ตอนนี้เย่เฟิงอารมณ์ไม่ดีมาก ขณะมองซูซิ่นชางซึ่งคุกเข่าอยู่หน้าประตูก็พูดเพียง “พาเขาไปด้วย กลับถึงบ้านแล้วค่อยว่ากัน”
เขา้าพาซูเมิ่งหานกลับที่พักให้เร็วที่สุด เพื่อขับสารพิษในร่างกายของเธอด้วยพลังลมปราณ
“รับทราบครับ” เตาปาตอบรับ ในเวลานี้เขาเรียกเย่เฟิงว่า ‘พี่เย่’ อย่างเปิดเผย แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาจากคนอื่นๆ
ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเย่เฟิงและตระกูลหลินกระจายจนรู้กันทั่วทั้งเมืองเยี่ยนจิงแล้ว แน่นอนว่าทุกคนในแก๊งอสรพิษ์ต่างก็รู้แล้วเช่นกัน แล้วอย่างนี้เตาปาจะเป็ญาติกับเย่เฟิงได้อย่างไร?
“แต่ว่าพี่เย่” เตาปาหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ “ซ่งหู่ไม่ได้อยู่ที่เมืองนี้แล้ว มันคงออกไปคุยงานกับแก๊งัดำ พวกเราควรจะทำยังไงต่อดีครับ?”
“เื่ภายในแก๊งฉันจะไม่เข้าไปยุ่ง นายจัดการเองเถอะ” เย่เฟิงส่ายหน้าก่อนอุ้มร่างบอบบางของซูเมิ่งหานเดินออกจากห้อง
แม้จะไม่สนใจเื่ในแก๊ง แต่เขาจะต้องฆ่าซ่งหู่ให้ได้! ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยู่ที่นี่ เขาก็จะยอมปล่อยให้มันมีชีวิตต่อไปก่อน รอจนกว่าซูเมิ่งหานจะหายดีค่อยตามไปจัดการเื่ของซ่งหู่ก็ยังไม่สาย
“พวกแกสองคนไปส่งพี่เย่ด้วย!” เตาปาหันไปสั่งชายฉกรรจ์ชุดดำสองคน และให้คนนำตัวซูซิ่นชางกลับไปที่วิลล่าชิงเฟิง
พอนึกถึงการตายของจ้าวอี้เปย เตาปาก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาทันที หลายปีที่เขาลงแรงสร้างแก๊งอสรพิษ์ขึ้นมา แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถปกป้องพวกพ้องที่ตัวเองรัก แล้วอย่างนี้การมีแก๊งจะมีความหมายอะไร?
เมื่อเห็นแผ่นหลังเย่เฟิงเดินจากไป เขาจึงตัดสินใจแล้วว่าหลังจากเื่นี้จบลงเขาจะติดตามเย่เฟิงต่อไป และความมุ่งมั่นในครั้งนี้จะนำไปสู่การเป็มือขวาของเย่เฟิง!
…………
เย่เฟิงอุ้มซูเมิ่งหานเข้าไปในรถ BMW ที่ถูกจอดเตรียมไว้ด้านนอกและมีคนที่เตาปาไว้ใจขับรถไปส่งเขา
พอเห็นรถ BMW สีเงิน เย่เฟิงก็คิดถึงจ้าวอี้เปย ในที่สุดเขาก็ได้ล้างแค้นให้เด็กคนนั้นแล้ว แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่ามันยากที่ตนจะยินดี เขาส่ายหัวไล่ความคิด สิ่งที่เขาควรทำในเวลานี้คือจัดการเื่ของซูเมิ่งหานให้เรียบร้อยเสียก่อน
เย่เฟิงนึกถึงโทรศัพท์เมื่อตอนกลางวัน ดาวโรงเรียนยังพูดถึงคะแนนสอบจำลองของเขาแต่เย่เฟิงเผลอใจลอย เขานึกถึงเื่ของซูซิ่นชาง แม้ชายคนนั้นไม่รู้ว่าซ่งเทียนอิงจะฉีดสารเสพติดให้ซูเมิ่งหาน แต่การกระทำของเขาถือเป็การหลอกลูกสาวเพื่อส่งเธอให้แก๊งัดำ เป็การกระทำที่เลวทรามอยู่ดี หากเป็คนอื่นเย่เฟิงคงฆ่าเพื่อจบปัญหา แต่เพราะเขาคือพ่อของซูเมิ่งหาน ฉะนั้นจะจัดการอย่างไรก็ต้องรอเธอตื่นขึ้นมาตัดสินใจด้วยตัวเอง
ไม่นานนักรถสองคันก็เข้ามาในวิลล่าชิงเฟิงก่อนหยุดที่หน้าบ้านพักของเย่เฟิง ชายหนุ่มอุ้มซูเมิ่งหานขณะเปิดประตูเข้าบ้าน ชายฉกรรจ์ชุดดำสองคนคุมตัวซูซิ่นชางเดินตามเข้ามา
