เมื่อได้ฟังหานรุ่ยแล้ว ดวงตาของจุนห่าวก็เปล่งประกาย เขาเอ่ยขึ้นว่า “ไข่มุกิญญา สามารถช่วยในการบำเพ็ญเพียรได้ ถือว่าเป็ของดีที่หาได้ยากยิ่ง ถ้ามีโอกาสเราลองหาวิธีมันกันเถอะ ถ้าเป็เช่นนั้นพวกเราคงจะบำเพ็ญเพียรได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เสี่ยวไป๋บอกว่า พวกเราบำเพ็ญเพียรกันช้าเกินไป เสียดายคุณสมบัติที่ดีของพวกเรา”
หานรุ่ยขมวดคิ้วและพูดว่า “ไข่มุกิญญาไม่ได้กันง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ทั้งหมดล้วนอยู่ในเงื้อมมือของราชวงศ์และตระกูลใหญ่ในเมืองเย่ว์เซียนทั้งนั้น นักพรตระดับธรรมดาที่มีไข่มุกิญญาก็มักจะเก็บไว้ใช้เองและคงไม่ขายทิ้งแน่นอน ไข่มุกนี้มักจะปรากฏอยู่ในการประมูล มีราคาพอกันกับยาวิเศษ” หานรุ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็กล่าวต่อว่า “สรุปแล้ว บนแผ่นดินชางหลานของเรามีเส้นเืิญญาน้อยเกินไป หากเส้นเืิญญามีมากกว่านี้ ไข่มุกิญญาก็คงจะไม่มีค่าถึงเพียงนั้นหรอก”
“อย่างนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นคงไม่ได้มาโดยง่ายเป็แน่” จุนห่าวพูดอย่างเศร้าใจ จากนั้นเขาก็กล่าวจากความรู้สึกลึก ๆ ต่อว่า “เฮ้อ ทุกแห่งหนล้วนขึ้นอยู่กับอำนาจ หากมีอำนาจก็ย่อมได้รับสิ่งที่ดีที่สุด อย่างที่รุ่นที่สองจะได้มาง่ายกว่ารุ่นที่หนึ่ง เพื่อลูก ๆ ของพวกเราที่จะกลายเป็นักพรตรุ่นที่สองของครอบครัวเราในอนาคต ข้าจะหนักเอาเบาสู้ และจะสร้างสภาพแวดล้อมในการบำเพ็ญเพียรที่ดีที่สุดให้แก่พวกเขา”
“ลูกหลานตระกูลใหญ่จะได้รับทรัพยากรในการบำเพ็ญเพียรมากกว่านักพรตทั่วไป สภาพแวดล้อมในการบำเพ็ญเพียรก็ดีกว่าเช่นกันก็จริง ทว่าพวกเขาก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบวงศ์ตระกูล เมื่อเทียบระหว่างราชวงศ์และ 4 ตระกูลใหญ่ของเมืองเย่ว์เซียน ในทุกสิบปีจะมีการแข่งขันเพื่อทำการตัดสิน นั่นคือ ‘การแข่งขันต่อสู้ เพื่อแย่งชิงไข่มุกิญญา’ ซึ่งจะแบ่งไข่มุกตามอัตราส่วน 5 : 4 : 3 : 2 : 1 โดยผู้ที่ได้อันดับหนึ่งจะมีสิทธิ์ได้ถึงครึ่งหนึ่งจากจำนวนทั้งหมด ไล่ไปจนถึงลำดับสุดท้ายที่จะได้เพียงแค่ 1 ใน 10 ส่วนของสิทธิ์การแจกจ่ายทั้งหมดเท่านั้น ตระกูลที่มีไข่มุกิญญาน้อยก็จะกระทบไปถึงการบำเพ็ญเพียรของลูกหลาน หากแข่งแล้วได้ลำดับสุดท้ายทุกครั้ง ความพ่ายแพ้ของตระกูลก็คงอยู่ไม่ไกล”
เื่นี้จุนห่าวเข้าใจ เมื่อทรัพยากรในมือมีน้อย ก็ย่อมส่งผลต่อความเร็วในการบำเพ็ญเพียร “ถ้าอย่างนั้นเ้าเคยเข้าร่วมการแข่งขันนี้ไหม?” จุนห่าวถามอย่างสงสัย
“ข้าเคยเข้าร่วมเมื่อห้าปีก่อน ครานั้นข้าชนะการแข่งขันได้ที่หนึ่ง ทำให้ตระกูลหานของเราได้สิทธิ์ไข่มุกิญญาครึ่งหนึ่งจากจำนวนทั้งหมดไปอีก 10 ปี ตอนนั้นตระกูลให้รางวัลข้า โดยการให้ไข่มุกิญญา 100 เม็ด ข้าดีใจมาก เพราะปกติข้าได้ไข่มุกิญญาเพียง 5 เม็ดต่อเดือนเท่านั้น”
“5 ปีก่อนอย่างนั้นหรือ ตอนนั้นเ้าก็เพิ่งจะอายุ 15 ปีน่ะสิ!” จุนห่าวกล่าว อายุเพียง 15 ปี หานรุ่ยก็เป็คนโดดเด่นขนาดนั้นแล้วหรือนี่ เขาอยากเห็นหานรุ่ยในเวลานั้นเสียจริง ตอนนั้นหานรุ่ยจะต้องเป็เด็กหนุ่มที่มีจิติญญาแข็งแกร่งมากเป็แน่
