บทที่ 6: กระท่อมไม้ริมป่าชายเขา
วินาทีสุดท้ายมาถึง...
สายตาของ หลินเย่วชิง จดจ้องไปยังตัวเลขนับถอยหลังในวงล้อจักรวาลอย่างไม่กะพริบ หัวใจของเธอเต้นระรัวรุนแรงจนราวกับจะหลุดออกมาจากอก มันคือส่วนผสมของความตื่นเต้นสุดขีด ความกังวลที่กัดกินใจ และความหวังที่เจิดจ้า ภาพฝันที่เคยวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่ากำลังจะกลายเป็ความจริงที่จับต้องได้ในอีกไม่กี่อึดใจ การเป็ภรรยาของ เหว่ยหลง... การเป็แม่ของลูกแฝดสาม... บทบาทที่เธอไม่เคยจินตนาการถึงกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
เธอคว้าเ้าเสี่ยวตง แมวสีดำคู่ใจเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนแน่น ราวกับเป็สิ่งยึดเหนี่ยวสุดท้ายในโลกที่เธอกำลังจะจากไป เ้าเหมียวเองก็ดูเหมือนจะรับรู้ถึงความรู้สึกของเ้านาย มันขดตัวนิ่งอยู่ในอ้อมกอด สายตาสีอำพันของมันจ้องมองใบหน้าเธออย่างไม่กะพริบ ก่อนจะร้องออกมาเบาๆ "เมี๊ยว..." เหมือนจะบอกว่า 'ไม่ต้องกลัว... ฉันอยู่นี่'
[00 : 00 : 00 : 01]
[00 : 00 : 00 : 00]
ติ๊ก!
ทุกอย่างหยุดนิ่ง...
วงล้อแห่งจักรวาลหยุดหมุนเพียงชั่วอึดใจ ก่อนที่แสงสีเขียวมรกตจะสว่างจ้าขึ้นมา และวงล้อแห่งกาลเวลาก็เริ่มหมุนย้อนกลับอย่างทรงพลัง! หลินเย่วชิง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลิ่นอายของห้องคอนโดที่คุ้นเคยเป็ครั้งสุดท้าย มันหมุนจากความเร็วช้าๆ ก่อนจะเร่งขึ้น...เร็วขึ้น...และเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็พายุหมุนแห่งแสงสีที่บ้าคลั่ง เสียงหวีดหวิวของกาลเวลาที่ไหลย้อนกลับดังก้องไปทั่วห้อง
"มาแล้ว... มันกำลังจะเกิดขึ้นจริงๆ" หลินเย่วชิง พึมพำกับตัวเอง
วินาทีต่อมา ร่างของเธอก็รู้สึกเหมือนถูกกระชากอย่างรุนแรง! มันไม่ใช่แค่การดึง แต่เป็ความรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะถูกฉีกเป็ชิ้นๆ และประกอบขึ้นมาใหม่ในเวลาเดียวกัน ทุกสิ่งรอบกาย ทั้งเฟอร์นิเจอร์ ผนังห้อง หรือแม้แต่อากาศที่เธอหายใจ เริ่มสลายตัวกลายเป็อนุภาคแห่งแสงที่ไหลวนเข้าไปในใจกลางของวงล้อ เธอหลับตาปี๋ กอดเสี่ยวตงแน่นขึ้นไปอีก ความรู้สึกเหมือนถูกเหวี่ยงไปในเครื่องซักผ้าขนาดั์ทำให้เธอแทบจะหมดสติ
เสียงทุกอย่างเงียบลง เหลือเพียงเสียงหัวใจของเธอที่เต้นระรัวอยู่ในความมืดมิดและว่างเปล่า
"ไม่ต้องกลัวนะ เสี่ยวตง... ไม่ต้องกลัว..." เธอพูดปลอบใจตัวเองและเพื่อนสี่ขา แม้ว่าเธอเองก็ไม่รู้ว่าปลายทางที่กำลังจะไปนั้นคือ์หรือนรกกันแน่
ทันใดนั้น! ทุกอย่างก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ความรู้สึกเหมือนถูกโยนลงมาจากที่สูงแล้วกระแทกเข้ากับบางอย่างอย่างแรงทำให้เธอจุกจนหายใจไม่ออก ก่อนที่สติของเธอจะดับวูบไป...
กลิ่นอับชื้นของดิน... กลิ่นไม้เก่าๆ ... และกลิ่นจางๆ ของความเจ็บป่วย คือสิ่งแรกที่ปะทะเข้ากับโสตประสาทของ หลินเย่วชิง
ดวงตาของเธอยังคงปิดสนิท แต่ในใจกลับเต้นระทึกด้วยความสับสน เธอยังไม่กล้าพอที่จะลืมตาขึ้นมาเผชิญหน้ากับความจริง ความเ็ปแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของร่างกาย มันไม่ใช่ความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักที่เธอคุ้นเคย แต่มันเป็ความเ็ปรวดร้าวที่ฝังลึกอยู่ในกระดูก เป็ความเมื่อยล้าจากการตรากตรำทำงานหนักและภาวะขาดสารอาหารมาเป็เวลานาน
ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจรวบรวมความกล้าและลืมตาขึ้น...
