“ท่านพี่ ทำไมยังไม่ถึงรอบของท่านสักที?”
มุมเล็กๆ แห่งหนี่งภายในหอสัตว์อสูร เย่ชิงอวี่เอามือทั้งสองเท้าคางเอ่ยถามขึ้นด้วยความไม่พอใจ
ความจริงก็เป็เช่นนั้น ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจนบ่ายคล้อยแล้ว แสงของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินสาดส่องไปทั่วห้องโถง ลูกหลานของตระกูลที่มาเข้าร่วมปลุกพลังทางสายเืในวันนี้มีราวๆ หกถึงเจ็ดสิบคน ั้แ่่เช้าจนถึงตอนนี้ทำการปลุกพลังไปแล้วกว่าครึ่ง แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะถึงรอบของเย่ชิงหานเสียที
“เหอะๆ...คาดว่าพวกท่านผู้าุโคงจัดให้พวกลูกหลานที่มีพร์ที่ดีกว่าเข้าร่วมก่อน มันไม่เป็เื่น่าแปลกอะไรหรอก” เย่ชิงหานลูบหัวน้องสาวอย่างปลอบประโลม ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจแต่อย่างใด
ตามที่เย่ชิงหานสังเกตดู ลูกหลานของตระกูลที่ทำการปลุกพลังใน่เช้าส่วนมากจะอายุไม่มาก และสามารถเรียกสัตว์อสูรออกมาได้ในระดับคุณภาพที่ไม่เลว แม้จะยังไม่มีคุณภาพระดับเจ็ดอย่างเย่ชิงเฟิงปรากฏออกมาอีกเลย แต่ก็มีคุณภาพระดับหกปรากฏออกมาถึงสามตัว
่หลังจากพักทานอาหารกลางวันกันเสร็จ ลูกหลานของตระกูลที่เข้าร่วมปลุกพลังใน่นี้เทียบกับตอนเช้าแล้วศักยภาพด้อยกว่ามากอย่างเห็นได้ชัด ตลอด่บ่ายสัตว์อสูรคุณภาพสูงที่สุดที่เรียกออกมาได้มีระดับหกเพียงตัวเดียว ซึ่งผู้ที่เรียกออกมาคือเย่ชิงเฉินน้องชายของเย่ชิงเสที่เป็ศิษย์สายใน ที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นคือมีผู้เข้าร่วมปลุกพลังจำนวนไม่น้อยที่สีของวงแหวนแสงไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ซึ่งก็คือปลุกพลังล้มเหลวนั่นเอง
ส่วนตนเองปลุกพลังตอนอายุห้าปีสิบปีล้วนล้มเหลว เห็นได้ชัดว่าทางตระกูลจัดตนเองอยู่ในพวกลูกหลานที่ไม่มีศักยภาพใดๆ ไม่มีสิ่งใดให้คาดหวัง ถูกจัดไว้ลำดับท้ายๆ ก็สมควรแล้ว
“เย่ไห่อวิ๋น...สัตว์อสูรคุณภาพระดับหนึ่ง หมูลาย เย่ฮวาเถียน...สัตว์อสูรคุณภาพระดับสอง ตุ่น เย่เจี้ยนหง...สัตว์อสูรคุณภาพระดับสอง ไก่ปีศาจ เอาละต่อไปกลุ่มสุดท้าย เย่เซียวส่า เย่ชิงหาน เย่เอียนอวี่” ผู้าุโเทียนชิงประกาศขึ้นด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย สีหน้าเริ่มรู้สึกผ่อนคลายขึ้น
เพราะเป็กลุ่มสุดท้ายแล้ว การปลุกพลังเสร็จสิ้นลงงานของวันนี้ก็จะสำเร็จบริบูรณ์ด้วยดี แม้ว่าลูกหลานของตระกูลที่เข้าร่วมปลุกพลังตลอด่บ่ายที่ผ่านมาจะทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยเป็ที่น่าพอใจเท่าใดนัก แต่ว่าอย่างน้อยในปีนี้ก็มีผู้ที่สามารถเรียกสัตว์อสูรคุณภาพระดับเจ็ดออกมาได้ตัวหนึ่งแค่นี้ก็ดีมากพอแล้ว เพราะสัตว์อสูรคุณภาพระดับเจ็ดขึ้นไปล้วนเป็สัตว์อสูรระดับสูง ถ้าหากทุกๆ ปีตระกูลเย่สามารถเรียกสัตว์อสูรคุณภาพระดับเจ็ดออกมาได้อย่างนี้ตลอดต่อเนื่อง ถึงแม้จะเพียงแค่ตัวเดียวก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว สัตว์อสูรคุณภาพระดับเจ็ดเมื่อเติบโตเต็มวัยจะเทียบได้กับผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตจ้าวนักรบเลยทีเดียว
“ฮู่ว!”