“ใช่ ตอนนั้นข้ามีอายุ 15 ปี ครานั้นข้าเป็อัจฉริยะในการบำเพ็ญเพียรของเมืองเย่ว์เซียน ได้รับคำสรรเสริญอย่างเหลือล้น และการแข่งครั้งนั้นเป็ครั้งแรกที่ตระกูลหานได้อันดับหนึ่ง ก่อนหน้านี้มีแต่ราชวงศ์เท่านั้นที่ได้อันดับหนึ่งมาตลอด แต่น่าเสียดาย หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นกับข้า คำสรรเสริญเ่าั้ก็มลายหายไปสิ้น” หานรุ่ยกล่าวพลางหวนนึกถึงความทรงจำนั้น ยามนี้เขารู้สึกว่า ตัวเองช่างห่างไกลจากตอนนั้นเสียจริง จากคนที่มากความสามารถจนเป็ที่เลื่องลือไปทั่วในเวลานั้น พอเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เขากลับได้รับาแมามากมายแทน
เมื่อรับรู้ได้ถึงความเศร้าที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของหานรุ่ย จุนห่าวก็ไม่อยากพูดเื่นี้ต่อแล้ว ประกอบกับเดินทางมาถึงร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองซวงหวาพอดิบพอดี จุนห่าวจึงพูดกับจุนตงและจุนหนานว่า “เด็ก ๆ วันนี้พ่อจะเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่อลังการให้พวกเ้านะ” พูดจบก็พลางเดินเข้าไปในร้านพร้อมกันกับหานรุ่ยที่กำลังอุ้มลูกอยู่
จุนห่าวเลือกห้องอาหารที่หรูหราเหมาะกับจำนวนคนในครอบครัวที่มี 4 คนพอดี จุนห่าวให้ลูกทั้งสองเลือกอาหารจานโปรด และสั่งอาหารที่หานรุ่ยชอบที่สุด ส่วนตัวเขากินอะไรก็ได้ เพราะเขาเป็คนไม่ค่อยเลือกกิน สุดท้ายจุนห่าวก็สั่งอาหารแนะนำของร้านเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง ตอนนี้รอแค่ทางร้านยกอาหารมาเท่านั้น
หานรุ่ยเห็นจุนห่าวสั่งอาหารมากมาย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นว่า “จุนห่าว เ้าสั่งอาหารเยอะไปรึเปล่า นี่เราต้องจ่ายหลายตำลึงเลยนะ ยามนี้พวกเราเหลือเงินอยู่ไม่มากแล้ว ประหยัดอะไรได้ ก็ประหยัดไว้ก่อนเถอะ”
พอได้ฟังหานรุ่ย จุนห่าวก็โบกมือแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย พร้อมพูดอย่างคนร่ำรวยว่า “ถ้าเงินหมด ก็ค่อยหาใหม่สิ ตอนนี้กินอย่างสบายใจก็พอแล้ว ใช่ไหม? จุนตง จุนหนาน”
“ใช่ ท่านพ่อพูดถูก ของที่อยู่ในท้องของเรา ถึงจะเป็ของเรา ชีวิตคนเราต้องมีเที่ยวเล่นและดื่มกินบ้างสิ” จุนหนานพูดด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว เขานึกในใจว่า ‘ท่านแม่คิดไม่ได้หรอก’
“เ้าไปฟังคำพูดนี้มาจากใครรึ?” หานรุ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก พลางนึกในใจ ‘ความคิดของเ้าลูกคนนี้ อันตรายจริง ๆ’
“ข้าฟังจากเื่เล่ามา” เมื่อจุนหนานเห็นสีหน้าที่ไม่พอใจของหานรุ่ย ก็รีบสารภาพโดยพลัน
“ั้แ่นี้ไปเ้าต้องฟังเื่ที่ไม่มีประโยชน์เช่นนี้ให้น้อย ๆ แล้วอ่านหนังสือให้เยอะ ๆ แทนนะ” หานรุ่ยพูดกับจุนหนาน ในแง่นี้ จุนตงดีกว่าจุนหนานอยู่มากทีเดียว แค่เห็นก็รู้แล้วว่า จุนตง คือ เด็กที่โตกว่าอายุ หายรุ่ยจึงค่อนข้างที่จะกังวลใจกับจุนหนาน
“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านแม่” จุนหนานตอบอย่างเชื่อฟัง ซึ่งเป็เวลาเดียวกันกับที่อาหารถูกยกเข้ามาพอดี ความสนใจของจุนหนานจึงถูกเบี่ยงเบนไปจนหมดสิ้น
