ที่ตระกูลเวิน
สวี่เหนียงถูกขังอยู่ในห้องเก็บฟืนกำลังมองดูอาหารที่เน่าเสียไปแล้ว นางคุกเข่ากับพื้นเพื่อวิงวอนให้พระคุ้มครอง
สิ่งที่นางทำนั้นมีโทษหนักถึงขั้นที่ตระกูลเวินอาจไม่ไว้ชีวิตได้
“ปัง——”
ขณะนั้นมีเสียงคนพังประตูห้องเก็บฟืนเข้ามา
สวี่เหนียงมองไปที่ประตูด้วยความหวาดกลัว พลันถอยหลังไปที่มุมห้อง ใช้ฟืนบังตนเองไว้
นางอยากจะะโขอความช่วยเหลือ แต่ก็กลัวว่าคนที่อยู่หน้าประตูจะทำมิดีมิร้าย
นางอยู่ในตระกูลเวิน มีชีวิตราวกับแขวนอยู่บนเส้นด้าย ยามนี้สติของนางแทบจะแหลกสลายเต็มทน
“ปัง——”
ขณะนั้นมีเสียงดังขึ้นอีกครา ประตูห้องเก็บฟืนที่ลงกลอนอย่างแ่าถูกเปิดออกพร้อมด้วยแสงที่สาดส่องเข้ามาในห้อง
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น สวี่เหนียงกลัวจนหลับตาปี๋
“ได้โปรดคุ้มครองลูกด้วย ได้โปรดคุ้มครองลูกด้วย” ปากของนางพร่ำอธิษฐานไม่หยุด
“นางอยู่นี่!”
ฟืนถูกปัดออก พร้อมด้วยแรงมหาศาลที่ลากคอเสื้อของนางออกไป
“ปล่อยข้า ขอร้องล่ะเ้าค่ะ ปล่อยข้าไปเถิด” สวี่เหนียงขาอ่อนเปลี้ย คุกเข่าลงกับพื้น
“เราไม่ฆ่าเ้า ไปกับเรา”
ท้ายที่สุดนางก็ถูกพาตัวไป นางกลัวจะทำให้คนพวกนี้โมโหจึงมิกล้าขัดขืน
ในเวลาต่อมาที่ร้านเครื่องหอม
“นายท่าน จับตัวมาแล้วขอรับ”
สวี่เหนียงที่อยู่ในกระสอบถูกโยนลงพื้นอย่างรุนแรง หลังจากที่ทหารลับนำตัวนางมาแล้วก็ออกไปทันที
จ้าวต้านเดินเข้าไปและเปิดกระสอบออก
หัวของสวี่เหนียงโผล่ออกมา นางที่กำลังดิ้นรนก็หยุดเคลื่อนไหวทันที พลันมองไปรอบๆ ด้วยความหวาดระแวง จากนั้นรีบคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความเคยชิน
“ได้โปรดปล่อยข้าไปเถิดเ้าค่ะ ข้าเป็แค่คนธรรมดา ข้ามิเคยทำอันใดเลยเ้าค่ะ”
“รอเวินซีตื่นก่อน เื่จะปล่อยเ้าไปหรือไม่ นางจะเป็คนตัดสินใจเอง” จ้าวต้านเอ่ยอย่างนิ่งขรึม ไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินคำว่า “เวินซี” ร่างของสวี่เหนียงก็สั่น นางค่อยๆ เงยหน้ามองบุรุษที่อยู่ตรงหน้าแวบหนึ่งแต่ก็ต้องหลบสายตา
เวินซีนอนพักผ่อนไปสองชั่วยาม สวี่เหนียงก็ยังคงคุกเข่าอยู่ตรงนั้นสองชั่วยามเช่นกัน
หลังจากที่เวินซีปรากฏตัว นางก็ดีใจจนแทบน้ำตาไหล มิฉะนั้นขาของนางคงจะชาจนไร้ความรู้สึก
“สวี่เหนียง ข้าอยากให้เ้าบอกทุกอย่างที่รู้ในอดีตออกมาให้หมด รวมถึงตัวตนของบิดาผู้ให้กำเนิดข้า” เวินซีนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ มองสวี่เหนียงด้วยสายตาเ็า
“ได้เ้าค่ะๆ”
สวี่เหนียงมิกล้าปกปิด จึงเล่าเื่ที่ตนเองรู้ออกมาทั้งหมด
“จู่ๆ สตรีนางนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายของเวินอี๋เหนียง ไม่มีผู้ใดรู้ที่มาที่ไปของนางหรือแม้แต่ชื่อ เราเรียกนางเพียงว่าแม่นางซัน เพราะว่านางเชี่ยวชาญการทำเครื่องหอม คนตระกูลเวินจึงให้เกียรตินางในฐานะที่เป็แขก”
“หลังจากที่แลกทารกกัน แม่นางซันก็จากไป ว่ากันว่ามีคนที่รู้การเคลื่อนไหวตามไล่ฆ่านาง นางจึงอยู่ได้อีกไม่นาน”
“เช่นนั้นเ้ารู้หรือไม่ว่านางมาจากที่ใด และยามนี้ไปอยู่ที่ใด” ดวงตาของเวินซีสงบนิ่ง แต่ความคิดนั้นสับสนวุ่นวายไปหมด
“ได้ยินว่านางมาจากเมืองหลวง ส่วนเื่ที่นางไปที่ใดนั้นข้ามิรู้ แต่ว่าตอน...ตอนนั้นนางจากไปด้วยาแที่สาหัส นางน่า...น่าจะตายแล้วเ้าค่ะ”
น้ำเสียงของสวี่เหนียงเบาลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเงียบไป ในขณะที่พูดนางก็เงยหน้ามองเวินซีเป็ระยะ
เมื่อเห็นว่าเวินซีมิได้โมโห จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“นางมีลักษณะพิเศษอันใดหรือไม่?”
