การทดสอบของนิกายในรอบแรก ศิษย์สายในและศิษย์หลักจำเป็ต้องเข้าร่วมด้วย เพราะจะได้ถูกท้าประลองจากศิษย์คนอื่นๆ
แม้แต่หลี่หลินก็ไม่มีข้อยกเว้น
ตอนที่เห็นหลินเฟิงเดินไปยังลานประลองเป็ตาย หัวใจของหลี่หลินก็เต้นตึกตักๆ ประหนึ่งตีกลอง เ้าเด็กนี่กล้าท้าประลองกับเขา เห็นได้ชัดว่าจะต้องทะลวงขอบเขตแห่งจิติญญาได้แล้ว
อย่างไรก็ตามหลี่หลินก็ยังรู้สึกผ่อนคลายอยู่ดี เพราะชื่อที่หลินเฟิงะโท้า ไม่ได้มีแค่เขา แต่ยังมียู่ฮ่าวอีกด้วย
ยู่ฮ่าวแข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่า นอกจากนี้พลังโจมตีของจิติญญาแห่งดาบก็ยังทรงพลังมากอีกด้วย การที่หลินเฟิงท้าทายเขาก็เท่ากับรนหาที่ตายด้วยตัวเอง
เมื่อก้าวเข้าสู่ลานประลองเป็ตาย หลี่หลินก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะได้รับความสนใจจากผู้คน
“เ้าให้เขาขึ้นมาทำไม?” ยู่ฮ่าวปรายตามองหลี่หลินอย่างดูถูก แน่นอนว่าเขาไม่เห็นหลี่หลินอยู่ในสายตา
“พวกเ้าเข้ามาพร้อมกันสิ”
หลินเฟิงไม่ตอบยู่ฮ่าว แต่กลับพูดอีกประโยคด้วยน้ำเสียงไม่แยแส ทำให้รูม่านตาของยู่ฮ่าวหดลงเล็กน้อย
บ้า บ้าไปแล้ว!!!
ในประวัติศาสตร์นับพันปีของนิกายหยุนไห่ ไม่เคยมีใครกล้าท้าศิษย์ถึงสองคนในระหว่างการทดสอบของนิกาย
หลินเฟิงเป็แค่ศิษย์สายนอก แต่กลับกล้าท้าทายศิษย์สายในถึงสองคน และหนึ่งในนั้นยังเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีจิติญญาแห่งดาบอันทรงพลังอีกด้วย ตอนนี้หลินเฟิงได้ทำลายหน้าประวัติศาสตร์ของนิกายหยุนไห่ไปแล้ว
“ขนาดตอนเป็ศิษย์สายนอกก็ยังไม่เห็นหัวใครอยู่ในสายตา ถ้าในอนาคตแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ คงไม่เห็นนิกายอยู่ในสายตาแน่ๆ”
เหนือลานประลองเป็ตาย จู่ๆ ม่อเสียก็กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเ็า ม่อเสียไม่เพียงแค่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่ยังมีตำแหน่งที่สูงส่งอีกด้วย นอกจากนี้เขายังมีม่อชั่งหลันยังคอยหนุนหลังอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าพูดหักหน้าม่อเสีย
หนานกงหลิงมองม่อเสียด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ไม่มีใครดูออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ส่วนผู้าุโเป่ยที่อยู่ในห้องเล็กๆ แห่งหนึ่งก็พลันหัวเราะออกมา ขณะส่ายหน้าอย่างจนใจ “เ้าเด็กนี่ ช่างไม่รู้ขอบเขตเลยจริงๆ”
“เข้าไปพร้อมกัน?! นี่เ้าคิดว่าตัวเองเป็ใคร คงไม่ลืมหรอกนะว่าตัวเองเป็แค่สวะคนหนึ่ง!!!”
สีหน้าของยู่ฮ่าวแทบดูไม่ได้ เขาเป็ใคร? เขาเป็ถึงศิษย์สายในที่จิติญญาแห่งดาบอันทรงพลังเชียวนะ แล้วไอ้หมอนี่มันกล้าดีอย่างไร ถึงได้กล่าววาจาโอ้อวดเช่นนี้?!
ในสายตาของยู่ฮ่าว หลินเฟิงเป็เพียงขยะที่รอวันถูกเหยียบย่ำเท่านั้น แค่การที่มันกล้าะโเรียกชื่อเขาเพื่อท้าประลอง ก็เป็การดูิ่ศักดิ์ศรีของเขามากพออยู่แล้ว
หลินเฟิงไม่เพียงท้าทายศักดิ์ศรีของเขา แต่ยัง้าเหยียบย่ำมันอีกด้วย ไม่อย่างนั้นจะท้าประลองถึงสองคนในเวลาเดียวกันทำไม? นี่เขาเห็นยู่ฮ่าวเป็ตัวอะไร?
