“หัวใจนี่เป็ของข้า! ข้ามาก่อน พวกเ้าไม่มีสิทธิแย่งกับข้านะ!”
“เหลวไหล ข้ามาก่อนชัดๆ !”
“ของเป็ของข้า ใครกล้ามาแย่งกับข้า!”
ทุกคนแย่งชิงกันอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าใครได้มันแล้วเก็บเข้ากระเป๋าไป
ส่วนเกาหยางที่อยู่ห่างออกไปยังอยู่ในสภาวะตกตะลึง
เดิมทีเขาคิดว่าิอวี่ไม่เพียงแย่งหน้าไปเท่านั้น แต่ยังยึดเอาหัวใจอสูรระดับเก้าไปด้วย
แต่พอเห็นว่าหัวใจอสูรระดับเก้าต้องส่งมอบให้คนอื่นไปต่อหน้าต่อตา เกาหยางก็รู้สึกปวดใจ
ิอวี่ไม่ได้คิดจะเก็บหัวใจอสูรเอาไว้เลย ทั้งที่ในสายตาของเกาหยางมันเป็ของล้ำค่าอย่างมาก แต่ิอวี่กลับเห็นมันเหมือนผักกาดขาว โยนทิ้งได้อย่างไม่ใยดีเลย ...
เกาหยางรู้สึกว่าเขาดูต่ำต้อยมาก ดูไม่มีค่าราวกับขอทาน!
และในขณะเดียวกัน เซินซวนเองก็เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นเช่นกัน ดวงตาของนางมีความแปลกใจอย่างมาก
สีหน้าท่าทางนิ่งเฉยของเซินซวนกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่เห็นิอวี่สังหารหมาป่ากระหายเื แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่รู้ตัว
เกาหยางเห็นสีหน้าท่าทางของเซินซวนดูตกตะลึงตัวเขาก็เริ่มไม่มั่นใจ จึงตัดพ้อขึ้นมาว่า “บ้าชะมัด ก็แค่บังเอิญฆ่าหมาป่ากระหายเืได้ ได้ใจอะไรกัน ข้าเองก็ฆ่าอสูรระดับเก้าได้เหมือนกัน!”
“หือ? เ้าก็ฆ่าหมาป่ากระหายเืได้เหมือนกันหรือ?” เซินซวนกวาดสายตามองไปที่เกาหยาง น้ำเสียงแฝงไปด้วยความดูถูก
เมื่อครู่เกาหยางยังคิดจะถอยอยู่เลย ตอนนี้หมาป่ากระหายเืถูกฆ่าแล้วเขากลับมีความกล้าขึ้นมาอย่างนั้น
“ไม่เชื่อหรือ เ้ารอดูได้เลย” สีหน้าของเกาหยางไม่ดีเลย
“ได้ ข้าจะรอดู”
เซินซวนตอบกลับอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็เดินตามพวกเกาหยางเข้าไปในเทือกเขาหลวนหมอหลิงลึกไปอีก
ถึงแม้จะเดินทางไปเป็เส้นตรง แต่ว่าเซินซวนกลับคอยสังเกตเงาของิอวี่ที่อยู่ในมุมเยื้องออกไป นางมีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว
ชายหนุ่มคนนั้นเป็ใครกันนะ? ทำไมถึงได้แข็งแกร่งได้ขนาดนั้น? เมื่อครู่เขาใช้กำลังทั้งหมดที่มีแล้วหรือยัง? อย่าบอกนะว่า เขายังสังหารอสูรได้มากกว่านี้อีก? หากเขาฆ่าอสูรได้อีก แล้วเขาจะฆ่าได้สักกี่ตัว? ความสามารถของเขาแข็งแกร่งขนาดไหนกัน?
ถึงแม้ิอวี่จะฆ่าหมาป่ากระหายเืโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่กลับทำให้สาวงามเกิดความสนใจในตัวเขามากโดยไม่รู้ตัว
ในเวลานี้เกาหยางหน้านิ่งขรึมไปแล้ว เขากับิอวี่แทบจะเข้าไปในเทือกเขาหลวนหมอหลิงส่วนลึกพร้อมกันเลย
ตลอดทางที่ผ่านมา เกาหยางเจออสูรระดับแปดอีกหลายตัว เขาใช้กระบี่ในมือพยายามสังหารเล่นงานจนพวกมันวิ่งหนีไป เพื่อแสดงศักยภาพของผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่แปดระดับประสานเป็หนึ่ง!
เขาเหมือนกำลังแข่งขันอยู่กับิอวี่ สู้กันว่าใครจะเดินหน้าไปในเทือกเขาหลวนหมอหลิงได้เร็วกว่ากัน ดูว่าใครจะฆ่าอสูรระดับสูงได้มากกว่ากัน ใครที่ดุดันมากกว่ากัน!
