ค่ำคืนในป่ายามฤดูใบไม้ร่วง ลมหนาวพัดโชยมา อุณหภูมิค่อยๆ ต่ำลง
แสงสว่างภายในถ้ำไหวระริก อบอุ่นกว่าด้านนอกมากนัก
เซวียเสี่ยวหรั่นชำแหละเนื้อเลียงผาออกจากกระดูกทีละชิ้นอย่างยากเย็น พวกเขาไม่มีมีดเล่มใหญ่ มีดเล็กใช้สับกระดูกไม่ได้ เธอจึงได้แต่แล่เนื้อออกมา หลังจากนั้นก็ร้อยด้วยเชือกฟางขึ้นไปแขวนบนกิ่งไม้
"ลำพังแค่ตากแห้งเฉยๆ โดยไม่ใส่เกลือ จะเก็บไว้ได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้"
เซวียเสี่ยวหรั่นวิตกเล็กน้อย เนื้อมี แต่ปัจจัยในการเก็บรักษากลับมีจำกัด ด้วยอุณหภูมิเช่นตอนนี้เก็บไว้สามถึงห้าวันไม่มีปัญหา แต่ถ้านานกว่านั้นคงพูดยาก
"พรุ่งนี้ไปขุดดินมาทำกระทะแบนสักใบดีกว่า อืม... แล้วก็โหลใส่ของจุกจิกอีกสักสองสามใบ เลียงผาตัวนี้มีไขมัน ใช้กระทะเจียวน้ำมันออกมา ท่านปู่ข้าเคยบอกว่าไขมันจากเลียงผามีประโยชน์มาก กินได้ ทาได้ รักษาแผลมีดบาด แผลจากความเย็น และแผลฉีกขาดล้วนได้หมด ทั้งยังใช้ทาใบหน้าตอนฤดูหนาวได้อีกด้วย"
นั่นมันไขมันจากกวาง ต้องใช้ไขมันกวางถึงจะสกัดออกมาเป็น้ำมันทาผิวได้ แต่นี่คือเลียงผา ไม่ใช่กวาง สองอย่างนี้แตกต่างกัน เหลียนเซวียนอับจนวาจา
แต่เซวียเสี่ยวหรั่นกลับไม่นำพา ในความเห็นของเธอ พวกมันก็เป็สัตว์ประเภทกวางเหมือนกัน ต่อให้มีข้อแตกต่างก็ไม่น่าจะต่างกันมากเท่าไร
"ต้องไปลองหาแถวนี้ดูว่ามีเครื่องปรุงรสอย่างอื่นอีกไหม แล้วก็เก็บกระเทียมป่ากับใบเผือกป่ากลับมาอีกสักหน่อย แวะไปดูดงกล้วยน้ำว้าตรงนั้นด้วย ไม่ไปมาสองวัน พวกมันคงคลายความระแวดระวังลงมาบ้างแล้ว ฮิๆ"
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะอย่างลำพองใจ หากไม่พบฝูงลิง จะได้ฉวยโอกาสเด็ดกล้วยน้ำว้ากลับมาอีกหน่อย
เธอไม่ได้ไปแถวที่ฝูงลิงอาศัยอยู่มาสองวันแล้ว เพราะกลัวว่าพวกมันจะคิดแค้น หากถูกจับได้ คิดจะหนีก็คงไม่ง่ายนัก
ลิงเป็สัตว์เฉลียวฉลาด
แม่นางผู้นี้ดูเหมือนโง่งม แต่แท้จริงแล้วยังมีไหวพริบอยู่บ้าง มุมปากของเหลียนเซวียนโค้งขึ้นน้อยๆ
ว่าแต่ ประตูของนางเล่า? ยังจำได้อยู่หรือไม่
"แล้วก็หาไป๋หมากับเฝิ่นเฮ่อด้วย พวกนี้เป็พื้นที่พบเห็นได้ทั่วไป ไม่มีเหตุผลที่จะหาไม่พบ" เซวียเสี่ยวหรั่นนำเนื้อที่ร้อยเป็พวงขึ้นตาก ปากก็พึมพำเสียงเบาไปด้วย "แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน ที่นี่ไม่ใช้ถิ่นที่คุ้นเคย หลายวันมานี้ ข้าเจอต้นไม้แปลกๆ หลายอย่าง ทั้งกอหญ้ามีหนาม พุ่มไม้ที่มีผลสีดำ เห็ดสีแดงแกมม่วง แต่ละอย่างไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย"
