ความจำนายกลับมาแล้วจริงๆ
ประโยคที่เนี่ยเซิงเสี่ยวพูดออกมาไม่ใช่ประโยคคำถาม
เหยียนจิ่งจื้อที่อยู่ปลายสายก็วางสายไป ต้องเป็ภรรยาที่ไร้เหตุผลแค่ไหนถึงได้เอาลูกชายไปซ่อนแถมยังหลอกเขาว่านี่คือลูกที่เกิดจากชายอื่น ต้องเป็พ่อที่แย่แค่ไหนถึงได้ไล่ลูกเมียของลูกชายตัวเอง แต่ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ ์ขีดให้เขาความจำเสื่อม!
เหยียนจิ่งจื้อรู้สึกว่าโลกนี้มันช่างเลวร้าย
เลวร้ายมากจริงๆ
ในตอนที่หานอวี้จือรับสายของเหยียนจิ่งจื้อเขากำลังตรวจช่องปากของหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งอยู่ ปากของผู้หญิงคนนี้เหม็นจนทำให้เขาเกือบมึนหัวตาย ทว่าบนใบหน้าของเธอก็ยังประดับด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าสวยมากที่สุดพร้อมขยิบตาให้
ใครๆ ก็ต่างพูดกันว่าคุณหญิงคุณนายพวกนี้ชอบเด็กหนุ่มสวมเสื้อกาวน์ในโรงพยาบาลมากที่สุด พอไม่มีเื่อะไรจะทำก็มักจะวิ่งมาหาทุกครั้ง ไม่ต้องพูดถึงเื่ที่พวกเธอใช้เงินเลี้ยงดูหมอหนุ่มพวกนั้นเลย
หานอวี้จือเองก็รู้สึกถึงว่าโลกนี้น่าสะอิดสะเอียน
โทรศัพท์มือถือในมือสั่น เขาก็แทบจะโยนเครื่องมือการตรวจในมือทิ้งราวกับมันเป็ะเิ “ขอโทษนะครับ ผมขอไปรับโทรศัพท์ก่อน”
“รับเถอะค่ะ รับเถอะ วางใจแล้วรับสายได้เลย เื่โทรศัพท์น่ะ ฉันจะไม่มีทางบอกผอ. โรงพยาบาลพวกคุณแน่นอน”
“ไอ้บ้าเอ้ย! ฉันจะต้องบอกเธอหรือเปล่าว่าพ่อฉันคือผอ. โรงพยาบาล!” หานอวี้จือรับสายของเหยียนจิ่งจื้อก็เริ่มสบถออกมา ครอบครัวของเขาทำงานเป็หมอกันมาหลายรุ่นจนโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ได้กลายเป็ต้นแบบของเมือง H ไปแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกับคุณนายเลี้ยงต้อย ์ช่าง…ไม่เห็นใจเขาเลย!
เหยียนจิ่งจื้อไม่ได้ออกความเห็นอะไรกับเื่เมาท์ของเขา และก็ไม่มีอารมณ์จะมาออกความเห็นด้วย “ฉันจะไปหาแก”
“โว้ว ช่างเป็คนดีอะไรแบบนี้ จะมาช่วยฉันเหรอ? คิดจะตอบแทนบุญคุณเื่ที่ฉันไปรับผู้หญิงและลูกของนายครั้งที่แล้วใช่ไหม ไม่ต้องหรอก ได้ยินมาว่าผู้หญิงและลูกเด็กของนาย…”
“หุบปาก รีบจัดการเื่ตรวจไขกระดูกให้ฉัน ระหว่างนั้นก็ช่วยฉันหาข้อมูลคนไข้ภายในเครือโรงพยาบาลของพวกนายให้หน่อยว่าเหนี่ยวเหนี่ยวอยู่โรงพยาบาลไหน” เหยียนจิ่งจื้อพูดจบอย่างรวดเร็ว พลางหรี่ตามองผู้คนที่เดินไปมาอยู่ด้านนอก
“นายไม่ได้เป็อะไรแล้วจะตรวจไขกระดูกไปทำไม แล้วก็อย่ามาใช้น้ำเสียงเหมือนฉันติดเงินนายห้าล้านจะได้ไหม ถึงว่าหลายปีมานี้นอกจากเจินเนี้ยนกับติงเจียลี่ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้าใกล้นาย” ถึงแม้หานอวี้จือจะชินกับนิสัยแบบนี้ของอีกฝ่ายและเข้าใจนิสัยปากร้ายแต่ใจดีนั้นดี แต่อย่างไรเขาก็ไม่อยากจะกลับไปตรวจช่องปากของผู้หญิงคนนั้นไวเกินไป จึงหยอกล้อเขาออกไปอีกหลายประโยค
“ฉันสงสัยว่าเนี่ยเหนี่ยวเหนี่ยวเป็ลูกของฉัน”
หานอวี้จือได้ยินประโยคนี้ก็อยากจะเข้าไปะโถีบสักที “สมองของนายมีปัญหาอะไรหรือเปล่า? หน้าตาเหมือนขนาดนั้นจะไปเป็ลูกของคนอื่นได้ยังไง?”