ด้านหลังของเขามีสาวงามอย่างเซินซวนกำลังจับตามองดูอยู่ เกาหยางก็เหมือนจะตื่นเต้นมาก เขาพยายามอย่างเต็มที่ มันเป็าเย็น เขาจะแพ้ไม่ได้ เพราะมันเป็เื่ของศักดิ์ศรีและหน้าตาของเขา!
ทันใดนั้นเอง ทางิอวี่ก็มีเสียงร้องคำรามดังขึ้นมาอีกครั้ง พวกของเกาหยางหันไปมอง ก็พบว่าอสูรวานรแขนสีเืระดับแปดสามตัวด้านหน้ากำลังพุ่งเข้าหาิอวี่
ครั้งนี้ ต้นไม้ทางฝั่งิอวี่ค่อนข้างบางตา ไม่ได้บดบังสายตาของใครเลย เกาหยางจับตามองไปที่ิอวี่ เขาอยากรู้ว่าิอวี่ใช้วิธีการแบบไหนกัน
เซินซวนเองก็มองไปทางิอวี่ไม่กะพริบตาเหมือนกัน แล้วจับตาดูความเคลื่อนไหวของเขา
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ิอวี่เปิดดวงตาเทพมรณะขึ้นมา เขาถือกระบี่หวงฉวนเอาไว้ในมือ พลังลมปราณแห่งความตายะเิออกมา เขายังไม่ทันได้ออกกระบวนท่าเลยก็มีจิตสังหารแผ่กระจายไปยังอสูรวานรแขนสีเืสามตัวนั้นแล้ว
เปลวเพลิงบนตัวอสูรวานรแขนสีเืถูกดับทำลายไปแล้ว กระบวนท่าที่ใช้โจมตีิอวี่ก็อ่อนแรงลง
ิอวี่พลิกข้อมือ ตวัดกระบี่ ฟันเฉียง พุ่งแทง ท่วงท่ากระบี่ราวกับสายน้ำไหลพุ่งทะยานออกไป เท่านี้อสูรวานรแขนสีเืสามตัวก็ล้มลงไปกองกับพื้นแล้ว!
ตอนนี้ิอวี่มีพลังเทียบเท่าราชสีห์เจ็ดพันตัว หากใช้ผลาญโลหิตด้วยแล้วจะมีพลังราชสีห์ทั้งหมดแปดพันตัว อสูรปกติในสายตาของิอวี่แทบไม่มีประโยชน์เลย มีแค่อสูรระดับเก้าเท่านั้นิอวี่ถึงจะเสียเวลาสู้ด้วย
ส่วนอสูรระดับสิบนั้นิอวี่แค่ต้องออกแรงวิ่งหา แต่ในเทือกเขาหลวนหมอหลิงนี้ไม่มีอสูรระดับสิบเลย ดังนั้นเขาก็แค่ฝ่าไปทีละด่านโดยไม่ได้มีความหวาดกลัวอะไรเลย
การออกกระบี่ทั้งสามทีของิอวี่เด็ดขาดมาก แสดงให้เห็นถึงความสง่างามของผู้กล้า มันทำให้การต่อสู้เพื่อแสดงความสามารถของเกาหยางนั้นดูด้อยลงไปทันตา!
สีหน้าท่าทางของเซินซวนเปลี่ยนไปทันที สายตาของนางเต็มไปด้วยความแน่วแน่
“เซินซวน เพลงกระบี่ของเขานั้นยอดเยี่ยมมากจริง แสดงให้เห็นว่าเขามีเพลงกระบี่ที่ดุดันมาก แต่ว่าพลังของเขาอาจไม่ได้แข็งแกร่งกว่าข้าหรอก มีทักษะแล้วอย่างไร? ผู้ชายที่บ้าเืก็ควรมีพลังฝีมือที่แข็งแกร่งด้วย!”
เกาหยางมองดูอยู่นานสุดท้ายก็เจอจุดอ่อนของิอวี่
ถูกต้อง ผู้ชายที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่งมีทักษะมากแล้วอย่างไร? การมีกำลังแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุดต่างหากที่สำคัญ! อย่างน้อยเกาหยางก็คิดแบบนี้
ที่จริงเซินซวนก็เข้าใจตรงจุดนี้ พลังฝีมือของเกาหยางถึงแม้จะแย่ไปหน่อยแต่กำลังการต่อสู้ก็ยังเหี้ยมอยู่ เวลาต่อสู้จึงต้องรุนแรงดุดันหน่อยเพื่อให้เซินซวนประทับใจ
แต่มันก็ไม่ได้เป็อุปสรรคกับการที่เซินซวนจะสนใจิอวี่ อย่างน้อยในสายตาของเซินซวน ิอวี่ไม่ได้เป็มดตัวหนึ่งอีกแล้ว ผู้ชายที่มีพลังแฝงแบบนี้คุ้มค่าที่นางจะสนใจ!
