เยาขาข่าค่อนข้างอารมณ์ดี ในฐานะที่เป็บุตรเพียงคนเดียวของหนึ่งในสองผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปีศาจศักดิ์สิทธิ์ที่ปกครองเผ่าปีศาจร่วมกัน ตำแหน่งฐานะของเขาไม่ต่างจากหมันก้านที่เป็องค์ชายของเผ่าคนเถื่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขามีสายเืบริสุทธิ์ของเผ่าพันธุ์ราชสีห์คลั่ง อีกทั้งยังมีพรสรรค์ที่โดดเด่นร้ายกาจ อายุเพียงยี่สิบแปดปีมีพลังฝีมืออยู่ในระดับขั้นต่ำขอบเขตราชันย์ปีศาจ ยิ่งทำให้ตำแหน่งฐานะของเขาเป็หนึ่งไม่เป็สองรองใครเพิ่มมากขึ้น
สำหรับงานประลองในครั้งนี้ เจตนาเดิมบิดาของเขาไม่อยากที่จะให้มาเข้าร่วมสู้ศึกด้วย เนื่องจากเยาเสมีบุตรตอนแก่ กลัวว่าหากเกิดการต่อสู้นัวเนียกันขึ้น หากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้นมาเขาจะเสียลูกที่มีเพียงคนเดียวไป เพียงแต่เยาขาข่ารู้สึกเบื่อที่ต้องหมกตัวอยู่แต่ในเมืองปีศาจ ดังนั้นเมื่อได้ยินว่ามีเื่น่าสนุกตื่นเต้นจึงอยากที่จะออกมาผ่อนคลายจิตใจบ้าง ครั้นแล้วจากคำพูดเกลี้ยกล่อมของผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตปีศาจศักดิ์สิทธิ์อีกคน ในที่สุดบิดาของเขาจึงยอมให้มาเข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครองในครั้งนี้ได้
มาคิดๆ ดูแล้วการมาเข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครองของตนเองในครั้งนี้คิดถูกจริงๆ แม้ก่อนหน้านี้กองกำลังของเผ่ามนุษย์หน่วยหนึ่งจะแย่งยาหายากเม็ดหนึ่งไปทำให้เขารู้สึกหัวเสียเป็อย่างมาก ถึงกับนำกองกำลังออกไปด้วยตัวเองสังหารนักรบของเผ่ามนุษย์ไปไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระยะนี้สุดยอดกองกำลังระดับหัวกะทิเผ่ามนุษย์ของทั้งสี่ตระกูลรวมตัวกันออกล่าสังหารกองกำลังนักรบเผ่าปีศาจของตนเองไปไม่น้อย แต่อารมณ์ของเขาในตอนนี้กลับดีเป็พิเศษ
เมื่อวานทางค่ายใหญ่ที่พักชั่วคราวนำข่าวดีและของดีหายากสิ่งหนึ่งมาให้ เช่นนี้จะไม่ให้อารมณ์ของเขาดีเป็พิเศษได้อย่างไร
นครแห่งเทพที่ไม่เคยสอดมือเข้ามาข้องเกี่ยวกับกิจการภายในของทั้งสามเขตปกครอง แต่ครั้งนี้เพียงเพราะเด็กหนุ่มตระกูลเย่คนหนึ่งถึงกับเกิดการเคลื่อนไหวขึ้นมา? สำหรับเขาแล้วนครแห่งเทพเป็สิ่งที่น่าหวาดกลัว ความรู้สึกหวาดกลัวเช่นนี้มาจากคำสอนของเหล่าบรรพบุรุษแต่ละยุคที่พูดทิ้งไว้ก่อนตาย พวกเขาถูกนครแห่งเทพกำราบจนหวาดกลัวถึงกับทิ้งคำพูดไว้ให้ชนรุ่นหลังอย่าได้ตั้งตัวเป็ศัตรูกับนครแห่งเทพอย่างเด็ดขาด
