“เป็ใต้เท้าเสนาบดีกรมกลาโหม คุณชายฉู่ชิงแห่งจวนแม่ทัพ”ท่ามกลางความมืดมิด เสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของจ้าวอิ้งเสวี่ย
ฉู่ชิงหรือ?
เด็กอัจฉริยะผู้เคยมีชื่อเสียงเลื่องลือในเป่ยฉีคุณชายจวนแม่ทัพผู้ที่ใบหน้าเสียโฉมจากไฟไหม้หรือ?
ที่แท้เป็เขาที่ช่วยนาง!
รอให้นางหาย นางจะไปพบและขอบคุณเขาที่ช่วยชีวิตนางไว้อย่างแน่นอน
เื่ที่ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยแห่งจวนจิ้นอ๋องถูกคุณชายสกุลเหนียนพรากความบริสุทธิ์ทั้งสองจวนกำลังจัดการเื่นี้กันอย่างเงียบๆ ทว่าก็ยังมีบางเื่รั่วไหล
เกือบครึ่งเดือนให้หลังหนานกงเยวี่ยวิ่งเต้นไปมาระหว่างคุกหลวงกับจวนหนานกงระดมความคิดเพื่อหาทางช่วยเหนียนเฉิง ทุกครั้งที่หนานกงเยวี่ยกลับมาจากคุกหลวงสีหน้านางไม่น่าดูเป็อย่างยิ่ง ทั้งร่างไร้กำลังเกินกว่าจะก้าวเดินต่อไปในสายตาของเหนียนยวี่มิต้องคิดก็สามารถเดาได้แล้วว่าเหนียนเฉิงที่โดนทรมานอยู่ในคุกหลวงยามนี้เป็เช่นไรแล้ว
หนานกงเยวี่ยเ็ปใจแล้วหรือ?
ทว่านางในชาติก่อนได้รับความทุกข์ทรมาณยิ่งกว่าเหนียนเฉิงในยามนี้เสียอีกทนทุกข์ยิ่งกว่า เลวร้ายป่าเถื่อนยิ่งกว่ามาก
จิ้นอ๋องและจิ้นหวังเฟยไปวังหลวงทุกวันเพื่อเข้าพบฮ่องเต้ยิ่งไปกว่านั้นจิ้นอ๋องยังทูลเกล้าขอราชโองการสำเร็จโทษปะาเหนียนเฉิงทว่าตระกูลหนานกงเองก็สร้างแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง ฮ่องเต้หยวนเต๋อที่โดนประกบอยู่ท่ามกลางทั้งสองตระกูลกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“เสด็จพี่ ท่านแพ้อีกแล้วหรือ?”
ณ ตำหนักฉงหยวนองค์หญิงใหญ่ชิงเหอและฮ่องเต้หยวนเต๋อกำลังนั่งเล่นหมากกระดานองค์หญิงใหญ่ชิงเหอวางหมากขาวพลางมองตาฮ่องเต้หยวนเต๋อ นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
ฮ่องเต้หยวนเต๋อทรงทอดถอนหายใจ "เจิ้นแพ้อีกแล้ว ชิงเหอเ้าตั้งครรภ์อยู่เช่นนี้ ทว่าฝีมือการวางหมากกลับดูจะเชี่ยวชาญขึ้น"
ทั้งสองมักเล่นหมากกระดานกันเป็ประจำ เมื่อก่อนเล่นห้ารอบองค์หญิงใหญ่ชิงเหอชนะมากสุดไม่เกินสองรอบ วันนี้เล่นวางหมากไปแล้วสี่รอบองค์หญิงชิงเหอชนะทั้งสี่รอบ
องค์หญิงใหญ่ชิงเหอดึงแขนเสื้อลง “เื่ฝีมือวางหมาก ชิงเหอมิใช่คู่ประมือของเสด็จพี่ เสด็จพี่วันนี้ดูจะไม่ค่อยมีสมาธิวางหมาก เป็เพราะกลุ้มพระทัยเื่ระหว่างจวนจิ้นอ๋องกับจวนเหนียนหรือ?