เหตุการ์เป็อยู่อย่างนี้ประมาณหนึ่งก้านธูป เกาหยางตามหลังิอวี่ตลอด ไม่ได้หลุดห่างไปไหน
และในเวลานี้เองก็มีเสียงฝีเท้าที่หนักหน่วงอยู่ในป่าสีเขียวขจี มันเป็เงาค่อนข้างใหญ่กำลังค่อยๆ เดินมาตรงหน้า
พูดได้เลยว่า เงาดำนั่นมันมีดวงตาสีเืสองดวงที่ราวกับกระดิ่ง มันจ้องมาที่เกาหยางอย่างไม่ละสายตา จากนั้นก็พุ่งเข้าหาพวกของเขาอย่างรวดเร็ว
“ถูกเล็งเข้าให้แล้ว!”
เกาหยางเปิดดวงตาหยั่งรู้ขึ้นมาก็พบว่าระยะห่างออกไปประมาณสองลี้ มีอสูรตัวใหญ่ตัวหนึ่งกำลังวิ่งพุ่งเข้ามา
ดูจากแค่ลมปราณ เกาหยางก็รู้ทันทีว่ามันเป็อสูรระดับเก้า!
หากเป็เหมือนปกติอย่างที่ผ่านมา เกาหยางคงเลือกที่จะวิ่งหนีไปแล้ว แต่ตอนนี้เขาเอ่ยวาจาออกไปแล้ว ทั้งยังมีสาวงามจับตามองอยู่ เขาจะทำให้ตัวเองขายหน้าได้อย่างไร?
พอคิดได้แบบนี้ เขาก็กัดฟันแล้วออกคำสั่งคนด้านหลังอีกสิบคน และวิ่งขึ้นหน้าไปหาเงาขนาดใหญ่นั้นทันที
อสูรปรากฏตัวอยู่ห่างออกไปประมาณร้อยเมตร และรูปร่างของมันก็เห็นได้ชัดเจน
มันเป็หมีตัวใหญ่ขนสีแดง ที่บริเวณหน้าอกด้านหน้าและด้านหลังมีเกล็ดสีแดงเข้มเปล่งประกายแสงจ้าออกมา
ขนของมันมีเปลวไฟลุกโชน แผดเผาป่ารอบๆ ตัวมันจนลาดเตียน!
มันเดินมาด้วยสี่เท้าอย่างบ้าคลั่ง ทุกก้าวที่เดินเกิดเสียงะเืขนาดใหญ่ เพราะการปรากฏตัวของมันทำให้อสูรรอบๆ บริเวณนั้นต้องหลีกทางให้หมด ไม่อยากไปมีเื่ด้วย
“นั่นมัน ... หมีเปลวเพลิงเหล็กนี่นา!” ผู้มีพร์คนหนึ่งพูดด้วยความตะลึง
หมีเปลวเพลิงเหล็กเป็อสูรระดับเก้าตัวจริงเสียงจริง ไม่เพียงดุร้ายโเี้ แต่ยังมีเกราะคุ้มกาย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมีพลังงานธาตุไฟ ทำให้กำลังการต่อสู้ของมันสูงไปอีกขั้นหนึ่ง!
“ ... แล้วอย่างไร พี่น้องทุกคน ตามข้าไปจัดการเ้าเดรฉานนั่นกันเถอะ!”
ถึงแม้หมีเปลวเพลิงเหล็กจะโเี้มาก กำลังรบก็ไม่ธรรมดา แต่ว่าเกาหยางขึ้นหลังเสือไปแล้วเขาไม่มีทางถอยได้อีก เขาฝืนส่งเสียงร้องออกมาแล้วพุ่งไปข้างหน้า ฟันกระบี่ในมือที่มีพลังเทียบเท่าราชสีห์หกพันห้าร้อยตัวออกมาจนหมด เพื่อปะทะเข้ากับกรงเล็บขวาของเ้าหมีเปลวเพลิงเหล็ก!
เสียงกระหึ่มดังขึ้น พลังลมปราณอันน่ากลัวทำให้ต้นไม้หักแตกจนหมด หมีเปลวเพลิงเหล็กชะงักไปครู่หนึ่ง ส่วนเกาหยางเองก็กระเด็นถอยหลังไปประมาณสิบก้าวถึงสามารถยืนได้นิ่ง
ในเวลานี้เอง ผู้มีพร์ที่อยู่ด้านหลังล้วนแต่ใช้วิธีการของตัวเองพุ่งเข้าไปโจมตีหมีเปลวเพลิงเหล็กกันอย่างองอาจ
แต่ิักับขนของหมีเปลวเพลิงเหล็กนั้นแข็งแกร่งมาก อีกทั้งมันยังมีเกราะคุ้มกายด้วย ในระยะเวลาสั้นๆ มันาเ็เพียงเล็กน้อย ไม่ได้กระทบอะไรอย่างอื่นของมันเลย
หมีเปลวเพลิงเหล็กโกรธมาก มันใช้กรงเล็บซัดใส่เหล่าผู้กล้า พลังของมันบ้าคลั่งมาก เปลวเพลิงบนตัวของมันแผดเผาไปทั่ว บีบจนคนอื่นพ่ายแพ้และล่าถอยไป
เกาหยางเองก็ฝืนบุกโจมตีเข้าไปเหมือนกัน เขาใช้กระบี่ในมือพุ่งแทงออกไปและะเิพลังอานุภาพของมันออกมา แล้วะโออกมาว่า “หนามเปิดูเา!”
