บทลงโทษของเวินโฮ่วนั้นถึงคนอื่นจะไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องไล่กลับไปอยู่บ้านหลังเก่านั่นแต่หลินหยางสามารถคาดเดาเหตุผลของคนเป็พ่อได้ไม่ยากนัก
เพราะหลังจากวันนี้เป็ต้นไปความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเวินและตระกูลโอวหยางถือว่าขาดสะบั้นกันแล้วอย่างสิ้นเชิงรวมถึงก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือว่า ตระกูลเฉินนั้นวางแผนคิดจะเล่นงานตระกูลเวินมาสักพักหนึ่งแล้วด้วยในอวิ๋นเฉิงตอนนี้มีแต่ศัตรูของตระกูลเวินอยู่แทบจะทุกทิศทาง การส่งตัวลูกชายโง่ๆ อย่างเวินโฮ่วออกไปให้ไกลจากเมืองนี้มากที่สุดจึงเป็วิธีที่ดีที่สุดสำหรับตัวมันเองแล้ว
“เอาละส่วนเื่ของหวังชงนั้น เวินชงขากลับเ้าเอาเงินเหวินหยินหนึ่งพันตำลึงไปมอบให้ครอบครัวของหวังชงแล้วก็ดูแลจัดการเื่งานศพด้วย”
“ขอรับนายท่าน”
เวินติ่งเทียนใช้เวลาไม่นานนักก็สามารถจัดการเื่ของหวังชงให้เสร็จเรียบร้อยได้อย่างงดงามหลังจากนั้น สายตาของผู้คนก็หันกลับมาจับจ้องที่หลินหยางอีกครั้ง
เวินติ่งเทียนพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า“ต่อจากที่ข้าประกาศไว้เมื่อครู่นี้ผู้าุโหลินนับจากนี้ไปจะถือเป็ผู้าุโคนที่ห้าของตระกูลเรา ในขณะเดียวกันเขาจะเป็หัวหน้าที่ปรึกษาด้านการช่างของเลี่ยนเทียนเฮ่าซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่ากับอาจารย์อี้ทั้งสองท่านด้วย”
โอ้ ์!
ทุกคนเพิ่งหายอึ้งจากเื่ของหวังชงได้ไม่นานเวินติ่งเทียนก็โยนะเิลูกใหม่ให้อีกแล้ว
หัวหน้าที่ปรึกษาการช่างของเลี่ยนเทียนเฮ่าจะเรียกว่าเป็หัวหน้าที่ปรึกษาด้านการช่างของตระกูลเวินเลยก็ได้ หลินอี้ผู้นี้นี่ดูอย่างไรก็น่าจะมีอายุแค่10 กว่าขวบปีเท่านั้น ทำไมถึงได้รับตำแหน่งที่ใหญ่โตขนาดนั้น?
เวินชิงชิงถูกเื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกสักคำ
ท่านพ่อกินยาอะไรเข้าไปหรือเปล่านี่...
ตอนแรกที่นางพาหลินอี้กลับมาที่นี่ก็แค่อยากให้เขาเข้ามาเป็สมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวเท่านั้นแต่ทำไมตอนนี้กลับกลายเป็ว่าเขามีตำแหน่งที่สูงเทียบเท่ากับเหล่าผู้าุโ และอาจารย์อี้ทั้งสองท่านไปแล้วเล่า?
เลื่อนขั้นได้เร็วเกินไปแล้ว!!
เวินติ่งเทียนเดาปฏิกิริยาของฝูงชนได้นานแล้วว่าจะต้องออกมาแบบนี้เขาจึงโบกมือไปมา สั่งให้ทุกคนหยุดพูดคุยกันแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมจริงจัง “เพราะฉะนั้น นับั้แ่วันนี้ไปไม่ว่าใครก็ตามต้องให้ความเคารพกับผู้าุโหลิน หากมีใครล่วงเกินหรือทำเื่เสียมารยาทกับเขาข้าจะไล่มันออกจากตระกูลเวินซะ! เวินชงเอาตราสัญลักษณ์ผู้าุโประจำตระกูลเวินออกมา ข้าจะมอบให้ผู้าุโหลินด้วยตัวเอง”
“ขอรับ!”
