ประตูห้องอันใหญ่โตของห้องเมาฆาร่งโรยถูกเปิดออกจากด้านนอกมีเงาร่างสายหนึ่งที่กำลังสะท้อนแสงอยู่ค่อยๆ เดินเข้ามาภายในห้อง
หลินหยางก็ได้เจอกับศัตรูคู่แค้นที่เขาเกลียดที่สุด
ไม่ได้เห็นหน้ามันแค่ครึ่งปีกว่า ไอ้ชั่วนี่กลับดูอ้วนขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยดูท่าชีวิตในวังของมันจะหรูหราสุขสบาย ถูกเลี้ยงดูอย่างดีเลยล่ะสิ
ใบหน้าของมันนั้นยังคงมีรอยยิ้มเป็มิตรที่เป็เหมือนสัญลักษณ์ประจำตัวของมันเหมือนกับเฉินเย่เซิง พ่อของมันไม่มีผิด ดูท่าทางองอาจดุจวิญญูชน
แต่พลังที่แฝงอยู่ในตัวมันนี่สิที่ทำให้หลินหยางแอบใอยู่บ้าง
วิชาเนตรเพลิงสุพรรณของหลินหยางนั้นสามารถส่องเห็นลักษณะของเืลมที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเฉินเฉาเกอได้ซึ่งรูปแบบการไหลเวียนนั้นเป็ของระดับเซียนเทียนขั้นกลางแล้วพลังของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลยอีกทั้งภายในจุดชี่ไห่ของอีกฝ่ายยังมีกลุ่มก้อนพลังงานลึกลับกลุ่มหนึ่งที่ขัดขวางการมองสำรวจพลังของเขาเอาไว้ทำให้หลินหยางไม่สามารถตรวจสอบพลังที่แท้จริงทั้งหมดของเฉินเฉาเกอได้
นั่นมันเทคนิคการซ่อนพลังหรือ?
ดูท่า่ครึ่งปีมานี้เฉินเฉาเกอเองก็บังเอิญไปได้ของดีมาด้วยเหมือนกัน...
แต่หลินหยางไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด
ั้แ่ที่เขาพบกับเฉินเฉาเกอครั้งแรกก็สามารถััได้ทันทีว่าคนๆ นี้เป็คนพิเศษที่ไม่เหมือนคนทั่วไป มันมีทั้งความคิด สติปัญญาที่ฉลาดเฉลียวเป็คนที่มีพร์โดยแท้จริง เพียงแต่ตอนที่มันยังอยู่ในตระกูลเฉินนั้นมันไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพออกมาก็เท่านั้น
ตอนนี้มันได้ขึ้นเป็เ้าชายแห่งอาณาจักรชูอวิ๋นแล้วก็เหมือนกับัมารที่ดำดิ่งลงไปในทะเลเื ไม่มีใครสามารถรู้ได้เลยว่าภายใต้รอยยิ้มอันมืดหม่นนั่น มีพลังที่แข็งแกร่งจนน่าสะพรึงกลัวซ่อนอยู่มากแค่ไหน
แต่ว่าเื่นั้นมันไม่มีผลอะไรกับหลินหยางเลยแม้แต่น้อย
ขอแค่เขา้าเขาก็สามารถใช้ความสามารถในการะเิตัวเองของชุดเกราะิญญาเหล็กทมิฬที่มีพลังทำลายล้างเทียบเท่ากับการโจมตีระดับอวิ้นหลิงนั่นบดขยี้อีกฝ่ายให้แหลกเละได้อย่างง่ายดายเพียงแต่ว่าสถานที่และเวลาในตอนนี้ยังไม่เหมาะสม หากฆ่ามันง่ายๆ แบบนี้มันจะไม่คุ้มเท่าไร
สิ่งที่เขา้าคือนอกจากจะให้มันต้องเ็ปทางกายอย่างแสนสาหัสแล้วยังต้องทำให้มันเ็ปไปถึงข้างในจิตใจอย่างทุกข์ทรมานและยังต้องเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของมันออกมาด้วยทำให้ชื่อเสียงของมันฉาวโฉ่ไปตลอดกาล!!