เห็ดสีแดงแกมม่วง? เหลียนเซวียนตระหนกในใจ นึกสงสัยหูของตนเองเล็กน้อย พลางเงยหน้าขึ้นจ้องมองนาง
แต่หญิงสาวไร้การตอบสนอง ยังคนพูดไปเรื่อยๆ "วันนั้นที่ริมแม่น้ำยังมีคางคกสีดำะโออกมา ตัวเบ้อเร่อเลย ทำเอาข้าใจนขวัญหนีดีฝ่อ คางคกสีดำก็ยังอุตส่าห์มี ช่างเป็ดินแดนที่น่าพิศวงจริงๆ"
"ปึงๆ"
เหลียนเซวียนใช้หินเคาะพื้นในที่สุดก็ดึงดูดความสนใจของหญิงสาวได้
"มีอะไร? น้ำเดือดแล้วหรือ" หลังตากเนื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็เดินเข้ามา
"ปึงๆ" เหลียนเซวียนเคาะพื้นอีก ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ดูจะจริงจังขึ้นหลายส่วน
เซวียเสี่ยวหรั่นก้มลงมาเพ่งพิศ "ท่านถามว่าเห็นสีแดงแกมม่วงนั่นอยู่ไหนหรือ อืม... ก็อยู่ตรงหลุมที่งูเหลือมั์ตัวนั้นอยู่นั่นแหละ ก้นหลุมลึกสักครึ่งตัวคนได้ ทั้งมืดและชื้นแฉะ เห็ดสีม่วงแดงนั่นซ่อนอยู่ข้างล่าง ที่นั่นอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ข้าไปขุดดิน ท่านถามทำไม เห็ดนั่นดูน่ากลัวจะตาย สีแดงอมม่วง ส่วนที่เป็สีแดงจนแทบจะเรืองแสงได้เลย"
ถ้าไม่เพราะมันสะดุดตามาก ด้วยสายตาอย่างเธอไหนเลยจะมองเห็นเห็ดสีแดงแปลกๆ ที่ซ่อนเร้นอยู่ในหลุมมืดสนิท
แน่นอนว่าตอนนั้นเป็เวลาเที่ยงจึงมีแสงสว่างเพียงพอที่จะขับไล่งูเหลือมั์ ดังนั้นเธอถึงมองเห็นอย่างแจ่มชัด
ในหลุมมีแสงสีแดงเลือนราง พร้อมกับงู หัวใจของเหลียนเซวียนเต้นแรงขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
นั่นคือเห็ดหุยซิน เป็หนึ่งในสมุนไพรที่เป็องค์ประกอบของยาถอนพิษสลายกำลัง
มีแต่ในป่าดงดิบที่อยู่ไกลสุดลูกหูลูกตาเท่านั้นถึงจะหาของวิเศษล้ำค่าเช่นนี้ได้ เป็ยาอมฤตที่จะพบเจอหรือไม่ขึ้นอยู่กับพรหมลิขิต
ศิษย์พี่ของเขาใฝ่ฝันอยากจะเจอสมุนไพรชนิดนี้มาโดยตลอด
นางเป็สตรีนำโชคจริงๆ
มีเห็ดหุยซิน อย่างน้อยพิษในร่างกายก็สามารถถอนออกไปได้ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งที่เหลือค่อยไปหาศิษย์พี่ก็ได้
เหลียนเซวียนขบคิดเป็ร้อยรอบ คิ้วและดวงตายกทอประกายโดยไม่รู้ตัว เซวียเสี่ยวหรั่นมองเขาด้วยความสงสัย ยากนักที่เขาจะสนใจอะไรบางอย่าง ของสิ่งนี้จะต้องมีความสำคัญสำหรับเขามากแน่ๆ หรือว่า...
"เห็ดชนิดนี้มีประโยชน์สำหรับท่านหรือ?" เธอลองถามดู
เหลียนเซวียนค่อยๆ เขียนคำตอบบนพื้น
"เห็ดสีแดงๆ นั่นเรียกว่าเห็ดหุยซิน แก้พิษได้? ไอ้หยา มันสามารถแก้พิษในร่างกายท่านได้ใช่หรือไม่?"