ดังนั้น สำหรับคำสั่งที่มาจากนครแห่งเทพให้สังหารนายน้อยของตระกูลเย่เขาจึงไม่กล้าฝ่าฝืน และจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้สำเร็จ เผ่ามนุษย์เดิมทีก็เป็ศัตรูคู่แค้นกับเผ่าปีศาจอยู่แล้ว การฆ่าคนของเผ่ามนุษย์มันเป็สัจธรรมอันเที่ยงแท้ที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นในครั้งนี้นครแห่งเทพยังได้มอบสมบัติล้ำค่าระดับวิเศษคุณภาพระดับสูงมาให้อีกด้วย
เยาขาข่าเอามือลูบไล้กระบี่เล่มยาวที่ส่องแสงมันวาวที่อยู่ในมือ เขาสะบัดเส้นผมหยิกสีทอง จากนั้นมุมปากปรากฏรอยยิ้มกระหายเืขึ้น
ลูกหลานของตระกูลเย่คนนี้กับคุณชายจากนครแห่งเทพคนนั้นมีความแค้นฝังลึกอะไรกัน? ฆ่าบิดา? ไม่น่าจะเป็ไปได้ เพราะองครักษ์ถูเสินยังคงใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ในนครแห่งเทพ แย่งภรรยา? ข้อนี้ก็ไม่น่าจะเป็ไปได้ ผู้หญิงที่ถูเชียนจวิน้ามีคนไหนบ้างที่ไม่ขัดสีฉวีวรรณอย่างดีแล้วเดินเข้าไปหาถึงห้อง?
คิดอยู่สักพักคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกจึงล้มเลิกที่จะคิดต่อ ไม่ว่าอย่างไรไม่ช้าก็เร็วเ้าเด็กนั้นก็จะต้องตายอยู่ดี ตนเองกับหมันก้านร่วมมือกันไล่ล่าสังหารไม่เชื่อว่ายังจะมีใครที่สามารถหนีรอดไปได้? ยิ่งไปกว่านั้นทางเผ่ามนุษย์ยังมีตระกูลเสว่ที่คอยส่งข่าวบอกการเคลื่อนไหวของเป้าหมายอยู่ตลอดอีก
แมลงของตระกูลเสว่แม้เขาจะรู้สึกรังเกียจมาโดยตลอด แต่สำหรับศักยภาพในการใช้ติดตามเป้าหมายนั้นเป็หนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย นึกถึงคุณชายจากนครแหงเทพคนนั้นเพียงแค่้าฆ่าคนๆ เดียวกลับให้ทั้งสามเผ่าพันธุ์ที่มีความแค้นหยั่งรากฝังลึกต่อกันมาร่วมมือกัน เขาไม่เพียงรู้สึกน่าตลกขบขัน แต่ยังรู้สึกว่ามันขัดๆ เขินๆ เข้ากันไม่ได้อย่างไรก็ไม่รู้ แต่ทูตส่งสารที่มาจากนครแห่งเทพบอกว่าใครที่สังหารนายน้อยของตระกูลเย่ได้ก่อน ผู้นั้นจะได้รับการติดค้างน้ำใจจากถูเชียนจวินครั้งหนึ่งและสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์อีกชิ้นหนึ่ง
สมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์! สิ่งล่อตาล่อใจเช่นนี้ทำให้เขาไม่อาจจะต้านทานไหวและไม่คิดจะปฏิเสธ แม้จะรู้สึกไม่ค่อยดีที่ต้องร่วมมือกับเผ่ามนุษย์แต่อย่างไรก็ต้องทำให้สำเร็จ สุดยอดกองกำลังของทั้งสี่ตระกูลที่น่ารังเกียจที่เข่นฆ่าคนของเผ่าปีศาจไปอย่างมากมาย นึกถึงภาพตอนที่ตนเองสังหารพวกมันให้ตายอย่างทรมานด้วยความสะใจ อีกทั้งยังสามารถได้รับสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ที่เฝ้าปรารถนาแม้ยามหลับฝัน เช่นนี้จะไม่ให้อารมณ์ของเขายินดีมีความสุขได้อย่างไรกัน?