หลินหยางค่อยๆ เก็บประกายแสงในดวงตาที่เกิดจากพลังเนตรลงไป
คนอื่นๆ ที่อยู่ข้างๆ พอเห็นเฉินเฉาเกอก็ส่งเสียงอย่างประหลาดใจออกมา
“ท่านองค์ชายเก้า?”
คนที่มียศต่ำหน่อยอย่างพวกรัฐมนตรีก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที
องค์ชายเก้าก็มาด้วยหรือ
สถานการณ์ในตอนนี้พลันซับซ้อนขึ้นมาทันที
เื่ที่เ้าชายลำดับที่สองและลำดับที่เก้ากำลังแย่งชิงสิทธิในการเป็ผู้สืบราชบัลลังก์นั้นเป็เื่ที่รู้กันไปทั่วอาณาจักรมานานแล้ว การที่ทั้งสองคนปรากฏตัวที่คฤหาสน์เวินพร้อมกันในวันนี้จะต้องมาเพื่อเวินติ่งเทียนและหลินอี้แน่นอน!!
เฉินเฉาเกอมองไปทางหลินอี้พร้อมกับแสยะยิ้มขึ้นแล้วเดินเข้ามาทางเขา
รอยยิ้มของมันนั้นดูเยือกเย็นดุจน้ำแข็งทำให้บรรยากาศภายในห้องเมฆาร่วงโรยแห่งนี้ที่แต่เดิมกำลังคึกคักอักโขนั้นพลันเย็นชืดลงทันที ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีกเลย
ส่วนหลินเวยนั้น พอถูกเฉินเฉาเกอพูดขัดคอไปเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีหวั่นไหวอะไรออกมาเลยอีกทั้งยังหันไปพูดกับเฉินเฉาเกออย่างนิ่งสงบว่า
“น้องเก้า ถ้าเ้าพูดแบบนี้ก็เหมือนกับว่าเ้ามองประมุขเวินเป็คนที่โลภมากเห็นแก่เงินน่ะสิของเหล่านี้น่ะเป็แค่น้ำใจเล็กๆ น้อยของพี่ก็เท่านั้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับมูลค่าเลย โปรดประมุขเวินรับสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ นี่ไว้ด้วยเถอะ”
หลินเวยบุกโจมตีอย่างต่อเนื่องด้วยคำพูดอันสวยหรู แต่เฉินเฉาเกอกลับเดินตรงมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเวินติ่งเทียน ทำความเคารพหนึ่งครั้ง จากนั้นก็ยิ้มขึ้น
“ก็เป็อย่างที่พี่สองพูดนั่นแหละหลินหยางทักทายท่านประมุขเวินและ...ผู้าุโหลิน!!!!”
เฉินเฉาเกอจ้องเขม็งไปทางหลินหยางถึงแม้เขาจะกำลังยิ้มอยู่ แต่มีเพียงหลินหยางที่ััได้ว่าในแววตาของมันนั้นราวกับมีคมดาบนับพันนับหมื่นเล่มอยู่ในนั้นราวกับว่ามันอยากจะฆ่าหลินหยางให้ตายด้วยสายตาในทันที
ทั้งคู่ต่างก็เป็ศัตรูคู่อาฆาตที่อยากจะฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่งอยู่นานแล้วถ้าไม่ใช่เพราะสถานที่ตอนนี้มันไม่เหมาะสมกับการลงบมือละก็ เกรงว่าตอนนี้พวกเขาคงเปิดฉากปะทะนองเืกันไปเป็ร้อยๆรอบแล้ว
หลังจากจ้องหน้ากันได้สักพักเฉินเฉาเกอก็ลดสายตาอันเ็านั่นลง
เขาไม่กล้ามองไปที่หลินอี้ต่อ เพราะเขากลัวว่าตัวเองอาจจะไม่สามารถควบคุมจิตสังหารภายในใจเอาไว้ได้จนเผลอลงมือใส่หลินอี้
แต่ตอนที่เขาหันกลับมาทางเวินติ่งเทียนั้นเขาก็กลับมามีท่าทางเหมือนชนชั้นสูงผู้องอาจและทรงภูมิ
“ท่านประมุขเวินพี่สองของข้าน่ะเป็พวกปากไม่ตรงกับใจ เห็นชัดๆ เลยว่าอยากจะชวนท่านให้เข้าร่วมอยู่กับฝ่ายตัวเองแต่กลับทำตัวยึกยักมากความอยู่ได้เหอะเหอะ พวกเราทุกคนก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว จะมาอ้อมค้อมให้เสียเวลาอีกทำไม?”