“พวกนายนั่งรอที่นี่แล้วกัน อย่าเดินวุ่นวาย จับตาดูซูซิ่นชางให้ดี ฉันจะกลับมาจัดการเขาทีหลัง” เย่เฟิงออกคำสั่งกับชายทั้งสองก่อนอุ้มซูเมิ่งหานขึ้นชั้นบน
ชายฉกรรจ์ชุดดำมองหน้ากันเพราะนึกไม่ถึงว่าเย่เฟิงจะสุภาพกับพวกเขาขนาดนี้ แถมยังอนุญาตให้พวกเขานั่งอีก แน่นอนว่าถึงเขาจะอนุญาตแล้วแต่พวกเขาก็ไม่กล้านั่งอยู่ดี ยังคงยืนปักหลักอยู่กลางห้องรับแขกเพื่อจับตาดูซูซิ่นชาง
ที่ชั้นบน ขณะเย่เฟิงอุ้มซูเมิ่งหานก็รับรู้กลิ่นหอมอ่อนจางทันทีที่เข้ามาในห้องนอนของเธอ เพราะนั่นคือกลิ่นเฉพาะตัวของหญิงสาวซึ่งเป็กลิ่นที่ทำให้คนที่ได้กลิ่นรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข
“โชคดีที่กลับมาทัน ไม่อย่างนั้นคงไม่โดนแค่ฉีดยาเสพติดแน่ ดีที่ไอ้สารเลวนั่นยังไม่ทันได้ลงมือทำอย่างอื่น แต่การขับสารเสพติดออกมาก็ถือเป็เื่ยากพอควรเลย...” เย่เฟิงคิดในใจพลางวางร่างบางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล
“อืม...” ซูเมิ่งหานขยับตัวเล็กน้อยขณะส่งเสียงแ่เบา แล้วลืมตาตื่นด้วยความงุนงง เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของเย่เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขยี้ตาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“เมิ่งหาน ฉันกลับมาแล้ว... ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงบ้าง?” เย่เฟิงเอ่ย
“ฉัน... ฉันเหมือนถูกคนทำให้สลบไป... แล้วจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?” ซูเมิ่งหานพูดเสียงอ่อนแรงและพยายามลุกขึ้นนั่ง
“เธออย่าเพิ่งขยับตัวเลย” เย่เฟิงจับเธอเอาไว้ เหมือนหญิงสาวจะยังไม่รู้เื่สารเสพติดที่ได้รับ เขาจึงไม่ได้บอกเธอ
ใบหน้าซูเมิ่งหานซีดเซียว แต่ดวงตาคู่สวยยังแสดงออกถึงความกังวลต่อเย่เฟิง “นายไปไหนมาเย่เฟิง จัดการธุระเสร็จแล้วเหรอ?”
“ไม่มีอะไรมากหรอก แค่...” เย่เฟิงลังเล
ทันใดนั้นชายหนุ่มก็นึกได้ว่าในโลกเทวะของเขาไม่เคยมียาเช่นนี้มาก่อน เป็ไปได้ไหมว่าเพราะผู้ฝึกวิถีเซียนทั้งหลายไม่อาจติดสารเสพติดเช่นนี้ได้? แม้แต่ผู้ฝึกวิถีเซียนที่ไม่ได้เื่ เมื่อยาพิษเข้าสู่ร่างกาย พวกเขาก็ยังสามารถขับสารพิษทั้งหมดนั้นออกจากร่างกายได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นผู้ฝึกวิถีเซียนจึงไม่ค่อยเจ็บป่วยเท่าใดนัก
หากซูเมิ่งหานเริ่มฝึกวิถีเซียนได้ก็คงดี...
ขณะที่เขาคิดเื่นี้ แหวนกระบี่ัโบราณในมือก็ส่องสว่าง! จนดึงดูดความสนใจของซูเมิ่งหานได้ในทันที เธอเห็นเย่เฟิงสวมแหวนวงนี้ตลอดก็พอจะเดาได้ว่ามันคงมีความสำคัญอะไรสักอย่าง แล้วตอนนี้มันยังมีส่องสว่างออกมาอีก? ช่างดูมีมนต์ขลังอะไรอย่างนี้!
เมื่อหนึ่งเดือนก่อนแหวนกระบี่ัโบราณก็ส่องสว่างเช่นนี้ จากนั้นมวลพลังลึกลับก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของเย่เฟิงจนปรากฏจุดก่อกำเนิดในร่างกายเขา
แล้วตอนนี้ล่ะ?