กระบี่ในมือของเกาหยางราวกับัพิโรธ มันพุ่งเข้าปะทะกับหมีเปลวเพลิงเหล็กอย่างรุนแรง หมีเปลวเพลิงเหล็กส่งเสียงคำราม กรงเล็บซ้ายที่ปะทะเข้ากับกระบี่อานุภาพลดลงไปกว่าครึ่ง แต่เขากลับเดินหน้าจับกระบี่ด้วยสองมือและเดินก้าวเข้าไปให้กระบี่พุ่งแทงทะลุอุ้งมือของหมีเปลวเพลิงเหล็กไปจนถึงหน้าอกของมัน!
กระบี่ของเกาหยางแทงเข้าไปที่หน้าอกของหมีเปลวเพลิงเหล็กประมาณสามส่วน แต่ไม่ว่าเขาจะออกแรงอย่างไรก็แทงกระบี่เข้าไปลึกกว่านั้นไม่ได้อีก
เกาหยางใหน้าเสียอย่างมาก เดิมทีเขาคิดว่ากระบี่นี้ต่อให้ไม่สามารถสังหารหมีเปลวเพลิงเหล็กได้ แต่ก็น่าจะทำให้มันาเ็หนักได้ แต่ใครจะคิดว่าหมีเปลวเพลิงเหล็กจะแข็งแกร่งมาก ต่อให้เป็ทักษะหลิงระดับสูงก็ไม่สามารถแทงทะลุได้!
หมีเปลวเพลิงเหล็กโกรธมาก มันซัดกรงเล็บขวาตะปบใส่เกาหยางกระเด็นไปไกลมาก
พลังฝ่ามือนี้มีกำลังเทียบเท่าราชสีห์เจ็ดพันตัว มันมีกำลังราวกับพายุพัด เกาหยางเกือบเวียนหัวและสลบไป
เขาลุกขึ้นมาจากพื้นแบบทุลักทุเล พยายามฝืนอาการเจ็บที่บริเวณไหล่ซ้ายแล้วถอยหลังไป
แต่หมีเปลวเพลิงเหล็กกลับคำรามเสียงแล้ววิ่งพุ่งเข้ามากัด
เมื่อััถึงความรู้สึกน่ากลัวของหมีเปลวเพลิงเหล็ก ทุกคนล้วนแต่ไม่กล้าเข้ามาช่วย แม้แต่เซินซวนเองก็เลือกที่จะหลีกถอย หมีเปลวเพลิงเหล็กน่ากลัวเกินไป พวกเขาไม่มีฝีมือพอที่จะตอบโต้ได้
สีหน้าทุกคนล้วนแต่แย่มาก เกาหยางเป็คนที่มีพลังฝีมือสูงที่สุด หากแม้แต่เขายังไม่ไหว คนอื่นก็ไม่น่ารอด!
พอคิดได้แบบนี้ก็มีคนเตรียมที่จะหนีแล้ว
แต่ในเวลานี้ เกาหยางที่อยู่ตรงนั้นกลับไม่หนี แต่เขาวิ่งเฉียงไปด้านข้าง เขาวิ่งไปทางที่ิอวี่อยู่!
พอถึงเวลาคับขัน เกาหยางก็พบว่าศักดิ์ศรีที่เขามีนั้นมันน่าขำและต่ำต้อยมาก เขาไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ตอนนี้ทางเดียวที่เขาทำได้ก็คือล่อหมีเปลวเพลิงเหล็กให้ไปหาิอวี่ หลังจากนั้นิอวี่ก็จะกลายเป็เหยื่อแทนเขา
เมื่อเป็แบบนี้เขาก็จะมีโอกาสหนีจากการไล่ล่าของหมีเปลวเพลิงเหล็กได้!
เ้าตัวแสบ แย่งหน้าตาข้าดีนัก เหอะๆ ตอนนี้เ้าก็ไปตายซะเถอะ!
พอคิดได้แบบนี้ เกาหยางก็เร่งความเร็วขึ้นแล้วพุ่งไปทางิอวี่อย่างรวดเร็ว