ตอนที่ 2
คนที่ต้องชดใช้
คุณอเนกกลับมาแล้ว ข้าวทิพย์ได้ยินเสียงรถเข้ามาจอดในโรงรถ หัวใจของเธอทั้งกลัว ทั้งเสียใจ เธอกลัวว่า ถ้าคนที่กำลังดูแลส่งเสียเธอทุกอย่างรู้ว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง ก่อนที่เขาจะกลับมา เขาอาจจะคิดว่าเธอเป็ผู้หญิงไม่ดี
สังคมของไทยมองอย่างไรในเื่แบบนี้ ผู้หญิงมักเป็ฝ่ายเสียหายเสมอ หญิงสาวจึงได้แต่เก็บความเจ็บช้ำอยู่แต่ภายใจและหลับไปกับหยดน้ำตา
รุ่งเช้าวันใหม่
“ข้าวทิพย์เื่เรียนปรับตัวได้หรือยัง เห็นปีแรกเกรดไม่ค่อยดีเลย” ชายสูงอายุของบ้าน ถามหญิงสาวในการดูแลด้วยความเป็ห่วง เมื่อนั่งพร้อมหน้ากันสามคนบนโต๊ะอาหาร
“ดีขึ้นค่ะ เทอมนี้เกรดน่าจะดีขึ้น” คนตอบได้แต่ก้มหน้าอยู่กับจานข้าว เพราะถ้าเธอแค่เพียงเงยหน้า เธอก็ต้องสบตากับคนที่นั่งตรงข้ามเธอ และตอนนี้ เขาก็จ้องมองใบหน้าของเธออยู่ตลอดเวลา
“คราม คราม”
“ครับคุณพ่อ” ขานรับออกอาการใ ตื่นจากภวังค์
“พ่อเรียกตั้งหลายรอบแล้ว เป็อะไรหรือเปล่าวันนี้ พ่อเห็นแกนั่งจ้องข้าวทิพย์มันไม่วางตา”
อเนกสังเกตั้แ่ทุกคนมาพร้อมกันที่โต๊ะอาหารแล้ว แต่เขาแค่คิดว่าลูกชายอาจแค่กำลังนั่งเหม่อไม่ได้ตั้งใจจ้องหน้าหญิงสาว
แต่ยิ่งนานยิ่งรู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว จึงตั้งใจจะถามตรง ๆ แต่เรียกอยู่หลายครั้ง กว่าเ้าตัวจะรู้ตัวว่าถูกบิดาเรียก
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมแค่กำลังคิดว่า เธอจะเรียนคุ้มกับเงินที่ของครอบครัวเราที่เสียไปกับการเล่าเรียนของเธอไหม” ครามไม่ใช่แค่ใช้คำพูดที่ทำให้คนฟังรู้สึกเ็ป แต่เขายังจะใช้น้ำเสียง และสายตาดูถูกให้ความรู้สึกของข้าวทิพย์แย่ไปกว่าเดิม
“พ่อว่าอย่างไรก็คุ้ม ถ้าต้องแลกกลับการที่แฟนของลูกต้องไปนอนในคุกแน่ ๆ” คำพูดของคนที่แก่กว่า ย่อมสื่อความหมายได้ชัดเจนและทำให้ครามรีบเปลี่ยนสีหน้าทันที เพราะมันคุ้มกว่าตามที่บิดาของพูดจริง ๆ
“ผมก็ไม่ได้จะว่าอะไร ก็แค่อยากให้ลูกสาวคนใหม่ของคุณพ่อตั้งใจเรียน ไม่ใช่ไปเรียนเพื่อเจอนักศึกษาหนุ่ม ๆ พอพวกนั้นวนเวียนมาขายขนมจีบ ผมกลัวเธอจะหลงไป แล้วลืมว่า ตัวเองมีหน้าที่ทำอะไร” ครามหยุดพูดแล้วยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม พร้อมกับเสียงวางช้อนลงไปกระแทกกับจานข้าวของข้าวทิพย์อย่างแรง
การกระทำของเขาทำให้ผู้ร่วมโต๊ะอาหารทั้งสองคน ต่างหันไปมอง
“ขอบคุณคุณครามที่เป็ห่วงทิพย์ค่ะ แต่แม่ของทิพย์ได้สอนไว้เสมอค่ะว่า เราควรรู้จักหน้าที่และรับผิดชอบ ทุกอย่างที่เราทำหรือกำลังจะทำ และแม่ยังเคยสอนอีกว่า ในโลกใบนี้ เรามีโอกาสทำชั่วได้ไม่ยากแต่การทำดีมันก็ยังง่ายกว่า ดังนั้นมันอยู่ที่เราจะเลือกทำค่ะ”
บรรยากาศในโต๊ะเงียบสนิทไป แม้แต่ตัวอเนกเองก็ไม่รู้ว่า ควรจะพูดอะไรดี จึงได้แต่มองหน้าลูกชายตัวเอง หวังว่าจะมีคำพูดอะไรออกมาจากปากของครามที่จะช่วยให้ท่านเข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้
“ผมอิ่มแล้วครับพ่อ” ชายหนุ่มรวบช้อนและหันไปบอกบิดา ก่อนที่หันหน้าไปพูดกับข้าวทิพย์แบบไม่สบตา
