มื้อค่ำของวันนี้เป็ไปอย่างเรียบง่ายด้วยเมนูอาหารอิตาลีคนละจานพร้อมกับชานมอีกหนึ่งแก้ว
หลินหว่านเอ๋อร์นั่งเงียบๆที่เก้าอี้พร้อมกับแก้วชานมอุ่นๆ ในมือแสงจากโคมไฟนอกหน้าต่างส่องกระทบใบหน้าผุดผ่องราวหิมะของเธอรวมไปถึงยอดเขาอีกสองลูกตรงหน้า ทำให้คนที่มองอยู่แทบหายใจไม่ออกวันนี้เธอสวมเสื้อคอกว้างจนเผยให้เห็นเนินเขาเล็กน้อย ซึ่งแน่นอนว่ามันเด่นพอจะสะดุดตาบรรดาชายหนุ่มที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
“นี่ หลี่เซียวเหยา?” หลินหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น
ผมรีบเรียกสติตัวเองกลับมาทันทีพร้อมกับใจที่เต้นรัว“วะ... ว่าไง?”
“ดูเหมือนว่าผู้เล่นในเมืองปาหวางที่มีเลเวลสูงๆมีไม่เยอะสินะ?” หลินหว่านเอ๋อร์ผมพร้อมกับยิ้ม “คนที่เลเวลเยอะที่สุดน่าจะเป็เยี่ยนจ้าวอู๋ซวงที่อยู่กิลด์ปรากนั่นตอนนี้เขาเวลเท่าไรแล้วล่ะ?”
“ใช่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าเขาจะเวล 28 แล้วแต่เป็เพราะถูกผู้เล่นจากกลุ่มของนายพลฆ่าตายไปครั้งหนึ่งเลเวลก็เลยกลับไปอยู่ที่ 27”
“กลุ่มนายพลงั้นเหรอ? ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยแฮะ...”
ผมยิ้ม“ถือว่าเป็กลุ่มผู้เล่นที่มีฝีมือกลุ่มหน่่่งเลย แต่จำนวนคนไม่มากเท่าไรก็เลยยังไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไร”
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้มออกมา “เหรอ? แต่การแข่งขันของเมืองปาหวางเองก็ไม่ได้รุนแรงอะไรนี่กิลด์ใหญ่ๆ ที่อยู่ในเมืองปาหวางเองก็มีแค่ปราก หลงเสียง และอีกไม่กี่กิลด์กิลด์ในเกมเสมือนจริงของประเทศจีนที่อยู่ 3 อันดับต้นๆต่างก็ไม่ได้อยู่ในเมืองปาหวาง ก็เลยทำให้การแข่งขันไม่ได้ดุเดือดผู้เล่นสามารถอัปเลเวลได้อย่างสบายใจ”
“เหรอครับ? แต่ในเมืองดวลกันบ่อยจะตายไป”
“หา?” หลินหว่านเอ๋อร์อ้าปากค้างก่อนมองผมด้วยสายตาดูถูก“หรือว่านายกลัวการดวล?”
ตอนนั้นตงเฉิงเยว่ใช้ศอกกระทุ้งไหล่หลินหว่านเอ๋อร์เบาๆ“นี่หว่านเอ๋อร์ เธอลืมไปแล้วเหรอว่าเซียวเหยาเล่นอาชีพอะไร? เขาเป็ฮีลเลอร์นะฮีลเลอร์ที่ไม่ได้มีพลังโจมตีมากมาย แถมยังอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้จะไปชอบการดวลได้ยังไงล่ะ?หรือจะให้เขาเอาหน้าหล่อๆ ไปปะทะกับคนอื่นหรือไง?”
หลินหว่านเอ๋อร์เบะปาก “ชิ หล่อตรงไหน?”
ตงเฉิงเยว่หรี่ตา“แต่ฉันว่าเขาหล่อดีนะ แถมยังอบอุ่นดุจแสงจากดวงอาทิตย์อีก”
หลินหว่านเอ๋อร์ “…….”
ผมกระแอมไอก่อนเปลี่ยนเื่คุย“นี่คุณหนู สถานการณ์ในเมืองฝานซูเป็ยังไงบ้าง? ตอนนี้ใครถูกจัดให้อยู่อันดับ1 เหรอ?”