ชายหนุ่มไม่ลังเลอะไรอีกแล้ว เขารวบร่างหญิงสาวเข้ามาในอ้อมกอดทันที
“อ๊ะ! นาย...” ซูเมิ่งหานยังไม่ทันตั้งตัวจึงใ
“อย่าเพิ่งขยับนะ” เย่เฟิงกระซิบ “ฉันมีความลับเื่หนึ่งที่ไม่เคยบอกเธอมาก่อน ความจริงฉันเป็ผู้ฝึกวิถีเซียนที่ฝึกฝนวิชาเซียนอยู่... ตอนนี้ฉันอยากให้เธอเป็ผู้ฝึกวิถีเซียนเช่นกัน เธอจะยินดีหรือเปล่า?”
“ผะ ผู้ฝึกวิถีเซียน? นายล้อกันเล่นใช่ไหม...” ซูเมิ่งหานใ แน่นอน เธอรู้ว่าผู้ฝึกวิถีเซียนคืออะไร เพราะเคยอ่านนวนิยายออนไลน์แนวกำลังภายในมาหลายเื่
แต่ว่าเย่เฟิงเป็ผู้ฝึกวรยุทธ์งั้นเหรอ? จะเป็ไปได้อย่างไร?
หญิงสาวไม่เชื่อเื่แบบนี้ แต่ฉับพลันก็เกิดมวลอากาศอุ่นร้อนไหลเข้าสู่ร่างกายของเธอ จนบริเวณท้องน้อยของเธอเริ่มรู้สึกร้อนขึ้นมาซึ่งนั่นก็คือจุดตันเถียน จากนั้นเธอก็ชาไปทั่วทั้งร่าง
“เยี่ยมไปเลย! ตอนนี้เธอมีจุดก่อกำเนิดอยู่ในจุดตันเถียนแล้ว ฉันจะฝึกวิชาเซียนให้เธอเอง เธอทำตามฉันนะ” เย่เฟิงรู้สึกถึงจุดก่อกำเนิดในร่างกายของเธอ อีกทั้งใบหน้าของเธอก็สดใสขึ้น จึงเริ่มอธิบายการโคจรพลังและเส้นพลังของสำนักสุสานดวงดาวให้เธอฟัง
ซูเมิ่งหานยังสงสัยแต่ก็ยอมทำตามที่คนตรงหน้าพูด เธอรู้สึกถึงมวลอากาศไหลวนในร่างกายจึงลองรวบรวมมวลพลังเ่าั้ หญิงสาวพลันใเพราะร่างกายของเธอเริ่มอุ่นขึ้นมาตามที่เย่เฟิงบอก
“ทำได้ไหม?” เย่เฟิงเป็ห่วงจึงเอ่ยปากถาม
เพราะแหวนกระบี่ัโบราณทำให้เขาสอนวิถีเซียนให้ซูเมิ่งหานได้ แต่สิ่งนี้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้เย่เฟิงสบายใจ ั้แ่เริ่มฝึกวิถีเซียน พร์ก็ถือได้ว่าสำคัญยิ่ง เขายังไม่รู้ว่าพร์ของซูเมิ่งหานจะเป็อย่างไร?
เพียงพริบตาซูเมิ่งหานก็เข้าใจแจ่มแจ้ง การโคจรของพลังและเส้นพลังของสำนักสุสานดวงดาวเพียงหนึ่งชั่วยามก็เสร็จสิ้นการโคจรพลัง
“รู้สึกแปลกนิดหน่อย...” ซูเมิ่งหานควบคุมพลังลมปราณในร่างกายได้ แต่ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม เธองุนงงเพราะแม้เย่เฟิงจะเป็ผู้ฝึกวิถีเซียน แต่ทำไมต้องมาสอนวิถีเซียนให้เธอ ความจริงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หญิงสาวกังวลเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าตัวเองถูกฉีดสารเสพติดตัวใหม่เข้าร่างกายขณะสลบ
เย่เฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมแขนเพื่อส่งพลังลมปราณของตัวเองเข้าไปในร่างผู้ฝึกวิถีเซียนขั้นต้นอย่างซูเมิ่งหาน ในตอนนั้นซูเฟยหยิ่งก็สอนเขาอย่างนี้เช่นกัน แต่เพราะเขามีพร์ ไม่นานนักท่านอาจารย์ก็ปล่อยให้เขาฝึกฝนด้วยตัวเอง
เวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ สารเสพติดที่ตกค้างในร่างกายของซูเมิ่งหานถูกขับออกจากร่างกายของเธอพร้อมกับกระแสพลังลมปราณที่กำลังไหลเวียน...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้