หืม?
ไม่มีใครคิดเลยว่าเฉินเฉาเกอจะพูดแฉจุดประสงค์หลักของหลินเวยออกมาตรงๆแบบนี้ คำพูดแหลมคมตรงไปตรงมา ราวกับยอดฝีมือแทงดาบออกไปทีเดียวก็สามารถฉีกหน้ากากของหลินเวยจนแตกออกได้ในทันที
“หลินหยาง เ้า!!”
หลินเวยคาดไม่ถึงเลยว่าคราวนี้เฉินเฉาเกอมันจะเปิดเผยกันตรงๆ ทื่อๆแบบนี้ มันแตกต่างจากลักษณะนิสัยตามปกติของมันที่มักจะดูอ่อนโยนรอบคอบเป็อย่างมาก
ไม่มีใครรู้เลยว่า เฉินเฉาเกอตอนนี้ได้จมลงสู่ด้านมืดไปแล้วโดยสิ้นเชิงในจิตใจของเขาตอนนี้ไม่มีศีลธรรมใดๆ หลงเหลืออยู่อีกต่อไปเขาสามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เขา้า
เขาจะเปิดศึกชิงราชบัลลังก์ด้วยวิธีตรงๆกดดันหลินเวยมันทุกทางโดยไม่ต้องใช้วิธีอ้อมค้อมอีกต่อไป
ตระกูลเวินนี่แหละจะเป็เวทีแรกที่เขาจะใช้เล่นงานหลินเวย!!
แล้วก็หลินอี้กับพวกตระกูลเวิน
เฉินเฉาเกอรู้สึกเหม็นขี้หน้าพวกตระกูลเวินที่ดูจะมีฐานะและชื่อเสียงที่สูงขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยเขาเลยจะป่าวประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าตระกูลเวินน่ะมันเคยก่อความผิดครั้งใหญ่เอาไว้แล้วอีกไม่ช้าตระกูลนี้จะต้องพบกับความล่มสลายไปตลอดกาลอย่างแน่นอนไม่คู่ควรให้ผู้คนไปเคารพนับถือมันเลยสักนิดเดียว!!
เฉินเฉาเกอแสยะยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “ขอข้าพูดตามตรงนะ พี่สอง ท่านมันพวกไม่รักดี!!”
เฉินเฉาเกอตอนนี้ได้เผยธาตุแท้อันชั่วช้าออกมาตรงๆ อย่างเปิดเผยคำพูดไม่น่าฟังล้วนถูกพ่นออกมาจากปากเขาอย่างต่อเนื่อง
“หลังจากการประชุม่เช้าของวันนี้จบลงข้าก็พอจะรู้แล้วว่าต้องมีคนบางกลุ่มรีบมาสรรเสริญเยินยอตระกูลเวินแน่ๆแต่ไม่คิดเลยนะว่า ท่านแม่ทัพหลี่ ท่านนายกสื่อ แม้แต่พวกท่านก็มาด้วยหรือ?”
แค่คำพูดประโยคนี้ก็ทำให้หลี่จิ้งและสื่อซือิหน้าเสียไปเลย
เฉินเฉาเกอยังพูดต่อไปอีกว่า “แม้แต่พี่สองท่านก็มาด้วย!! เป็ถึงเ้าชายแต่กลับจะเป็ตัวแทนเชื้อพระวงศ์แสดงคำขอโทษให้กับชาวบ้านธรรมดาๆ เสียอย่างนั้นพี่สอง ตำแหน่งเ้าชายของท่านถูกท่านทำให้เสียเกียรติไปหมดแล้ว!!”