เมื่อเวินชงได้รับคำสั่งจากเวินติ่งเทียนแล้วเขาก็หยิบเอาตราสัญลักษณ์สีน้ำเงินออกมาชิ้นหนึ่ง มันไม่ใช่ทองและก็ไม่ได้ทำจากหยกแต่กลับมีน้ำหนักมากในระดับหนึ่งเลยเวินติ่งเทียนยื่นมันไปให้หลินหยางด้วยสีหน้าจริงจังเรียกได้ว่าเขากำลังยื่นข้อเสนอให้หลินหยางต่อหน้าผู้คนทั้งหมดที่อยู่ในที่แห่งนี้
ซึ่งแน่นอนว่าหลินหยางต้องรับเอาไว้อยู่แล้ว
เพราะมันคือเป้าหมายที่หลินหยาง้าั้แ่แรกอยู่แล้วด้วย
หลักจากเสร็จพิธีแล้วคนของตระกูลเวินก็แยกย้ายกันออกไปหมดซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาในตอนนี้ต่างก็กำลังพูดถึงเื่ของหลินอี้กันอยู่เกรงว่าอีกไม่นาน ชื่อของหลินอี้คงจะกลายเป็ที่รู้จักของคนในตระกูลเวิน ไม่สิต้องบอกว่าของคนที่อยู่ในเมืองอวิ๋นเฉิงเลยน่าจะถูกต้องกว่า
“เอาละผู้าุโหลิน ขอเชิญท่านเข้าไปหารือกับพวกเราที่ด้านในโน่นเถอะ!” หลังจากที่เวินติ่งเทียนสั่งให้ฝูงชนแยกย้ายกันออกไปแล้ว เขาก็หันกลับมาหาหลินหยางอีกครั้ง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่ดูสดใสอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนเลยสักครั้ง
“ท่านประมุขเชิญ” หลินหยางผายมือออกและเดินตามเวินติ่งเทียนและพวกเข้าไปยังด้านใน
ภาพที่ปรากฏขึ้นทำเอาเวินชิงชิงที่ยังไม่ได้เดินออกไปถึงกับยืนอึ้ง
ท่านพ่อของนางยังไม่เคยยิ้มแบบนี้ให้ใครมาก่อนแม้แต่กับพวกราชวงศ์ชนชั้นขุนนางก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้เห็น...
ถึงแม้ในหัวนางตอนนี้จะมีข้อสงสัยเกิดขึ้นมากมายจนอยู่ไม่สุขก็ตามแต่นางกลับทำได้แค่ยืนตาปริบๆ มองหลินอี้เดินจากไปพร้อมกับพ่อของนาง ในขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นภายในใจของนางเป็ความรู้สึกแบบที่นางไม่เคยเจอมาก่อน เป็ความรู้สึกของคำว่าพ่ายแพ้
เ้าบ้านั่นตอนจากกันมันไม่มองมาหาเราเลย
ท่าทีแบบนั้นมันอะไรกันหึ!
..................................