“เวิ่นเจี้ยนหัวหน้ากิลด์สุสานฮีโร่”
“หืม? เวิ่นเจี้ยน?เขาเป็คนยังไงเหรอ?” ผมถามด้วยความอยากรู้
หลินหว่านเอ๋อร์สูดหายใจเข้าจนหน้าอกขยาย“เวิ่นเจี้ยนน่ะเหรอ?ได้ชื่อว่าเป็ผู้ชายที่หล่อที่สุดในเมืองฝานซูขณะเดียวกันก็เป็คนแรกของเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้การต่อสู้คืนชีพกับเจี้ยนเฟิงหาน”
“ต่อสู้คืนชีพ?” ผมถามด้วยความแปลกใจ
ตงเฉิงเยว่ยิ้ม “เซียวเหยานายไม่รู้จักกลยุทธ์พื้นฐานของเกมเสมือนจริงนี้เลยเหรอ? ต่อสู้คืนชีพการหยุดชีพจร การตัดกำลัง ถือเป็สิ่งที่นิยมมากที่สุด 3 อันดับแรกของการดวลระยะประชิดเลยนะอีกอย่างเวิ่นเจี้ยนคนนี้ก็ถูกจัดให้เป็อันดับ 1 ในเกม Overlordด้วย จนถึงตอนนี้เพียงระยะเวลาสั้นๆที่เขาเข้ามาอยู่ในเมืองฝานซูก็ถูกขนานนามให้เป็เซียนในเกมแล้ว”
หลินหว่านเอ๋อร์ยิ้ม “นั่นน่ะสิเขาเป็ไอดอลของฉันเลยละ...”
ผมมองหลินหว่านเอ๋อร์โดยไม่พูดอะไรแต่ภายในใจรู้สึกถึงความประหลาดบางอย่าง
ตงเฉิงเยว่มองผมก่อนยิ้มแล้วพูดว่า“นี่เซียวเหยา นายคงไม่อยากให้หลินหว่านเอ๋อร์มีไอดอลเป็ผู้ชายหรอกใช่ไหม? ไม่ต้องปิดบังหรอกบอกมาตรงๆ ก็ได้”
ทันใดนั้นผมก็รู้สึกได้ทันทีว่าเซนส์ของผู้หญิงนี่แรงจริงๆผมจึงหรี่ตาก่อนตอบกลับไป “นี่เยว่เอ๋อร์ เธอคิดมากไปหรือเปล่าคุณหนูจะชอบใครก็ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อยฉันมีหน้าที่แค่ดูแลคุณหนูและทำตามคำสั่งที่ได้รับ ไม่ให้คุณหนูต้องตกอยู่ในอันตรายเว้นแต่ว่า...”
“เว้นแต่ว่า?” หลินหว่านเอ๋อร์ถาม
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“……”
ตงเฉิงเยว่ยิ้ม “เอาเถอะๆบรรยากาศชักจะอึมครึมแล้วสิเนี่ย นี่เซียวเหยา รอให้ฉันกับหว่านเอ๋อร์เลเวล 30 ก่อนแล้วกันนะจะรีบไปหาที่ปาหวาง ยังไงนายก็ถือว่าเป็เพื่อนของพวกเราเราไม่ปล่อยให้นายอ้างว้างอยู่ที่ปาหวางหรอก”
ผม “ได้สิ”
หลินหว่านเอ๋อร์กระตุกยิ้ม “ดีเลยจะได้พาฮีลเลอร์ที่น่าสงสารไปเก็บเลเวลด้วย”
“...”
“นี่ แล้วนายใช้ ID อะไรล่ะ?” ตงเฉิงเยว่ถาม
“เซียวเหยาจื้อจ้าย...”
“เอ๋?” ตงเฉิงเยว่อ้าปากค้าง“นายคือฮีลเลอร์ที่เปลี่ยนคลาสเป็คนแรกของเมืองปาหวางที่เขาพูดถึงกันงั้นเหรอ?”
ผมยืดอก “หึ ใช่แล้ว เจ๋งสุดๆไปเลยใช่ปะล่ะ?”
หลินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นว่า “เจ๋งยังไงก็เป็แค่ฮีลเลอร์นั่นแหละ ชิ!”
ผมกำหมัดแน่น “นี่! ฮีลเลอร์ก็สำคัญนะยิ่งถ้าจะสร้างทีมก็ต้องมีคนพวกนี้อยู่ในกลุ่ม”
“หึ รีบกลับหอดีกว่าฉันจะไปเก็บเลเวลต่อแล้ว” เมื่อหลินหว่านเอ๋อร์เห็นว่าผมเริ่มไม่สบอารมณ์ก็ชิงตัดบท“รอให้ฉันกับเยว่เอ๋อร์อัปสกิลถึงเลเวล 4 ก่อนพวกฉันจะไปหานายที่ปาหวาง”
“อื้อ!”