เฉินเฉาเกอยิ่งพูดยิ่งเจ็บแสบ วาจาร้ายกาจ ไร้ความปรานีทำเอาผู้คนรอบข้างต่างก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา บางคนถึงกับรู้สึกโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว
คำพูดของเฉินเฉาเกอนั้นแรงเกินไปมากแล้วแต่กลับไม่มีใครกล้าเถียงกับเขาเลยสักคน
เ้าหมอนี่มันใช้ตำแหน่งเ้าชายของตัวเองมาข่มเหงผู้อื่นชัดๆใช้คำพูดอันหยาบคายเป็ดั่งแส้ยาวฟาดเข้าใส่ใบหน้าของคนทั้งหมดอย่างเจ็บแสบ
หลินเวยทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
“หลินหยาง เ้ารู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังพูดอะไรอยู่!!”
หลินเวยลุกพรึบขึ้นมาทันที
“อะไรกัน พี่สองท่านยังไม่ทันได้ขึ้นเป็จักรพรรดิเลยก็คิดจะห้ามไม่ให้น้องชายคนนี้เปิดปากพูดแล้วหรือ?”
เ้า!!!!
ความสามารถด้านชั่วช้าของเฉินเฉาเกอมันอยู่ในระดับสูงสุดไปแล้วอย่างหลินเวยไม่มีทางเถียงสู้มันได้แน่นอน หลินเวยยกมือขึ้นมาพร้อมกับเดินไปทางเฉินเฉาเกอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยโทสะอย่างรุนแรง
“อย่างไรข้าก็ยังเป็พี่ชายของเ้า การที่เ้าพูดจาหยาบคายไม่ให้เกียรติผู้คนต่อหน้าเหล่าผู้าุโมากมายขนาดนี้ข้าก็ต้องมีสิทธิที่จะลงมือสั่งสอนเ้าให้รู้จักเข็ดหลาบอยู่แล้ว!!”
หึ!!
เหมือนกับมีประกายแสงออกมาจากดวงตาของเฉินเฉาเกอเขารอเวลานี้มานานแล้ว
จุดประสงค์หลักของวันนี้ก็คือ้าบีบให้หลินเวยลงมือทำร้ายเขาจากนั้นค่อยลงมือกำราบหลินเวยลงซะเพื่อที่จะทำลายความน่านับถือของมันในตัวผู้คนให้สูญสิ้นลง
ในตัวเขานั้นมีพลังอันน่าหวาดกลัวแอบซ่อนเอาไว้อยู่เป็พลังที่ทรงพลังมากพอที่จะสร้างความหวาดกลัวไปทั่วทั้งห้องนี้ได้
เขาหัวเราะอย่างเ็าออกมา ทำท่าเหมือนจะยอมแพ้แล้วแต่กลับหันไปด่ากราดใส่อีกด้านหนึ่งแทน
“ก็ได้พี่สอง ข้าไม่พูดก็ได้ แต่ว่านะพี่สองการที่ท่านใช้ของกำนัลจำนวนมากมายขนาดนี้เพื่อที่จะซื้อใจตระกูลเวินนี่ข้าว่าท่านคงจะตาถั่วแล้วล่ะ ท่านไม่รู้หรือไงว่าตระกูลเวินนี่มันไม่ใช่เสาหลักแห่งชูอวิ๋นอะไรนั่นเลยสักนิดแต่พวกมันน่ะเป็ตัวซวยที่นำพาหายนะเข้ามาสู่อาณาจักรชูอวิ๋นของเราต่างหาก!!”
อะไรนะ!!!!