ณ ฟากหนึ่งของคฤหาสน์เวินภายในห้องที่ถูกปิดไว้เป็ความลับนั้น มีเพียงแค่เวินติ่งเทียน หลินหยาง และอาจารย์อี้ทั้งสองท่านที่อยู่ในห้องเท่านั้นแม้แต่ระดับผู้าุโอีกสี่คนอย่างถังหงยังไม่สามารถเข้าไปในห้องนั้นได้
เวินติ่งเทียนกำลังยืนจ้องไปที่สิ่งของชิ้นหนึ่งที่กำลังวางอยู่บนโต๊ะสีหน้าของเขาในตอนนี้ไม่หลงเหลือความสุขุมเยือกเย็นของคนเป็ผู้นำอยู่เลยเขากำลังตื่นเต้นสุดขีดราวกับเด็กน้อยที่กำลังจ้องมองของเล่นแสนรักอยู่
“ฮ่าฮ่าประมุขเวิน ตอนที่ข้าเพิ่งสร้างของชิ้นนี้เสร็จใหม่ๆข้าเองก็มีสภาพไม่ต่างจากท่านเลยสักนิด...” อี้สิงอวิ๋นที่อยู่ข้างๆกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าสดใส รู้สึกภูมิใจกับของที่วางอยู่บนโต๊ะเป็อย่างมาก
แม้แต่อี้ชังไห่ที่มีใบหน้าที่ดูมีประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างยาวนานนั่นในตอนนี้ก็กำลังปรากฏรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจออกมาเช่นกัน เขากล่าวออกมาว่า “การที่ข้ามีโอกาสได้สร้างอุปกรณ์แห่งวิถีราชันแบบนี้ต่อให้ต้องตายข้าก็ไม่รู้สึกเสียใจแล้ว!”
อุปกรณ์แห่งวิถีราชัน
เป็ของวิเศษที่อยู่เหนือกว่าอุปกรณ์ิญญาขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น
และนี่น่าจะเป็การปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกของอุปกรณ์วิถีราชันในอาณาจักรชูอวิ๋นจวิ้นอันกว้างใหญ่นี้จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่นักการช่างอันดับหนึ่งอย่างเวินติ่งเทียนจะดีใจจนออกนอกหน้าแบบนี้
สายตาของเขาจับจ้องไปที่กล่องสีเขียวเข้มที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามโดยไม่วางตาโดยมีแหวนวงหนึ่งวางนิ่งๆ เอาไว้อยู่ภายในกล่องนั้น
โดยเนื้อแหวนนั้นเป็สีทองแดงถูกแกะสลักเป็รูปของสายลมและคลื่นน้ำอย่างประณีตสวยงามทั้งด้านในและด้านนอกของตัวแหวนดูเรียบง่ายแต่สง่างามและน่าหลงใหล
ตรงส่วนที่เป็วงโค้งของแหวนวงนี้มี ‘ผลึกิญญาต้นกำเนิด’จัดเรียงเป็แถวยาวไว้อย่างเป็ระเบียบ ซึ่งมันเป็ส่วนประกอบสำคัญที่จะมอบ ‘คุณสมบัติิญญา’ ให้กับตัวอุปกรณ์ส่วนตรงกลางสุดของแหวนนั้นถูกประดับด้วยผลึกคริสตัลที่โปร่งใสขนาดเท่าเล็บมือจำนวนหนึ่งเม็ดภายในผลึกนั้นมีก้อนพลังงานสีขาวกำลังหมุนวนราวกับลมพายุอย่างน่าอัศจรรย์
“นี่มัน‘แก่นแห่งความว่างเปล่า’ จริงๆ ด้วยแต่วัตถุดิบระดับสี่แบบนี้ไม่มีทางหลอมรวมเข้ากับตัวแหวนที่ทำจาก ‘ทองแดงหลอมแปลง’ ได้อย่างสมบูรณ์เลยยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแสดงผลคุณสมบัติช่องว่างของมัน ปกติไม่มีทางทำได้แน่ๆ...แต่ว่า แต่ว่า... ”
เวินติ่งเทียนหยิบเอาแหวนวงนั้นขึ้นมาอย่างตื่นเต้นเมื่อกระตุ้นให้มันทำงาน ก็เกิดมิติช่องว่างขนาดใหญ่โตโผล่ขึ้นมาพร้อมกับดูดเอาโต๊ะที่ตั้งอยู่ด้านล่างเข้าไปในมิตินั้นด้วย
เวินติ่งเทียนแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองแต่ก็รู้สึกตื่นเต้นไปด้วยในเวลาเดียวกันในวงการช่างของอาณาจักรชูอวิ๋นจวิ้นนั้นมีการทำวิจัยและหาวิธียกระดับอุปกรณ์มาเป็เวลายาวนานมากแล้วในที่สุดมันก็เป็จริงต่อหน้าเขาเสียที
“ฮ่าฮ่าเพราะ ‘ยาหลอมฟ้า’อันน่าอัศจรรย์ของผู้าุโหลินมันใช้ได้ผลน่ะสิ” อี้สิงอวิ๋นที่อยู่ข้างๆก็หัวเราะดังฮ่าๆ “ท่านประมุขเวิน ต่อให้ท่านควักสมองออกมาคิดก็ไม่มีทางคิดออกแน่ๆว่า สมุนไพรที่ปกติเราไม่เคยเห็นค่าของมันเลยอย่างโล่อิงเฉ่านั้นมันกลับเป็ตัวแปรสำคัญที่ทำให้แก่นแห่งความว่างเปล่าสามารถหลอมรวมเข้ากับทองแดงหลอมแปลงได้อย่างสมบูรณ์อาจารย์ของผู้าุโหลินจะต้องเป็อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะอย่างแน่นอน!”