ในที่สุดก็ถึงรอบของตนเองเสียที เย่ชิงหานปล่อยลมยาวออกมาจากปากครั้งหนึ่งเพื่อสงบอารมณ์และจิตใจที่กำลังตื่นเต้น ภายในใจแอบท่องทบทวนเนื้อหาที่อยู่ภายในคัมภีร์ลับเืเทพขั้นตอนสุดท้าย
คัมภีร์ลับเืเทพขั้นตอนที่สี่ - ตัดเื ทำการปิดกั้นเส้นเืและการไหลเวียนของเืภายในกายทั้งหมดในขณะที่ทำการปลุกพลังทางสายเื เป็การกระตุ้นเืเทพที่อยู่ภายในกายให้ออกมาป้องกันตนเอง และยังช่วยเพิ่มโอกาสในการปลุกพลังเทพาอีกด้วย ข้อควรระวังของขั้นตอนนี้คือ การไหลเวียนของเืกลับตาลปัตร เส้นชีพจรขาดสะบั้น สุดท้ายล่องลอยไปแดนสุขาวดี...
ล่องลอยไปแดนสุขาวดี!
เย่ชิงหานหันกลับไปมองน้องสาวที่นั่งข้างๆ อยู่เงียบๆ อย่างเอ็นดู ความรู้สึกภายในใจตอนนี้ยากที่จะกล่าว มีทั้งตัดใจไม่ได้ อาลัยอาวรณ์ มีทั้งละอายใจรู้สึกผิด และความรู้สึกแปลกๆ อีกบางอย่างที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไร
เย่ชิงอวี่อยู่ในชุดกระโปรงสีขาวราวกับภูตน้อย นางเห็นพี่ชายมองมาด้วยสายตาเช่นนั้นจึงกะพริบตาให้อย่างซุกซนและเอ่ยขึ้น “ท่านพี่เป็อะไร ทำไมถึงไม่รีบไปอีก? นี่ไม่ใช่การปลุกพลังครั้งแรกสักหน่อย เชื่อมั่นในตัวเอง ครั้งนี้ต้องสำเร็จ!”
เย่ชิงหานพยักหน้าตอบรับแล้วเดินตรงออกไปด้วยท่าทางสง่างาม ลำตัวยืดตรง แขนเสื้อโบกสะบัด ดูราวกับนักรบที่ออกสู้ศึกแล้วไม่คิดที่จะมีชีวิตกลับมาอีกครั้งฉันนั้น
ผ่านวงแหวนแสง เย่ชิงหานเดินเข้าไปภายในแท่นบวงสรวง
แม้ว่าจะเคยเข้าร่วมปลุกพลังทางสายเืมาแล้วถึงสองครั้ง แต่สำหรับเย่ชิงหานแล้วแท่นบวงสรวงที่ลี้ลับและสลับซับซ้อนนี้ยังคงแปลกใหม่เสมอ
ขนาดพื้นที่ภายในแท่นบวงสรวงไม่ใหญ่เท่าใดนัก มีลักษณะทรงกลมกว้างเมตรกว่าๆ พื้นทำมาจากหินลึกลับที่ไม่รู้จัก ส่วนผิว้าสลักไว้ด้วยอักขระแปลกประหลาดมากมาย มุมทั้งสี่มีหินผลึกสีขาวจัดวางอยู่ในแต่ละจุด แสงสีขาวที่แผ่ออกมาจากหินผลึกทั้งสี่รวมตัวกันกลายเป็วงแหวนแสงที่แปลกประหลาดลึกลับอย่างที่ปรากฏอยู่ภายนอก
ไอหมอกสีขาวแผ่ออกมาจากวงแหวนแสงอย่างเชื่องช้า จากนั้นไหลซึมเข้าไปภายในร่างของเย่ชิงหาน ยิ่งเวลาผ่านไปไอหมอกยิ่งเข้มข้นขึ้นเป็ลำดับ
ผ่านไปกว่าสามนาทีวงแหวนแสงยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ยังคงเป็สีน้ำนมที่กระเพื่อมอยู่ไปมาดังเดิม
“ดูแล้ว...ถ้าไม่ใช้เคล็ดวิชาลับเืเทพผลลัพธ์ที่ได้ก็คงล้มเหลวเหมือนสองครั้งก่อนเป็แน่...เอาก็เอา...ท่านพ่อหวังว่าท่านคงจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
เย่ชิงหานครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ภายในใจ จนถึงตอนนี้เวลาก็ผ่านไปสามนาทีแล้วแต่ผลที่ได้ก็ยังเหมือนสองครั้งก่อน ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วคงต้องเดิมพันด้วยชีวิต เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเริ่มทำตามคัมภีร์ลับเืเทพขั้นตอนที่สี่ - ตัดเื
เขานั่งขัดสมาธิโคจรพลัง “วิชาเย่หวง” อยู่ ณ ตำแหน่งใจกลางแท่นบวงสรวง ทำการโคจรพลังปิดกั้นจุดทางเดินของเืลมตามจุดต่างๆ ของร่างกาย
ผ่านไปไม่นานร่างกายของเขาก็เริ่มแดงขึ้น ิัภายนอกเริ่มปูดโปนด้วยแรงดันจากเส้นเืที่พองตัวขึ้น
“ทรมานอะไรอย่างนี้! นี่ก็คือการตัดเื? รู้สึกเหมือนจะขาดใจราวกับถูกคนบีบคออย่างไรอย่างนั้น โอ๊ย! สมองเริ่มมึนไปหมดแล้ว...ทำไมเืเทพยังไม่ออกมาป้องกันตัวเองอีก?”