คำพูดนี้ร้ายกาจดุดันราวกับอสนีบาต
พวกของเวินติ่งเทียนถึงกับหน้าซีดไปเลยเพียงแต่พวกเขาต่างก็เดาได้ว่าหายนะที่เฉินเฉาเกอพูดถึงหมายถึงใครจึงเผลอมองไปทางหลินหยางโดยไม่รู้ตัว
หลินหยางยืนมองเฉินเฉาเกอที่กำลังหาเื่เขาอยู่อย่างเงียบสงบ
แต่ดวงตาของเขายิ่งมายิ่งเปล่งประกายมากขึ้นเรื่อยๆ คนของตระกูลเวินจะรู้กันดีว่าแววตาแบบนี้เป็สัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าในตัวของหลินหยางตอนนี้กำลังคุกรุ่นไปด้วยเปลวไฟแห่งความพิโรธ
ดูท่าทางจะกลายเป็เื่ใหญ่แน่ๆ งานนี้
ด้านข้างกันนั้น หลินเวยเองก็โมโหจนทนไม่ไหวแล้ว
“พอได้แล้ว หลินหยาง!! เ้าไม่ให้เกียรติพี่ชายตัวเองไม่พอต่อด้วยการด่าเหล่าข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ อีกทั้งยังสาปแช่งตระกูลเวินที่เสด็จพ่อให้การยกย่องอีก!! วันนี้เ้าเป็บ้าไปแล้วหรืออย่างไร? ข้าในฐานะผู้มีศักดิ์เป็พี่ชายของเ้าข้าขอสั่งให้เ้า รีบไสหัวออกจากประตูคฤหาสน์เวินเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้น ข้านี่แหละที่จะถีบส่งเ้าออกไปเอง!!”
หลินเวยเริ่มปลดปล่อยพลังฟ้าดินออกมาแล้ว
เขาเป็หนึ่งในสี่ัแห่งเมืองอวิ๋นเฉิงคนที่แข็งแกร่งที่สุดและยังถูกเรียกว่าเป็ยอดฝีมือวัยรุ่นที่แข็งแกร่งที่สุดในอวิ๋นเฉิงอีกด้วย คาวมสามารถระดับเซียนเทียนขั้นกลางรวมกับเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์ที่สืบทอดต่อกันมาแบบลับๆทำให้ตอนที่เขาโกรธนั้นดูคล้ายกับัพิโรธที่กำลังอ้าปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแหลมๆของมันขึ้นอย่างน่าเกรงขาม
เฉินเฉาเกอกำลังรอให้อีกฝ่ายพูดคำนี้อยู่นานแล้วจึงท้าทายต่อทันทีว่า
“หึหึ พี่รอง...ข้ายอมให้ท่านมานานกว่าครึ่งปีแล้วแต่ในเมื่อท่านคิดจะใช้ฐานะของพี่ชายมาข่มขู่ข้าแบบนี้ละก็หลินหยางก็คงต้องขอวัดฝีมือกับยอดฝีมืออายุน้อยที่แข็งแกร่งที่สุดในชูอวิ๋นของเราหน่อยแล้ว!!”
เอาแล้ว!!
เ้าชายทั้งสองกำลังจะทะเลาะกันแล้ว!!
ใครจะคิดเล่าว่าคฤหาสน์ตระกูลเวินที่เพิ่งผ่านมรสุมครั้งใหญ่จากการต่อสู้อย่างรุนแรงจนสนามเละเทะไปนั้นยังไม่ทันจะซ่อมแซมให้เสร็จดี ก็กำลังจะกลายเป็สถานที่ประลองอีกครั้งเสียแล้ว
นายกรัฐมนตรี สื่อซือิที่อยู่ข้างก็ลุกขึ้นมาห้ามปรามว่า
“องค์ชายทั้งสองท่านวันนี้เป็วันมหามงคลของระกูลเวินถ้าลงมือที่นี่จะกลายเป็การไม่ให้เกียรติเ้าบ้านกันเกินไปขอโปรดท่านทั้งสองใจเย็นลงก่อนเถอะ...”
หลินเวยพยักหน้า “หลินหยาง ท่านนายกเอ่ยปากขอร้องแล้ว วันนี้ข้าจะไม่เอาเื่เ้า รีบๆ ขอโทษท่านประมุขเวินเดี๋ยวนี้....”