ความมืดสนิท...
บรรยากาศรอบตัวมืดจนมองไม่เห็นอะไร มีเพียงแสงสว่างเพียงน้อยนิดที่สาดส่องลอดผ่านช่องประตูไม้เข้ามายังห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่เธออยู่ ร่างกายนี้... ไม่เหมือนเดิมเอาเสียเลย มันอ่อนแอและบอบช้ำเกินกว่าที่เธอจะจินตนาการได้ หลินเย่วชิง พยายามยันตัวเองลุกขึ้นจากแคร่ไม้ไผ่เก่าๆ อย่างทุลักทุเล ทุกการเคลื่อนไหวสร้างความเ็ปไปทั่วร่าง เธอใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะพาตัวเองไปถึงประตูไม้ผุพังบานนั้นได้
เมื่อผลักประตูออกไป ลมเย็นะเืของยามรุ่งสางก็พัดมาปะทะร่างกายจนเธอสะท้านหนาว เธอต้องกอดตัวเองไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น
เธอยืนอยู่หน้ากระท่อมไม้ซอมซ่อหลังหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ริมป่าบริเวณชายเขา สายตามองออกไปตรงขอบฟ้าเริ่มปรากฏแสงสีส้มรำไร บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบ มีเพียงเสียงแมลงกลางคืนที่ยังคงดังเป็ระยะ บนขอบูเาทางทิศใต้ พระจันทร์ดวงใหญ่กำลังจะลับขอบฟ้า แสงจันทร์สีเงินที่เหลือเพียงน้อยนิดส่องกระทบหยดน้ำค้างบนแปลงผักหน้าบ้านจนเป็ประกายระยิบระยับราวกับอัญมณี
หลินเย่วชิง สูดลมหายใจเอาอากาศอันบริสุทธิ์และเย็นจัดเข้าไปจนเต็มปอด... มันคืออากาศของโลกที่ยังไม่ถูกมลพิษทำลาย
"เมี๊ยว... เมี๊ยว..." เสียงของเสี่ยวตงดังขึ้นในความมืด มันะโเข้ามาคลอเคลียอยู่ข้างขาของเธอ หลินเย่วชิง ก้มลงลูบหัวมันเบาๆ การมีอยู่ของมันคือสิ่งเดียวที่ยืนยันว่าเธอไม่ได้บ้าไปเอง
"ที่นี่คือ... ปี 1978 จริงๆ เหรอเนี่ย?" เธอพึมพำกับตัวเอง ขณะที่กวาดสายตามองไปรอบๆ ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาในฉากภาพยนตร์ย้อนยุคกำลังถาโถมเข้าใส่
ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดขึ้นมาได้! "แหวน! เสี่ยวตง แหวนอยู่ที่ไหน?" เธอรีบเดินกลับเข้าไปในห้องมืดๆ ทันที "ในกระเป๋ากางเกงต้องมีไฟฉาย!" เธอนึกขึ้นมาได้ แต่เมื่อล้วงกระเป๋าก็ต้องใจนตัวแข็งทื่อ... เสื้อผ้าชุดผจญภัยสไตล์อินเดียน่าโจนส์ที่เธอสวมใส่มาได้หายไปแล้ว! ตอนนี้บนร่างของเธอคือชุดชาวบ้านเก่าๆ เนื้อหยาบและมีรอยปะชุนอยู่หลายแห่ง
"แล้วแหวนล่ะ... แหวนหล่นอยู่ที่ไหน" เธอพึมพำอย่างร้อนรน พลางคลำไปทั่วแคร่ไม้ไผ่ที่เธอเพิ่งตื่นขึ้นมา ความตื่นตระหนกเริ่มเข้าครอบงำ หากไม่มีแหวน... เธอก็ไม่ต่างอะไรจากคนจรจัดที่ไม่มีอะไรเลยในยุคนี้!