“เฮ้อ…” ฮ่องเต้หยวนเต๋อที่อยู่ต่อหน้าองค์หญิงใหญ่ชิงเหอมิปิดบังหลบเลี่ยงสีหน้าลำบากใจแม้แต่น้อย"เื่นี้ทำให้เจิ้นคิดไม่ตกเป็อย่างยิ่งไม่ว่าจะอย่างไรจวนจิ้นอ๋องก็เป็เชื้อสายราชนิกุลอิ้งเสวี่ยถูกเหยียดหยามก็ไม่ต่างจากราชวงศ์ถูกเหยียดหยามยิ่งฟังคำของหมอหลวงที่กล่าวว่าใบหน้าของอิ้งเสวี่ยเสียโฉมอย่างสิ้นเชิงฉะนั้นในสถานการณ์เช่นนี้คงไม่เกินไปที่จะตัดสินให้ปะาเหนียนเฉิงทว่าหนานกงเยวี่ยมารดาของเหนียนเฉิงเป็บุตรธิดาตระกูลหนานกงที่นายท่านและฮูหยินหนานกงรักใคร่อย่างถึงที่สุดอำนาจของตระกูลหนานกงนั้น เ้าเองก็รู้ ดึงขนเส้นเดียวสะท้านทั้งร่าง[1] เหนียนเฉิงผู้นี้รับมือไม่ง่ายเลยจริงๆ"
“เสด็จพี่เองต้องลำบากใจเป็อย่างยิ่ง ต้องคานทุกอำนาจในท้องพระโรง ทว่าชิงเหอในฐานะสตรีผู้หนึ่งกลับคิดว่าเื่พวกนี้จัดการได้ง่ายดายมาก” องค์หญิงใหญ่ชิงเหอลูบพระครรภ์เอ่ยปากอย่างใจเย็นไม่รีบร้อน
“โอ้ เ้ามีความเห็นว่าอย่างไรหรือ?” ฮ่องเต้หยวนเต๋อเข้าหาด้วยความสนใจ
“ในเมื่อคุณชายสกุลเหนียนและท่านหญิงอิ้งเสวี่ยร่วมเตียงฉันท์สามีภริยาไปแล้วเช่นนั้นก็ให้พวกเขาแต่งงานเป็สามีภริยากันจริงเสียสองตระกูลก็จะเกี่ยวดองกลายเป็ญาติพี่น้อง นี่มิใช่เื่ดีหรือ?” องค์หญิงใหญ่ชิงเหอยกยิ้มมุมปากนึกถึงเื่ที่เหนียนยวี่มาเยี่ยมเมื่อวาน ั์ตาแฝงนัยลึกซึ้ง
“เ้าหมายถึง...สมรสพระราชทานหรือ?” ดวงตาของฮ่องเต้หยวนเต๋อเป็ประกาย กล่าวอย่างร่าเริงว่า“เป็เื่ดี นี่เป็เื่ที่ดีจริงๆ ”
เมื่อนึกบางสิ่งได้ สีหน้าของฮ่องเต้หยวนเต๋อก็มืดครึ้มลงหลายส่วน“เื่ดีมันก็ดี ทว่าเกรงว่าบุญคุณความแค้นที่มีอยู่เช่นนี้ทั้งสองตระกูลคงไม่เห็นด้วยเป็แน่"
“เสด็จพี่มีพระราชโองการพระราชทานงานสมรสสิ่งนี้จะเป็การช่วยชีวิตเหนียนเฉิง แม้สกุลเหนียนจะยังพะว้าพะวงก็ต้องทำตามพระบัญชานี้ แม้แต่จวนจิ้นอ๋องก็เช่นกัน ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยสูญเสียความบริสุทธิ์ใบหน้าก็พังเสียโฉม ทั้งชีวิตนี้เกรงว่าคงยากจะหาผู้ใดยอมรับนางได้จิ้นอ๋องและจิ้นหวังเฟยก็ต้องคิดถึงเหตุการณ์สำคัญในชีวิต [2] ของท่านหญิงอิ้งเสวี่ยมิใช่หรือ?
