เจียงเฮ่อมองหยวนจุนด้วยสายตารังเกียจ จากนั้นจึงรีบเดินเข้าไปในจวนตระกูลหลิว
หยวนจุนละสายตาจากเขา ก่อนจะเบ้ปากด้วยความเบื่อหน่าย
กล่าวตามตรง เขามิได้ใส่ใจเจียงเฮ่อเลยแม้แต่น้อย การเก็บตัวหนึ่งปีเพื่อมุ่งสู่วงแหวนใหญ่ขั้นห้า มิใช่เื่น่าสนใจอะไร
ในเมื่อตกลงทำตามเงื่อนไขแรกของหลิวหรูเยียนแล้ว เขาต้องเลื่อนระดับเข้าขั้นสี่ภายในสองเดือนให้ได้! แต่หลิวหรูเยียนมิได้บอกชัดเจนว่าเป็วงแหวนเล็กหรือวงแหวนใหญ่ หยวนจุนจึงไม่กล้าด่วนสรุป
หยวนจุนนั่งขัดสมาธิบนก้อนหินใหญ่สูงหลายจั้งที่ตั้งอยู่ลานบ้าน สมาธิตั้งมั่น กลั้นหายใจ เปลี่ยนท่าทางของมืออย่างต่อเนื่อง จนพลังจิตภายในจุดตันเถียนบนส่งเสียงโหยหวนเหมือนจะหลุดออกมา
ความผันผวนของกระแสพลังที่อยู่รอบตัวเขา ทำให้ผมยาวดำขลับพันกันยุ่ง
หยวนจุนเม้มปากแน่น สีหน้าแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ความโกรธ ความโลภ และความปรารถนาที่ไม่รู้จบ ทำให้เขาเหมือนเดินอยู่ในวังวนแห่งความมืด ไม่สามารถหาทางออกได้
กิเลสทั้งเจ็ดส่งผลต่อพลังจิตของเขา ราวกับเป็วัฏจักรวนเวียน แม้หยวนจุนจะรู้ว่าภาพที่ปรากฏในใจเขาเป็ภาพลวงตา แต่ก็ไม่อาจทนต่อการยั่วยุอารมณ์ได้
เขามิรู้ว่าร่างกายเคลื่อนไหววนไปมานานเพียงใดแล้ว ขณะที่นิ้วมือขยับและส่งพลังฝ่ามือออกมา หินก้อนใหญ่ที่อยู่ข้างใต้ก็ส่งเสียงแตกร้าว
“เปรี๊ยะ”
หยวนจุนลืมตาแล้วะโลงจากก้อนหินทันที เมื่อลงมาก็มองไปยังก้อนหินใหญ่ที่กำลังแตกร้าว เขารู้สึกเพียงลมบางๆ ที่ออกมาจากมือ จากนั้นหินก้อนใหญ่ก็แตกเป็เสี่ยงๆ
“แปะแปะแปะ”
เสี่ยวเมิ่งปรบมือ รีบวิ่งไปหาหยวนจุนด้วยรอยยิ้มแล้วมองเขาอย่างชื่นชม
“ไม่เลวเลย ใช้เวลาแค่สิบวันก็เข้าใจเจ็ดหฤทัยสูตรได้แล้ว ข้าใช้เวลาตั้งครึ่งเดือนกว่าจะเข้าใจ! เช่นนี้แสดงว่าเ้าเริ่มฝึกพลังจิตได้แล้วใช่หรือไม่”
หยวนจุนพยักหน้าอย่างพอใจด้วยสีหน้าที่มีความสุข
แม้แต่เขายังไม่คิดเลยว่าจะใช้เวลาแค่สิบวันในการเข้าใจวิถีพลังจิตระดับเนี่ยผาน แน่นอนว่านอกจากพื้นฐานร่างกายแล้ว พลังเขายังเหนือกว่าคนทั่วไปด้วย
“ข้าพอมีวัตถุแร่ผลึกที่เก็บสะสมอยู่ ถ้าเ้าอยากได้วัตถุแร่ผลึกเ้านำไปใช้ได้นะ”
เสี่ยวเมิ่งหยิบวัตถุแร่ผลึกที่มีรูปร่างและสีสันต่างกันออกมาจากแหวนมิติ วัตถุแร่ผลึกพวกนั้นมีพลังปราณปกคลุมอย่างหนาแน่นจนทำให้เขาประหลาดใจ
แม้หยวนจุนจะเคยเห็นวัตถุแร่ผลึกมาบ้างแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