.................................
อารมณ์ของถูเชียนจวินในตอนนี้ก็ค่อนข้างดีเช่นเดียวกัน เขายืนอยู่บนูเาแห่งเทพที่สูงตระหง่านแหงนหน้ามองขึ้นไปยังท้องฟ้าทางทิศตะวันออก เขาคล้ายกับว่าได้มองเห็นตาข่ายฟ้าที่เขาได้วางเอาไว้บนเกาะแห่งความมืดมิดที่อยู่ทะเลฝั่งตะวันออกเริ่มกางออกแล้ว มันจะดักจับและฉีกกระชากเ้าเด็กหนุ่มที่น่ารังเกียจคนนั้นให้ขาดออกเป็ชิ้นๆ จนกลายเป็เศษกองเนื้อบดที่แหลกละเอียด
เขาเป็ทายาทที่เป็ผู้ชายเพียงคนเดียวจากทายาทของทั้งสี่องครักษ์ของนครแห่งเทพ เกิดมาก็มีชีวิตที่ไม่ต่างจากมกุฎราชกุมาร เคยชินกับการอยู่เหนือผู้อื่น เคยชินกับการชี้นิ้วสั่งให้คนเป็หรือตายได้ ที่ไม่เคยมีใครกล้าลบหลู่เขา ที่ไม่เคยมีใครกล้าขัดใจมาั้แ่เด็ก แต่ทว่าที่เมืองเซียวหุน ที่เกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบเขากลับถูกคนตบหน้าเข้าอย่างจัง!
นึกถึงเงาร่างเด็กหนุ่มคนหนึ่งในชุดสีดำ ใบหน้าที่มีรอยยิ้มบ้างไม่มีบ้าง นึกถึงรูปร่างหน้าตาที่สวยสดงดงามเป็หนึ่งในใต้หล้าของเยว่ชิงเฉิงที่พูดออกมาอย่างเด็ดเดี่ยวว่าเลือกเย่ชิงหาน เขารู้สึกคล้ายกับว่าใบหน้าถูกคนตบด้วยฝ่ามืออย่างหนักหน่วงทุกครั้งที่คิดถึงมันขึ้นมา
เนื่องจากเพราะมีกฎเกณฑ์อะไรบางอย่างเขาจึงไม่กล้าที่จะะเิอารมณ์ไม่พอใจออกมาเมื่อตอนอยู่ที่เกาะแห่งทะเลสาบแห่งความเงียบสงบ ในเมื่อไม่สามารถบันดาลโทสะออกมาได้ซึ่งๆ หน้า ไม่สามารถลงมือได้ซึ่งๆ หน้า แต่อารมณ์โกรธแค้นนี้เขาย่อมไม่คิดอดกลั้นมันไว้อย่างแน่นอน ดังนั้น เมื่อกลับมาถึงนครแห่งเทพเขาจึงเริ่มลงมือทันที เขาต้องหาโอกาสระบายอารมณ์โกรธแค้นนี้ออกมาให้ได้ กู้หน้าคืนมาให้ได้ เขาใช้อำนาจที่มีในมือส่งคนออกไปสืบเื่ราวการเคลื่อนไหวที่เกี่ยวกับเย่ชิงหานทุกอย่าง หลังจากที่ได้ทราบว่าเย่ชิงหานมาเข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครองและยังได้เข้ามายังเกาะแห่งความมืดมิดแล้ว เขายิ้มออกมาในทันที ในสถานการณ์สู้รบที่ชุลมุนวุ่นวายเช่นนี้จะทำให้ใครสักคนถูกฆ่าตายนั้นเป็เื่ที่ง่ายดายเป็อย่างมาก
ฟิ้ว!
