บทที่ 134 ศัตรูหัวใจหรือเพื่อน
“ปล่อย”
บอดี้การ์ดสองคนข้างกายของหยางเจิ้นปรี่เข้ามา เย่จื่อเฉินหรี่ตามองพวกเขา
“โอเค”
เย่จื่อเฉินคลายมือออก และถอยออกไปสองก้าว
หยางเจิ้นบิดข้อมือเล็กน้อย แล้วหันไปพูดกับบอดี้การ์ดข้างกาย
“อยู่ดูแลคุณหนูที่นี่”
พูดจบ เขาก็เดินไปหยุดอยู่ข้างเย่จื่อเฉิน หลังจากที่มองเขาด้วยสายตาแฝงความนัยแล้วก็เดินออกจากห้องคนไข้ไป
หยางอี่ฉือที่อยู่บนเตียงคนไข้กัดริมฝีปาก หลังจากที่เย่จื่อเฉินหันไปพยักหน้าให้เธอแล้ว เขาก็เดินออกไปจากห้องคนไข้เช่นเดียวกัน
“วิธีสั่งสอนลูกของคุณหยางนี่ปกติดีจังเลยนะครับ”
พอออกมาจากห้องได้ เย่จื่อเฉินก็อดที่จะเบ้ปากยิ้มขำขันไม่ได้
“ตีลูก วิธีสั่งสอนลูกแบบนี้ มันล้าสมัยไปมากแล้วนะครับ”
“ฉันจะสอนลูกสาวฉันยังไง ไม่จำเป็ต้องให้เธอเข้ามายุ่งวุ่นวาย”
หยางเจิ้นยังคงทำหน้าตาบูดบึ้งอยู่เสมอ ถ้าไม่ติดว่าเขาเป็ผู้ใหญ่กว่า เย่จื่อเฉินก็อยากจะตบกะโหลกสักทีสองทีเหมือนกัน
จะทำหน้าตาบูดบึ้งแบบนั้นทำไม ไม่ได้ติดหนี้เขาสักหน่อย
เย่จื่อเฉินไหวไหล่ยิ้ม ก่อนจะพูดอย่างขบขัน
“ให้ผมมาหาทำไม หรือว่าอยากจะขอบคุณผมที่ช่วยชีวิตลูกสาวคุณเอาไว้? ได้นะ พูดมาสิ”
เย่จื่อเฉินกอดอก ทำท่ารอให้อีกฝ่ายพูดขอบคุณ
แต่อีกฝ่ายกลับยื่นเช็คใบหนึ่งมาให้
ทันทีที่เห็นเช็คใบนั้น เย่จื่อเฉินก็ถึงกับหลุดขำ
“คุณมันก็ยังเป็คุณอยู่วันยังค่ำ”
เย่จื่อเฉินยิ้มเยือกเย็นพร้อมกับขยำเช็คใบนั้นเป็ก้อนกระดาษ แล้วปาลงพื้น ก่อนจะชี้หน้าหยางเจิ้นแล้วพูดขึ้น
“อย่าคิดว่าเงินมันจะทำได้ทุกอย่าง ในวินาทีที่คุณเอาเช็คออกมา ผมก็รู้เลยว่าคุณมันเกินจะเยียวยาแล้วจริงๆ”
หยางเจิ้นหน้านิ่งขรึมไม่พูดอะไร เย่จื่อเฉินจึงพูดขึ้นอีกครั้ง
“สิ่งที่หยางอี่ฉือ้าคืออะไร คุณรู้ไหม? คุณคิดว่าแค่ความมั่นคงทางด้านธุรกิจอย่างเดียว มันจะทำให้เธอมีความสุขได้เหรอ ให้ตายเถอะ คุณทำแบบนี้มันทำให้ผมรู้สึกว่าคุณมันเป็ทาสของเงิน ต่อให้อยู่ไกลแค่ไหนผมก็ยังได้กลิ่นคนหิวเงินมาจากตัวคุณ”
“เธอพูดพอหรือยัง!”