เมื่อองค์หญิงใหญ่ชิงเหอกล่าวเช่นนั้น ฮ่องเต้หยวนเต๋อก็พยักหน้าครุ่นคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วรับสั่งด้วยน้ำเสียงอันดังกังวานว่า “ทหารรับบัญชาราชโองการ”
ราชโองการพระราชทานงานสมรสของฮ่องเต้หยวนเต๋อมาถึงจวนเหนียนนอกจากเหนียนเย่าที่ยังทำงานอยู่ด้านนอก หนานกงเยวี่ยเป็คนนำสมาชิกครอบครัวสตรีในบ้านทุกคนคุกเข่าลงบนพื้นอย่างพร้อมเพรียง
เหนียนยวี่เองก็เป็หนึ่งในนั้นพระราชโองการพระราชทานงานสมรสนี้มาถึงไวกว่าที่นางคาดไว้
เมื่อขันทีถ่ายทอดราชโองการเสร็จสิ้น หนานกงเยวี่ยยังคงอยู่ในภวังค์ สมรสพระราชทาน? ฝ่าาทรงพระราชทานสมรสให้เหนียนเฉิงและจ้าวอิ้งเสวี่ยจริงหรือ?!
“เช่นนั้นเหนียนเฉิงของข้าจะถูกปล่อยตัวเมื่อไหร่?” หนานกงเยวี่ยนึกถึงเื่ที่สำคัญที่สุดได้ ก็รีบเอ่ยปากถามออกมา
ขันทีผู้ประกาศราชโองการเหมือนจะได้รับพระบัญชาฮ่องเต้อยู่ก่อนแล้วเขาโค้งคำนับให้หนานกงเยวี่ยเล็กน้อย “ยินดีกับฮูหยินเหนียนแล้วจากพระบัญชาของฝ่าาตรัสว่า คุณชายเหนียนเฉิงจะออกจากคุกหลวงได้ในวันพิธีสมรสของคุณชายและท่านหญิงอิ้งเสวี่ย”
วันมงคลสมรส?
ความหมายในคำตรัสนี้คือ หากเหนียนเฉิงคิดอยากจะออกจากคุก อย่างไรก็หลบหนีไม่พ้นงานสมรสนี้่!
ทว่าหลังเหตุการณ์นี้ จวนจิ้นอ๋องและจวนเหนียนก็ผันแปรเป็ศัตรู บาดหมางกันไปแล้ว จ้าวอิ้งเสวี่ยจะยอมแต่งเข้าจวนเหนียนหรือ?
“ยินดีกับท่านพี่นะเ้าคะ หลังคุณชายใหญ่แต่งกับท่านหญิงอิ้งเสวี่ยก็จะได้เป็เครือญาติเกี่ยวดองกับราชวงศ์ ภายภาคหน้าคุณชายใหญ่...”อนุสองลู่ซิวหรงสีหน้าประจบประแจง ทว่ายังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกหนานกงเยวี่ยจ้องเขม็ง
“หุบปาก” หนานกงเยวี่ยะโอย่างเ็า นางสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกจากห้องโถงไป
เหนียนอีหลานเดินตามหนานกงเยวี่ยออกไป เหลือเพียงเหนียนยวี่และอนุอีกสามคนของเหนียนเย่าอยู่ในห้องโถงใหญ่
“เหอะ ถือตัวอะไรเช่นนี้?” หลังเงาร่างหนานกงเยวี่ยหายลับไป สีหน้าของลู่ซิวหรงแปรเปลี่ยน“หนานกงเยวี่ยนางไม่ใช่แค่อาศัยจวนหนานกงวางอำนาจบาตรใหญ่หรอกหรือ? ผู้ใดก็มีครอบครัวเหมือนกันทั้งนั้น”
“หึ พี่ลู่ ครอบครัวของพวกเราเทียบครอบครัวของฮูหยินไม่ติดหรอก” อนุสี่สวีหว่านเอ๋อร์ถอนหายใจ“นายท่านมีแค่คุณชายใหญ่เป็บุตรชายคนเดียว ฮูหยินจึงมีอำนาจให้วางท่าบาตรใหญ่ได้เป็ธรรมดา...เหมือนข้ากับพี่ที่ไหน... ทว่าพี่ลู่ยังดี มีบุตรสาวหนึ่งคนแล้วทว่าข้าและพี่เซวีย...เฮ้อ...”