……
เมื่อกลับถึงห้องผมก็เปิดคอมพิวเตอร์ของเ้าแว่นก่อนจะเริ่มหาข้อมูลของเวิ่นเจี้ยนทันทีหลังจากอ่านข้อมูลผมก็อดรู้สึกทึ่งไม่ได้ เพราะคนคนนี้ถือเป็ศัตรูที่น่ากลัวมาก
ID :เวิ่นเจี้ยน
ผู้สร้างกิลด์สุสานฮีโร่ถูกจัดให้อยู่อันดับที่ 2ของประเทศจีน หลังจากได้ดื่มด่ำกับการเป็ผู้เล่นกลุ่มแรกของเกม “Overload”เวิ่นเจี้ยนก็กลายเป็ผู้อันดับแรกๆ และมีชื่อเสียงภายในเกม “Destiny”นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงกันว่าเดิมชื่อ เป่ยเฉินเฟิงเป็ผู้สืบทอดศิลปะการต่อสู้แบบอิสระของสำนักเป่ยเฉินแห่งเหอหนานนอกจากนี้ยังเป็ลูกชายของประธานบริษัทเป่ยเฉินซึ่งมีมูลค่าถึงหลักแสนล้านหยวนและที่สำคัญที่สุดคือ เวิ่นเจี้ยนผู้นี้เกิดมาพร้อมกับรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาแค่เข้ามาในเกมก็กลายเป็ที่ต้องตา และตกเป็เป้าหมายของสาวๆ ในเมืองฝานซูทันที
……
“ปึก!”
ผมปิดคอมพิวเตอร์ของเ้าแว่นหลังจากอ่านข้อมูลเสร็จหึ! ศิลปะการต่อสู้แบบอิสระงั้นเหรอ ตอนอยู่กับตาเฒ่านั่นผมเองก็เคยประมือมาแล้วแต่ผมก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์กับศิลปะการต่อสู้ของตระกูลเป่ยเฉินทว่าบางทีการที่ต้องผ่านเกมเสมือนจริงแบบนี้ก็อาจทำให้ผมสามารถขึ้นสู่จุดสูงสุดได้
มิน่าล่ะทำไมหลินหว่านเอ๋อร์ถึงสนใจเวิ่นเจี้ยนคนนี้ ที่แท้เขาก็เป็คนที่โดดเด่นมากนี่เองเห็นความสำคัญของเวิ่นเจี้ยนขนาดนั้นแต่กลับดูถูกคนมีฝีมือที่อยู่ข้างตัวอย่างผมเนี่ยนะ ชิ!
เข้าเกมต่อดีกว่าถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะเลเวล 24แต่ก็ห่างไกลจากเลเวล 30 อีกมากแต่เลเวลของเ้าจุกนมที่เพิ่มขึ้นก็ดีเหมือนกันการเติบโตของผึ้งแม่ทัพถือว่าก้าวหน้ามากแถมยังเป็ไพ่ในมือผมที่แข็งแกร่งที่สุดด้วย วันนี้ขอเก็บให้ถึงเลเวล 26 ก่อนดีกว่า ส่วนเ้าจุกนมก็พาเก็บให้ถึงเลเวล 25 ก็แล้วกัน
“สวบ!”