“อืม ใกล้แล้ว” เย่จื่อเฉินพยักหน้ารับ แล้วพูด “แล้วประโยคสุดท้าย ผมรู้สึกเสียใจแทนหยางอี่ฉือที่มีพ่อแบบคุณ”
เย่จื่อเฉินโบกมือให้หยางเจิ้น จากนั้นก็เดินออกไปจากโรงพยาบาลไป
จูซือเหลียงที่ยืนอยู่ทางด้านข้างมาโดยตลอดได้เดินเข้ามาหา หยางเจิ้นมองตามเย่จื่อเฉินที่เดินหายไป แล้วส่ายหน้าพูด
“เธอเข้าไปอยู่เป็เพื่อนหยางอี่ฉือเถอะ ฉันยังมีเื่สัญญาธุรกิจต้องคุยต่อ”
“ไม่ล่ะครับลุงหยาง ผมว่าผมไปส่งเขาดีกว่า”
เขาหันไปก้มหัวให้หยางเจิ้นอย่างมีมารยาท แต่ก่อนที่จะเดินออกไป เขาก็ได้หยุดลงอีกครั้งแล้วพูดกับหยางเจิ้น
“ลุงหยางครับ ผมคิดว่าลุงอยู่กับหยางอี่ฉือจะดีกว่านะครับ เธอโดดเดี่ยวมาก”
“คุณไม่อยู่เป็เพื่อนพ่อตาคุณในโรงพยาบาลล่ะ จะออกมาหาศัตรูหัวใจอย่างแฟนเก่าของเธอแบบผมทำไม”
เย่จื่อเฉินนั่งอยู่ในร้านกาแฟแถวโรงพยาบาล ตรงหน้าของเขามีกาแฟที่ยังไม่ได้แตะต้องมันวางอยู่
ที่จริงตัวเขาก็ไม่ได้ชอบกาแฟแบบนี้เท่าไร ถึงจะมีเงินก็สู้กินน้ำเย็นๆ จะดีกว่า
เย็นชื่นใจดีจะตาย
“ไม่คิดว่าคุณจะเป็คนมีอารมณ์ขันด้วย”
จูซือเหลียงยกกาแฟขึ้นจิบ เย่จื่อเฉินจึงกลอกตาพูดกับเขา
“ตกลงว่าคุณตามผมมาทำไม ถึงผมจะไม่ได้ยุ่งเหมือนประธานบริษัทอย่างพวกคุณ แต่วันนี้ผมก็มีธุระต้องทำเยอะเหมือนกันนะ”
“ผมรู้ว่าคุณยุ่ง”
ไม่ว่าเมื่อไร จูซือเหลียงก็มักจะมีรอยยิ้มเสมอ ราวกับว่าเขาเกิดมาก็เป็แบบนี้แล้ว ไม่รู้ว่าความโกรธมันเป็แบบไหน
“ที่ผมตามคุณมาก็เพราะว่าผมอยากเป็เพื่อนกับคุณ”
“...”
เย่จื่อเฉินเหล่ตามองเขา เหมือนกับเห็นคนบ้า
“คุณเป็บ้าเหรอ ระหว่างผมกับหยางอี่ฉือมันเป็ยังไง คุณไม่น่าจะมองไม่ออกนะ แล้วคุณจะมาเป็เพื่อนกับผมเนี่ยนะ?”
“แล้วยังไงล่ะ มันไม่ได้เสียหายสักหน่อยถ้าเราจะรู้จักกัน”
จูซือเหลียงยิ้มบางๆ สีหน้าหม่นหมองลง
“ที่จริงแล้วในใจของหยางอี่ฉือไม่เคยยอมรับผมหรอก ตอนนั้นผมก็สงสัยนะว่าเธออาจจะมีคนในใจอยู่แล้ว จนเมื่อวานที่คุณปรากฏตัวออกมา…”
“ถึงคนอย่างคุณจะดูธรรมดา ในบางครั้งก็ทำอะไรวู่วาม แต่ไม่ว่าใครก็ต่างรู้สึกได้ว่าคุณเป็ห่วงหยางอี่ฉือไม่น้อยไปกว่าใครเลย ห่วงมากกว่าใครด้วยซ้ำ”
“มากกว่าคุณด้วยเหรอ?”
เย่จื่อเฉินเลิกคิ้วยิ้ม
“มากกว่าผม”
จูซือเหลียงตอบออกมา โดยที่ไม่มีความลังเลอยู่เลย พอได้ยินคำตอบของเขา เย่จื่อเฉินก็นิ่งไป
“คุณไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก ผมชอบหยางอี่ฉือจริงๆ แต่ด้วยสัญญาการแต่งงานของครอบครัว พวกเราจึงไม่มีสิทธิ์เลือก”
“...”
หลังจากที่เงียบไปนาน เย่จื่อเฉินก็ยิ้มออกมา
“จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าคนอย่างพวกคุณช่างน่าสงสารจริงๆ กลายเป็ตัวหมากเสียสละทุกอย่างเพื่อครอบครัว”
“มันก็ใช่”
จูซือเหลียงแค่นหัวเราะเบาๆ
“ได้ งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน อะไรที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว เวลาฉันมีจำกัด ต้องไปก่อนนะ”
เย่จื่อเฉินหันไปพยักหน้ายิ้มให้กับจูซือเหลียง ก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไป
“ถ้าอย่างนั้นเราสองคน…”
“ศัตรูหัวใจ!”
