“รนหาที่ตาย!”
เหลยป้าเทียนโดนยาน้ำสกัดเ่าั้ลวกไปทั้งร่าง ทำให้เขาโกรธขึ้นมาทันที เหลยป้าเทียนที่เตรียมตัวมาเป็อย่างดีะโเสียงดังลั่น พร้อมลงมือสังหารเสิ่นเสวียน
“นั่งดีๆ หากล้มเหลวไปจะโทษข้าไม่ได้”
ขณะที่อีกฝ่ายคิดเคลื่อนไหว เสียงของเสิ่นเสวียนพลันดังขึ้นอย่างเรียบเฉย
เมื่อได้ยินคำของเสิ่นเสวียน เหลยป้าเทียนที่คิดลงมือกลับหยุดนิ่ง นั่งหันหลังให้เสิ่นเสวียนด้วยสีหน้าสับสน ลังเลว่าจะลงมือดีไหม
อีกฝ่ายเริ่มแผดเผาตนเองแล้ว ถ้ายังไม่ลงมือตอนนี้จะให้รอไปถึงเมื่อไร
แต่ถ้านี่เป็เพียงวิธีการรักษาของอีกฝ่าย การกำจัดเขาทิ้งจะไม่ใช่การทำร้ายตนเองหรอกหรือ
เขาไม่แยแสชีวิตของเสิ่นเสวียน แต่เขาเป็ห่วงชีวิตตนเอง หลายสิบปีที่ผ่านมาไม่มีใครกล้ารักษาเขาเลย ไม่ง่ายกว่าจะหาคนผู้นั้นเจอ หากยอมแพ้ไปตอนนี้คงน่าเสียดาย
“เ้าอย่าเล่นตุกติกเป็อันขาด ข้าสามารถเอาชีวิตเ้าได้ทุกเมื่อ”
เหลยป้าเทียนไม่ได้ขยับ ทว่ายังคงกล่าวอย่างโเี้กับเสิ่นเสวียน
“แบบนี้ถึงเรียกคนดี”
เสิ่นเสวียนหัวเราะเบาๆ ยังคงควบคุมเปลวเพลิงให้แผดเผาเหลยป้าเทียนต่อไปอย่างบ้าคลั่ง
ส่วนเหลยป้าเทียนคิดต้านทานพลังอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อครุ่นคิดถึงคำของเสิ่นเสวียนจึงล้มเลิกความคิดนั้นไป
เปลวเพลิงไม่แผดเผาเสื้อผ้าของเขา แต่กลับแผดเผาพลังของเขาอย่างบ้าคลั่ง เปลวเพลิงชนิดนี้แผดเผาเข้าไปถึงกระดูก เ็ปยากที่จะทนไหว โชคดีที่เหลยป้าเทียนมีพลังยุทธ์สูงในระดับหนึ่ง มิเช่นนั้นคงมิอาจอดทนต่อความร้อนของเปลวเพลิงได้
ทว่าหลังทนเ็ปจากความร้อนแรง่แรกไปแล้ว เหลยป้าเทียนก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง เพราะเขาััได้ว่าพิษภายในร่างกำลังถูกขับออกไป
ฝึกตนมานานขนาดนี้แล้ว แต่เขาไม่เคยควบคุมพิษภายในร่างได้เลย ตอนนี้พิษเริ่มแปรเปลี่ยนไปด้วยการควบคุมของเสิ่นเสวียน แสดงว่าวิธีของเสิ่นเสวียนได้ผลจริงๆ
คิดได้เช่นนี้ เขาจึงวางใจยอมรับการรักษาของเสิ่นเสวียน
เริ่นเสี้ยวเทียนมองการกระทำของเสิ่นเสวียนอยู่ตลอด เดิมทีเขาปฏิเสธที่จะอยู่บนูเาหินเฮยเย่าลูกนี้ ทว่าตอนที่เปลวเพลิงแผดเผาร่างของเหลยป้าเทียนกลับมีคลื่นพลังบริสุทธิ์แผ่ซ่านออกมา แล้วเสิ่นเสวียนก็ส่งกระแสจิตบอกให้เขาดูดซับเข้าไป ซึ่งทำให้พลังของเขาพลุ่งขึ้นอย่างรุนแรง
เดิมทีพลังยุทธ์ที่เขาแสดงออกเป็เพียงขั้นปรมาจารย์ระดับสูงสุดเท่านั้น หลังจากดูดซับพลังเหล่านี้เข้าไปแล้วเขาก็ควบคุมพลังของตนไม่ได้อีกต่อไป ทำให้มันทะยานไปถึงขั้นแม่ทัพในพริบตา
“เลิกกดพลังได้แล้ว ไร้ประโยชน์”
เริ่นเสี้ยวเทียนที่ยังพยายามกดพลังตนเองเอาไว้ได้ยินคำของเสิ่นเสวียน จึงหันมองเสิ่นเสวียนด้วยสีหน้าเก้อเขิน ตอนนี้เสิ่นเสวียนยังคงควบคุมเปลวเพลิงเอาไว้ ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย เริ่นเสี้ยวเทียนยิ้มน้อยๆ พยักหน้าให้เสิ่นเสวียน