"เมี๊ยว!" เสี่ยวตงร้องขึ้นอีกครั้ง หลินเย่วชิง หันไปตามเสียงและเห็นแสงสะท้อนแวววาวในปากของมัน มันคาบแหวนวงนั้นเดินเข้ามาใกล้แล้ววางลงบนแคร่ไม้ไผ่
หลินเย่วชิง แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้นด้วยความโล่งใจ "เสี่ยวตง... ขอบใจมากนะ... ขอบใจจริงๆ" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ หยิบแหวนขึ้นมาสวมที่นิ้วอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกอบอุ่นจากแหวนทำให้หัวใจที่เต้นรัวของเธอสงบลง
"ขอไฟฉาย" นั่นคือคำสั่งแรกที่เธอส่งไปยังมิติในโลกใหม่นี้
แสงสว่างวาบขึ้นในแหวน ก่อนที่ไฟฉาย LED กำลังสูงจะปรากฏขึ้นในมือของเธอ หลินเย่วชิง เปิดมันทันที แสงไฟที่สว่างจ้าทำให้เธอสามารถมองเห็นสภาพภายในกระท่อมได้อย่างชัดเจนเป็ครั้งแรก... มันย่ำแย่กว่าที่เธอจินตนาการไว้เสียอีก
แคร่ไม้ไผ่ผุพัง ตู้ไม้เก่าๆ ที่มีเสื้อผ้าขาดๆ พับเก็บไว้สองสามชุด พื้นดินที่เย็นเฉียบ... ทุกอย่างบ่งบอกถึงความยากจนข้นแค้นอย่างที่สุด มันคือภาพความจริงที่เ็ปยิ่งกว่าในความฝัน
หลังจากสำรวจรอบห้องแล้ว หลินเย่วชิง ก็เดินไปเปิดประตูไม้ที่นำไปสู่อีกห้องหนึ่งอย่างระมัดระวัง... และภาพที่เห็นก็ทำให้เธอแทบหยุดหายใจ
ห้องนี้เป็ห้องของเด็กๆ ... บนพื้นมีฟูกนอนเก่าๆ สามฟูกปูเรียงกันอยู่ บนฟูกแต่ละอันมีร่างเล็กๆ ของเด็กสามคนนอนหลับใหลอย่างสงบภายใต้ผ้าห่มผืนบาง
เธอค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ หัวใจเต้นแรงด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งรัก ทั้งสงสาร ทั้งหวงแหน... และความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า เธอส่องไฟฉายไปที่ใบหน้าของเด็กแต่ละคนอย่างแ่เบา... ต้าเป่า เอ้อเป่า ซานเป่า... ชื่อที่เธอเคยได้ยินแต่ในฝัน บัดนี้พวกเขามีตัวตนจริงๆ อยู่ตรงหน้าเธอ
สัญชาตญาณความเป็แพทย์ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะประเมินสุขภาพของพวกเขา เธอค่อยๆ วางหลังมือลงบนหน้าผากของแต่ละคนเพื่อวัดไข้... ตัวรุมๆ ทั้งสามคน เธอสังเกตเห็นว่าพวกเขาทั้งผอมและตัวเล็กกว่าเด็กในวัยเดียวกันมาก ซึ่งเป็สัญญาณของภาวะขาดสารอาหารเรื้อรัง
"ไม่ต้องห่วงนะเด็กๆ" เธอกระซิบเบาๆ ราวกับให้สัญญากับดวงิญญาของพวกเขา "แม่คนใหม่ของพวกเธออยู่นี่แล้ว... ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้พวกเธอมีชีวิตที่ดีกว่านี้ จะทำให้พวกเธอแข็งแรง อิ่มท้อง และมีความสุข"
ในขณะนั้นเอง เสียงไก่ขันในยามเช้าก็เริ่มดังขึ้นเป็ทอดๆ ปลุกให้โลกใบใหม่ของเธอตื่นขึ้นอย่างเป็ทางการ
เธอเดินกลับออกมาหน้าบ้านอีกครั้ง มองดูตัวเองในแสงสว่างที่เริ่มมากขึ้น ร่างกายนี้ดูแก่กว่าวัยและผิวพรรณกร้านดำจากการทำงานหนัก... นี่คือราคาของความยากจนและการเป็แม่คนในยุคนี้ คำถามที่สำคัญที่สุดผุดขึ้นมาในใจ "แล้วิญญาเดิมของร่างนี้ล่ะ... เธอไปอยู่ที่ไหน?"
เธอเดินกลับเข้าไปในบ้าน ส่องไฟฉายไปยังกระจกบานเล็กๆ ที่แตกร้าวซึ่งแขวนอยู่บนผนัง ใบหน้าที่สะท้อนกลับมานั้นคล้ายคลึงกับเธอมาก แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความเศร้าที่ฝังลึก หลินเย่วชิง จ้องมองใบหน้านั้นแล้วพูดกับตัวเอง... และกับเ้าของร่างคนเดิม
"เธอคงลำบากมากสินะ... ไม่ต้องห่วงนะ หลินเย่วชิง... จากนี้ไปฉันจะดูแลทุกอย่างเอง ฉันจะทำให้ลูกๆ ของเราทุกคนสุขสบาย" เธอไม่รู้สึกตื่นตระหนกอีกแล้ว เพราะภาพฝันได้เตรียมใจเธอมาเป็อย่างดี และตอนนี้... เธออยู่ที่นี่เพื่อหาคำตอบและเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง
ขณะที่เธอกำลังให้สัญญากับตัวเองนั้นเอง เสียงเล็กๆ ที่แหบพร่าก็ดังขึ้นมาจากห้องข้างๆ ...
"คุณแม่... ผมหิวแล้ว!"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้