ด้านหลังมีเสียงดังแหวกอากาศลอยมาทำให้อารมณ์ในการคิดของเขาถูกดึงกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เขาเอียงหน้าไปมองครั้งหนึ่งแล้วก็ไม่ได้สนใจ ยังคงมองออกไปยังยอดเขาที่อยู่ห่างไกลออกไปอีกด้วยอารมณ์ชื่นชมวิวทิวทัศน์ยอดขุนเขาน้อยใหญ่
“คุณชาย!”
ผู้ที่มาทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยชุดสีขาวมองไม่เห็นใบหน้า เพียงแต่น้ำเสียงมีแววของความแก่ชราเล็กน้อย
“อืม!” ถูเชียนจวินพยักหน้าแต่ไม่ได้หันกลับไป ยังคงมองดูวิวทิวทัศน์ของหมู่เมฆหมอกที่โอบล้อมอยู่ปลายยอดเขาดังเดิม ผ่านไปเนิ่นนานจึงหมุนตัวกลับมาพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น “ธุระจัดการเรียบร้อยดี?”
“ได้สั่งการลงไปแล้ว เสว่อู๋เหิน เยาขาข่า และหมันก้าน ทั้งสามคนน่าจะกระทำอย่างเต็มที่ สามขุมกำลังร่วมมือกันฆ่าคนๆ เดียว รับรองได้ว่าเย่ชิงหานไม่มีโอกาสได้เดินออกจากเกาะแห่งความมืดมิดอย่างแน่นอน!” คนในชุดคลุมสีขาวพูดออกมาอย่างนอบน้อม
ถูเชียนจวินยิ้มออกมาอย่างเ็า “ฮึ...เพื่อระบายความแค้นนี้ข้าต้องเสียสมบัติล้ำค่าระดับวิเศษไปสองชิ้น ระดับศักดิ์สิทธิ์ไปอีกหนึ่งชิ้น ถ้าหากพวกเขายังทำไม่สำเร็จอีกก็ไม่ต่างอะไรกับพวกขยะไร้ค่า!”
“อืม...สมบัติล้ำค่าระดับวิเศษและระดับศักดิ์สิทธิ์นั้นแค่เื่เล็ก เพียงแต่ว่าคุณชาย...พวกเราทำเช่นนี้เป็การละเมิดกฎที่ท่านจ้าวเทวะได้ตั้งไว้ ถ้าหากเื่แดงขึ้นมาข้ากลัวว่าท่านจ้าวเทวะจะบันดาลโทสะเอาได้ คุณชายลองแจ้งให้บิดาของท่าน...ถูเสินเว่ย ทราบก่อนสักหน่อยไม่ดีกว่ารึ?” คนในชุดคลุมสีขาวนิ่งอยู่สักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูด น้ำเสียงที่พูดออกมาแสดงออกถึงความกังวลและหวาดกลัวภายในใจอย่างชัดเจน
“ท่านจ้าวเทวะ!” ถูเชียนจวินอึ้งไปชั่วครู่เช่นกัน ภายในดวงตาปรากฏแววของความบ้าคลั่งและหวาดกลัว จากนั้นส่ายหัวขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ท่านจ้าวเทวะไปข้างบนได้ห้าปีแล้วยังไม่เห็นกลับมา คาดว่าภายในเวลาหลายปีนี้คงยังกลับมาไม่ได้ ถึงตอนนั้นจริงๆ เื่อะไรก็เลือนหายไปหมดแล้วไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีก ส่วนทางฝั่งบิดาข้าจะไปพูดเองเ้าวางใจได้ จับตาดูสถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเกาะแห่งความมืดมิดให้ดี มีอะไรคืบหน้ารีบมารายงานข้าโดยด่วน”
“ขอรับคุณชาย!” คนชุดคลุมสีขาวพยักหน้าอย่างเคารพนอบน้อม จากนั้นหมุนตัวะโลงจากยอดเขาไป ก้าวะโอยู่ไม่กี่ครั้งก็เลือนหายไปในหมู่ม่านหมอกเบื้องล่าง
.................................