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกตื่นเต้น ดีดตัวลุกขึ้นมา
ถ้าสามารถแก้พิษในร่างกายของเขาได้ เขาก็พาเธอออกไปจากป่าเฮงซวยแห่งนี้ได้แล้วสิ หมาอะไร เฮ่ออะไรไปลงนรกเสียให้หมด แค่ออกจากป่าได้ เธอก็เป็อิสระแล้ว ฮ่าๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นฝันหวาน ใบหน้าเจือไปด้วยความคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยม แต่น่าเสียดาย...
"หา? นี่เป็แค่หนึ่งในสมุนไพรเองหรือ...."
เสียงปึงๆ ปลุกเธอให้ตื่นจากความฝัน
"หลุมใหญ่แห่งนั้นมีหินเยอะ วัชพืชรกเรื้อก็มาก ข้างล่างยังชื้นแฉะ แล้วก็มีงูด้วย จะไปเก็บเห็ดแบบนั้นมาคงต้องเปลืองสมองกันหน่อย"
ยิ่งหวังสูงเท่าไร ก็จะยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกหดหู่ไปชั่วขณะ
เหลียนเซวียนย่อมได้ยินความผิดหวังเสียใจจากวาจาของนาง จึงนิ่งขรึมไป
"ปุดๆ"
น้ำในหม้อเริ่มเดือดจนล้นออกมาข้างนอก หยาดน้ำกระเซ็นลงไปโดนถ่านที่ลุกไหม้อยู่เสียงดังฉ่า
"ไอ้หยา น้ำเดือดแล้ว เดือดเกินไปแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นเพิ่งรู้สึกตัว รีบดับไฟ
เธอเทน้ำครึ่งหม้อลงไปในถัง แล้ววางหม้อกลับขึ้นไปบนเตา หยิบเนื้องูใส่ลงไป
"เย็นนี้กินน้ำแกงงูต่อแล้วกันนะ เหลียนเซวียน ท่านช่วยดูไฟหน่อย คิกๆ ข้าจะไปสระผม ส่วนเื่เห็ดเอาไว้อีกประเดี๋ยวค่อยว่ากัน"
อารมณ์ของเซวียเสี่ยวหรั่นเหมือนท้องฟ้ายามเดือนหก บทจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน ก่อนหน้านี้ยังคอตกห่อเหี่ยวซังกะตายอยู่เลย ตอนนี้กลับมาร่าเริงสดใสอีกแล้ว
หัวใจสตรีเหมือนเข็มใต้มหาสมุทร กล่าวไว้ไม่ผิดจริงๆ
เหลียนเซวียนเอาฟืนที่เมื่อครู่เพิ่งดึงออกมาใส่กลับเข้าไปอีกรอบ
เซวียเสี่ยวหรั่นสระผมอย่างเรียบง่ายที่สุด อะไรก็ไม่มี ใช้แต่มือนวด หลังจากนั้นก็เอาน้ำสะอาดล้าง
ยามยกถังใส่น้ำเดินออกมา ก็สดใสกระปรี้กระเปร่ามาก
"ถ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าได้จะสมบูรณ์แบบเลย"
หลังวางถังลงที่มุมด้านหนึ่ง เธอก็หย่อนก้นนั่งข้างกองไฟ เอาผ้าเช็ดตัวขยี้ผมที่เปียกชื้น "พรุ่งนี้ค่อยต้มน้ำอาบ หากได้อาบทุกวัน ร่างกายต้องสะอาดเป็แน่"
เหลียนเซวียนเหลือบมองนางปราดหนึ่ง สีหน้าค่อนข้างซับซ้อน บางถ้อยคำเธอก็พูดได้สมเหตุผลเสียเหลือเกิน ไม่ถือสาบุรุษแปลกหน้าอย่างเขาบ้างเลย
"เหลียนเซวียน เห็ดหุยซินนั่น พรุ่งนี้ข้าจะไปดูเอง ถ้างูตัวนั้นไม่อยู่ในหลุม ข้าจะช่วยเก็บกลับมาให้"
แม้ว่าเมื่อครู่จะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่พอมาย้อนนึกดูอีกที ก็ลอบตำหนิตนเองที่คิดง่ายเกินไป มีสมุนไพรที่เป็องค์ประกอบแค่ตัวเดียว จะเอายาถอนพิษมาจากไหน
เหลียนเซวียนส่ายหน้าอย่างเคร่งขรึมจริงจัง