“วูบ!” พลันมีพลังประหลาดเข้าปกคลุมร่างเซี่ยจวิ้นหลง หลังจากแดนมรดกปิดลง พลังประหลาดนี้ก็เปลี่ยนไปจนรุนแรงขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่ว่าสิ่งใดก็มิอาจหยุดย่างก้าวของเซี่ยจวิ้นหลงให้เดินไปข้างหน้าได้ เหมือนเชื่อมโยงกับแดนมรดกแห่งนี้
ในที่สุดเขาฝ่ากำแพงจนเข้ามาถึงแดนมรดกที่ฟู่เจินอยู่ จู่ ๆ แสงแห่งแดนมรดกก็สว่างเจิดจ้าราวกับ้าขับไล่และต้องกำจัดออกหนึ่งคน เพราะในที่แห่งนี้มีอยู่สองคน หลังจากเซี่ยจวิ้นหลงเคลื่อนไหว ก็ได้มีอีกเงาร่างหนึ่งมุ่งหน้ามายังแดนมรดกแถวที่สอง คนผู้นี้คือเย่เฟิง เป้าหมายของเขาคือแดนมรดกที่อี้ชิงอยู่
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องใจเต้นโครมครามพลางคิดในใจว่า “สองคนนี้กำลังรนหาที่ตายหรือ!”
อี้ชิงและฟู่เจินไม่ใช่ใครที่ไหนจะท้าทายได้ง่าย ๆ
“แกว่งเท้าหาเสี้ยนชัด ๆ !” ฟู่หยิงที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนกล่าวเสียงเย็นพร้อมสายตาฉายแววดูแคลน พี่ชายของนางเป็ใคร เซี่ยจวิ้นหลงไม่ใช่คนระดับเดียวกับฟู่เจิน ส่วนเย่เฟิงผู้นั้นยิ่งโง่เง่ากว่าใคร นางฝึกอยู่ที่สำนักศึกษาเสินเจียง จึงรู้ดีว่าอี้ชิงน่ากลัวเพียงใด เขาไม่ใช่ผู้อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาจะต่อต้านได้
เซี่ยจวิ้นหลงเดินเข้ามาในแดนมรดก ฟู่เจินัับางอย่างได้จึงลืมตาขึ้น เมื่อเห็นเซี่ยจวิ้นหลงก็เผยสีหน้าเย็นเยียบก่อนจะเหยียดยิ้มอย่างชั่วร้าย
“เซี่ยจวิ้นหลง เ้ามาหาที่ตายหรือ?” ฟู่เจินกล่าวด้วยท่าทีดูถูก
“ฟู่เจิน บุญคุณความแค้นระหว่างเ้ากับข้าถึงเวลาสะสางแล้ว” เซี่ยจวิ้นหลงกล่าว ครอบครัวของฟู่เจินชอบดูถูกพวกเขาพ่อลูกครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่เคยเห็นหัวกันเลยด้วยซ้ำ
“เริ่มเลยเถอะ!” เซี่ยจวิ้นหลงกล่าวพร้อมกับลมปราณปะทุออกจากร่าง
“รนหาที่ตาย วันนี้ข้าจะทำให้เ้าได้เห็นถึงพลังที่แท้จริงของข้าฟู่เจินคนนี้!” ฟู่เจินเหยียดยิ้มอย่างเย็นะเื พลันิญญาาเตาหม้อส่องแสงระยิบระยับที่ด้านหลัง ไอร้อนแผ่ออกจากเตาหม้อ ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นฉับพลัน
“จงควบแน่น!” ฟู่เจินกล่าว จากนั้นปรากฏเปลวไฟบนมือ เมื่อเขาแผดเสียงคำราม เปลวไฟนั้นก็พุ่งไปเผาร่างเซี่ยจวิ้นหลงทันที