ในตอนนี้เย่ชิงหานรู้สึกราวกับถูกคนจับหัวกดลงไปในน้ำ ความรู้สึกราวกับจะขาดใจช่างเป็อะไรที่น่ากลัวยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมองที่เริ่มจะมึนงงซึ่งเป็อาการของภาวะสมองขาดอากาศ
อดทน! อดทน!
ตอนนี้ในหัวของเขาหลงเหลือเพียงแค่คำว่าอดทนเพียงสองคำ แม้ในเวลาเช่นนี้เขาก็ยังคงเลือกที่จะเชื่อมั่นในตัวบิดาผู้เป็ยอดคนผู้นั้น ยังคงโคจรพลัง "วิชาเย่หวง" ปิดกั้นจุดทางเดินของเืลมปิดกั้นการไหลเวียนของเืภายในกายทั้งหมด
สภาพของเย่ชิงหานในตอนนี้หากถูกผู้อยู่ภายนอกพบเห็นคงต้องร้องออกมาด้วยความตื่นใเป็แน่ เนื่องจากใบหน้าของเขาในตอนนี้ไม่หลงเหลือเค้าของความหล่อเหลาดังเช่นแต่ก่อน หลอดเืดำปูดโปนไปทั่วทั้งร่าง ิัทั้งหมดแดงก่ำ หูจมูกปากเริ่มมีเืไหลออกมา สภาพน่าหวาดกลัวราวกับปีศาจร้าย
ซวยแล้ว!
เย่ชิงหานร้องขึ้นมาอย่างขนลุกหวาดเสียวภายในใจ ในขณะเดียวกันเืสดๆ จำนวนมากเริ่มทะลักออกมาทางปาก คงจะเป็เพราะทำการปิดกั้นจุดทางเดินของเืลมเป็เวลานาน ในที่สุดหลอดเืก็แบกรับไม่ไหวจึงะเิแตกออกมาอย่างรุนแรง
จบสิ้นแล้ว! คงได้ซี้แหงแก๋ล่องลอยไปแดนสุขาวดีจริงๆ ก็คราวนี้...
เย่ชิงหานทอดถอนใจอยู่ภายในใจ สมองตอนนี้กลับรู้สึกปลอดโปร่งเป็พิเศษคล้ายดั่ง่เวลาของคนที่กำลังจะตายสีหน้าจะกลับมาดูสดใสขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึกราวกับว่ามองเห็นจุดชีพจรภายในร่างกำลังะเิแตกออกเป็เสี่ยงๆ เืสดจำนวนมากไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย ยังรู้สึกราวกับว่าตนเองสามารถมองทะลุผ่านไอหมอกหนาสีขาวภายในแท่นบวงสรวงแห่งนี้ มองออกไปเห็นถึงสีหน้าและอารมณ์ความรู้สึกของทุกคนที่อยู่ในหอสัตว์อสูร เห็นถึงน้องสาวเย่ชิงอวี่ที่กำลังยืนอยู่มุมข้างๆ สายตาจับจ้องมายังวงแหวนแสงของตนเองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง ด้วยความปรารถนาและความอ่อนโยน...
ในขณะที่เย่ชิงหานกำลังจะหมดสติเพราะสูญเสียเืมากเกินไปนั้น แหวนทองเหลืองที่เขาสวมไว้ที่มือข้างซ้ายพลันเปล่งประกายแสงสีขาวขึ้น จากนั้นกระแสพลังสีขาวคล้ายกับแพรต่วนพวยพุ่งออกมาจากภายในแหวน จากบริเวณนิ้วไหลซึมผ่านเข้าไปภายในร่างของเย่ชิงหาน
ทันใดนั้น...