“ผู้าุโยี่ชมเกินไปแล้ว”หลินหยางอธิบายกลับด้วยท่าทีนิ่งสงบ “อาจารย์ข้าเคยบอกไว้ว่าวิชาการช่างนั้นลึกล้ำยิ่งใหญ่ ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตในการศึกษาก็คงจะรู้ได้แค่เพียงเศษเล็บของมันเท่านั้น”
“หึหึผู้าุโหลิน ถ้าขนาดอาจารย์ของท่านยังรู้แค่เพียงเศษเล็บแล้วละก็ อย่างนั้นพวกเราจะยังมีหน้าเรียกตัวเองว่านักการช่างอยู่อีกหรือ?ไม่ทราบว่าอาจารย์ท่านนั้นได้ตั้งชื่อให้กับแหวนวงนี้แล้วหรือยัง”เวินติ่งเทียนเรียกโต๊ะกลับออกมาใหม่จากนั้นก็ถอดแหวนออกวางกลับที่เดิม
หลินหยางพยักหน้า “อาจารย์ข้าเรียกมันว่าแหวนพระสุเมรุ”
“ดีมาก!”ทั้งสามคนที่เหลือส่งเสียงชื่นชมพร้อมกัน “เศษทรายไปจนถึงเขาพระสุเมรุ‘แหวนพระสุเมรุ’ เป็ชื่อที่ดี!”
ใช่แล้ว
ของขวัญที่หลินหยางมอบให้กับตระกูลเวินก็คือแหวนแห่งช่องว่างที่ก้าวข้ามกาลเวลา – แหวนพระสุเมรุเป็อุปกรณ์ที่ก้าวข้ามถุงฟ้าดินไปแล้ว
ั้แ่ในอดีตจนถึงปัจจุบันนั้นทวีปชี่อู่โดยปกติจะใช้ถุงฟ้าดินกันเป็หลัก ถึงมันจะใช้งานได้สะดวกก็ตามแต่มันก็ยังมีจุดด้อยอยู่สองข้อ
ข้อแรก มันพกพาไม่สะดวกข้อสอง ข่องว่างมีจำกัด ถุงฟ้าดินหนึ่งใบมีขนาดแค่หนึ่งลูกบาศก์เมตรเท่านั้นไม่สามารถใส่ของที่มีขนาดใหญ่มากเข้าไปได้
ส่วนแหวนพระสุเมรุนั้นสามารถแก้ไขข้อเสียทั้งสองข้อนี้ได้อย่างสมบูรณ์นอกจากจะมีรูปลักษณ์เป็แหวนทำให้พกพาสะดวกแล้วมันยังสามารถสร้างช่องว่างระหว่างมิติที่มีขนาดใหญ่ถึงหนึ่งหมื่นลูกบาศก์เมตรได้เทียบได้กับพระตำหนักขนาดใหญ่หลังหนึ่งเลย เรียกได้ว่ามันเกิดมาเพื่อฆ่าถุงฟ้าดินก็ไม่ผิดนัก
แต่ส่วนที่ทำให้มันพิเศษในฐานะอุปกรณ์แห่งวิถีราชันก็คือการที่มันมีความสามารถในระดับที่เรียกว่าขี้โกงอย่างคุณสมบัติิญญาที่ชื่อ ‘รวมิญญา’
ยอดฝีมือระดับเซียนเทียนที่ใช้งานแหวนรวมิญญาจะสามารถดึงดูดพลังฟ้าดินจากธรรมชาติรอบตัวได้โดยกินพื้นที่กว้างถึงหนึ่งหมื่นลูกบาศก์เมตรซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถพัฒนาตัวเองได้รวดเร็วกว่าเดิมประมาณห้าเท่าผลลัพธ์เทียบเท่ากับการใช้โอสถในการเพิ่มระดับได้แบบไร้ขีดจำกัด เป็ความสามารถที่ดีมากเกินพอที่จะดึงดูดให้ผู้คนยอมแลกชีวิตเพื่อมัน!!
