หลี่เฉิงเห็นซ่งอวี้กำลังง่วนอยู่ในห้องครัว เขาจึงลุกขึ้นไปเปิดประตูด้วยตนเอง
“ซ่ง...” คำพูดของป้าหวังติดอยู่ที่ลำคอ นางมองหลี่เฉิงด้วยแววตาตกตะลึง สายตาของนางมองเข้าไปในบ้านด้านหลังหลี่เฉิง แล้วเอ่ยถาม “ซ่งอวี้อยู่หรือไม่?”
ซ่งอวี้ที่อยู่ในห้องครัวได้ยินเสียง จึงรีบเดินออกมา ตอนนางเห็นป้าหวังก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย
ปกติแล้วป้าหวังคนนี้นินทานางไม่น้อย โดยเฉพาะหลังจากที่นางพาหลี่เฉิงกลับมาก็มักจะคอยลอบทำลายความสัมพันธ์ของนางกับหลี่เฉิงเป็ครั้งคราว หากจะบอกว่าซ่งอวี้เกลียดใครที่สุดในหมู่บ้าน นอกจากเฉินต้าฮวาแล้ว อีกคนหนึ่งก็คือป้าหวังนี่เอง
ป้าหวังเอามือถูกันไปมา เผยรอยยิ้มประจบสอพลอ พูดด้วยความระมัดระวัง "ซ่งอวี้ สองวันมานี้หลานชายของข้าไข้ขึ้นตลอดเวลา เ้า...เ้าช่วยไปดูอาการเขาหน่อยได้หรือไม่?"
ซ่งอวี้ไม่ได้รับปากป้าหวังทันที ขนตางอนขยับไหวเล็กน้อย คล้ายผีเสื้อกระพือปีกบิน
ป้าหวังเห็นซ่งอวี้เงียบ ดวงหน้านิ่งสงบของนางไม่อาจอ่านสีหน้าใดๆ ได้ ป้าหวังจึงไม่รู้ว่าซ่งอวี้กำลังคิดสิ่งใด แต่เมื่อนึกถึงหลานชายของตนที่เป็ไข้จนแก้มแดงก่ำ ป้าหวังก็คว้ามือของซ่งอวี้ มองนางด้วยแววตาอ้อนวอน "ซ่งอวี้ ข้ารู้ว่าก่อนหน้านี้ข้าทำเื่เลวร้ายกับเ้ามามาก แต่เห็นแก่ที่เราเป็คนหมู่บ้านเดียวกัน เ้าช่วยรักษาหลานชายข้าที! หลานชายข้ายังเล็ก..."
ป้าหวังพูดไปพลางน้ำหูน้ำตารินไหลไปพลาง ไม่เหลือความเกรี้ยวกราดในยามปกติเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นภาพนี้ แม้ซ่งอวี้จะใจแข็งเพียงใดก็โอนอ่อน นางชำเลืองมองไปที่หลี่เฉิง แล้วพูดด้วยเสียงอันเบา "ข้าอุ่นอาหารเสร็จแล้ว ท่านทานก่อน ไม่ต้องรอข้า ข้าจะไปเรือนป้าหวังครู่หนึ่ง"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ป้าหวังก็หยุดร้องไห้แล้วยิ้มกว้าง ในที่สุดก้อนหินที่กดทับอยู่ในใจมาโดยตลอดก็หายไปแล้ว
หลี่เฉิงยื่นมือออกไปจับข้อมือของซ่งอวี้ ตอนที่ทั้งสองัักัน ผิวเนื้ออดไม่ได้ที่จะสั่นเทาเล็กน้อย "ข้าไปกับเ้าได้หรือไม่"
ซ่งอวี้หลุบตาลงมองมือใหญ่ที่จับข้อมือของตนเอง ััได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากฝ่ามือของเขา หัวใจของนางเต้นแรงราวกับลูกกวางน้อยโลดแล่น "บาด...าแของท่านเล่า?"
หลี่เฉิงขยับขาซ้ายของตนเอง เพื่อบอกว่าตนไม่เป็เช่นไร ตลอดหลายวันมานี้เขาอยู่ในเรือนไม่ค่อยได้ออกไปที่ใด รู้สึกอุดอู้ยิ่งนัก อยากจะฉวยโอกาสนี้ออกไปเดินเล่นเช่นกัน
ซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง "ได้ ท่านต้องติดตามข้า หากเกิดอะไรขึ้นต้องรีบบอกข้าทันทีนะเ้าคะ"
หลี่เฉิงยิ้ม "ได้"
เรือนของป้าหวังอยู่ห่างจากเรือนของซ่งอวี้ไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตร ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึง
เพิ่งเดินเข้าไปในลานบ้านของป้าหวัง ซ่งอวี้ก็ััได้ถึงบรรยากาศอึมครึมด้านใน ทั้งยังได้ยินเสียงสตรีร้องไห้สะอึกสะอื้นเบาๆ
เมื่อป้าหวังเดินเข้าไปด้านในเรือนก็ร้องะโเสียงดัง "ชุนหวา ชุนหวา มีคนมาช่วยเกินจือแล้ว!”