เซี่ยจวิ้นหลงเลิกคิ้วขึ้นจาง ๆ สองมือประสานกัน จู่ ๆ อักขระมากมายโคจรบนร่าง และปล่อยฝ่ามือที่อัดแน่นด้วยพลังสังหาร ก่อนจะเข้าปะทะกับเปลวไฟของฟู่เจินจนเสียงะเิดังสนั่นทั่วฟ้า คลื่นทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่ว ทั้งท้องฟ้ามีแต่เปลวไฟมหาศาล ม่านแสงแห่งแดนมรดกราวกับถูกหลอมละลาย ิญญาาเตาหม้อกู่ร้องไม่หยุด จากนั้นมีเปลวไฟอันร้อนแรงพุ่งเข้าหาเซี่ยจวิ้นหลง ทำเซี่ยจวิ้นหลงชะงักนิ่งและหลบหลีกพวกมัน ขณะเดียวกันก็ปล่อยฝ่ามือออกไปหมายสังหารฟู่เจิน
ทั้งสองคนต่อสู้อย่างดุเดือด พลังของเซี่ยจวิ้นหลงไม่ได้อ่อนด้อย เพียงเวลาสั้น ๆ ฟู่เจินก็ยังเอาชนะเขาไม่ได้
อีกด้านหนึ่ง เย่เฟิงผ่านกำแพงของแดนมรดกและเข้าสู่แดนมรดกที่อี้ชิงอยู่ จู่ ๆ กลิ่นอายประหลาดที่รุนแรงสายหนึ่งเข้าปกคลุมร่างเย่เฟิง ทำให้เย่เฟิงคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย พลางคิดในใจว่า “แดนมรดกแถวที่สองนี้แตกต่างออกไปอย่างที่คิดไว้จริง ๆ สามารถเรียนรู้จากในนี้ได้ลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า!”
“หมอนี่รนหาที่ตายจริง ๆ อี้ชิงเป็ถึงผู้แข็งแกร่ง ไม่คิดว่าเขาจะกล้าเป็ฝ่ายยั่วยุก่อน” ผู้คนเห็นเย่เฟิงปรากฏตัวในแดนมรดกที่อี้ชิงอยู่ แววตาของพวกเขาก็เผยประกายแหลมคม และคิดว่าเย่เฟิงไปรนหาที่ตาย
แน่นอนว่าเย่เฟิงได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าผู้คน แต่เขาเหยียดยิ้มอย่างไม่สนใจ การต่อสู้แย่งชิงในโลกแห่งการบ่มเพาะเป็สิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ในสิ่งที่้าโดยไม่ต้องเปลืองแรงแม้แต่น้อย มีคนมากมายต่างต้องพึ่งพาอาศัยตัวเอง และความขยันหมั่นเพียร
บัดนี้ก็เป็อย่างที่เย่เฟิงคิดไว้ มรดกแดนลับปรากฏขึ้นแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากเริ่มแย่งชิงมรดกกัน เขารู้ว่าอี้ชิงมีพลังแก่กล้า จำต้องทุ่มสุดกำลังในการต่อสู้ และไร้ซึ่งคำว่ายอมแพ้ในหัวของเย่เฟิง ยิ่งกว่านั้นก่อนหน้านี้อี้ชิงได้นำผู้ฝึกยุทธ์สำนักศึกษาเสินเจียงหลายคนไล่ล่าเขาเพียงคนเดียว บัญชีแค้นนี้เย่เฟิงไม่เคยลืม
หลังจากเย่เฟิงเข้าแดนมรดก ม่านแสงพลันสั่นไหว พลังประหลาดแปรปรวน เหมือนเปลี่ยนไปจนไร้ซึ่งความเสถียรภาพ
อี้ชิงย่อมรับรู้ได้ในทันทีว่ามีคนบุกรุกเข้ามายังแดนมรดก เขาลืมตาขึ้นช้า ๆ พร้อมมีแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาคู่นั้น เมื่อเห็นเย่เฟิง เขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อยคล้ายประหลาดใจ ประหนึ่งไม่คิดว่าเย่เฟิงจะมาปรากฏตัวที่นี่ จากนั้นเห็นอี้ชิงเหยียดยิ้มอย่างชั่วร้าย พร้อมกล่าวว่า “สวะ ไม่นึกว่าเ้าจะเป็ฝ่ายมาหาข้าเอง รนหาที่ตายเสียจริง!”