“นั่นสิ! เ้าคิดว่าตัวเองเป็ใครกัน? ถึงได้กล้าท้าทายพวกข้า ศิษย์พี่ยู่ฮ่าวเป็ถึงผู้ฝึกยุทธ์ที่มีจิติญญาแห่งดาบ ความแข็งแกร่งของเขาไม่จำเป็ต้องพูดถึง เพียงแค่กระบวนท่าเดียวก็สามารถบดขยี้เ้าได้แล้ว เ้ายังมีหน้ามาหยิ่งผยองอีกเหรอ?”
หลี่หลินประจบประแจงยู่ฮ่าวสุดฤทธิ์ หากทำให้ยู่ฮ่าวจัดการกับหลินเฟิงในตอนนี้ได้ มันจะดีที่สุด
ยู่ฮ่าวรู้สึกชอบใจที่ได้ยินหลี่หลินพูดชมตัวเอง ทันใดนั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของเขา “ฮ่าๆ หลี่หลิน เ้าพูดถูก มันก็แค่ศิษย์สายนอกที่ไม่มีคุณสมบัติคู่ควรให้ข้าลงมือ ดังนั้นเ้าช่วยกำจัดมันแทนข้าซะ”
“อ่า ใช่ๆ มันเป็แค่ศิษย์สายนอก ไม่มีคุณสมบัติคู่ควรที่จะให้ศิษย์พี่ยู่ฮ่าวลงมือ แต่เพื่อแสดงให้เห็นถึงความน่าเกรงขามของศิษย์พี่ยู่ฮ่าว ข้าคิดว่าศิษย์พี่ควรจะแสดงพลังให้เห็นไปเลยว่าท่านนั้นร้ายกาจเพียงใด”
หลี่หลินใเมื่อได้ยินที่ยู่ฮ่าวกล่าวออกมา สิ่งที่เขา้าก็คือให้อีกฝ่ายจัดการกับหลินเฟิงเสีย เพราะเขาก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสามารถจัดการหลินเฟิงได้หรือเปล่า
“เ้าเด็กนี่ช่างหน้าด้านยิ่งนัก พฤติกรรมของมันทำให้นิกายหยุนไห่ต้องพลอยเสียหน้าไปหมดแล้ว!!!” เมื่อทุกคนเห็นพฤติกรรมของหลี่หลินก็รู้สึกพูดไม่ออก มิหนำซ้ำยังขายขี้หน้าเป็อย่างมาก นี่มันคือจุดด่างพร้อยของนิกายชัดๆ ทำไมคนอย่างมันถึงได้ขึ้นมาเป็ศิษย์สายในได้?!
“ช่างน่าขำยิ่งนัก” หลินเฟิงกล่าวเสียดสีขึ้นมา “หลี่หลิน ตอนที่ข้ากำลังเลือกเคล็ดวิชาอยู่ที่หอซิงเฉิน เ้ากับเสิ่นเฉินมีเื่ขัดแย้งกัน แต่เ้าที่ถูกอีกฝ่ายกดหัวและถูกคนอื่นหัวเราะเยาะใส่ ข้าเพียงแค่บังเอิญเป็ศิษย์สายนอกอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น ดังนั้นเ้าจึงนำอารมณ์โมโหของเ้ามาลงที่ข้า ด่าทอว่าข้าเป็ไอ้สวะ แต่ตอนนี้สวะอย่างข้ากำลังขอท้าประลองเ้าอยู่ แล้วทำไมเ้าถึงต้องม้วนหางหนีด้วยล่ะ?”