บอกได้เลยว่าเสี่ยวเมิ่งนั้นเป็เศรษฐินี ในฐานะผู้สร้าง นางไม่เพียงมีเหรียญทองมากมาย แต่นางยังมีวัตถุแร่ผลึกหายากเยอะแยะอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็วัตถุชนิดใด ล้วนแต่เป็สิ่งล้ำค่าที่ทุกคน้าแย่งชิง แม้แต่หลิววั่นซานผู้นำอันดับหนึ่งของเมืองเทียนอวิ่น หากเห็นเข้าก็ยังต้องอยากได้
หลายสิ่งหลายอย่างที่เสี่ยวเมิ่งทำนั้น ทำให้หยวนจุนรู้สึกแปลกใจ แน่นอนว่ารู้สึกอบอุ่นในใจด้วย
สิ่งที่นางทำไปไม่เคยมีเจตนาร้ายแฝง และด้วยใบหน้าที่ยิ้มสดใสบริสุทธิ์นั้น ทำให้หยวนจุนรู้สึกสบายใจมากทีเดียว
“แม่นางเสี่ยวเมิ่ง เหตุใดถึงดีกับข้าเช่นนี้?” หยวนจุนอดไม่ได้จึงถามออกไปด้วยความสงสัย
ไม่ว่าจะมองอย่างไร สิ่งที่เสี่ยวเมิ่งทำให้เขาล้วนเกินขอบเขตของสหาย ทั้งที่พวกเขาเพิ่งรู้จักกันเพียงแค่เดือนกว่าเท่านั้น
เสี่ยวเมิ่งย่นจมูก กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “จะเพราะอะไรอีก? เพราะอยู่ข้างเ้าแล้วรู้สึกสบายใจ”
“ขอบคุณมาก ในเมื่อเ้ามีความจริงใจ เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว! ไว้มีโอกาสข้าจะตอบแทนเ้าอย่างแน่นอน!” เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเมิ่งไม่้ากล่าวอะไรมาก หยวนจุนจึงไม่ถามต่อ ครั้นได้รับวัตถุแร่ผลึกจากเสี่ยวเมิ่งแล้ว เขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
“เ้านำวัตถุแร่ผลึกที่ได้จากข้าไปทำความคุ้นเคยก่อน รอจนเ้าฝึกฝนสำเร็จแล้ว ค่อยนำวัตถุแร่ผลึกนั้นมากลั่นเป็อาวุธเวทชีวินของเ้าเอง!”
หยวนจุนพยักหน้า เลือกวัตถุแร่ผลึกที่เสี่ยวเมิ่งนำออกมาอย่างไม่รีรอ เขาเลือกวัตถุสำหรับอาวุธระดับิญญาขั้นหนึ่งประมาณสี่ห้าชิ้น เพื่อให้เพียงพอสำหรับการกลั่น
การที่เสี่ยวเมิ่งให้เขาคุ้นเคยกับกระบวนการกลั่นมิใช่ไม่มีเหตุผล แต่เพราะวัตถุแร่ผลึกที่เสี่ยวเมิ่งนำออกมานั้นล้วนมีค่า เพราะมีเพียงกองเดียวเท่านั้น
หากการกลั่นล้มเหลว วัตถุแร่ผลึกก็จะสูญเปล่า แม้จะฝืนกลั่นอาวุธเวทชีวินออกมา ก็ย่อมบั่นทอนความมั่นใจ
และวัตถุทั้งหมดห้ากองที่ใช้ในการกลั่นอาวุธระดับิญญาขั้นหนึ่งก็ถูกเขาจัดการจนหมด มีเพียงกองเดียวเท่านั้นที่ล้มเหลว ซึ่งถือว่ามีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูงมาก
เมื่อมองวัตถุแร่ผลึกหายากที่อยู่ตรงหน้า หยวนจุนกลืนน้ำลายเฮือกด้วยความประหม่า