เกาะแห่งความมืดมิดหลายวันมานี้เงียบสงบลงไปมาก กองกำลังระดับหัวกะทิของเผ่ามนุษย์ต่างท่องเที่ยวอยู่ภายนอกอยู่ตลอด ทว่ากลับไม่ค่อยพบเจอกองกำลังระดับหัวกะทิของนักรบต่างเผ่ามากนัก แต่มีกลับกองกำลังที่ท่องเที่ยวอยู่ด้านนอกพบพานเข้ากับสถานที่อันตรายแห่งหนึ่ง
รังัดำมารอสูรระดับแปดคุณภาพขั้นสูง!
รังของมันอยู่ภายในหุบเขาแห่งหนึ่งใกล้กลับทุ่งหญ้าสีเื กองกำลังระดับหัวกะทิของเขตปกครองเทพาหน่วยหนึ่งเดินเข้าไปภายในอย่างไม่ทันระวัง ต่อจากนั้นนอกจากเสียงร้องน่าเวทนาที่ดังออกมาก็ไม่มีใครสามารถหนีรอดออกมาจากหุบเขาแห่งนั้นได้แม้แต่เพียงคนเดียว พอดีมีกองกำลังอีกหน่วยหนึ่งอยู่ละแวกใกล้เคียงได้ยินเสียงร้องคำรามของัที่ดังลอยขึ้นมาจากหุบเขา พร้อมกับมองเห็นส่วนหางสีดำขนาดใหญ่ของมัน
ต่อมาหลงไซ้หนานส่งคนออกไปตรวจสอบดูจนแน่ใจว่าเป็ัดำมารอสูรระดับแปดคุณภาพขั้นสูงจริง บวกกับหมาป่าจันทราสีเงินสองหัวที่พวกเย่ชิงหานพบ หลงไซ้หนานทำการวาดแผนที่ออกมาทันที จากนั้นทำสัญลักษณ์ไว้ว่าทั้งสองที่คือสถานที่อันตรายแล้วแจกจ่ายให้ผู้นำของกองกำลังแต่ละคน ทั้งสองแห่งถูกกำหนดให้เป็สถานที่อันตรายที่ไม่ควรที่จะเฉียดเข้าใกล้เป็อันขาด หากเผลอเดินหลงเข้าไปต้องตายสถานเดียว!
พวกเย่ชิงหานได้รับแผนที่เช่นเดียวกัน เมื่อเห็นว่าระดับความอันตรายพอๆ กันหมาป่าจันทราสีเงินสองหัว เ้าัดำตัวนี้ก็ไม่ควรที่จะไปตอแยด้วย มารอสูรระดับแปดคุณภาพขั้นสูงคือสิ่งที่ผู้เข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครองของผู้มีพลังฝีมือระดับหัวกะทิทุกคนไม่สามารถที่จะไปตอแยด้วยได้ แม้ทุกคนจะรู้ดีว่าสมบัติล้ำค่าที่มีราคาหายากที่สุดคงอยู่ภายในรังของเ้ามารอสูรทั้งสองตัวนี้เป็แน่ แต่ถึงจะล้ำค่ามีราคาหายากเพียงใดก็ต้องมีชีวิตได้ใช้มิใช่รึถึงจะนับว่าล้ำค่ำ?
“หุบเขาัดำ? จากประสบการณ์ของคนรุ่นก่อน อันตรายและสมบัติล้ำค่ามักจะอยู่ควบคู่กันเสมอ ภายในคาดว่าคงจะมีสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์ เคล็ดวิชาระดับศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ อยู่ หรือไม่ก็ยาระดับเทพผลไม้สมุนไพร์อะไรพวกนี้” เฟิงจื่อมองดูแผนที่พร้อมกับเอานิ้วลูบริมฝีปากแสดงอาการละโมบอยากได้ออกมา จากนั้นมองดูฮวาเฉ่าที่อยู่ข้างๆ ยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาแล้วพูดขึ้น “เฉ่าน้อย เอาอย่างนี้ไหมพวกเราแอบย่องเข้าไปขโมยสมบัติล้ำค่าที่อยู่ภายในกัน เดี๋ยวข้าจะคอยดูต้นทางให้เ้าเองตกลงไหม?”
