“ไม่ได้มาพบเ้าแค่เดือนเดียว เ้าคงไม่ลืมข้าไปแล้วหรอกใช่หรือไม่”
ท่าทางที่หญิงสาวแสดงออก หมายความว่านางนั้นลืมเขาไปแล้วจริงๆ ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาในชุดของบัณฑิตสีขาว มองใบหน้าของนางด้วยท่าทางสงสัย
“ข้ารู้ว่าเ้ากำลังโกรธเลยแสดงออกเช่นนั้น แต่หนิงเอ๋อ ข้าไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ หากข้าไม่ยอมแต่งให้นาง บิดาของนางจะต้องหักขาข้าทิ้งแน่ เ้าก็รู้ใช่หรือไม่ว่าข้านั้นรักเ้าแค่เพียงคนเดียว เื่ที่เกิดขึ้นระหว่างข้ากับอี้หลิงหยุนนั้นเป็แค่เพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น ในใจของข้า.....”
ยังไม่ทันที่เถียนอวี้ซวนจะเอ่ยจบ ลู่หยวนซีก็ต่อยสวนกลับไปหนึ่งหมัดเข้าเบ้าตาของเขาพอดิบพอดี ร่างผอมในชุดบัณฑิตสีขาวหงายหลังล้มลงไปบนพื้นขาชี้ฟ้า ลู่หยวนซีมองภาพนั้นแล้วอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อย เพราะเื่เล่าที่เ้าบัณฑิตหน้าขาวผู้นี้เล่ามานั้น ไม่ต่างจากแฟนเก่าของนางเลย
อยู่ต่อหน้านางก็บอกว่าเป็เพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากันทั้งสองฝั่งกลับเขี่ยนางทิ้งอย่างไม่ไยดี คนเช่นนั้นมันต้องโดนหนักๆ ถึงจะจำ คิดว่าผู้หญิงเป็ของตายที่จะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้อย่างนั้นหรือ คิดผิดแล้ว
ลู่หยวนซีคร้านจะพูดกับเขาอีก นางเดินจากมาด้วยอารมณ์ที่ไม่มั่นคงเท่าใดนัก เวลานี้นางคิดว่าที่ตนเองต้องตายสาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากคนทั้งสองที่นางรัก แต่พวกเขาพร้อมใจกันหักหลังนางอย่างไม่คิดถึงความสัมพันธ์สี่ปีที่มีให้กันเลย หลินห่าวหยาง มู่หยุนถิง ฉันขอแช่งให้พวกเธอได้พบกับจุดจบที่เลวร้ายกว่าฉัน แน่นอนว่าคำอธิษฐานของลู่หยวนซีจะต้องเป็จริงในอีกไม่ช้า
เถียนอวี้ซวนมองตามด้านหลังของลู่หยวนซีที่อยู่ในชุดผ้าไหมสีกลีบบัวด้วยสายตาไม่เข้าใจ เขายกมือขึ้นคลำไปที่เบ้าตาตนเองก่อนนึกถึงการกระทำอันแปลกประหลาดของนาง
มิใช่นางหลงรักเขาอย่างหัวปักหัวปำอย่างนั้นหรือ แล้ววันนี้เหตุใดนางถึงได้มีท่าทีปั้นปึ่งเช่นนี้ หรือว่านางจะยังไม่ยอมให้อภัยที่เขาแต่งงานกับสตรีอื่น ปกติเขาพูดเพียงไม่กี่คำนางก็ยอมให้อภัยแล้วตอนนี้ทำไมถึงยังโมโหอยู่เล่า หรือว่านางมีบุรุษอื่น ไม่ได้!! นางเป็ของเขา นางไม่สามารถมีบุรุษอื่นได้นอกจากเขาเพียงคนเดียว
