เล่มที่ 1 บทที่ 8 น้ำพุเหลือง
หลินเฟยยังไม่ทันจะยืนได้อย่างมั่นคง เกลียวคลื่นในแม่น้ำหยินก็โหมซัดเป็คลื่นสูง ก่อนจะตามมาด้วยปีศาจที่คล้ายงูก็ไม่ใช่ คล้ายวัวก็ไม่เชิง โผล่พ้นขึ้นจากผิวน้ำ ดวงตาของมันแดงก่ำ ทั่วทั้งตัวปกคลุมไปด้วยเกล็ด บนหัวมีเขาสีดำเป็มันวาว ปลายหางคล้ายงูของมันโบกสะพัดตีน้ำจนเป็ลอนคลื่น มันกำลังว่ายทวนกระแสน้ำเข้ามาด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง…
“บ้าเอ๊ย โชคดีชะมัด มาถึงก็เจออสรพิษวัวเลย…” เมื่อเผชิญหน้าต่อปีศาจแห่งแม่น้ำหยินที่แข็งแกร่ง หลินเฟยไม่กล้าชะล่าใจ สะบั้นกระบี่จนเกิดลำแสงประกายม่วงที่มีความยาวเกือบสิบจ้างออกไป นี่คือบูรพาม่วงเมฆา เป็กระบวนท่าแรกของเคล็ดวิชากระบี่ระลึกตน ขณะที่ลำแสงสีม่วงร่วงสู่ผิวน้ำ ทันใดนั้น คลื่นั์สูงหลายสิบจ้างก็โหมซัดขึ้นมา
บูรพาม่วงเมฆาเป็กระบวนท่าที่แข็งกร้าวเต็มไปด้วยไอหยาง สำหรับเหล่าปีศาจในแม่น้ำหยินที่เต็มไปด้วยไอหยินแล้ว เรียกได้ว่าเป็ศัตรูกันโดยธรรมชาติ กระบวนท่าที่ฟาดฟันออกไป ต่อให้มีความดุร้ายเยี่ยงอสรพิษวัวก็ยังต้องถอยร่นหนีดำกลับลงยังใต้แม่น้ำหยิน ไม่กล้าโผล่ออกมาอีก
น่าเสียดายที่หลินเฟยไม่คิดจะปล่อยมันไป ทุกวันจะต้องล่าปีศาจสิบตน นี่มันไม่ใช่แค่เื่ปัญหาปากท้องเท่านั้น อีกอย่าง ไอมรณะน้ำพุเหลืองที่ปรากฏที่นี่ ก็เป็สิ่งที่หลินเฟย้า ดังนั้นหลังจากที่สะบั้นบูรพาม่วงเมฆาออกไป หลินเฟยไม่เพียงแต่จะไม่หยุดมือ แต่กลับเดินไปริมแม่น้ำหยินและโคจรพลังปราณ ก่อนจะะโขึ้นสูงนับสิบจ้าง แม้ตัวจะลอยอยู่กลางอากาศ แต่สายตากลับจ้องไปที่แม่น้ำหยินเบื้องล่าง…
ตอนที่หลิยเฟยค่อยๆร่อนตัวลงพื้น อยู่ดีๆ น้ำกลางแม่น้ำหยินก็ถูกย้อมจนแดงฉาน มันคือเืของอสรพิษวัวที่าเ็โดยบูรพาม่วงเมฆานั่นเอง “ ตนแรก!” หลินเฟยลอยอยู่กลางห้วงอากาศ กระบี่ยาวในมือสะบั้นออกไปอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้กลับไม่มีลำแสงสีม่วงยาวนับสิบจ้าง แต่เป็ลำแสงกระบี่สีดำทมิฬแทน ไม่ทันไรลำแสงนั้นก็เลือนหายไปจากแม่น้ำหยินอย่างสงบ ราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