หลังจากนั้นเขาจึงดูดซับพลังเข้าไปอย่างวางใจ แต่เขาก็ยังกดพลังเอาไว้อยู่บ้าง
แม้ไม่อาจควบคุมให้อยู่ในขั้นปรมาจารย์ได้ แต่ถ้าไม่เกินขั้นบรรพบุรุษเขายังสามารถควบคุมได้อยู่
ครึ่งชั่วยามต่อมา พลังยุทธ์ของเขาทะยานไปถึงขั้นแม่ทัพระดับกลาง
สองชั่วยามต่อมา พลังยุทธ์ของเขาทะยานไปถึงขั้นแม่ทัพระดับสูง
สองชั่วยามที่ผ่านมานี้ทำให้เริ่นเสี้ยวเทียนรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของเสิ่นเสวียน สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวยิ่งกว่านั้นคือ พลังยุทธ์ของเสิ่นเสวียนไม่ปะทุออกมาแม้แต่น้อย เขายังคงดูเหมือนมีพลังยุทธ์ขั้นแม่ทัพเท่านั้น หากไม่แสดงพลังออกมาไม่มีทางมองออกเลยว่าพลังยุทธ์ของเสิ่นเสวียนอยู่ในขั้นไหนแล้ว
“ร่างแก่ชราของท่านไม่ง่ายต่อการปรับเปลี่ยนเลย”
เหลยป้าเทียนเชื่อมั่นในตัวเสิ่นเสวียนอย่างไม่คลางแคลงใจแล้ว เพราะพิษภายในร่างของเขาไปรวมตัวกันอยู่ที่เดียวแล้ว พิษภายในกระดูกเหลืออยู่อีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนหน้านี้ในกระดูกสันหลังของเขาเต็มไปด้วยพิษ ทว่าตอนนี้พิษถูกขับออกไปเกินกว่าครึ่งแล้ว
“รบกวนเ้าช่วยข้าอีกสักหน่อย”
เหลยป้าเทียนกล่าวกับเสิ่นเสวียนด้วยท่าทางอ่อนเพลีย ในขณะที่ถอนพิษออกไป พลังของเขาก็ถูกทำลายไปด้วย ตอนนี้พลังของเขาเหลืออยู่ต่ำกว่าเจ็ดส่วน ก่อนหน้านี้เสิ่นเสวียนบอกว่าอาจทำลายพลังของเขาไปสามส่วน ซึ่งเขาเตรียมใจเอาไว้แล้ว
“คงได้เพียงเท่านี้ พิษที่เหลืออยู่มิอาจกำจัดได้ทั้งหมด แต่สำหรับท่านแล้ว ตราบใดที่ไม่ได้ดูดซับพลังของหินเฮยเย่าเข้าไปอีก มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อท่านมากนัก”
“ได้ๆๆ! ขอบคุณมากเ้าหนุ่ม”
เหลยป้าเทียนพึงพอใจในสภาพร่างกายตนเองตอนนี้มาก พลังเจ็ดส่วนยังคงได้เปรียบอยู่ อย่าว่าแต่พวกเสิ่นเสวียนสองคนเลย ต่อให้ขั้นบรรพบุรุษหรือขั้นราชันเข้ามาที่นี่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
หลังจากนั้นเหตุการณ์ประหลาดก็เริ่มต้นขึ้น
เหลยป้าเทียนที่นั่งหันหลังให้เสิ่นเสวียนรู้สึกเพียงพิษภายในร่างเริ่มลดความเร็วลง พิษที่รวมตัวกันก่อนหน้านี้ถูกขับออกจากร่างไปอย่างรวดเร็ว แต่มันออกไปได้อย่างไรและออกไปไหนเขาไม่รู้เลย
เริ่นเสี้ยวเทียนมองเสิ่นเสวียนด้วยความสนใจ เขารู้สึกได้เพียงบนร่างของเหลยป้าเทียนและด้านหลังของเสิ่นเสวียนมีเส้นสายพลังที่มองไม่เห็นเชื่อมต่อกันไว้ กำลังขนส่งพลังออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็แค่รู้สึกเท่านั้น ไม่ได้มองเห็นสิ่งใด
กาลเวลาล่วงเลยไปอีกหนึ่งชั่วยาม
ในที่สุดทุกอย่างก็สงบลง
เหลยป้าเทียนนั่งหันหลังให้เสิ่นเสวียน เขาหายใจหอบแรง หลังจากถอนพิษมานานหลายชั่วยามทำให้เขาาเ็ไปถึงต้นกำเนิด ดีที่พลังยุทธ์ยังอยู่ ค่อยๆ ฝึกฝนไปจะสามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้
“ฟู่!”
