านอีกครั้ง ในใจยังคงคิดถึงอยู่เสมอ เขามองหลินหร่านที่สวมชุดหรูหรา เป็เื่น่ายินดีที่เห็นบุตรชายได้มีชีวิตที่ดี
หลินฮวาเหนียนพยักหน้ารับ ลูบหัวหลินหร่านด้วยรอยยิ้มแล้วถาม “หลายปีมานี้เ้าสุขสบายดีหรือไม่”
ไม่รู้ว่าในใจยังคงมีความรู้สึกของเ้าของร่างเดิมอยู่หรืออย่างไร เมื่อได้ยินหลินฮวาเหนียนไตร่ถามเช่นนั้นพลันรู้สึกน้อยใจ ครู่เดียวรอบดวงตาก็แดงขึ้นมาจนน้ำตาเอ่อล้น
“เ้าเป็อะไร” หลินฮวาเหนียนเห็นบุตรชายน้ำตาคลอ ได้แต่ขมวดคิ้วถาม
หลินหร่านส่ายหัว ยกมือขึ้นเช็ดรอบดวงตาถึงทำให้รู้ว่าดวงตาของตนกำลังชุ่มไปด้วยน้ำตา
อวี้ฉู่จาวสังเกตเห็นเช่นนั้นจึงเดินเข้าไปดึงหลินหร่านมาอยู่ตรงหน้าตน แล้วคอยเช็ดหยดน้ำตาให้
“ท่านแม่ทัพ วันนี้เปิ่นหวังมาฟ้องร้องให้กับอวิ๋นซี”
หลินฮวาเหนียนไม่เข้าใจ ฟ้องร้อง? แล้วใครคืออวิ๋นซี?
“อวิ๋นซีคือบุตรชายของเ้า หลินหร่าน คนที่เปิ่นหวังจะฟ้องร้องก็คือฟูเหรินเว่ย”
ถ้อยคำของอวี้ฉู่จาวยิ่งทำให้หลินฮวาเหนียนสับสนไปกันใหญ่
“ว่าอย่างไรนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ต้องรีบร้อน รอผู้ว่าการเมืองหลวงมาก่อน เื่นี้คงตัดสินแบบส่วนตัวไม่ได้ ต้องได้รับการตัดสินต่อสาธารณะเท่านั้น”
นางเว่ยคุกเข่าอยู่บนพื้น วันนี้นางคิดว่าตนเองต้องมีสิทธิ์ชนะ เพราะได้ก่อเื่อันใหญ่หลวงและทำให้หลินฮวาเหนียนหันไปสนใจในความสัมพันธ์ลับของหลินหร่านได้แล้ว
ทว่า ท่านอ๋องผู้นี้กลับพาหลินหร่านเข้ามาโดยพลัน ทำให้นางสับสนยิ่งนัก
หลินเหลียงก็ถูกตีจนไม่มีแรง นอนอยู่ตรงมุมหนึ่ง ส่วนหลินเสี่ยวฉีก้มหัวคุกเข่าอย่างกับ้าพรางตัว
คนอื่นๆ ต่างก็ถูกอวี้ฉู่จาวทำให้ใกันไปหมดจึงอยู่ในกฎระเบียบ แม้อยากจะดูเื่ที่น่าเต้นนี้ก็ไม่กล้าที่จะดูเต็มตานัก
------------------------------------------