สามอึดใจให้หลัง บริเวณผิวน้ำที่แสงสีดำเลือนหาย ก็พลันมีสีแดงย้อมขยายเป็วงกว้าง ตอนที่หลินเฟยร่อนตัวลงแตะพื้น ซากของอสรพิษวัวก็ลอยขึ้นมาพอดี เขาเอื้อมมือไปคว้าก่อนใช้ปลายเท้าสะกิดผิวน้ำ แล้วใช้วิชาตัวเบาลอยตัวขึ้นสูงนับสิบจ้าง ก่อนร่อนลงมายังหน้าผาสูงชัน
ดูเหมือนชั่วขณะที่เท้าแตะพื้น ก็มีอสรพิษวัวสามตนปรากฏขึ้นจากแม่น้ำ คงเพราะได้กลิ่นเืของพวกเดียวกัน ทำให้พวกมันดูเกรี้ยวกราดกว่าเดิม ทั้งคำรามและสะบัดหางจนเกิดเป็คลื่นน้ำ พอเห็นว่าพวกมันใกล้เข้ามา หลินเฟยกลัวที่จะต้องรับมือพวกมันทั้งสามพร้อมกัน จึงวาดกระบี่สำแดงบูรพาม่วงเมฆาอีกครั้ง หวังใช้ไอหยางเข้มข้นข่มขู่ให้พวกมันล่าถอย ส่วนตนเองก็จะได้รีบนำซากอสรพิษวัวหนีกลับไปอุโมงค์หินเสียที…
ยังดีที่อสรพิษวัวสามตนนั้นไม่ไล่ตามมา หลังจากที่เห็นหลินเฟยหนีไป พวกมันได้แต่คำรามอยู่ที่ริมฝั่ง ก่อนจะดำกลับสู่แม่น้ำตามเดิม
“ฟู่ว…” หลังจากที่เห็นอสรพิษวัวสามตนจากไปแล้ว หลินเฟยจึงได้ถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันไปมองซากอสรพิษวัวที่ตายจากการถูกกระบี่แทงทะลุหัวใจ พลันใบหน้าก็มีรอยยิ้มปรากฏ “ไม่รู้ว่าเ้านี่สูดไอมรณะน้ำพุเหลืองไปขนาดไหนกันนะ”
หลินเฟยใช้กระบี่สะบั้นตัดเอากรงเล็บเก็บเป็หลักฐาน จากนั้นใช้กระบี่กรีดเอาลูกแก้วปีศาจออกมา
อสรพิษวัวเป็แค่ปีศาจขั้นปลายแถว หากนับเป็ระดับบำเพ็ญของมนุษย์ ก็เสมือนขั้นจู้จีเท่านั้น ลูกแก้วปีศาจที่ได้จึงมีขนาดเล็กเท่าถั่วลันเตาเท่านั้น ช่างน่าขันสิ้นดี
ทว่าใบหน้าหลินเฟยก็แปรเปลี่ยนเป็ตื่นตะลึงทันที...
นั่นก็เพราะบนลูกแก้วปีศาจปกคลุมไปด้วยไอมรณะน้ำพุเหลืองเข้มข้น คาดว่าน่าจะประมาณสองเท่าของปีศาจอสรพิษวัวทั่วไป หมายความว่าเมื่อครู่ที่เขาสะบั้นกระบวนท่าออกไปมั่วๆ กลับสามารถสังหารอสรพิษวัวอัจฉริยะได้ตนหนึ่ง หากมันไม่ถูกสังหาร เกรงว่าวันหน้ามันอาจจะบรรลุขั้นจอมปีศาจเยาหวังก็เป็ได้!
