อวี๋หรูไห่แย้มยิ้มอย่างมีไมตรี"การฝึกวิชาหมอไม่มีข้อห้ามเช่นนี้ นางเข้าใจเื่สมุนไพรเป็อย่างดีถือเป็ผู้มีความสามารถที่ควรค่าแก่การอบรมสั่งสอน"
สตรีแซ่อวี๋โจวรู้ว่าอวี๋หรูไห่พอใจในวิชาหมอของอวี๋เจียวจึงไม่อาจพูดอะไรอีกนางทำได้เพียงอดกลั้นความรังเกียจที่มีต่ออวี๋เจียวแล้วเดินออกไปจากห้องโถง
อวี๋หรูไห่นั่งลงหน้าโต๊ะตรวจคนไข้ยังคงตรวจชีพจรของคนไข้อีกไม่กี่คน หันไปถามอวี๋เจียวว่า"ก่อนหน้านี้เ้าตรวจชีพจรแล้วพบอะไรบ้าง?"
อวี๋เจียวหันไปมองบุรุษคนแรกที่นางจับชีพจรเอ่ยว่า “ชีพจรจม[1] เกิดอาการไอเพราะพลังชี่ย้อนสวน แสดงว่าเป็โรคเรื้อรัง ให้เอาเจ๋อซี่[2] สามขีดใส่น้ำห้าลิตร นำกากออกแล้วใส่ปั้นเซี่ย[3] เข้าไปผสมครึ่งลิตร จื่อชาน[4] ไป๋เฉียน[5] และเซิงเจียงอย่างละห้าสลึงกันเฉ่า หวงจิน ชานซวี[6] กุ้ยซิน[7] อย่างละสามสลึง ต้มให้กลายเป็ยาน้ำห้าลิตร หนึ่งวันดื่มสามครั้งครั้งละครึ่งลิตร จะสามารถรักษาอาการให้หายดีเ้าค่ะ”
ครั้นได้ฟังอวี๋เจียววิเคราะห์อาการป่วยอย่างชัดเจนนอกจากนั้นยังจัดเทียบยาเรียบร้อยคนไข้ที่เมื่อครู่ไม่ยินดีให้นางจับชีพจรถึงกับส่งเสียงประหลาดใจออกมาอย่างอดไม่ได้
อวี๋หรูไห่ลอบรู้สึกตื่นเต้นอยู่ภายในใจครั้งนี้สกุลอวี๋ของพวกเขาพบสมบัติแล้วจริงๆเมิ่งอวี๋เจียวทำให้เขาประหลาดใจระคนยินดีจริงๆ
“ไม่เลว ตำราหมอที่ข้าให้ไป เ้าตั้งใจอ่านอย่างละเอียดมาก”อวี๋หรูไห่แสร้งเอ่ย
มุมปากของอวี๋เจียวกระตุกไม่เอ่ยสิ่งใดมากความและปล่อยให้อวี๋หรูไห่เอ่ยวาจาซี้ซั้วต่อไป
คนไข้อีกสองคนถัดไปอวี๋หรูไห่ยังคงอ้างว่า้าทดสอบอวี๋เจียวจัดการเขียนเทียบยาตามที่อวี๋เจียวเอ่ยออกมาให้พวกเขาทั้งสองคน
รอกระทั่งรับค่ารักษาและส่งคนไข้ออกไปผู้เฒ่าอวี๋ถึงหันมาหาอวี๋เจียวด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้มมีไมตรี เอ่ยหยั่งเชิงว่า“เ้ายังจำชื่ออาจารย์ที่เ้ากราบไหว้เมื่อครั้งอยู่เมืองหลวงได้หรือไม่?”