อุปกรณ์ที่สามารถสร้างมิติช่องว่างอันใหญ่โตอีกทั้งยังสามารถช่วยให้ผู้ใช้ยกระดับพลังฝีมือได้อย่างรวดเร็วแบบนี้ถ้าหากมันหลุดออกไปสู่สังคมภายนอกแล้วละก็ ทั้งอาณาจักรชูอวิ๋นจวิ้น ไม่สิทั้งทวีปชี่อู่จะต้องเกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แน่นอน เพียงแต่...อุปกรณ์ชิ้นนี้ กลับเป็แค่ผลลัพธ์ที่เกิดจากศาสตร์การช่างระดับที่ต่ำที่สุดที่ได้มาจากความทรงจำของจักรพรรดิฟ้าหลีหั่วเท่านั้น
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตามแต่การที่ท่านผู้าุโหลินยอมมอบสูตรการสร้างแหวนพระสุเมรุให้กับพวกเราตระกูลเวินนั้นข้าประมุขเวินนั้นรู้สึกขอบคุณท่านเป็อย่างมาก!!”
กล่าวจบเวินติ่งเทียนก็หันไปทำท่าเคารพอย่างเป็ทางการให้กับหลินหยางเพราะว่าหลินหยางนั้นได้ช่วยชีวิตของตระกูลเวินเอาไว้จริงๆ
ขอแค่มีของวิเศษชิ้นนี้เก็บไว้เป็ไพ่ตายแล้วละก็การประลองงานช่างในอีกครึ่งปีให้หลังพวกเขาก็ไม่จำเป็ต้องกลัวยอดฝีมือนักการช่างของตระกูลเฉินคนนั้นอีกแล้ว
พอเวินติ่งเทียนทำท่าเคารพใส่หลินหยางแบบนี้เขาก็ต้องลุกขึ้นมาตอบรับคำขอบคุณของเวินติ่งเทียนด้วยท่าทีถ่อมตนอยู่แล้ว
แต่ในใจของหลินหยางนั้นคิดว่าเขาเหมาะสมและคู่ควรที่จะได้รับคำขอบคุณครั้งนี้ด้วยประการทั้งปวง
นอกจากนี้เขายังไม่ได้หวังแค่จะเข้ามาอยู่ในตระกูลเวินเท่านั้นจากวันนี้เป็ต้นไป เขาจะค่อยๆ เข้าควบคุมอำนาจของตระกูลเวินจนสามารถยึดอำนาจทั้งหมดมาเป็ของตัวเองได้ในท้ายที่สุด
ดังนั้นแล้วหลังจากที่เวินติ่งเทียนเงยหัวขึ้น หลินหยางก็กล่าวกับเวินติ่งเทียนอย่างช้าๆ ว่า “ท่านประมุขเวินอาจารย์ของข้านอกจากจะส่งให้ข้านำสูตรการสร้างยาหลอมฟ้าและแหวนพระสุเมรุมามอบให้กับตระกูลเวินแล้วอาจารย์ท่านยังฝากคำพูดให้ข้ามาบอกต่อท่านอีกประโยคหนึ่งด้วย”
“ผู้าุโหลินเชิญกล่าว”
“ท่านอาจารย์บอกว่าเมื่อก่อนตระกูลเวินนั้นทั้งยิ่งใหญ่และทรงเกียรติแต่ไม่คิดเลยว่าปัจจุบันกลับตกต่ำลงจนอยู่ในจุดที่ไม่ว่าใครก็สามารถรังแกได้แบบนี้ถ้าศาสตร์การช่างทั้งสองนี้ก็ยังไม่สามารถช่วยกอบกู้ตระกูลเวินขึ้นมาได้ อย่างนั้นเหล่าบรรพบุรุษของครอบครัวตระกูลเวินก็คงตายตาไม่หลับแล้ว...”