“โชคดีไม่เบาเลยนี่…”
ถึงแม้ลูกแก้วปีศาจจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร เพราะยังไม่ถึงขั้นหลอมกาย ต่อให้มีลูกแก้วปีศาจมากมายก็ไม่สู้หินิญญาเพียงก้อนเดียว หลินเฟยให้ความสำคัญกับไอมรณะมากกว่าเพราะมันเป็วัตถุดิบสำคัญในการหลอมเพื่อแยกศาสตราวุธนั่นเอง
หลินเฟยควานมือหาของในเป้สัมภาระก่อนจะหยิบขวดหยกใบหนึ่งออกมา เขาโคจรพลังปราณ ค่อยๆเลาะเอาไอมรณะออกมาเก็บไว้ในขวดหยก จนกระทั่งไอมรณะสุดท้ายถูกบรรจุ หลินเฟยจึงอัดพลังปราณบางส่วนเข้าไปในขวดตาม และปิดผนึกปากขวดให้แ่า
‘ต่อไปก็แค่รอไอมรณะกลั่นกลายเป็หยดน้ำพุเหลืองก็พอ’
ว่ากันว่าหยดน้ำพุเหลืองชะล้างได้ทุกสิ่ง แม้แต่สามจิตเจ็ดิญญา หากเข้าสู่จิ่วโยวก็จะถูกน้ำพุเหลืองชะล้างความทรงจำจนหมดสิ้น เช่นนี้เองเมื่อหมื่นปีก่อน เหล่าช่างหลอมศาสตราวุธจึงคิดค้นวิธีใช้หยดน้ำพุเหลืองมาหลอมเพื่อแยกอาวุธที่เสียหายหรือไม่สมบูรณ์
แน่นอนว่าการจะกลั่นให้กลายเป็หยดน้ำพุเหลือง ด้วยไอมรณะเท่านี้คงไม่พอ ทว่าหลินเฟยเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร เพราะที่นี่มีปีศาจมากมาย มีเวลาอีกหลายวันในการรวบรวมเพื่อให้กลั่นออกมา อาจได้หยดน้ำพุเหลืองที่ไม่เพียงสามารถหลอมแยกอาวุธได้เท่านั้น แต่ยังใช้ประโยชน์อื่นๆได้อีกนานัปการ
หลังจากเก็บขวดหยกเรียบร้อย หลินเฟยก็ก้าวไปที่ริมแม่น้ำหยินอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ถือว่าโชคดี เพียงเวลาหนึ่งเค่อก็ได้ลูกแก้วปีศาจอสรพิษวัวมาอีกลูก
หลังจากนั้นทั้งวันหลินเฟยก็ไม่ได้ออกห่างแม่น้ำหยินอีกเลย เขาเอาแต่ไล่ล่าสังหารปีศาจตนแล้วตนเล่า
ในขณะเดียวกันทางฝั่งศิษย์น้องซู ก็นำเหล่าศิษย์ที่เฝ้าเวรยามออกมาย่างเนื้อดื่มเหล้าบรรเทาความหนาวเย็นของถ้ำเสวียนปิง
“ศิษย์น้องทั้งหลายไม่ต้องกังวล ขอแค่ครั้งนี้จัดการเื่ที่ศิษย์พี่ซ่งฝากฝังให้ดี ข้ารับประกันว่าปีนี้ จะได้ออกจากที่บ้าๆนี่แน่นอน ศิษย์พี่ซ่งเป็ถึงศิษย์สายตรงของผู้าุโหุบเขาเทียนสิง คำพูดของเขาน่าเชื่อถือมากว่าท่านอาจารย์เสียอีก…”
ทุกคนล้วนอยู่ที่ถ้ำเสวียนปิงมาแล้วสองถึงสามปี ต้องทรมานกับความเหน็บหนาวที่ไม่มีสิ้นสุด อยากจะไปจากที่นี่ใจจะขาดทุกวัน พอได้ยินว่ามีโอกาสออกไป พลันใบหน้าของทุกคนจึงเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความหวัง แต่จากนั้นไม่นานก็มีคนหนึ่งที่รู้สึกเป็กังวลเอ่ยขึ้นมา