สตรีนามว่าชุนหวา เมื่อได้ยินเสียงของป้าหวังก็รีบเดินออกมาจากห้องทันที ดวงตาของนางแดงก่ำ พูดเสียงสะอื้น "แม่สามี ท่านพูดจริงหรือ? มีคนมาช่วยเกินจือแล้ว?"
หลังจากเกินจือล้มป่วย พวกนางก็เชิญหมอมารักษาแล้ว เกินจือทานยาแล้ว แต่ก็ไม่ดีขึ้น เวลานี้ใช้เงินในบ้านไปจนหมด ไม่มีเงินเชิญหมอมารักษา ชุนหวาร้อนใจได้แต่ร้องไห้ทุกวัน
ป้าหวังพยักหน้าหนักแน่น พาซ่งอวี้เดินเข้าไปด้านในห้อง
"ชุนหวา เมื่อครู่พ่อของเอ้อร์โก่วล้มป่วย เกือบตาย ซ่งอวี้เป็คนรักษาจนหาย นางน่าจะรักษาเกินจือได้"
ชุนหวามองซ่งอวี้ั้แ่หัวจรดเท้าด้วยความสงสัย เห็นนางอายุยังน้อย จึงไม่ไว้วางใจนางเท่าใดนัก แต่เพราะปกติป้าหวังเข้มงวด นางจึงไม่กล้าพูดอันใด
ซ่งอวี้เดินเข้าไปในห้องก็ได้กลิ่นอับคล้ายขึ้นรา อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเป็ปม นางมองสภาพแวดล้อมในห้อง ภายในห้องถือว่าสะอาดและเรียบร้อย แต่ไม่มีลมพัดผ่าน กลิ่นอับในห้องจึงไม่อาจถ่ายเทออกไปได้ แม้จะเป็คนแข็งแรง เมื่ออยู่ในห้องเช่นนี้ก็ล้มป่วยเอาได้
"ป้าหวัง เปิดหน้าต่างหนึ่งบานให้อากาศถ่ายเท ให้เกินจือได้สูดอากาศบริสุทธิ์เล็กน้อย จะเป็การดีกับเขา" ซ่งอวี้พูด
ป้าหวังไม่ลังเลแม้แต่น้อย ขณะที่นางกำลังจะเดินไปเปิดประตู ชุนหวาก็รีบห้ามปราม "แม่สามี เกินจือจับไข้ หากโดนลม ป่วยหนักขึ้นจะทำเช่นไร?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ป้าหวังก็ลำบากใจ นางมองไปทางซ่งอวี้
ทางด้านซ่งอวี้ก็ไม่รู้จะอธิบายหลักการวิทยาศาสตร์ถึงความสำคัญด้านความสะอาดและสภาพแวดล้อมอย่างไร จึงทำได้เพียงกล่าวเสียงแข็ง "ไม่ให้อากาศถ่ายเท เชื้อโรคก็จะอยู่ในห้องไม่อาจระบายออกไป พวกเ้าอยากจะให้เกินจือป่วยหนักกว่าเดิมหรือ?"
ป้าหวังเห็นดวงหน้าของซ่งอวี้ไม่สบอารมณ์ นางไม่กล้าถามสิ่งใดให้มากความ รีบเปิดหน้าต่างหนึ่งบานทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของซ่งอวี้จึงดีขึ้นเล็กน้อย นางเหยียดกายลงนั่งข้างเตียงแล้วดูอาการของเด็กน้อยที่นอนอยู่บนเตียง เด็กน้อยอายุประมาณห้าหกขวบ ดวงหน้าแดงก่ำเพราะพิษไข้
ซ่งอวี้ยื่นมือออกไปแตะหน้าผากของเกินจือ นางถึงกับใกับความร้อน "รีบไปเตรียมผ้าชุบน้ำมาเร็ว"
"ได้ๆ" ป้าหวังพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากซ่งอวี้ใช้ผ้าชุดน้ำเช็ดเหงื่อบนตัวเกินจือ นางก็เอาผ้าชุบน้ำวางไว้บนหน้าผากเพื่อบรรเทาความร้อน วิธีการนี้เป็การรักษาขั้นต้น ทว่าไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ นางเองก็กลัวว่าขืนจับไข้เช่นนี้ต่อไป จะทำให้เด็กน้อยไข้ขึ้นสมอง แต่เวลานี้ไม่มียาลดไข้จริงๆ
ทันใดนั้นเอง ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นในหัวของนาง "ป้าหวัง ป้าหวังมีสุราหรือไม่?"