อวี๋เจียวปั้นเื่เรื่อยเปื่อย“จำได้เพียงท่านผู้เฒ่าแซ่หลี่ ไม่ทราบนามเ้าค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นเ้ายังติดต่อกับท่านหมอหลี่ท่านนี้อยู่หรือไม่?” อวี๋หรูไห่เอ่ยถาม
อวี๋เจียวส่ายหน้า“หลังตามท่านพ่อกลับอำเภอฉางขุยก็ขาดการติดต่อเ้าค่ะ”
“เช่นนี้ช่างน่าเสียดาย” อวี๋หรูไห่ลูบเครา ปากเอ่ยว่าน่าเสียดายทว่าภายในดวงตากลับแฝงรอยยิ้ม เป็รอยยิ้มที่เ้าเล่ห์ยิ่งนักหลังจากตรวจอาการคนไข้ไม่กี่คนในวันนี้ เขาไม่อาจไม่ยอมรับ ถึงแม้เมิ่งอวี๋เจียวจะเรียนวิชาหมอในเมืองหลวงเมื่อครั้งยังเยาว์แต่วิชาหมอกลับอยู่เหนือกว่าเขามาก
สกุลอวี๋ของพวกเขาอาจมีชื่อเสียงในอำเภอฉางขุยเพราะวิชาหมอของเมิ่งอวี๋เจียว
“เ้าเป็สตรี อีกทั้งยังเป็เด็กผู้หญิงอายุยังน้อยไม่สะดวกตรวจคนไข้ตั้งเพียงใด ดังนั้นข้าถึงได้บอกว่าข้าเป็คนสั่งสอนหากบอกว่าเ้าเป็คนจัดเทียบยาเ่าั้ พวกเขาคงไม่อาจดื่มอย่างวางใจข้าทำเช่นนี้ล้วนแต่เป็เพราะทำเพื่อเ้า” อวี๋หรูไห่อธิบายด้วยสีหน้าเปี่ยมเมตตา
อวี๋เจียวรับรู้ถึงความหน้าด้านไร้ยางอายและความสง่าผ่าเผยอันจอมปลอมของตาเฒ่าผู้นี้อย่างลึกซึ้งแล้วนางจึงยกยิ้มบาง “ข้าย่อมรู้ว่าท่านทำเพื่อข้าเ้าค่ะเื่ก่อนหน้านี้เป็เพราะท่านใจกว้างไม่ถือสาทว่าทำเื่น่าละอายใจเช่นนั้นไปแล้ว ภายในใจของข้ารู้สึกผิดยิ่งนักข้าไม่มีหน้าอยู่ในสกุลอวี๋ต่อไปจริงๆ เ้าค่ะ”
อวี๋หรูไห่ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอวี๋เจียวเอ่ยวาจาเช่นนี้ใบหน้าพลันนิ่งขรึม “เ้าหมายความว่าไม่อยากอยู่ในสกุลอวี๋ของพวกเราต่อไปงั้นหรือ? ใบสัญญาซื้อขายตัวของเ้ายังอยู่ในสกุลอวี๋ของข้าเ้ารู้หรือไม่ว่าเ้าไม่ได้แต่งเข้ามาในสกุลอวี๋ของพวกเรา แต่เป็เพราะสกุลอวี๋ของพวกเราซื้อตัวเ้ามาหากไม่มีใบสัญญาซื้อขายตัว เ้าก็ไปจากสกุลอวี๋ของพวกเราไม่ได้!”
อวี๋เจียวหัวเราะเสียงเบา“ข้าย่อมรู้ดีถึงสิ่งที่ท่านพูด คนใจซื่อไม่เอ่ยวาจาแฝงความนัยวันนี้ท่านก็ได้เห็นวิชาหมอของข้าแล้ว ไม่ว่าจะตรวจคนไข้หรือจัดเทียบยาล้วนไม่เป็ปัญหาข้าจะพูดตามตรงก็แล้วกัน ข้าอยากนำเงินที่ได้จากการรักษาคนไข้มาไถ่ตัวตนเองยามใดหาเงินได้มากพอ ท่านก็เอาใบสัญญาซื้อขายตัวให้ข้า จากนั้นให้ข้าไปจากสกุลอวี๋ดีหรือไม่?”
อวี๋หรูไห่คิดไม่ถึงว่าอวี๋เจียวจะมีความคิดเช่นนี้เขาประจักษ์วิชาหมอของอวี๋เจียวจากการช่วยชีวิตโจวไหวเมื่อวานและการรักษาคนไข้ในวันนี้ต้นไม้เขย่าเงิน[8]เช่นนี้อีกทั้งยังเป็คนที่สามารถช่วยให้สกุลอวี๋ของพวกเขามีชื่อเสียงเขาจะยอมปล่อยไปได้อย่างไร?