เวินซียังไม่เชื่อว่านางตายแล้ว คนที่เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษจะไม่มีทักษะทางการแพทย์ได้อย่างไร มารดาของนางต้องมีวิธีช่วยเหลือตนเองให้รอดพ้นมาได้
“ขะ...แขนของนางมีปานรูปหัวใจ”
สวี่เหนียงสังเกตเห็นในขณะที่เปลี่ยนเสื้อผ้าหลังคลอดให้กับสตรีผู้นี้ อีกทั้งเื่นี้นางไม่เคยเอ่ยให้ผู้ใดฟังมาก่อน
“เ้าออกไปเถิด แต่คนของตระกูลเวินไม่ปล่อยเ้าไว้แน่ คิดให้ดีว่าจะไปที่ใดก็แล้วกัน”
เื่ที่ควรถามก็ได้ถามจนชัดเจนทั้งหมดแล้ว เวินซีจึงมิได้คิดจะทรมานสวี่เหนียง
ขณะที่สวี่เหนียงกำลังจะจากไปด้วยใบหน้ายินดี แต่เมื่อได้ยินประโยคหลังของเวินซี นางก็ถอยกลับมาอีกครั้ง
“คะ...คุณหนูเวินซีเ้าคะ ได้โปรดช่วยชีวิตข้าน้อยด้วย ข้าน้อยมิอยากตาย”
สวี่เหนียงคุกเข่าลงต่อหน้าเวินซี มีเพียงเวินซีผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยนางได้จากการที่เป็ศัตรูกับตระกูลเวิน
“เหตุใดข้าต้องช่วยเ้า?” เวินซีเลิกคิ้วมองสวี่เหนียง
“คุณหนูเวินซี หากท่านช่วยข้า ข้า...ข้า..ข้าสามารถวาดรูปของมารดาผู้ให้กำเนิดของท่านได้” นี่เป็สิ่งสุดท้ายที่สวี่เหนียงจะใช้ต่อรองได้แล้ว
“ประเดี๋ยวข้าจะส่งคนพาเ้าไปซ่อนตัวที่จวนตระกูลซ่ง หากเ้า้าอันใดก็บอกฮูหยินซ่ง ข้าให้เวลาเ้าหนึ่งเดือน นำภาพมาให้ข้า หากทำมิได้ข้าจะจับเ้าโยนทิ้งที่ประตูจวนตระกูลเวิน”
“เ้าค่ะ คุณหนูเวินซี ขอบพระคุณคุณหนูเวินซีเ้าค่ะ” สวี่เหนียงกล่าวด้วยความซาบซึ้ง
ในขณะที่คนอื่นๆ กำลังเตรียมนำตัวสวี่เหนียงออกไป เวินซีก็รีบลุกขึ้นเดินออกไปเช่นกัน
“มารดาของเ้า...” จ้าวต้านมองนางด้วยความเป็ห่วง
“หากมีวาสนาได้พบก็คงดี หากไม่มีวาสนาก็ช่างมันเถิด”
เวินซีมิได้มีความรู้สึกใดต่อมารดาผู้ให้กำเนิดนัก
“ไปดูยียีกันเถิด” นางลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องของยียี
อาการของยียียังไม่ดีขึ้น อารมณ์ยังไม่มั่นคง เขาเอาแต่ะโและขว้างปาข้าวของใส่ผู้ที่เข้าใกล้
หลายวันมานี้เขาไม่ทานอันใดเลย เด็กน้อยที่เวินซีเอาใจใส่เลี้ยงดูมาอย่างยากลำบากได้หายไปแล้ว เขากลายเป็คนผอมแห้งราวกับขอทาน
จ่างกุ้ย เอ้อเอ้อร์ ซันซานคอยเฝ้าดูอาการอยู่ข้างๆ เขาตลอดเพราะกลัวว่าจะเกิดเื่อันใดขึ้น
“คุณหนูเวินซี”
“พี่สะใภ้”
เมื่อเห็นเวินซีเดินเข้ามา พวกเขาก็ราวกับได้เห็นผู้ช่วยชีวิต แต่ยียีก็ยิ่งหดตัวเล็กลงกว่าเดิมเมื่อมีคนในห้องเพิ่มขึ้น ร่างกายของเขาสั่นเทาอยู่ตลอดเวลา
“จะทำอย่างไรดี? หากเป็เช่นนี้ต่อไป ยียีจะต้องแย่แน่” เวินซีรู้สึกลำบากใจเป็ครั้งแรก นางหันไปมองจ้าวต้าน
“เ้าจะส่งโจวอวี่ชางออกไปเมื่อใด?” สีหน้าของจ้าวต้านก็มิสู้ดีนัก
“พรุ่งนี้หลังจากที่ยาพิษสลาย จะส่งเขาออกไปตอนกลางคืน”
“รีบร้อนขนาดนี้เชียวหรือ?”