“ไสหัวไปไกลๆ เลย!” ฮวาเฉ่ากลอกตาขาวมองบนไปครั้งหนึ่ง เบ้ปากพูดกระแทกเสียงออกมา “อยากไปเ้าก็ไปเอง หญิงสาวที่จิตใจเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างที่เมืองลั่วฮวายังมีอีกมากที่ยังรอคอยให้ข้ากลับไปปลอบประโลมดวงิญญาให้พวกนาง...ขอโทษด้วย ลูกพี่ยังไม่อยากตายไอ้น้อง!”
“เฮ้อ! ทั้งสมบัติล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์! ทั้งเคล็ดวิชาระดับศักดิ์สิทธิ์! เมื่อไหร่ข้าถึงจะมีวาสนาได้ของพวกนี้!” เฟิงจื่อเมื่อได้ยินรู้สึกหน้าม่อยคอตกลงมาทันที มองไปยังเย่ชิงหานที่เดินอยู่เงียบๆ เบื้องหน้า จากนั้นพูดออกมาด้วยความอิจฉา “นายน้อยหานโชคดีที่สุดแล้ว อายุยังน้อยแต่ทางตระกูลกลับมอบเคล็ดวิชาระดับศักดิ์สิทธิ์ให้ฝึกฝน พวกตาแก่ตระกูลอื่นๆ คิดว่าคงรอให้พวกเราพลังฝีมือบรรลุถึงระดับขอบเขตาาจักรพรรดิก่อนถึงจะมอบเคล็ดวิชาระดับนั้นมาให้ฝึกฝน!”
เย่ชิงหานยังคงทำการเดินไปข้างหน้าเงียบๆ ต่อไปและไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำเพียงแค่หันไปมองเฟิงจื่อที่บ่นออกมาอย่างกลัดกลุ้มอยู่คนเดียว แต่ที่เท้าของเขานั้นมีพลังปราณรบไหลเวียนอยู่ไม่ขาด ท่าเท้าเคลื่อนย้ายไร้รูปลักษณ์ถูกใช้ออกมาอยู่ตลอด รู้สึกว่าระยะนี้เผ่าปีศาจและเผ่าคนเถื่อนจะมีอะไรแปลกๆ ไป หลายวันมานี้พวกเขาไม่ได้พบเจอกับกองกำลังของนักรบต่างเผ่าเลยแม้แต่สักครั้ง มันทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยจะสบายใจขึ้นมาแปลกๆ ดังนั้นเขาจึงทำการฝึกฝนอยู่ตลอดเพื่อที่จะสามารถรับมือกับสถานการณ์อันตรายทั้งหลายที่อาจจะเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา
“รายงาน! ข้างหน้ามีกองกำลังของเขตปกครองเทพาหน่วยหนึ่งบอกว่ามีความ้าอยากจะพบกับนายน้อยหาน!” นักฆ่าของตระกูลฮวาคนหนึ่งที่ออกไปสำรวจพบเจอเข้าจึงรีบกลับมารายงาน
“อยากพบข้า?” เย่ชิงหานรู้สึกงุนงงขึ้นมา ระยะนี้เขาไม่ได้ทำความรู้จักกับใครใหม่ๆ? หรือว่าจะเป็พวกเย่อีที่หายไปเป็เวลานานนั้น? ไม่ได้สนใจต่อสายตาแปลกประหลาดใจของคนรอบข้างที่มองมา เย่ชิงหานและเย่สือซานมองตากันจากนั้นพยักหน้าพูดขึ้น “ไปนำตัวเขามา!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้