เถียนอวี้ซวนรีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน ก่อนจะวิ่งตามร่างบางไปอย่างทุลักทุเล แต่ด้วยกำลังของลู่หยวนซีมีหรือที่เขาจะเดินตามนางทัน เพียงไม่นานร่างบางในชุดสีกลีบบัวก็เดินหายลับไปตรงทางโค้ง เถียนอวี้ซวนได้แต่ยืนเคว้งอยู่กลางป่าเพียงคนเดียว เพราะที่ตรงนั้นไม่มีหญิงสาวที่เขาวิ่งตามแล้ว
“บ้าจริง เหตุใดถึงได้เดินเร็วนัก ช่างเถอะ วันหลังค่อยซื้อชุดผ้าไหมกับเครื่องประดับมาง้อขอคืนดีกับนางก็แล้วกัน”
เอ่ยจบชายหนุ่มก็เดินกลับไปทางเดิมที่พึ่งจากมา ลู่หยวนซีที่แอบอยู่ข้างทางเดินออกมาจากด้านหลังต้นไม้ใหญ่ มองด้านหลังของเ้าบัณฑิตหน้าขาวที่ไล่ตามตนมาอย่างหงุดหงิด
“ไปเสียได้ก็ดี นิยายเื่นี้มันยังไงกันแน่ผู้หญิงคนนี้เป็แค่ตัวประกอบในนิยาย กลับมีคนรักเป็ตัวเป็ตน นางเป็ตัวประกอบแบบไหนกัน”
ลู่หยวนซีคิดอย่างสงสัย ก่อนส่งเสียง ฮึ! ออกมาเบาๆ จากนั้นจึงออกเดินอีกครั้ง วันนี้นางมีโอกาสเข้าไปในอำเภอครั้งแรกั้แ่ที่เข้ามาอยู่ในร่างนี้ วันนี้ต้องซื้อของจำเป็กลับไปมากหน่อย เพราะคงไม่มีโอกาสได้มาที่นี่บ่อยนัก
“ว้าว!!! ไม่คิดว่าอำเภอถงอันจะเจริญขนาดนี้ ไม่ต่างจากเมืองใหญ่ๆ ที่เคยเห็นในซีรีส์เลยนะเนี่ย ข้อดีของการเข้ามาในนิยายเื่นี้คงมีแค่เื่ที่ได้มาทัวร์แบบไม่ต้องเสียเงินจ้างไกด์กระมัง”
นางเอ่ยคำศัพท์ที่ไม่มีใครเข้าใจออกมาอย่างลืมตัว ลู่หยวนซีเดินเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อย่างสนุกสนาน หลังจากนำเครื่องประดับที่ร่างเดิมแอบยักยอกเอาไว้ไปแลกเปลี่ยนเป็เงินแล้ว นางก็เดินเข้าร้านขายชุดของบุรุษทันที ลู่หยวนซีซื้อชุดสำหรับสวมด้านในหกชุด ชุดด้านนอกหกชุด จากนั้นก็ไปหาซื้อข้าว แป้งขาว เครื่องปรุงและเนื้อสัตว์เพื่อเป็เสบียง
หลังจากซื้อทุกอย่างที่คิดว่าจำเป็ นางก็เดินเข้าไปในซอยเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านจากนั้นจึงเก็บทุกอย่างที่ซื้อมาเข้าไปในช่องว่างที่ได้รับมาจากระบบ
“ช่องว่างนี่สะดวกไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากบ้าผู้ชายแล้วอย่างน้อยเ้าระบบนั่นก็ยังมีข้อดีอยู่บ้าง”
ลู่หยวนซีเดินตัวปลิวออกมาจากซอยเล็กแห่งนั้น ก่อนเดินตรงไปยังร้านขายสมุนไพรที่ตั้งอยู่ใจกลางอำเภอถงอัน เมื่อมองจากไกลๆ จะมองเห็นป้ายหน้าร้านเขียนเอาไว้ว่าจี้ิถัง ด้านหน้ามีชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังยืนมุงอยู่ ลู่หยวนซีอยู่ด้านหลังสุดทำให้มองไม่เห็นว่าพวกเขากำลังมุงดูอะไร จึงลองสะกิดคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าเบาๆ
“นี่พี่ชาย พวกท่านกำลังมุงดูอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ”