“แต่ว่าหลินเฟยนั้นเป็ศิษย์สายใน หากเขาเป็อะไรไปที่แม่น้ำหยิน แล้วทางสำนักเอาผิดขึ้นมา จะทำอย่างไร…”
“ศิษย์สายใน? ฮ่าๆ พวกเ้าไม่ได้ยินที่ศิษย์พี่ซ่งพูดหรืออย่างไร เขาทำร้ายนายน้อยสำนักเทียนซือเชียวนะ เ้าสำนักสั่งลงทัณฑ์ด้วยตนเอง ทั่วทั้งเป่ยจิ้งมีใครไม่รู้บ้างว่าปรมาจารย์จางรักบุตรอย่างกับอะไรดี? เ้าหลินเฟยคนนี้ก่อเื่ใหญ่โตเพียงนี้ อย่าว่าแต่ศิษย์สายในเลย ต่อให้เป็ศิษย์สายตรง ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่แน่ว่าอาจจะได้ออกไป…”
“แต่ว่า…”
“วางใจเถอะน่า ไม่เป็อะไรหรอก…” เมื่อพูดจบ ศิษย์น้องซูก็เห็นสีหน้ากังวลของทุกคน จึงเสริมต่อ
“คิดดูนะ หากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ก็ยังมีศิษย์พี่ซ่งอยู่อีกคนไม่ใช่หรือ จะกลัวอะไร ข้าว่านะ สิ่งที่ต้องทำตอนนี้ก็คือแกล้งเ้าหลินเฟยอย่างเดียวพอ ส่วนเื่อื่นไม่ต้องเป็ห่วง”
“ก็จริง…” หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ศิษย์ที่เฝ้าเวรอยู่ก็เริ่มรู้สึกเบาใจ
“แต่เพิ่งมาไม่ทันไร ท่านก็จับเขาโยนไปที่แม่น้ำหยิน ถึงมันจะอันตราย แต่ก็ไม่ใช่งานที่ยากลำบากอะไรนี่ ไม่สู้ใช้ให้ไปขุดเหมือง รับรองว่าไม่เกินเดือนจะต้องทนไม่ได้จนลืมแม้กระทั่งชื่อแซ่ตนเองแน่…”
“เ้าจะไปรู้อะไร…” ศิษย์น้องซูแค่นหัวเราะ ก่อนจะยกยิ้มอย่างไม่แยแส
“นี่แค่เริ่มต้น ข้าต้องสั่งสอนให้มันรู้ว่าที่ถ้ำเสวียนปิงแห่งนี้ใครใหญ่ อย่าคิดว่าเป็ศิษย์สายในแล้วจะมาวางมาดใส่ศิษย์สายนอกอย่างพวกข้า หากทำให้พวกข้าโกรธ ไม่ใช่เพียงอดข้าวเท่านั้น แต่อาจจะตายเลยก็ได้ คอยดูเถอะ ไม่เกินสามวันจะต้องมาอ้อนวอนขอให้เปลี่ยนงานแน่…”
“เข้าใจแล้วๆ พอเ้านั่นกลัว เวลาแกล้งจะได้ง่ายหน่อย ต่อให้ไล่ไปขัดส้วม ก็คงจะยอม…”
“ใช่แล้ว” ศิษย์น้องซูพยักหน้าอย่างได้ใจ หลังจากกลืนเนื้อย่างและสุราคำสุดท้ายลงท้อง จึงขยับตนลุกขึ้น
“เอาล่ะ ศิษย์น้องทั้งหลาย ค่อยๆดื่มกันนะ ข้าต้องไปลาดตระเวนแถบแม่น้ำหยินก่อน ถือโอกาสไปดูเ้านั่นด้วย ไม่แน่อาจจะถูกปีศาจทำให้กลัวจนร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ก็ได้…”
“ไปดีมาดีนะศิษย์พี่”
___________________________________________________________________________________________________________
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้