อวี๋หรูไห่นิ่งเงียบชั่วครู่“เ้ามีประสบการณ์ภายนอกไม่เท่าใด ไม่รู้ว่าในสภาพสังคมเช่นนี้การที่สตรีตรวจโรคถือเป็เื่ยากเพียงใด ยกตัวอย่างเช่นเมื่อครู่หากไม่ใช่เพราะข้านั่งจับชีพจรและเขียนเทียบยาอยู่ข้างหลังผู้ใดจะยอมให้เ้าจับชีพจรกัน? ยิ่งไปกว่านั้นเ้าอายุน้อยนักวิชาหมอที่ต้องร่ำเรียนยังมีอีกมากมาย!”
อวี๋เจียวเอ่ยเช่นนั้นออกไปก็เพื่อหยั่งเชิงอวี๋หรูไห่เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมรับปาก สีหน้าพลันเศร้าสลด “ข้าทราบถึงเจตนาดีของท่านทำความผิดเช่นนั้นท่านก็ยังให้อภัยข้า แต่ข้าก็รู้ว่ามีบางคนในสกุลอวี๋ไม่อาจละเว้นข้าเมื่อเทียบกับต้องอยู่ทำให้คนอื่นรังเกียจ ทำให้พวกนางเอือมระอามิสู้ข้าฉลาดสักหน่อย เป็ฝ่ายไถ่ตัวจากไปดีกว่าเ้าค่ะ”
อวี๋หรูไห่เอ่ยขึ้นทันใด“เ้าเด็กคนนี้คิดมากเกินไปแล้ว สกุลอวี๋ของพวกเราล้วนแต่เป็คนรู้จักให้อภัยยิ่งไปกว่านั้นเ้ายังสำนึกผิดแล้ว จะมีคนรังเกียจเ้าได้อย่างไร? ในเมื่อเข้ามาในประตูสกุลอวี๋ก็เท่ากับเป็คนสกุลอวี๋ของพวกเราเ้าห้าเป็คนนิสัยเ็ามาแต่ไหนแต่ไร ไม่ได้อคติต่อเ้าทางฝั่งเมิ่งซานทั้งสองคนเป็คนจิตใจดี ตลอดหลายวันมานี้พวกเขาปฏิบัติต่อเ้าอย่างไร เ้าย่อมรู้ดี แค่วางใจเป็พอ”
อวี๋เจียวลอบบริภาษว่าตาเฒ่าเ้าเล่ห์อยู่ภายในใจแต่นางยังคงจะแย่งชิงผลประโยชน์ที่ตนควรได้รับมาให้จงได้
อวี๋เจียวแสร้งเอ่ยอย่างลำบากใจ“แต่ดูเหมือนท่านย่าไม่ชอบข้าอย่างมาก สกุลเมิ่งยากจนถึงได้ขายข้าให้สกุลอวี๋สิ่งที่ข้ากลัวมากที่สุดก็คือการกินไม่อิ่มท้องเ้าค่ะ”
ถึงแม้อวี๋เจียวจะไม่เอ่ยออกมาตามตรงแต่ความหมายแฝงในวาจาล้วนเป็การมุ่งเป้าไปยังคำสั่งก่อนหน้านี้ของอวี๋หรูไห่ที่ห้ามไม่ให้คนในสกุลอวี๋เอาข้าวน้ำให้นางกินรวมไปถึงฮูหยินเฒ่าอวี๋เช่นกัน
อวี๋หรูไห่ครุ่นคิดพลางลูบเคราหัวเราะออกมา แสร้งเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านย่าของเ้ายังโมโหมากเกินไปรอกระทั่งผ่านไปสักสองวันย่อมดีขึ้น ถึงอย่างไรพวกเราก็เป็ครอบครัวเดียวกันไม่มีความแค้นชั่วข้ามคืน ถึงแม้สกุลอวี๋ของพวกเราจะไม่ร่ำรวยแต่ไม่มีทางปล่อยให้เ้าต้องทนหิวแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้ธัญพืชมีไม่มากรอกระทั่งอีกไม่กี่วันเก็บเกี่ยวข้าวสาลีเสร็จเรียบร้อยเสบียงอาหารจะไม่คับขันเช่นนี้”