เดิมทีก็ไม่มีอะไร แต่เหยียนจิ่งจื้อหายใจเข้าลึกๆ แล้วมาคิดทบทวนดีๆ เขาก็นึกออกว่าตอนนั้นอาจจะเป็เพราะคำพูดของเนี่ยเซิงเสี่ยวทำให้เขาเชื่อว่าเหนี่ยวเหนี่ยวเป็ลูกของคนอื่น พอมาเจอประโยคนี้ของหานอวี้จือเขาจึงไม่มีคำพูดอื่นอะไรมาโต้แย้ง
ใช่ หลายวันมานี้เขากลับไปเชื่อว่าเด็กที่เขาเจอแล้วรู้สึกคุ้นเคยคนนั้นไม่ได้เป็ลูกของเขา “สมองนี่มีปัญหาแล้วจริงๆ นั่นแหละ”
หานอวี้จือได้ยินก็อ้าปากค้าง เขาเกือบจะคิดว่าตัวเองหูฝาดไปแล้ว คนที่คิดว่าตัวเองสูงส่ง ไม่ยอมรับฟังคำต่อว่าของใครทั้งนั้นอย่างเหยียนจิ่งจื้อบอกว่าสมองของตัวเองมีปัญหา…
ตอนที่หานอวี้จือกลับไปยังห้องตรวจ ผู้หญิงมีกระคนนั้นก็ยังคงนั่งยิ้มรออยู่ เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้นั่งอยู่บนเก้าอี้คนไข้แต่มานั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานของเขา พร้อมนั่งไขว้ห้างจนเผยให้เห็นต้นขาสวย
หานอวี้จือใช้จรรยาบรรณทางการแพทย์ที่ต้องช่วยชีวิตประชาชนมาช่วยอดกลั้นไม้ให้สบถออกไป “คุณเถียน ่นี้ของที่คุณกินเข้าไปค่อนข้างไม่มีประโยชน์ ผมจะสั่งยาบำรุงท้องให้คุณ กลับไปแล้วช่วยระวังเื่อาหารการกิน นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไรแล้วครับ”
“อ่อ ใช่แล้ว ่นี้ภูมิคุ้มกันร่างกายของคุณลดลงอาจจะเพราะเสื้อผ้าที่ใส่ค่อนข้าง…เอ่อ น้อยไปนิดหน่อย ระวังเอาไว้ด้วยนะครับ”
หญิงสาวที่มีใบหน้าเป็กระชอบหมอที่หล่อและอ่อนโยนแบบนี้มาก เธอลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น “หมอหานคะ ฉันขอเลี้ยงข้าวคุณหมอสักมื้อได้ไหมคะ คุณดูสิคะนี่ก็ใกล้ถึงเวลาทานข้าวแล้ว ใกล้ๆ นี่ก็มีร้านอาหารอร่อยเปิดใหม่พอดีด้วย!”