เย่จื่อเฉินหันไปยักคิ้วให้จูซือเหลียง โบกมือทิ้งทวนให้เขาแล้วเดินออกจากร้านกาแฟไป
จนกระทั่งเขาหายไปจากร้านกาแฟ จูซือเหลียงถึงได้ระบายยิ้มออกมา
“ศัตรูหัวใจงั้นเหรอ ก็น่าสนใจดี”
“ฉันว่าผู้ชายคนนั้นเขาก็โอเคดีนะ”
หลิวฉิงลอยออกมาพูดพึมพำ เย่จื่อเฉินพยักหน้ารับ
นึกย้อนดูการกระทำของจูซือเหลียงในสองวันมานี้ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้มีท่าทางจองหองอวดดีเหมือนลูกเศรษฐีคนอื่นๆ นิสัยก็น่าสนใจดีด้วย
“ก็ดี แต่ก็น่าสงสาร”
“ทำไมล่ะ?” หลิวฉิงกะพริบตาปริบๆ แล้วพูด “ฉันว่าคนที่เกิดมาพร้อมช้อนเงินช้อนทองแบบนั้น โชคดีกันมากเลยนะ”
“งั้นเหรอ?” เย่จื่อเฉินยิ้มอย่างมีความนัย แล้วไหวไหล่พูด “ที่จริงพวกเขาก็เป็เพียงตัวหมากที่ต้องเสียสละเพื่อครอบครัวกันทั้งนั้น ต้องแต่งงานกับอีกครอบครัวหนึ่งเพื่อผลประโยชน์ของครอบครัว คนแบบนี้ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขหรอกนะ”
“อ๋อ แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีแหละ ขนาดคนที่ชอบฉันยังไม่มีเลย”
ใบหน้าจิ้มลิ้มของหลิวฉิงขมวดมุ่น เย่จื่อเฉินยกมือขึ้นลูบผมเธอ
“อย่าเป็แบบนี้สิ พี่ชายคนนี้มีวิธีฟื้นคืนชีพให้เธอแล้วนะ ที่เหลือก็แค่รอเวลา”
“ฉัน…”
จู่ๆ หลิวฉิงก็อ้าปากเหมือนว่าจะพูดอะไร แต่กลับอ้าปากพะงาบๆ อยู่นาน โดยไม่พูดอะไรออกมา
เย่จื่อเฉินเห็นอย่างนั้น จึงถามขึ้น
“เธอเป็อะไร?”
“ไม่มีอะไร”
หลิวฉิงส่ายหน้ายิ้มแล้วลอยไปอยู่ข้างหลังเย่จื่อเฉิน มองดูแผ่นหลังของเขา ความรู้สึกมากมายปรากฏขึ้นในใจ
เธออยากมีชีวิตอีกครั้ง อยากกลับไปอยู่เคียงข้างพ่อแม่
แต่เธอก็อยากอยู่เคียงข้างเขามากกว่า…
อีกอย่าง ต่อให้จะมีชีวิตอีกครั้ง แต่เธอจะกลับไปได้ยังไง?
เย่จื่อเฉินไม่ได้คิดอะไรมากมาย ตอนนี้เขาคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะทำให้หลิวฉิงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
นี่เป็คำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้กับเธอ และเขาต้องทำให้ได้
แต่การจะฟื้นคืนชีพมันก็ต้องมีของหายากพวกนั้น แล้วจะไปหามาจากที่ไหน ในมือเขาก็มีแค่เนตรัพันปี ส่วนอันที่เหลือยังไม่มีเลย
ติ๊ง!
ติ๊ง!
ติ๊ง!
ทันใดนั้น โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมาไม่หยุด
เย่จื่อเฉินจึงได้นั่งลงบนม้านั่งข้างทาง แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา
ไท่ไป๋จินซิงเชิญ เถียไกว่หลี่[1] จงหลี่เฉวียน[2] จางกัวเหล่า[3] หลันไฉ่เหอ[4] เหอเซียนกู่[5] หลู่ตงปิน[6] หานเซียงจื่อ[7] เฉากั๋วจิ่ว[8] เข้าร่วมกลุ่มแชท
...
กลุ่มเทพโป๊ยเซียนมาแล้ว!
___________________________________________________
[1] เถียไกว่หลี่ เซียนแห่งยาและการรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ สำหรับผู้ที่ทำการค้าเื่ยา
[2] จงหลี่เฉวียน หรือ ฮ่านจงหลี่ เซียนแห่งความเข้มแข็ง กล้าหาญ
[3] จางกัวเหล่า เซียนแห่งความมีเสน่ห์เป็ที่นิยมรักใคร่ ของคนทั้งหลาย
[4] หลันไฉ่เหอ เซียนแห่งศิลปิน ที่มีผู้นิยมมากมาย และความอุดมสมบูรณ์
[5] เหอเซียนกู่ เซียนแห่งความสวยงาม อายุยืน และมีสติปัญญาดี
[6] หลู่ตงปิน เซียนแห่งความมั่งคั่ง ค้าขายร่ำรวยเป็เศรษฐี
[7] หานเซียงจื่อ เซียนแห่งนักประพันธ์และนักกวีที่มีชื่อเสียง
[8] เฉากั๋วจิ่ว เซียนแห่งชัยชนะ เพื่อมิให้ภูตผี ปีศาจ คนพาลมากล้ำกลายรบกวน