ชายวัยกลางคนที่ถูกดึงจึงได้หันกลับมา เมื่อเห็นใบหน้าของลู่หยวนซีชายผู้นั้นก็ใบหน้าเห่อแดงขึ้นมาทันที เขาบิดตัวไปมาท่าทางเอียงอาย ลู่หยวนซีที่กำลังรอฟังคำตอบมองเขาด้วยท่าทางสงสัย
“ท่านเองก็ไม่รู้อย่างนั้นหรือว่าพวกเขากำลังมุงดูอะไร”
ชายวัยกลางคนได้สติกลับมาหลังจากที่นางถามขึ้นอีกครั้ง เขากระแอมไออย่างประหม่าเล็กน้อย ก่อนตอบคำถามของนาง
“กะ...ก็มีคนถูกธนูยิงได้รับาเ็สาหัส แต่หมอที่จี้ิถัง บอกว่ารักษาให้เขาไม่ได้แต่คนที่พามาก็ไม่ยอม ทั้งสองคนเลยเถียงกันจนถึงตอนนี้ ข้าเข้าใจท่านหมอนะ อาการหนักขนาดนั้นเป็ตายเท่ากัน ขืนมาตายที่นี่คนที่ต้องรับผิดชอบก็ย่อมต้องเป็คนรักษา พวกข้าที่มารอซื้อสมุนไพรเลยต้องรอให้จัดการเื่นี้ให้เสร็จก่อน”
ลู่หยวนซีได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่เสียงตี๊ดๆ ก็ดังในหัวของนางไม่หยุด จนลู่หยวนซีต้องยกมือขึ้นปิดหูของตนเอาไว้ ชายวัยกลางคนที่กำลังคุยกับนาง มองท่าทางของลู่หยวนซีอย่างสงสัย
“เร็วเข้า!! เธอต้องรีบรักษาให้เขาเดี๋ยวนี้ อย่าปล่อยให้เขาตายนะ เพราะเขาเป็ทางรอดเดียวของกู้จิ่งเหยียน”
เสียงของระบบดังขึ้นภายในหัวของลู่หยวนซี จากนั้นเสียงตี๊ดๆ ก็เงียบลง นางเงยหน้ามองผู้คนที่กำลังมุงดูเหตุการณ์ ก่อนจะแหวกฝูงชนเข้าไปด้านใน
เมื่อเห็นร่างโชกเืนอนอยู่ที่พื้นโดยมีบุรุษชุดดำกำลังประคองอยู่ ข้างกันมีบุรุษชุดดำอีกคนที่กำลังถือกระบี่พาดคอของชายชรา มองจากชุดที่เขาสวมใส่น่าจะเป็หมอของจี้ิถัง ลู่หยวนซีค่อยๆ ถอยออกไปด้านหลังอย่างใ นี่นางกำลังเผชิญอยู่กับเหตุการณ์อะไรกันแน่ ทุกอย่างดูตึงเครียดไปหมดเหมือนพวกเขากำลังเตรียมตัวออกรบก็มิปาน
“อย่าได้ขี้ขลาดนะลู่หยวนซี ห้ามหนีเด็ดขาด เขาเป็ตัวละครลับที่ไม่มีอยู่ในนิยาย ผู้เขียนไม่สามารถควบคุมเขาได้และในอนาคตเขาจะกลายเป็ไพ่ตายของกู้จิ่งเหยียน เธอต้องช่วยชีวิตของเขาให้ได้”
ลู่หยวนซีมองเืที่อาบย้อมไปทั่วร่างของบุรุษผู้นั้นภายในใจยังคงนึกหวาดกลัว แต่ตนเองไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งจากเ้าระบบจอมเผด็จการนั่นได้ จึงตัดสินใจก้าวเข้าไปดูอาการของเขา
“ให้ข้าดูาแของเขาได้หรือไม่”
เสียงหวานดังขึ้นไม่เบานัก เรียกความสนใจจากทุกคนที่กำลังมุงดูเหตุการณ์ ชายชุดดำที่กำลังประคองคนเจ็บเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดสีกลีบบัวเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองชายชุดดำอีกคนที่ตอนนี้ลดกระบี่ในมือลงแล้ว แต่ปลายของมันกลับชี้มาที่นางแทน