“ทำไม มาหาเ้าไม่ได้หรือ?” เย่เฟิงยืนตระหง่านพร้อมแสงห้าสีรายล้อมร่างกาย น้ำเสียงของเขาสงบนิ่งไร้ซึ่งความผันผวนใด ๆ ราวกับพูดคุยเื่ธรรมดา
“บังอาจฆ่าผู้ฝึกยุทธ์สำนักศึกษาเสินเจียงของข้า หากวันนั้นข้าไม่มีธุระ ป่านนี้เ้าไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอก แต่ในเมื่อเ้าเป็ฝ่ายมาหาเอง บัดนี้ข้าจะฆ่าเ้าก็ยังไม่สาย!” แสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาของอี้ชิง เขาคิดไม่ถึงว่าเย่เฟิงจะมาที่แดนมรดกนี้ ทั้งยังเป็ฝ่ายมาหาเองอีก เช่นนั้นเขาอี้ชิงจะเกรงใจไปทำไม?
อี้ชิงเดินออกมาพร้อมลมปราณปะทุออกจากร่างกาย พลันมีแรงกดดันมาจากฟากฟ้าเข้ากดทับเย่เฟิง อี้ชิงเชิดหน้ามองเย่เฟิงด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง ไม่มีใครที่ััถึงความเกรงขามของเขาไม่ได้
“สวะ ยังไม่คุกเข่าลงขอโทษข้าอีก!” อี้ชิงกล่าวเสียงเย็น เพียงเสียงนี้ก็ทำให้ผู้คนใจเต้นระรัวได้แล้ว จินตนาการได้เลยว่าแรงกดดันที่เย่เฟิงเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้รุนแรงมากเพียงใด
ทว่าเย่เฟิงไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากแรงกดดันของอี้ชิง บนใบหน้ามีเพียงรอยยิ้มเย้ยหยัน ทันใดนั้นเองเขาปล่อยฝ่ามือภูผาพิฆาตออกไปอย่างไม่เกรงใจ!
อี้ชิงเห็นเย่เฟิงเป็ฝ่ายโจมตีเขาก่อน รอยยิ้มของเขาก็หยุดชะงักคล้ายใเล็กน้อย
“สวะ เ้ากล้าดียังไงมาทำเช่นนี้กับข้า ข้าว่าเ้าคงอยากตายมากสินะ!” อี้ชิงตวาดใส่อย่างเกรี้ยวกราดพร้อมแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตา จากนั้นปล่อยฝ่ามือที่อัดแน่นด้วยพลังแห่งการทำลายล้างโจมตีฝ่ามือที่เย่เฟิงปล่อยมา
“ตูม!” ฝ่ามือของทั้งสองคนเข้าปะทะกัน คลื่นพลังแพร่กระจาย ม่านแสงของแดนมรดกถูกสั่นคลอน แต่ทั้งสองกลับนิ่งไม่ไหวติง สีหน้าของอี้ชิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็เห็นเขาเหยียดนิ้ว ทันใดนั้นพลังดัชนีกลายเป็ลำแสงพุ่งเข้าสังหารเย่เฟิงทันที
เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ เขาวาดนิ้วกลางอากาศพร้อมกับมีลำแสงถูกปลดปล่อยออกมาจากปลายนิ้ว และทำลายลำแสงสังหารของอี้ชิงในพริบตา จากนั้นลำแสงพุ่งกลับไปโจมตีอี้ชิงต่อ
“ดัชนีแปรเปลี่ยนเป็รังสีหอก เย่เฟิงผู้นี้แกร่งมาก!” ขณะที่ผู้คนกำลังตะลึงค้างกับฉากตรงหน้า จู่ ๆ มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ระดับสูงกล่าวเช่นนั้น
“ดัชนีแปรเปลี่ยนเป็รังสีหอก ไม่รู้ว่าเย่เฟิงผู้นี้มีพลังหอกแกร่งกล้ามากแค่ไหน ทำไมมาถึงจุดนี้ได้!” ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนกล่าว
“ข้าััถึงพลังอำนาจที่อยู่ในลำแสงนั่นได้ เย่เฟิงผู้นี้น่าจะเรียนรู้พลังแห่งอำนาจแล้ว ถึงต่อสู้ได้โดยไม่พึ่งพาอาวุธ” ชายหนุ่มข้าง ๆ กล่าว ผู้คนได้ยินเช่นนี้ต่างก็ประหลาดใจ พลังแห่งอำนาจคือพลังอย่างหนึ่งที่พวกเขาไม่มี แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 2 ขึ้นไปในที่แห่งนี้ก็ยังไม่มีพลังแห่งอำนาจอย่างเย่เฟิง อีกอย่างเย่เฟิงอยู่ขั้นบ่มเพาะกายา แต่กลับมีพลังแห่งอำนาจ นี่ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก พวกเขาหารู้ไม่ว่า เย่เฟิงไม่ได้มีแค่พลังแห่งอำนาจ แต่ยังมีอำนาจหอกและอำนาจฟ้าดิน หนำซ้ำอำนาจหอกยังบรรลุขั้นผันแปรแล้วอีกด้วย
หากพวกเขารู้เื่เหล่านี้ ไม่รู้ว่าจะใมากแค่ไหน?