เฉินเฉาเกอยิ้มอย่างเ็า “หลินเวย เ้าชายอย่างเ้านี่ทำให้พวกเราตระกูลหลินเสื่อมเสียชื่อเสียงมากนัก”
ไอ้เวร!!
ความโอหังของเฉินเฉาเกอแบบนี้ ทำให้หลินเวยะเิความโมโหออกมาอย่างที่ไม่สามาถหยุดได้แล้วอย่างสิ้นเชิง
เขาและเฉินเฉาเกอแต่เดิมนั้นก็กำลังทำาเย็นกันอยู่แล้วแต่วันนี้มันทำตัวโอหังไม่ไว้หน้าใครเลยสักคน ถ้าหากเขาไม่สามารถสั่งสอนเ้าน้องชายจอมอวดดีคนนี้ได้ละก็เขาคงต้องอับอายครั้งใหญ่แล้ว
ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาพูดเื่เหตุผลอีกต่อไปแต่เป็เพราะการยั่วยุของเฉินเฉาเกอ ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปเป็เวลาที่ต้องมาวัดกันว่าหมัดใครแข็งกว่ากันแทนแล้ว
ถ้าหากหลินเวยยอมแพ้ไปโดยไม่สู้ละก็ ต่อไปอิทธิพลของเขาก็จะอ่อนแอลงจนต้องแพ้ในศึกชิงบัลลังก์ให้กับเฉินเฉาเกออย่างแน่นอน
หลินเวยหันไปหาเหล่าผู้าุโรอบข้าง “ทุกท่านเป็เพราะหลินเวยอบรมสั่งสอนน้องชายไม่ดีทำให้มันแสดงท่าทีโอหังไร้สัมมาคารวะแบบนั้นออกมาดังนั้นข้าจะขอสั่งสอนเ้าน้องชายผู้นี้ต่อหน้าทุกท่าน ให้มันได้รู้ว่าวิธีปฏิบัติกับผู้าุโกว่าต้องทำอย่างไร!!”
เฉินเฉาเกอที่อยู่ตรงข้ามกันก็พูดสวนกลับมาว่า “พี่สองไม่ต้องใช้คำพูดแบบนั้นมากดดันข้าหรอกอีกไม่นานทุกคนก็จะได้เห็นเองว่าสิ่งที่ข้าพูดน่ะมันไม่ผิดถึงเวลานั้นเราก็จะได้รู้กันเองว่าตระกูลเวินเป็นักบุญหรือคนบาปกันแน่แต่การที่ท่านเอาฐานะของตัวเองมาข่มเหงผู้อื่นแบบนี้ หลินหยางรู้สึกขัดใจมาก!!”
เฉินเฉาเกอกล่าวคำพูดประโยคนี้ออกมาได้หนักแน่นมากทีเดียว
แต่สิ่งที่น่าเป็ห่วงก็คือการที่เขาพูดถึงตระกูลเวินหลายต่อหลายครั้งว่าเป็ตัวซวยผู้นำพาหายนะเข้าบ้านนั้น
เขากำลังจะบอกทุกคนว่า... ตระกูลเวินไม่มีค่าพอให้เคารพนับถือเลยแม้แต่นิดเดียว
ดูท่าทางงานนี้คงจะไม่มีทางจบลงแบบสงบได้อย่างแน่นอน
หลินเวยจำเป็ต้องจัดการเฉินเฉาเกอเสียเพื่อที่จะปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองในฐานะพี่ชายเอาไว้
แต่ในตอนที่เขากำลังจะเข้าไปปะทะกับหลินหยางนั้นก็มีน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะดังขึ้น
“องค์ชายสอง ท่านนี่นิสัยดีจังเลยนะถ้าข้ามีน้องชายแบบนี้ละก็ เกรงว่าข้าคงตบหน้ามันบังคับให้หุบปากไปนานแล้วไม่รอให้มันโม้เหม็นนานขนาดนั้นหรอก ทำเอากลิ่นในห้องนี้เหม็นไปหมดเลย!!”