หยวนจุนควบคุมพลังจิตบริเวณจุดตันเถียนบน เขายกมือ จากนั้นวัตถุก็ลอยขึ้นมาอยู่ในอากาศ ครั้นเปลวไฟความร้อนสูงของปราณดาราหลอมละลาย ทำให้เกิดการะเิเล็กน้อยที่ระหว่างมือของเขา
“ฮู่”
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน มีวัตถุแร่ผลึกหลายชนิดที่ยังไม่หลอมละลาย ส่วนแขนทั้งสองข้างที่กำลังควบคุมเปลวไฟความร้อนสูงอยู่นั้นมีอาการสั่นเล็กน้อย
เขารู้ว่าหากล้มเลิกไปก่อนที่จะสำเร็จ ไม่เพียงแต่วัตถุแร่ผลึกจะถูกทำลาย แต่ตัวเขาเองก็อาจถูกพลังจิตกับปราณดาราสะท้อนกลับ
การกัดฟันอดทน จึงเป็สิ่งเดียวที่เขาทำได้
หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน ในที่สุดวัตถุแร่ผลึกเ่าั้ก็ถูกหลอมละลายจนกลายเป็โลหะเหลวทั้งหมด
“การกลั่นอาวุธเวทชีวินจำเป็ต้องใช้เืตนเองเป็ตัวเชื่อม มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่ทำให้อาวุธที่กลั่นออกมาสามารถเพิ่มระดับพลังในภายหลังได้!”
หยวนจุนหลับตาลง พลังจิตในมือบีบโลหะเหลวอยู่ตลอดเวลา เขากำลังครุ่นคิดว่าอาวุธชนิดใดที่เหมาะกับตนเอง
จู่ๆ คำพูดของเสี่ยวเมิ่งก็ช่วยเตือนเขาใน่เวลาสำคัญ หยวนจุนจึงรีบกัดปลายลิ้นแล้วพ่นเืเข้าไปในวัตถุแร่ผลึกนั้น
“ซ่าซ่า”
มีกลุ่มไอออกมาจากมือของหยวนจุน จากนั้นก็มีแสงวาบเข้ามาในหัว เขาจึงเริ่มหลอมอาวุธในแบบที่เขา้าทันที
กระบวนการนี้ใช้เวลาถึงสามวัน ซึ่งเสี่ยวเมิ่งก็อยู่ข้างเขาตลอดสามวันสามคืนโดยมิได้นอนเช่นกัน จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน เสียงหึ่งๆ จากมือของหยวนจุนก็ดังขึ้น
“สำเร็จแล้ว!?” เสี่ยวเมิ่งเห็นกระสวยขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือห้าอัน นางอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
“เก็บ!” หยวนจุนดึงพลังจิตที่แทบจะหมดแรงกลับคืน เปลวไฟในมือมอดลง เขาหายใจเข้า มองกระสวยห้าอันที่ดูไม่ค่อยพิเศษเท่าไร
กระสวยห้าอันนี้เป็เหมือนอาวุธลับ เมื่อรวมกันแล้วมีขนาดเพียงฝ่ามือ ทุกส่วนล้วนดำสนิท ้ามีแสงเย็นเยือกปรากฏออกมาบางๆ
เหตุผลที่นึกถึงภาพอาวุธเช่นนี้ เพราะในมือเขามีกระบี่หยวนจุนอยู่แล้ว หากสู้กันตัวต่อตัวเขาไม่มีทางเสียเปรียบแน่นอน อย่างไรก็ตาม กระบี่หยวนจุนไม่ใช่อาวุธที่ใช้ลอบสังหาร
การที่เขากลั่นกระสวยห้าอันนี้ คือเพื่อชดเชยข้อบกพร่องในการต่อสู้ของกระบี่หยวนจุน ซึ่งมันสามารถจู่โจมได้โดยที่ไม่รู้ตัว และทำให้ชนะคู่ต่อสู้ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้