แสงสว่างไสว ที่ซึ่งมีอำนาจหอกแฝงอยู่ในนั้นราวกับตัดได้ทุกสิ่งอย่าง กำลังพุ่งไปหาอี้ชิงอย่างบ้าคลั่ง
อี้ชิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ พลันกะพริบร่างหลบการโจมตีที่สว่างไสวนั่น ประกายแสงนั่นได้ตัดผมของอี้ชิงไปหลายเส้น ทำให้สีหน้าของเขาดูไม่ดี สำหรับเขาแล้วการที่ปล่อยให้เย่เฟิงกำเริบเสิบสานเยี่ยงนี้รังแต่จะทำให้อับอายขายหน้า ยิ่งกว่านั้นเส้นผมของเขาถูกตัดขาดเพราะการโจมตีของเย่เฟิงอีก ยิ่งทำให้เขาโกรธกว่าเดิมและรู้สึกขายหน้าเป็อย่างมาก
“อันดับที่ 3 ในรายนามเสินเจียงแห่งสำนักศึกษาเสินเจียงงั้นเหรอ ช่างอ่อนหัดนัก!” เย่เฟิงแสยะยิ้ม นี่ทำให้สีหน้าของอี้ชิงบูดเบี้ยวกว่าเดิม
“คุยโวโอ้อวด!” อี้ชิงตวาดด้วยความโกรธเกรี้ยว พลันพลังปราณปะทุออกจากร่าง จากนั้นเขากระทืบพื้นอย่างแรงพร้อมปล่อยหมัดโจมตีเย่เฟิง ทั้งห้วงอากาศและแดนมรดกต้องสั่นไหว เห็นได้ชัดว่าพลังของหมัดนี้แข็งแกร่งมากเพียงใด
เย่เฟิงชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นทักษะหล่อิญญาและทักษะแห่งคัมภีร์หล่อกายาเทพาสำแดงพร้อมกันและมีแสงแห่งขั้นบ่มเพาะกายารายล้อมร่างกาย เย่เฟิงปล่อยหมัดออกไปเช่นกันและพลังนั้นก็ไร้เทียมทาน ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว หมัดทั้งสองเข้าปะทะกัน พายุทำลายล้างก่อตัวขึ้น คลื่นพลังจากการปะทะแพร่กระจายไปทั่ว
เย่เฟิงและอี้ชิงอยู่ศูนย์กลางของพายุนั่น เส้นผมพลิ้วไหวตามแรงลม ทั้งยังมีแสงแห่งการทำลายล้างห่อหุ้มร่างกาย
“สวะ ตายซะเถอะ!” อี้ชิงแผดเสียงะโอย่างโกรธเกรี้ยว พร้อมปล่อยหมัดบดบังอาทิตย์ออกไป ท่ามกลางอากาศเต็มไปด้วยไอสังหาร พลังทำลายล้างแผ่ปกคลุมร่างเย่เฟิง หมายสังหารเย่เฟิงให้สิ้นซาก