ในใจของหานอวี้จือมีอัลปาก้า[1]หมื่นตัววิ่งออกมาแล้ว “ขอโทษนะครับ เมื่อครู่เพิ่งได้รับคำขอจากเพื่อนมาว่าให้เตรียมการตรวจที่ค่อนข้างยุ่งยากมาเคสหนึ่งน่ะครับ ขอให้คุณเถียนเดินทางปลอดภัยนะครับ” พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปข้างนอกทันที
“หมอหานคะ รอก่อนค่ะ!” เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นว่าตัวเองกำลังถูกรังเกียจ จึงรู้ว่าไม่ควรจะทำอะไรอ้อมค้อมอีกต่อไปแล้ว “คุณหมอหานรู้ไหมคะ? ฉันคือลูกสาวของท่านประธานบริษัทไท่ซานกรุ๊ป”
“อ่อ หรือครับ? คำว่าไท่ซานนี่ ยิ่งใหญ่จริงๆ นะครับ”
ฮ่าๆๆๆ พยาบาลหลายคนที่แอบฟังอยู่ด้านนอกประตูขำจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาแล้ว ผู้หญิงคนนี้พวกเธอเองก็รู้จัก เธอมาก่อกวนหมอหนุ่มหลายคนแล้ว ครั้งนี้ความสนใจของเธอมาอยู่ที่หมอหานที่รักของพวกเธอเสียได้ พวกเธอจึงแอบมองเหตุการณ์ั้แ่ต้นมาตลอด
แต่ว่าหมอหานคนนี้ปากร้าย ถ้าเอาจริงขึ้นมาไม่ว่าใครก็ไม่สามารถต่อกรได้
หญิงสาวโกรธแล้วชี้นิ้วมาที่หลังของเขาอยู่นานแต่พูดอะไรไม่ออก สุดท้ายก็พูดได้แค่ว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะ!” แล้วเดินจากไป
บางทีคนอื่นที่ได้ฟังคำว่า ฝากเอาไว้ก่อน แล้วใจจะรู้สึกหวั่นๆ แต่ว่าหานอวี้จือกลับไม่กลัวเลย สักนิดก็ไม่มี
สำหรับตระกูลหานที่ผูกขาดธุรกิจการแพทย์ เขากลับหวังว่าจะมีคนเข้ามาท้าทายจริงๆ
“หัวเราะอะไรกันครับ อีกครึ่งชั่วโมงช่วยเตรียมการตรวจไขกระดูกเอาไว้ด้วย ่นี้ผมไม่รับการนัดของคนไข้ระดับสูงคนไหนนะครับ” หานอวี้จือกลัวคนไข้ระดับสูงแบบนี้จริงๆ
“ไม่ต้อง เริ่มตรวจตอนนี้เลยก็ได้” จู่ๆ ด้านหลังก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น หานอวี้จือรีบหันไปดูด้านหลังแล้วก็คิดว่า ทำไมเหยียนจิ่งจื้อถึงได้มาเร็วขนาดนี้!
“นายขับเครื่องบินที่บ้านมาหรือไง?”
เหยียนจิ่งจื้อถลึงตาใส่เขา “ตอนที่โทรหาฉันก็ออกมาแล้ว แล้วเื่ที่ให้นายหาข้อมูลล่ะ?”