อวี๋เจียวแสร้งทำท่าทางราวกับวางใจพยักหน้าเบาๆ “ในเมื่อท่านกล่าวเช่นนี้ ข้าก็วางใจแล้วเ้าค่ะ”
อวี๋หรูไห่แย้มยิ้มจอมปลอม“ไปดูที่ห้องครัวสิว่าท่านแม่ของเ้าเสร็จธุระแล้วหรือยังควรเอาอาหารขึ้นโต๊ะได้แล้ว”
อวี๋เจียวขานรับจากนั้นเดินไปจากห้องโถง
อวี๋หรูไห่จดจ้องแผ่นหลังของอวี๋เจียวยามนี้เขาเพิ่งจะรู้ว่าตนไม่ได้แค่ประเมินวิชาหมอของเด็กคนนี้ต่ำเกินไป ยังมองข้ามความเฉลียวฉลาดของนางเช่นกันเด็กคนนี้ไม่ใช่คนโง่ว่านอนสอนง่ายเช่นที่เขาคิดเอาไว้แต่เป็คนที่ค่อนข้างยากควบคุม
ฮูหยินผู้เฒ่าอวี๋เดินเข้ามาจากข้างนอกทันใดนั้นอวี๋หรูไห่เอ่ยออกมาว่า “รั่วเหมย ข้ารู้ว่าเ้าเอ็นดูเ้าสี่เพราะเ้าสี่ เ้าถึงได้รังเกียจแม่นางสกุลเมิ่ง ภายหน้าเ้าอย่าได้ทารุณนางนักจะต้องทำดีสักหน่อย นางฉลาดกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้”
นามก่อนออกเรือนของสตรีแซ่อวี๋โจวคือโจวรั่วเหมยหลายปีมานี้น้อยครั้งนักที่ผู้เฒ่าอวี๋จะเรียกชื่อของนางด้วยเหตุนี้นางจึงนำคำกล่าวของอวี๋หรูไห่มาเก็บไว้ในใจเพียงแต่ยังคงไม่ยินดีจะจดจำใส่ใจนัก หากเด็กคนนั้นฉลาดจริงๆเหตุใดถึงได้ทำเื่โง่เขลาเช่นนั้นลงไปเล่า!
เพียงแต่นางมีความฉลาดในเื่เล็กๆน้อยๆ อยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นคงไม่คิดจะปีนกิ่งไม้สูง หมายตาเ้าสี่ของพวกนาง!
เชิงอรรถ
[1] ชีพจรจม (เฉินม่าย) หมายถึง ลักษณะชีพจรที่อยู่ลึกจากผิว การกดเพียงเบา ๆจะไม่พบ ต้องใช้แรงกดหนักขึ้นจึงจะพบการเต้นของชีพจร
[2] เจ๋อซี(泽漆)มีสรรพคณุในการรักษาิัร้อน ท้องมานมีน้ำอยู่ภายใน มือเท้าหน้าตาบวม
[3] ปั้นเซี่ย 半夏 รสเผ็ด มีฤทธิ์อุ่นและมีพิษสรรพคุณ ละลายและขับเสมหะ สลายของเหลว แก้อาเจียน กดชี่ไม่ให้ตีขึ้น แก้สะอึกยุบและสลายก้อนเสมหะในท้อง
[4] จื่อชาน紫参 หรือสือเจียนชวน 石见穿 มีรสขมและเผ็ดร้อน สรรพคุณคลายร้อนและล้างพิษ ช่วยในการไหลเวียนโลหิต ควบคุมพลังชี่
[5] ป๋ายเฉียน 白前ช่วยขจัดเสมหะและลดอาการไอใช้เมื่ออาการในปอดอัดแน่น ไอ มีเสมหะ แน่นหน้าอกและหายใจไม่สะดวก
[6] ชานซวี参须 สรรพคุณ ใช้รักษาอาการไอจนกระอักเื กระหาย
[7] กุ้ยซิน 桂心 คืออบเชยชนิดหนึ่งสรรพคุณหลักช่วยเสริมพลังไฟชีวิต อาการแขนขาเย็นชีพจรอ่อนแก้อาการไอเนื่องจากพลังชี่ย้อนสวน
[8] ต้นไม้เขย่าเงิน หมายถึงคนหรือสิ่งของที่เป็บ่อเงินบ่อทอง