กระแสพลังที่ซึมผ่านเข้าไปด้านมือซ้ายเริ่มไหลไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่ทำให้รู้สึกแปลกประหลาดใจยิ่งกว่าคือ กล้ามเนื้อทุกส่วนภายนอกร่างกายของเย่ชิงหานที่กระแสพลังสีขาวไหลผ่านจะปรากฏแสงสีน้ำนมจางๆ ขึ้น ส่วนเส้นเืดำที่ปูดโปนและิัที่แดงด่ำก็ฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว
แค่เพียงชั่วครู่ทุกที่ที่กระแสพลังสีขาวไหลผ่าน ิัและกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายล้วนฟื้นฟูกลับมาเป็ปกติดังเดิม จะมีก็เพียงแต่จุดชีพจรบริเวณทรวงอกที่แตกสลายเท่านั้นที่ยังคงมีแสงสีน้ำนมปรากฏให้เห็นอยู่เลือนราง กระแสพลังสีขาวไหลวนไปทั่วร่างกายจนครบหนึ่งรอบแล้วจึงมาหยุดอยู่ที่ตำแหน่งบริเวณข้างๆ หัวใจของเย่ชิงหาน ซึ่งก็คือจุดชีพจรที่ะเิแตกออกไปก่อนหน้านี้
เย่ชิงหานไม่สามารถรับรู้ได้โดยสิ้นเชิงเกี่ยวกับสิ่งแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตนเอง เพราะก่อนที่กระแสพลังสีขาวนี้จะปรากฏออกมาเขาได้หมดสติสลบไสลไปก่อนแล้ว
.................................
“ผ่านไปตั้งห้านาทีแล้วทำไมถึงยังไม่มีการตอบสนองใดๆ?”
เย่ชิงอวี่ที่ยืนอยู่มุมด้านซ้ายของห้องโถงคิ้วขมวดขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความห่วงกังวล นางรู้ดีว่าการปลุกพลังในครั้งนี้สำหรับเย่ชิงหานแล้วมีความสำคัญมากมายเพียงใด
การปลุกพลังในครั้งนี้สำหรับนางแล้วไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไร แต่ที่นางใส่ใจคือพี่ชาย ถ้าหากว่าการปลุกพลังในครั้งนี้ล้มเหลวอีกพี่ชายคงต้องเสียใจอย่างมากเป็แน่
“โอ้ว...เปลี่ยนสีแล้ว!”
คนที่อยู่ข้างๆ ร้องออกมาเบาๆ เย่ชิงอวี่เงยหน้าขึ้นในทันที สายตาแห่งความยินดีมองไปยังวงแหวนแสงที่อยู่ตรงกลางซึ่งเป็แท่นบวงสรวงที่เย่ชิงหานอยู่ แต่ก็ต้องก้มหน้ากลับลงดังเดิมด้วยความผิดหวัง วงแหวนแสงเมื่อสักครู่ที่เปลี่ยนสีเป็ของอีกคนที่อยู่ด้านซ้าย ส่วนวงแหวนแสงที่อยู่ตรงกลางยังคงเป็สีขาวลานตาดังเดิม
เฮ้อ...อีกสักพักจะปลอบท่านพี่อย่างไรดี?
เย่ชิงอวี่แค่คิดก็เริ่มกลัดกลุ้ม สายตาส่อประกายเลือนราง จิตใจเหงาหงอย แต่ในขณะที่กวาดตามองวงแหวนแสงอย่างไม่ตั้งใจอยู่นั้น นางถึงกับอึ้งขึ้นมาทันทีราวกับว่าสมองถูกทำให้สั่งการเชื่องช้าลง จากนั้นนางะโร้องขึ้นด้วยเสียงอันดัง “เปลี่ยนแล้ว! เปลี่ยนแล้ว!...วงแหวนแสงของพี่ชายข้าเปลี่ยนสีแล้ว!!”
เสียงร้องที่โพล่งออกมาของนางดังไปทั่วห้องโถงใหญ่ ดึงดูดความสนใจของทุกคนให้จับจ้องไปยังวงแหวนแสงที่อยู่ตรงกลาง
ภายในหอขนาดใหญ่นี้มีวงแหวนแสงสามอัน วงแหวนแสงด้านซ้ายมือเปลี่ยนสีไปก่อนหน้านานแล้วและตอนนี้หยุดอยู่ที่สีเหลืองไม่มีการขยับเขยื้อนอีก ส่วนวงแหวนแสงที่อยู่ตรงกลางเริ่มค่อยๆ เปลี่ยนจากสีขาวเป็สีแดงอย่างช้าๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้