“ยังมียู่ฮ่าวอีก เ้าจิติญญาแห่งดาบและมีพร์อันน่าทึ่ง แล้วมันยังไง??? ในวันนั้นเ้าโจมตีข้าอย่างไร้เหตุผล แถมยังพูดอีกว่าจะฆ่าข้าได้ทุกเมื่อ เ้าข่มเหงรังแกข้าผู้เป็ศิษย์สายนอก ในเมื่อป่าวประกาศว่าจะสังหารข้า ตอนนี้ข้าก็ยืนอยู่ตรงหน้าเ้าแล้วไง ทำไมไม่ชักดาบของเ้าออกมาล่ะ?”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเ็า ฝูงชนต่างพากันผงกหัวเข้าใจ ที่แท้ก็เป็แบบนี้นี่เอง ศิษย์สายในสองคนนี้เป็ฝ่ายข่มเหงรังแกหลินเฟิงที่เป็ศิษย์สายนอกก่อน ตอนนี้หลินเฟิงได้แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นเขาจึง้าจะแก้แค้นคืน
ดวงตาของยู่ฮ่าววาวโรจน์ขึ้นมา ก่อนจะหันไปหาหลี่หลินและกล่าวว่า “ภายในสามลมหายใจ หากเ้ายังไม่ลงมืออีกล่ะก็ ข้าจะจัดการกับเ้าก่อน”
หัวใจของหลี่หลินแทบหยุดเต้น เขาลอบกัดฟันด้วยความเกลียดชังยู่ฮ่าว
ยู่ฮ่าวถูกหลินเฟิงยั่วโมโหและหันมาระบายใส่เขา ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็เหมือนกับวันนั้น ที่เขาระบายอารมณ์ใส่หลินเฟิง
“ได้ งั้นข้าจะจัดการมันแทนท่านเอง”
หลี่หลินได้แต่พยักหน้าด้วยความจำยอมและพุ่งไปหาหลินเฟิง
หลินเฟิงลอบส่ายหน้าอย่างเอือมระอา จนถึงตอนนี้เขาก็ยังแปลกใจอยู่ดีว่าทำไมคนแบบนี้ถึงได้กลายเป็ศิษย์สายในไปได้
“หายไปซะ”
หลินเฟิงสะบัดมืออย่างรวดเร็ว และใช้เคล็ดวิชาแปดฝ่ามือพิฆาตโจมตีไปที่อีกฝ่าย ลมปราณที่อัดแน่นเป็รูปฝ่ามือทั้งสี่ได้พุ่งทะยานเข้าไปหาหลี่หลิน
“ตูม!”
หลี่หลินเป็หนึ่งในศิษย์สายในที่อ่อนแอที่สุด ความแข็งแกร่งใดๆ ล้วนไม่มี แค่การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ร่างกายของเขากระเด็นออกจากลานประลองเป็ตายทันที
หลินเฟิงไม่แม้แต่จะปรายตามองไปที่หลี่หลิน เขาหันมากล่าวกับยู่ฮ่าวว่า “ไม่ใช่ว่าเ้า้าจะสังหารข้าหรอกหรือ? มัวรออะไรอยู่ล่ะ”
“ก็แค่สี่ฝ่ามือเท่านั้น ยังจะกล้ามาเผยอหน้าโอ้อวดอีกนะ”
ยู่ฮ่าวรู้ว่าหลินเฟิงใช้เคล็ดวิชาแปดฝ่ามือพิฆาต ซึ่งในนิกายหยุนไห่นั้นมีเพียงไม่กี่คนที่ฝึกเคล็ดวิชานี้ และส่วนใหญ่จะฝึกฝนถึงขั้นที่ 4 และ 5 เท่านั้น มันเป็เื่ที่ยากมากจริงๆ ที่จะฝึกถึงขั้นที่สูงกว่านี้
เมื่อครู่หลินเฟิงใช้เพียงแค่สี่ฝ่ามือเท่านั้น และต่อให้เขาใช้ได้ถึงห้าฝ่ามือ มันก็ยังไม่คณนามือยู่ฮ่าวอยู่ดี
“ถึงแม้ข้าพูดว่า ‘จะสังหารเ้า’ แต่เนื่องจากวันนี้เป็การทดสอบของนิกาย ต่อให้อยู่บนลานประลองเป็ตาย ข้าก็ไม่สามารถสังหารเ้าได้ ดังนั้นข้าจะทำลายการบ่มเพาะของเ้า และตัดแขนกับขาของเ้าซะ ให้เ้าอยู่ไม่สู้ตาย!!!”
ยู่ฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงโเี้ แน่นอนว่าเขาเกลียดหลินเฟิงเข้ากระดูกดำ!!!
ขณะที่กล่าวยู่ฮ่าวก็เอื้อมมือไปที่ด้านหลังเพื่อดึงดาบออกมา ประกายแสงดาบส่องประกายแวววาว พร้อมกับกลิ่นอายฆ่าฟันที่มองไม่เห็นแผ่กระจายอยู่ในอากาศ
แค่นี้ยังไม่พอ ยู่ฮ่าวได้เรียกจิติญญาแห่งดาบออกมา ดาบอันคมกริบเล่มหนึ่งตั้งตระหง่านชี้ฟ้าอยู่ด้านหลังของเขา
“ผู้ที่จิติญญาแห่งดาบ ไม่ใช่คนที่อ่อนแอจริงๆ ด้วย หลินเฟิงจบเห่แน่”
เหล่าฝูงชนที่อยู่ใกล้ๆ ลานประลองต่างรู้สึกได้ถึงคลื่นดาบอันรุนแรง ที่กำลังกดทับร่างของพวกเขาจนหายใจไม่ออก
“ในเมื่อเ้ารักดาบขนาดนี้ ก็แสดงให้ข้าดูหน่อยสิว่าอะไรคือ ‘นักดาบ’”
หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าพลางดึงดาบออกจากฝักที่อยู่ด้านหลัง ทันใดนั้นคลื่นดาบไร้ลักษณ์ก็ถูกปลดปล่อยออกมา ต้านทานคลื่นดาบของยู่ฮ่าวที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศ
“อะไรกัน หรือว่าเขาจะเป็นักดาบที่จิติญญาแห่งดาบเหมือนกัน?”