อะไรนะ!!
“อาจารย์ท่านนั้นรู้ว่าตระกูลเรากำลังเจอวิกฤตอยู่เลยใช้ให้ผู้าุโหลินมาสนับสนุนพวกเราอย่างนั้นหรือ...อาจารย์ท่านช่างเป็ยอดคนโดยแท้...”
เื่ที่หลินหยางเล่ามามันเป็เื่จริงหรือโกหกนั้นก็ไม่สามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้เสียด้วยเวินติ่งเทียนจึงทำได้แค่ยอมเชื่อว่าเื้ัของหลินหยางนั้นมียอดคนกำลังเป็ห่วงตระกูลเวินของเขาอยู่
“ฟู่...”เวินติ่งเทียนถอยหายใจออกมาทางปากหนักๆ หนึ่งครั้ง “ข้าขอบอกตามตรงเลยแล้วกัน ตระกูลเวินของเรา ั้แ่รุ่นพ่อของข้าเป็ต้นมาก็เริ่มจะไม่สามารถพัฒนาทักษะให้สูงมากขึ้นไปกว่านี้ได้แล้วจนมาถึงเมื่อหลายวันก่อน ผู้ดูแลภายในของราชสำนัก ท่านหวังก็ได้เรียกให้พวกเราสามตระกูลใหญ่ไปเข้าเฝ้า พอถึงตอนนั้นข้าถึงรู้ว่าเฉินเย่เซิงมันวางแผนคิดจะโจมตีตระกูลเวินของพวกเรา”
เฉินเย่เซิง
พอหลินหยางได้ยินชื่อนี้ก็เริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมา
ประมุขตระกูลเฉินเฉินเย่เซิง มันคือหนึ่งในสามคนที่หลินหยาง้าจะล้างแค้นในตอนที่หลินหยางเข้าไปอาศัยอยู่กับตระกูลเฉินนั้น ประมุขตระกูลอย่างมันดูแลเขาดียิ่งกว่าลูกแท้ๆของตัวเองเสียอีก หลังจากนั้นมันยังสาบานกับหลินหยางว่าจะติดตามรับใช้องค์ชายหลินหยางไปชั่วชีวิตด้วย
แต่สิ่งที่มันทำทั้งหมดนั้น...สุดท้ายก็เป็เพียงแค่ละครลิงที่มันสร้างขึ้นเพื่อหลอกให้หลินหยางเชื่อใจพวกมันหลังจากที่พวกมันได้สิ่งที่้าไปแล้ว ก็ยังส่งเ้าพ่อบ้านเฉินนั่นมาฆ่าปิดปากเขาอย่างเหี้ยมโหดอีก
เฉินเย่เซิง นี่คงเป็...
ตระกูลเวินเป็หมากตัวสำคัญในแผนการล้างแค้นของข้า ในเมื่อเ้าคิดที่จะมาแย่งของสำคัญของข้าไปอย่างนั้นข้าจะบดขยี้ตระกูลเฉินของพวกเ้าทิ้งก่อนเลยแล้วกัน!!