สวีหว่านเอ๋อร์หันมองอนุสามที่เอาแต่ก้มหัวเงียบเชียบมาตลอดมองราวกับเห็นอกเห็นใจ ทว่าในใจกลับอิ่มเอมลำพองใจ
ในบรรดาอนุจวนเหนียน นาง ''สวีหว่านเอ๋อร์'' เพิ่งมีอายุเพียง23 ปี เป็่เวลาที่กำลังเบ่งบาน มีเสน่ห์น่าหลงใหลั้แ่เหนียนเย่าพาตัวมาที่จวนเหนียน ก็กุมความโปรดปรานเพียงผู้เดียวมาโดยตลอดในไม่ช้าก็เร็วนางจะมีทายาทสืบสกุลแน่ ทว่าอนุสามต่างออกไปได้ยินว่า่แรกนางตั้งครรภ์สองสามครั้งแล้ว ทว่ากลับเสียครรภ์ไปอย่างไม่มีสาเหตุ ยามนี้ก็เข้าวัยกลางคนมาแล้ว เกรงว่าทั้งชีวิตคงยากจะให้กำเนิดบุตรสักคน
เซวียอวี่โหรวเข้าใจความหมายในนั้นโดยธรรมชาติ นางทำเพียงยิ้มเล็กน้อย ยังคงไม่เอ่ยอะไรสักคำ
กลับกันลู่ซิวหรงกลับนึกถึงท่าทางวางอำนาจบาตรใหญ่ของหนานกงเยวี่ยอยู่ตลอดเวลา“ครอบครัวร้ายกาจแล้วอย่างไร? ครอบครัวของท่านหญิงอิ้งเสวี่ยก็ร้ายกาจไม่ต่างกันมิใช่หรือ? ข้าอยากจะลองดูเสียจริงว่าใครจะร้ายกาจ นาง ''หนานกงเยวี่ย'' หรือ ''ท่านหญิงอิ้งเสวี่ย'' กันแน่”
จ้าวอิ้งเสวี่ยมีนิสัยโอหังถือดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุญคุณความแค้นระหว่างสองตระกูลนี้แค่หน้าตาของคนพิการ เหนียนเฉิง ผู้นั้นเกรงว่าคงไม่อยู่ในสายตาของท่านหญิงอิ้งเสวี่ย
บัดนี้ยิ่งมีเื่อัปยศอดสูเข้าไปเพิ่มอีกเื่ท่านหญิงอิ้งเสวี่ยจะยอมแต่โดยดีได้อย่างไร?
ทั้งหนานกงเยวี่ยยังปกป้องลูกชายตัวเองยิ่งกว่าชีวิตอีก...
"ฮ่า ต่อจากนี้ จวนเหนียนของพวกเราคงคึกคักน่าดู”ลู่ซิวหรงเลิกคิ้วยิ้มแย้ม อารมณ์หงุดหงิดเมื่อครู่นี้จางหายไป “จวนเหนียนมีงานรื่นเริงครั้งใหญ่เช่นนี้นายท่านต้องกลับมาเป็ธรรมดา ชิ่นเอ๋อร์ของข้า่นี้คิดถึงบิดาจนฝันถึงเขาบ่อยครั้งข้าต้องนำข่าวดีเช่นนี้ไปบอกเล่าฉินเอ๋อร์เสียแล้ว”
ลู่ซิ่วหรงพูดพลางเยื้องย่างหันหลังเดินออกจากห้องโถงไป
ซวีหว่านเอ๋อร์สบตาเหนียนยวี่และเซวียอวี่โหรวในห้องโถงทำปากงองุ้มและเดินออกไป
กลับกันเซวียอวี่โหรวมองไปที่เหนียนยวี่ด้วยสายตาอ่อนโยนกล่าวขึ้นว่า “ยวี่เอ๋อร์ยังคงดูงดงามในชุดสตรี เช่นนี้ค่อยเหมือนกับสตรีผู้หนึ่งดวงตาคิ้วนี่...ช่างเหมือนมารดาของเ้าเหลือเกิน”
มารดาของนางหรือ?
“อนุสามเคยพบท่านแม่ของยวี่เอ๋อร์หรือ?”