“คนของหลานเยว่เฉิงจับตาดูเราอยู่ หากไม่รีบส่งเขาออกไป แล้วมีคนพบว่าโจวอวี่ชางยังมีชีวิตอยู่ เกรงว่าเราจะปกป้องเขาไว้มิได้ วางใจเถิด เขารู้ทักษะการต่อสู้ น่าจะปกป้องยียีได้”
ด้วยความอ่อนโยนของโจวอวี่ชาง น่าจะทำให้ยียีก้าวออกมาจากความเ็ปได้
เวินซีมองดูยียีและพยายามเข้าใกล้ แต่เขาก็กรีดร้องจนนางต้องถอยกลับ นางจึงทำได้เพียงมองเขาพลันถอนหายใจ
ปล่อยให้ท่านย่าจ้าวตายไปเช่นนี้ ยังไม่สาสมกับความผิดของนางเลยจริงๆ
“คุณหนูเวินซี อย่าคิดมากเลยขอรับ เื่นี้มิใช่ความผิดของท่าน” จ่างกุ้ยเอ่ยปากพูดกับเวินซีเพราะจ้าวต้านส่งสายตาให้ เขากลัวว่านางจะรู้สึกผิด
“ให้เอ้อเอ้อร์ซันซานอยู่เป็เพื่อนเขาเถิด ต่อไปโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันคงน้อยแล้ว”
หากโจวอวี่ชางพายียีจากไป ก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาอีกครั้งเมื่อใด
เวินซีนั่งกับยียีครู่หนึ่ง ขณะที่กำลังจะออกไปเยี่ยมดูอาการของโจวอวี่ชาง ก็บังเอิญชนเข้ากับเ้าอำเภอที่เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ
เมื่อเ้าอำเภอเห็นนางก็รีบทักทายอย่างกระตือรือร้น “คุณหนูเวินซี ข้ามีเื่จะบอกคุณหนู จะไปที่อำเภอกับข้าได้หรือไม่”
“ไปอำเภอ? มีเื่อันใดหรือ?” ขณะนั้นจ้าวต้านยืนขวางอยู่ด้านหน้าเวินซี
“คือ...”
ท่านเ้าอำเภอมองดูจ้าวต้านด้วยสีหน้าลำบากใจและลังเลที่จะพูด
“ท่านเ้าอำเภอ จ้าวต้านเป็สามีของข้า เื่ที่เกี่ยวกับข้ามิจำเป็ต้องปิดบังเขาหรอก”
คำว่า “สามี” ที่เวินซีเอ่ยนั้นกระแทกเข้ากลางใจของจ้าวต้าน ทำให้หัวใจของเขาหวั่นไหวและเต้นระรัว ก่อนจะหันกลับไปมองนางด้วยความรักใคร่
เวินซีสบตากับเขา ส่งยิ้มให้แล้วมองไปทางเ้าอำเภอ “ท่านเ้าอำเภอว่ามาเถิดเ้าค่ะ”
“คุณหนูเวินซี เช่น...เช่นนั้นข้าพูดเลยแล้วกัน นักฆ่าผู้นั้นยอมสารภาพแล้ว ข้าเพิ่งได้ข่าวจึงรีบมาหาเ้า”
ยอมสารภาพแล้วหรือ? ยังไม่ถึงสิบวันเลย
ดวงตาของเวินซีเป็ประกาย จากนั้นก็เดินตามเ้าอำเภอไปยังจวนอำเภอทันที ส่วนจ้าวต้านกลัวว่าจะเกิดอันใดขึ้นกับนาง จึงคอยเดินเคียงข้างไม่ห่าง