“กินอิ่มแล้ว ก็ตามไปที่รถแล้วกัน” น้ำเสียงราบเรียบ
ข้าวทิพย์รีบลุกขึ้น ยกมือไหว้คุณอเนก แล้วรีบเดินตามเขาให้ทัน
“คุณครามไปทำงานก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวทิพย์ไปเรียนเองได้ค่ะ”
หญิงสาวพูดกับเขา ครามหยุดเดินทันที แต่สุดท้ายเขาก็เดินต่อไปพร้อมกับอารมณ์ที่โมโหสุดขีดคุณอเนกเดินเข้ามาหาข้าวทิพย์
“ฉันจะไม่ถามนะ ว่าเธอกับเ้าครามไปขัดใจกันเื่อะไรเข้า แต่ถ้ามีอะไรจะให้ฉันช่วยก็บอก และวันนี้ ฉันจะไปส่งหนูเอง”
อเนกอยู่บนโลกใบนี้มาเกือบจะหกสิบปี มีเหรอที่เขาจะมองไม่ออกว่า นี่ไม่ใช่อาการของคนทะเลาะกันธรรมดา เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แค่เพียงคืนเดียวทำไมคนสองคนถึงเป็แบบนี้ และด้วยความเป็ผู้ใหญ่กว่า เขาคงไม่ถาม รอให้ทั้งคู่คิดว่า เขาควรรู้ ไม่คนใดก็คนหนึ่ง จะต้องเล่าให้เขาฟังแน่ ๆ
“ข้าวทิพย์ หนูเธอต้องตั้งใจเรียนนะ แม่ของเธอจะได้หมดห่วง และวันหนึ่งที่เธอเรียนจบฉันก็จะได้สบายใจ เพราะตัวฉันเองก็คงไม่มีอะไรจะให้เธอได้ นอกจากความรู้ และมันก็ไม่มีทางที่ใครจะแย่งไปจากเธอได้”
ชายแก่ที่มีอายุมากกว่าแม่ของเธอด้วยซ้ำ เขาไม่สมควรต้องมารับผิดชอบชีวิตเธอเลย เพราะเื่นี้คนที่ผิดคือแพรรำภา ข้าวทิพย์ยังแค้นหญิงสาวที่เป็คู่หมั้นของคราม และเป็คนที่ขับรถชนแม่เธอจนเสียชีวิตอยู่ในหัวใจไม่เคยจาง เพราะเธอคิดว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยทำอะไรเพื่อเป็การชดใช้ความผิดหรือแม้แต่คำขอโทษเธอก็ยังไม่เคยได้ยินจากปากของคนใจดำ
“พระคุณของคุณท่าน ทิพย์จะไม่มีวันลืมเลยค่ะ ข้าวทุกเม็ด เงินทุกบาท ความเมตตาที่ท่านมีให้ บุณคุณชาตินี้ ทิพย์ก็คงตอบแทนไม่หมด ทิพย์สัญญาค่ะ ทิพย์จะตั้งใจเรียน และใช้โอกาสที่คุณท่านมอบให้ ให้คุ้มค่าที่สุดค่ะ” หญิงสาวสำนึกในบุญคุณของอเนกจากหัวใจ และเธอก็กำลังคิดที่จะหาทางช่วยลดภาระด้วยการหางานพิเศษทำ
“อย่าไปคิดว่าเป็พระคุณอะไรกันเลย มันเทียบไม่ได้กับชีวิตแม่ของเธอที่ต้องมาเสียไปแบบนี้”
“แต่ท่านไม่ได้เกี่ยวข้อง ท่านไม่ใช่คนชน คนที่ควรจะต้องรับผิดชอบคือคุณแพรรำภา ไม่ใช่ท่านค่ะ” ข้าวทิพย์เผลอตัว เธอควบคุมตัวเองไม่อยู่ ทุกครั้งที่คิดถึงสาเหตุที่แม่เธอต้องมาจากไป
“เธอยังเด็ก ลองคิดดูให้ดี ที่ฉันยอมรับผิดชอบทุกอย่าง ก็เพราะว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับแพรรำภา คนที่จะแย่ก็คือเ้าคราม แล้วพ่อของทางนั้น เขาเกิดไม่พอใจที่ฉันไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ลูกชายฉันนั่นแหละที่จะเสียใจ เธอมองฉันในแง่ดีเกินไปแล้วข้าวทิพย์ ความจริงฉันมันก็เป็แค่ พ่อคนหนึ่งที่ยอมทำทุกอย่างเพราะอยากให้ลูกมีความสุขก็เท่านั้น” บทสนทนาต้องจบเพียงเท่านี้ เพราะใกล้ถึงมหาวิทยาลัยของหญิงสาวแล้ว
“ขอบคุณนะคะ วันต่อไปทิพย์จะขอมาเรียนเองดีกว่าค่ะ จะได้ฝึกดูแลตัวเองให้เก่งด้วย”
อเนกพยักหน้าแทนคำตอบ เพราะเขาไม่รู้จะพูดอะไร ทุกอย่างมันแล้วแต่การตัดสินใจของหญิงสาว เขามีหน้าที่ดูแลเธอเื่เรียน และเป็ห่วงอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น