เหนียนยวี่ขมวดคิ้ว ั้แ่จำความได้ก็รู้แค่ว่าท่านแม่เสียชีวิตหลังจากคลอดนางได้ไม่นานในจวนหลังนี้เื่ที่เกี่ยวกับมารดาของนางเป็เื่ต้องห้ามมาตลอดมิมีผู้ใดกล้าเอ่ยถึงเื่นี้เลย
“เคยพบสิ ในปีที่ข้าเข้ามาจวนเหนียน มารดาของเ้าก็ยัง..."เซวียอวี่โหรวราวกับจะนึกอะไรบางอย่างได้ นางถอนหายใจ ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างนอกเซวียอวี่โหรวรีบปิดปากเงียบ เปลี่ยนคำพูด “ดอกบัวในซิงฟางหยวนกำลังเบ่งบานยวี่เอ๋อร์ว่างเมื่อใดก็เข้าไปดูได้”
เซวียอวี่โหรวพูดพลางลุกขึ้นจากไป
เหนียนยวี่ขมวดคิ้วมองตามแผ่นหลังเซวียอวี่โหรว ชาติก่อนหลังจากนางถูกเนรเทศ นางอยู่ด้านนอกทำาปราบปรามมาตลอดสายสัมพันธ์ของนางกับอนุสามผู้นี้จึงถือได้ว่าน้อยมาก แต่เื่ของมารดาเห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่อนุสามยังมีหลายเื่ที่ยังพูดไม่จบ
ดอกบัวที่ซิงฟางหยวน นางเชิญข้าไปหรือ?
เหนียนยวี่ขมวดคิ้วเหลือบมองสาวใช้จวนเหนียนที่เข้ามาแล้วจากไป
พระราชโองการพระราชทานงานสมรสไปถึงจวนจิ้นอ๋องอย่างรวดเร็วจิ้นหวังเฟยหุนหันพลันแล่นจนขัดพระบัญชา ณ ตอนนั้นแทบจะสูญเสียความสงบไปอย่างสิ้นเชิง
ทว่าในลานหลิ่วซี กลับมีแต่ความเงียบสงบ
“เฮ้อ ท่านหญิง...สิ่งสำคัญเลยคือท่านหญิงต้องรู้เื่ที่ฝ่าาพระราชทานงานสมรสให้ทว่านางจะรับมันได้อย่างไร?
กลางดึกสงัด สาวใช้เฝ้ายามนอกห้อง น้ำเสียงอัดแน่นไปด้วยความสงสาร่ครึ่งเดือนมานี้ พวกนางมองดูความเ็ปทุกข์ทรมานที่คุณหนูของตนได้รับ โดยเฉพาะที่ใบหน้านั้น...รอยแผลเป็น่ากลัวบนใบหน้า มองดูกี่ครั้งกี่ครั้งก็ยังคงน่าใไม่เปลี่ยน
“นั่นสิ ทว่าฝ่าาพระราชทานงานสมรสให้ท่านหญิงและคุณชายเหนียนเช่นนั้นจะปฏิเสธได้อย่างไร? คุณชายเหนียนทำเื่เช่นนั้นกับคุณหนูทั้งยังทำให้ใบหน้าคุณหนูเสียโฉมอีก ถ้าเป็ข้า ข้าก็ไม่ยอม.. ."
“อย่าเอ็ดไป ไม่ง่ายที่ท่านหญิงจะนอนหลับได้เื่สมรสพระราชทาน... เฮ้อรอดูกันก่อนว่าท่านอ๋องและจิ้นหวังเฟยจะตัดสินใจอย่างไร"
สาวใช้ทั้งสองค่อยๆ เดินห่างจากห้องไปกลับไม่รู้เลยว่าสตรีที่นอนอยู่ในห้อง เดิมทียังคงตื่นอยู่ในยามนี้และเื่ทั้งหมดที่พวกนางคุยกันเมื่อครู่นี้ นางได้ยินมันทั้งหมดแล้ว
“สมรสพระราชทานหรือ?” จ้าวอิ้งเสวี่ยพึมพำ ััผิวบนใบหน้าของตนได้รับแต่ความเ็ป
นางจะแต่งงานกับคนร้ายที่ทำให้นางเป็เช่นนี้ได้อย่างไร?
เชิงอรรถ
[1] เื่ราวอันเล็กน้อยที่นำไปสู่ผลกระทบอันใหญ่หลวง
[2] เหตุการณ์สำคัญในชีวิต มาจากภาษาจีนว่า 终生大事หมายถึงเหตุการณ์สำคัญที่เกิดั้แ่เกิดและตายอาจเป็อาชีพ ความใฝ่ฝัน ไม่ได้หมายถึงเพียงการแต่งงาน