“เ้ามั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถรักษาคุณชายของเราได้”
ลู่หยวนซีเอนกายไปด้านหลังเล็กน้อย เพื่อให้ปลายกระบี่ออกห่างจากลำคอของตนก่อนพยักหน้าช้าๆ นิ้วมือเรียวดันกระบี่ออกไป ก่อนจะย่อตัวลงเพื่อดูอาการของคนเจ็บที่กำลังนอนหายใจรวยริน
“ท่านหมอ ข้าขอยืมห้องว่างของท่านสักห้องได้หรือไม่”
นางหันไปถามชายชราก่อนที่เขาจะพยักหน้าอนุญาต บุรุษชุดดำทั้งสองจึงได้หามร่างคนเจ็บเข้าไปด้านในจี้ิถัง ชายชราผมดำแซมขาวรีบเดินเข้ามากระซิบกับลู่หยวนซีเบาๆ
“แม่หนูเ้าแน่ใจอย่างนั้นหรือว่าจะช่วยเขาได้ หากเ้าทำให้เขาตายข้ารับรองได้เลยว่าคนชุดดำผู้นั้นไม่ยอมปล่อยเ้าออกไปจากที่นี่แบบมีลมหายใจเป็แน่”
ลู่หยวนซียิ้มรับชายชราอย่างแห้งแล้ง ทำไม่นางจะไม่รู้ล่ะแต่นางมีทางให้เลือกอย่างนั้นหรือ ด้านหน้าคือพญาเสือผู้ดุร้ายด้านหลังคือหน้าผาอันสูงชัน ไม่ว่าจะไปทางไหนก็ตายทั้งนั้น ์เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายกับข้าเช่นนี้ ลู่หยวนซีได้แต่โอดครวญอยู่ในใจเพียงคนเดียว เพราะไม่มีผู้ใดสามารถช่วยนางได้
“เช่นนั้นชายชราผู้นี้ขอให้เ้าอยู่รอดปลอดภัยก็แล้วกัน หาก้าสิ่งใดจงบอกคนของข้าได้เลย”
ชายชราเห็นท่าทางของนางแสดงออกเช่นนั้น เขาก็ได้แต่เอ่ยอวยพรให้แก่นางอย่างจริงใจ ลู่หยวนซีพยักหน้ารับอย่างซาบซึ้ง หากจะให้ดีนางอยากให้เขาเป็ผู้เข้าไปรักษาคนเจ็บกับนางด้วยตนเอง แต่เื่ระบบรักษาที่นางมีนั้นไม่สามารถเปิดเผยต่อหน้าผู้อื่นได้ ดังนั้นลู่หยวนซีจำต้องกัดฟันทนมองาแเหวอะหวะและเืพวกนั้นด้วยตนเอง
“พวกท่านสองคนเองก็รออยู่ด้านนอกเถอะ เวลารักษาคนข้าไม่้าให้มีผู้ใดรบกวน”
เอ่ยจบลู่หยวนซีก็เดินผ่านพวกเขาเข้าไปในห้อง จากนั้นจึงปิดประตูขังตนเองกับคนเจ็บเอาไว้ด้านใน แต่ก่อนจะปิดประตูนางยังถูกชายชุดดำที่ถือกระบี่ขู่อีกเล็กน้อย
“แม่นางเ้าจงจำเอาไว้ว่าชีวิตของเ้าผูกไว้กับชีวิตของคุณชายของข้า หากเ้าช่วยชีวิตเขาไว้ไม่ได้ เ้าจะเป็ศพที่สองที่จะต้องตายอยู่ที่นี่”
ลู่หยวนซีไม่สนใจคำขู่ของเขา นางปิดประตูเสียงดังปังจากนั้นทุกอย่างก็สงบลง คนที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ด้านนอกต่างก็ไม่มีใครแยกย้ายไปไหนทั้งสิ้น เพราะพวกเขาเองก็อยากจะรอดูว่าหญิงสาวที่อายุน้อยนางนั้นจะสามารถช่วยชีวิตคนที่ขาครึ่งหนึ่งเหยียบลงไปบนฝาโลงได้หรือไม่ หรือว่านางกำลังเอาชีวิตตนเองไปมอบให้กับผู้อื่นกันแน่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้