เสิ่นเสวียนนั่งอยู่ตรงนั้น เขาถอนหายใจออกมาแรงๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ
“เรียบร้อยแล้ว”
เสิ่นเสวียนเช็ดเหงื่อบนใบหน้าพลางกล่าวกับเหลยป้าเทียน
“ทำได้อย่างที่บอกไว้จริงๆ! อัศจรรย์! น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ฮ่าๆๆ!!!”
เหลยป้าเทียนลุกยืน เขาหัวเราะเสียงดังด้วยความพึงพอใจ
ส่วนมิติภายในผังเมืองซานเหอ เสิ่นเลี่ยนและเสิ่นเสี่ยวเม่ยในตอนนี้ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ เสิ่นเลี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าตนเองซ่อนตัวอยู่ในนี้แล้วพลังยุทธ์จะเพิ่มขึ้นได้
ตอนนี้พลังยุทธ์ของเขาถึงขั้นแม่ทัพระดับกลางแล้ว ใกล้จะถึงระดับสูง ขอเพียงเขาทำให้พลังยุทธ์มั่นคงขึ้น เขาเชื่อมั่นว่าจะเลื่อนไปถึงระดับสูงได้ภายในหนึ่งเดือน
พลังยุทธ์ของเสิ่นเสี่ยวเม่ยแข็งแกร่งถึงขั้นแม่ทัพระดับสูงแล้ว สิ่งที่ก้าวหน้ามากที่สุดของนางกลับไม่ใช่พลังยุทธ์ แต่เป็เพลิงิญญา ระหว่างที่เสิ่นเสวียนกำลังถอนพิษ เขาเชื่อมโยงเข้ากับเพลิงิญญาของเสิ่นเสี่ยวเม่ยอยู่ตลอดเวลา ความร้อนแรงของเปลวเพลิงที่เขาควบคุมอยู่ในตอนนี้เหนือกว่าก่อนหน้านี้มากเลยทีเดียว
ถอนพิษให้คนหนึ่งคน กลับส่งประโยชน์ให้คนหนึ่งกลุ่ม นี่คือสิ่งที่เสิ่นเสวียน้า แต่มีบางอย่างที่น่าเสียดาย นั่นคือเขาไม่มีตัวช่วยใดๆ เลย ทำให้ต้องเสียไอพลังหลิงชี่ไปไม่น้อย
“เ้าหนุ่มฝีมือไม่ธรรมดาเลยทีเดียว! คนแก่อย่างข้าเลื่อมใสเ้ายิ่งนัก”
เหลยป้าเทียนหันมากล่าวกับเสิ่นเสวียน ทว่าในคำของเขาเปลี่ยนจากแทนตนเองว่า ‘ข้า’ เป็ ‘คนแก่อย่างข้า’ ไปแล้ว
สำหรับเขาแล้ว พิษถูกถอนไปเรียบร้อย เสิ่นเสวียนก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
“ท่านผู้นำตระกูลเหลยอย่าลืมที่สัญญาไว้ก่อนหน้านี้ ข้าเชื่อว่าท่านเป็คนมีสัจจะ”
เสิ่นเสวียนนั่งอยู่ที่เดิมกล่าวกับเหลยป้าเทียน ตอนนี้เขาอ่อนเพลียเล็กน้อย หากว่าเขาลุกขึ้นเหลยป้าเทียนต้องสังเกตเห็นอย่างแน่นอน ยิ่งเป็การกระตุ้นจิตใจชั่วร้ายของอีกฝ่ายขึ้นมา เขารู้ดีว่าเหลยป้าเทียนปรารถนาในกระบี่ัคำรามของตนอยู่ตลอด
“สัญญา? สัญญาอะไร อ้อ เ้าหมายถึงความแค้นระหว่างเ้ากับเ้าลูกหมาสินะ! ข้าสามารถลืมมันไปได้ แต่เ้าก็ต้องชดเชยอะไรบ้างหรือเปล่า”
เหลยป้าเทียนกล่าวกับเสิ่นเสวียนด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
“ชดเชยอะไร”
เสิ่นเสวียนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เอ่ยถามเหลยป้าเทียน
“บอกตามตรงเลยแล้วกัน หากเ้ามอบศาสตราวิเศษขั้นปฐีชิ้นนั้นมาให้ข้า ข้าจะปล่อยพวกเ้าไป”
เหลยป้าเทียนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็หลังมือ กลับกลายเป็คนก่อนหน้านี้อีกครั้ง
แม้จะเหลือพลังเพียงเจ็ดส่วน แต่เขายังเชื่อมั่นว่าจะรั้งพวกเสิ่นเสวียนทั้งสองคนไว้ที่นี่ได้ตลอดกาล ต่อให้อีกฝ่ายเป็ถึงขั้นราชันก็ไม่เว้น
“หากข้าไม่ให้ล่ะ”
เสิ่นเสวียนเพิ่งกล่าวจบ ร่างของเหลยป้าเทียนพลันกระโจนไปตรงหน้าเสิ่นเสวียนราวกับลูกธนูพุ่งออกจากคันธนู มือกลายเป็กรงเล็บคว้าเข้าที่คอของเสิ่นเสวียน