เมื่อรู้สึกได้ถึงคลื่นดาบที่แผ่ออกมาจากตัวของหลินเฟิง ฝูงชนก็ตื่นใขึ้นมา กระทั่งดวงตาของยู่ฮ่าวก็ดูจะสั่นไหวเล็กน้อย แต่เมื่อไม่เห็นหลินเฟิงปลดปล่อยจิติญญาแห่งดาบออกมาก็ยกยิ้มดูแคลนไปให้
“แม้แต่จิติญญาแห่งดาบก็ไม่มี แล้วจะพูดถึงนักดาบทำไม?”
ยู่ฮ่าวก้าวเท้าไปข้างหน้า ทันใดนั้นอากาศก็ส่งเสียงคำรามขึ้นมา คลื่นดาบที่เจือไปด้วยจิตสังหารเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งจิติญญาแห่งดาบที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ยังต้องสั่นไหว
ยู่ฮ่าวปลดปล่อยคลื่นดาบมากขึ้น ทำให้แรงกดดันได้ขยายตัวออกไปกดทับร่างของหลินเฟิง
“นักดาบ เพียงแค่จิติญญาแห่งดาบ ก็เรียกได้ว่าเป็นักดาบแล้วหรือ?” หลินเฟิงถามด้วยสีหน้าอันราบเรียบ ขณะที่ก้าวเท้าไปข้างหน้า “แม้แต่ตัวเ้าเอง ก็ยังไม่รู้จักดาบดีพอแท้ๆ”
ทันใดนั้นคลื่นดาบไร้ลักษณ์ของหลินเฟิงก็ทวีความรุนแรงขึ้นมา ก่อนจะพุ่งไปหายู่ฮ่าว ในเมื่อยู่ฮ่าวใช้คลื่นดาบของตัวเองมากดดันเขา แล้วทำไมเขาจะทำแบบเดียวกันไม่ได้?!
ตอนนี้เองหลินเฟิงได้ปลดปล่อยอำนาจดาบออกมา ซึ่งมันเหนือกว่าคลื่นดาบเสียอีก!!!
ฝูงชนที่มีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง โดยเฉพาะศิษย์สายในและศิษย์หลัก ต่างพากันเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก
หรือว่านี่จะเป็อำนาจของดาบ ช่างทรงพลังยิ่งนัก มันสามารถควบคุมและเพิ่มพลังให้กับคลื่นดาบของหลินเฟิงได้ ทำให้คลื่นดาบของหลินเฟิงสามารถทำลายคลื่นดาบของยู่ฮ่าวอย่างง่ายดาย
“์!!! เขาเป็ศิษย์สายนอกที่เพิ่งบรรลุขอบเขตแห่งจิติญญาแท้ๆ แต่กลับสามารถควบคุมอำนาจของดาบได้ นี่มันร้ายกาจ... พร์ของเขาร้ายกาจเกินไปแล้ว!!!”
บางคนรู้ดีว่าอำนาจของดาบมันควบคุมยากขนาดไหน โดยเฉพาะการที่หลินเฟิง สามารถควบคุมอำนาจของดาบได้อย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่ผู้ฝึกยุทธ์ในระดับสูงสุดของขอบเขตแห่งจิติญญาก็ยังไม่สามารถทำได้ แต่หลินเฟิงที่เป็เพียงศิษย์สายนอก กลับสามารถเข้าใจอำนาจของดาบได้ นี่มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
แน่นอนว่า ศิษย์สายนอกล้วนไม่เข้าใจหรอกว่าอำนาจของดาบคืออะไร
“สมแล้วที่เป็คนตีกลองจงกู่ทั้ง 8 ใบได้ ที่แท้ความเข้าใจของเขาก็ยอดเยี่ยมเช่นนี้นี่เอง เขาแข็งแกร่งกว่าข้าในสมัยหนุ่มๆ หลายเท่า คนคนนี้คู่ควรที่จะเป็เสาหลักของนิกายหยุนไห่ เราจะต้องฝึกฝนเขาให้ดี”
ทันใดนั้นหนานกงหลิงพลันเข้าใจสิ่งที่ผู้าุโเป่ยเคยพูดถึงหลินเฟิงก่อนหน้านี้ ม่อเสียสมควรตายจริงๆ ด้วย ชายที่มีพร์เช่นนี้จะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร!!!