เมื่อเข้าสู่เกมแล้วผมก็เข้ามาอยู่ในเมืองปาหวาง
ผมซ่อมอาวุธที่อยู่บนร่างตัวเองและเตรียมน้ำยารวมถึงการ์ดปิดผนึกไว้ก่อนจะยืนนิ่งอยู่ตรงประตูทางทิศเหนือของเมืองปาหวางเมื่อเปิดแผนที่ขึ้นมาผมก็ตามหาสถานที่เก็บเลเวลแห่งใหม่ซึ่งไกลจากที่นี่เพราะที่อยู่ใกล้เมืองนั้นเป็สถานที่สำหรับพวกมือใหม่ฝึกหัดมาเก็บเลเวลกันส่วนคนที่พัฒนาขึ้นมาระดับหนึ่งแล้วควรจะไปยังที่ที่ไกลออกไปเพราะที่นั่นมีมอนสเตอร์เลเวลสูงอยู่ จึงค่อนข้างเหมาะสำหรับคนที่มีเลเวลสูง
หลังจากหาอยู่ครู่หนึ่งผมก็ตัดสินใจไปยังพื้นที่ฝั่งตะวันออกซึ่งมีจุดเล็กๆสีแดงบนแผนที่ สำหรับเลเวลของผมในเวลานี้ มอนสเตอร์เลเวล 30 ถือว่าเป็ระดับที่กำลังพอดีในการเก็บเลเวลนอกจากนี้เป็เพราะผมมีตัวช่วยอย่างเ้าจุกนมจึงทำให้การฆ่ามอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่าผม 6 ระดับไม่ใช่ปัญหาใหญ่
เมื่อตัดสินใจได้แล้วผมก็รีบเดินทางทันทีระหว่างที่ผ่านป่าผมก็พบกับมอนสเตอร์ระดับต่ำ ขณะเดียวกันก็พบว่าฮีลเลอร์เลเวล 24 อย่างผมก็ตกเป็ที่สนใจของหลายๆคน เพราะระหว่างที่ผมเดินผ่านก็มีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยกว่า 10 กลุ่มที่พยายามจะชวนผมให้เข้าร่วมทีม
“เฮ้ ฮีลเลอร์เวล 24 มาตี้กับพวกเราไหม ไปตีหมูป่าเลเวล 25 กันค่าประสบการณ์เยอะมากเลยนะ ถ้าได้เกราะผ้าฉันจะยกให้นายหมดเลย โอเคหรือเปล่า?”บาร์บาเรียนร่างกำยำที่มาพร้อมกับขวานะโขึ้น
ทันใดนั้นเอลฟ์จันทราอาชีพนักเวทผู้ดูงดงามก็กระพือปีกบินกลางอากาศก่อนจะส่งเสียงหวานละมุน“พี่เซียวเหยาจื้อจ้าย มาอยู่ตี้เดียวกับพวกฉันแล้วไปตีผึ้งบัมเบิ้ลบีกันเถอะมอนสเตอร์เลเวล 27เลยนะ ถ้ามีไอเท็มดรอปลงมา เราจะใช้ระบบสุ่มเพื่อแบ่งของกัน โอเคไหม?”
“นั่นสิๆมาอยู่ทีมพวกเราดีกว่านะ น้องสาวฉันอายุ 17 แถมยังไม่มีแฟนสักคนเลยนะขอบอก!”
……
ระหว่างทางผมปฏิเสธคำเชิญของทุกคนและไม่นำเ้าจุกนมออกมาให้คนนอกได้เห็นเพราะเกรงว่าอาจทำให้ผมซวยกลายเป็ที่เพ่งเล็งของคนพวกนั้น
หลังจากเดินทางออกมาได้ประมาณ 30 นาทีมอนสเตอร์ก็ปรากฏตัวให้เห็น มันคือไฮยีน่า และก็อบลินเลเวล 28 แต่เ้าพวกนี้ไม่ใช่เป้าหมายของผมเพราะการป้องกันและการโจมตีของเ้ามอนสเตอร์พวกนี้ค่อนข้างพบเห็นได้ทั่วไปครั้งนี้ผมเอาการ์ดปิดผนึกมามากเพื่อจับมอนสเตอร์ซึ่งมีพลังโจมตีระดับสูงสัก 1-2ตัวแล้วนำกลับไปขายขอแค่อดทนและเพียรพยายามในการวนเวียนอยู่ภายในแผนที่มากกว่า 5 ชั่วโมง ก็อาจทำให้มีโอกาสได้รับการ์ดปิดผนึกและสร้างความร่ำรวยได้ภายในเกมนี้การต่อสู้คือเื่ของโชคและความยืดหยุ่น และนั่นก็เป็สิ่งที่ผมมีพอย้อนคิดกลับไปเมื่อครั้งนั้น... หึ ไม่ดีกว่า ไม่อยากจะโม้ให้ใครหมั่นไส้เอาเป็ว่าเดินทางต่อเลยดีกว่า
หลังจากเดินมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ ทันใดนั้นผมก็เจอหมู่บ้านเล็กๆซึ่งไม่มีคนอยู่อาศัย ข้างหมู่บ้านมี NPC ยืนอยู่พร้อมกับธงสีแดงโลหิตขนาดใหญ่โบกพลิ้วไปตามสายลมและมันก็คือธงของเมืองปาหวาง
ผมถือหอกโลหะโบราณเดินตรงไปทันใดนั้นเสียง “สวบๆ” ก็ดังฝ่าอากาศติดต่อกัน ทำให้ผมรีบถอยออกตามสัญชาตญาณ
ฟึบ ฟึบ!