หานอวี้จือรู้สึกว่าเ้าหมอนี่ใจร้อนเกินไปแล้ว เพิ่งจะผ่านไปห้านาที เขาจะไปเอาข้อมูลจากไหนมาให้ แต่ว่า…เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “โรงพยาบาลฉางเจียงเป็ธุรกิจที่อยู่ภายใต้การดูแลของนายนะ หลังจากที่นายออกคำสั่งห้ามเนี่ยเซิงเสี่ยวแล้ว นายไม่รู้จริงๆ หรือว่าเธอพาลูกชายไปอยู่โรงพยาบาลนั้น ไปตรวจได้นะว่าภายในเฉินตงของนายมีหนอนหรือเปล่า”
ขมับของเหยียนจิ่งจื้อปวดตุบๆ สามารถคิดได้ว่าพนักงานในเฉินตงมีอยู่เพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือเนี่ยเซิงเสี่ยวได้ หนึ่งในสองตอนนี้ยืนอยู่ข้างตัวเขา เขาหันไปมองจินเป้ยน่า
จินเป้ยน่าเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบโบกมือ “ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นนะคะท่านประธาน คุณจะต้องเชื่อฉันนะคะ” ประโยคหลังยังพูดเสริมอีกว่า “ถึงแม้ว่าหากฉันเป็คนที่เจอ ก็อาจจะช่วยเธอจริงๆก็ตามค่ะ”
เหยียนจิ่งจื้อดึงสายตาตัวเองกลับมา เช่นนั้นก็มีแค่คนเดียวแล้ว ในตอนนั้นเขาก็มีความคิดที่จะไล่หวงเทาออก
แต่ว่าจิตใจด้านดีและเหตุผลของเขาก็ยังคงมีอยู่ ถ้าหากอยู่ในสถานการณ์นั้นแล้วหวงเทาไม่ทำแบบนั้น ตอนนี้เขาก็อาจจะไม่ได้คิดจะไล่อีกฝ่ายออก แต่คงคิดจะฆ่าทิ้งแทน
เหยียนจิ่งจื้อกำหมัดแน่นแล้วเข้าไปในห้องตรวจกับหานอวี้จือ
*
หวงเทาจามออกมาอย่างแรง พลางคิดว่าไอ้ชั่วคนไหนมาด่าเขาในเวลาแบบนี้? ก่อนจะยื่นตัวไปหยิบกระดาษทิชชูมาแผ่นหนึ่ง
ถงซินมองเขาด้วยความเป็ห่วง “คุณหวงไม่สบายหรือคะ? หรือว่าเป็หวัดแล้ว? ฉันกำลังจะไปหาเหนี่ยวเหนี่ยวที่โรงพยาบาลพอดีเลย จะไปตรวจร่างกายสักหน่อยไหมคะ?”
หวงเทาโกรธจนไม่รู้จะพูดอย่างไร เปิดประตูรถปึงปังออกจากรถไปก่อนจะถลึงตามองถงซินแล้วชี้ไปที่ท้ายรถที่ถูกเธอชนจนบุบ “คุณถงครับ คุณช่วยอธิบายเื่นี้มาหน่อยสิครับ” เมื่อครู่เขาขับรถมาดีๆ จู่ๆ ด้านหลังก็มีรถมาตามจี้ตูดเขา แถมยังตามได้น่ากลัวมาก เขาถึงทำได้แค่เร่งความเร็วหนีมาตลอด และในตอนที่เขาถูกตำรวจดักให้จ่ายค่าปรับเื่ขับรถเร็วเกินไป ในที่สุดรถที่อยู่ด้านหลังก็ขับมาชนท้ายรถเขา
ในตอนนั้นหวงเทาอยากจะด่าออกมาจริงๆ สรุปว่าสมองของเ้าของรถที่ตามตูดรถเขานั้นมีรอยรั่วใช่ไหม? หรือเป็เพราะว่าเขามีเสน่ห์มากเกินไป!
“นั้นก็เพราะว่าคุณมีเสน่ห์มากเกินไปนี่คะ!” ถงซินเลือกคำตอบข้อหลังของเขาแบบไม่ลังเล
หวงเทาที่ถูกคำตอบเธอจู่โจมเข้าทำให้ใจนพูดอะไรไม่ออก ผู้หญิงคนนี้ตอนที่พวกเขาเจอกันครั้งแรกก็แสดงออกว่ามีความรู้สึกดีๆ ให้โดยไม่ปิดบัง ถึงเมื่อก่อนจะเคยมีคนมาชอบหรือแม้แต่เข้าหาเขาเพราะเงินแต่ก็ไม่เคยแสดงออกมาชัดเจนแบบนี้
เมื่อเห็นหวงเทาแสดงท่าทางกระอักกระอ่วนออกมา แต่บนใบหน้าก็ยังแอบเห็นสีแดงเรื่อจางๆ ในวินาทีนั้นยิ่งทำให้ถงซินยิ่งหลงเข้าไปใหญ่ ไม่รู้ว่าเขาก็มีด้านที่น่ารักแบบนี้ด้วย ถึงอดที่จะถามออกไปไม่ได้ว่า “คุณหวงคะ ฉันขอเบอร์คุณได้ไหมคะ”
[1] อัลปาก้า ภาษาจีนคือ草泥马 ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า 曹尼玛 cao ni ma ซึ่งเป็คำด่าของจีน