ลูกธนูสองดอกปักที่พื้นมันคือลูกธนูซึ่งมาจาก NPCที่ยืนเฝ้าสถานที่แห่งนี้ ดูเหมือนว่าเ้านั่นจะเห็นผมแล้วสินะ
ผมรีบยกมือขึ้นก่อนจะะโไป “เฮ้ใจเย็นๆ ก่อน เราพวกเดียวกันนะ”
นักธนูยิ้ม“ที่แท้ก็เป็นักผจญภัยของเมืองปาหวาง โทษทีนะ ข้าคิดว่าเ้าเป็สัตว์ร้ายพวกนั้นน่ะ”
……
เมื่อเข้ามาด้านในค่ายแล้ว ผมก็พบกับ NPC หนุ่มร่างกำยำในมือถือขวาน กำลังนั่งอยู่บนตัวหมูป่าพร้อมหัวเราะหึๆ “เ้าเด็กน้อยเ้าสามารถเดินทางมายังสถานที่ที่อ้างว้างและไร้ซึ่งผู้คนได้ขนาดนี้นับว่ากล้าหาญมาก”
ผมยิ้ม “ผมมีมากกว่าความกล้าหาญอีก!”
“เยี่ยมมาก!”
ทันทีที่ชายคนนั้นลุกขึ้นเหนือศีรษะของเขาก็มีตัวอักษรลอยขึ้นมา “หัวหน้าลาดตระเวนเชียนหลิน”จากนั้นเขาก็เข้ามาตบบ่าผมพร้อมกับหัวเราะ “เ้าเด็กน้อยในเมื่อเ้ากล้าหาญถึงเพียงนี้ ข้ามีภารกิจเสี่ยงตายให้เ้าทำไม่รู้ว่าความกล้าหาญของเ้ามีมากพอจะรับภารกิจนี้หรือไม่?”
ผมได้ยินก็ตอบกลับไปทันที “ได้ครับ!”
เชียนหลินเงยหน้ามองฟ้าก่อนสูดหายใจเข้าเต็มปอด“ก่อนหน้านี้ที่นี่เป็อาณาเขตของดยุกลัวเหลยแห่งเมืองปาหวาง แต่น่าเสียดายเมื่อไม่กี่เดือนก่อนมีหมอผีชั่วร้ายมาที่นี่และเปิดร้านจำหน่ายยาน่ากลัวหลายชนิดจนทำให้ผู้คนทั้งหมดกลายร่างเป็ซอมบี้ั้แ่นั้นมาสถานที่แห่งนี้จึงเป็ที่อยู่ของเหล่าอันเดธซอมบี้พวกนี้โเี้มากพวกมันรวมตัวกันอยู่ที่ห้องปฏิบัติการใต้ดินของหมอผีคนนั้นตอนนี้ข้าจึง้าใครสักคนที่สามารถเข้าไปยังห้องปฏิบัติการที่อยู่ชั้นล่างสุดเพื่อตามหาน้ำยาแห่งความตาย กลับมาให้ข้า 1 ขวด หากเ้านำมันกลับมาให้ข้าได้เ้าจะกลายเป็ความภาคภูมิใจของเมืองปาหวาง และจักรวรรดิเทียนหลิงอีกด้วยเ้าคิดว่าเ้ากล้าหาญมากพอจะรับภารกิจนี้หรือไม่?”
“ติ๊ง!”
ข้อความจากระบบ :ท่าน้ารับภารกิจ [น้ำยาแห่งความตาย]หรือไม่?(ระดับความยาก:ระดับB)
……
หัวหน้าลาดตระเวนเชียนหลินมองผมด้วยสายตาดูแคลน“เ้าจะไม่ไปก็ได้นะ อันที่จริงใช่ว่าทุกคนจะมีความกล้าหาญขนาดนั้นถ้าเ้าไม่ไปที่นั่น เ้าก็สามารถรักษาชีวิตของตัวเองเพื่อกลับไปที่เมืองปาหวางและฆ่ามอนสเตอร์อีกนับไม่ถ้วน แถมยังสามารถหลอกฟันสาวๆตามโรงเตี๊ยมพวกนั้นได้อย่างเพลิดเพลินใจเอาเป็ว่าเ้าตัดสินใจเองก็แล้วกันว่าจะรับภารกิจนี้หรือไม่”
ได้ยินเช่นนั้นร่างกายผมก็เกิดกระตุกผมกัดฟันก่อนตอบกลับไป “ผมจะรับภารกิจนี้!”