“แต่นี่เป็เคล็ดวิชาระดับสุดยอดเชียวนะ ฝึกฝนสำเร็จสามารถดำดิน เหาะเหินเดินอากาศ และยังมีความสามารถพิเศษมหัศจรรย์ต่างๆ อีกมากมายที่สามารถทำได้ มีโอกาสดีเช่นนี้เ้าไม่ฝึกก็น่าเสียดายแย่!” เย่เทียนหลงเมื่อได้ฟังก็ร้อนรนขึ้นมาทันทีรีบพูดหว่านล้อมนางขึ้น แต่เนื่องด้วยไม่มีเวลาให้คิดว่าจะพูดหว่านล้อมอย่างไรดีจึงได้พูดออกไปเหมือนผู้ใหญ่ปะเลาะหลอกเด็กอย่างไรอย่างนั้น
เย่ชิงหนิวเองก็ร้อนรนขึ้นมาเช่นกัน ถ้าหากเย่ชิงอวี่ไม่ฝึกฝนละก็ทุกอย่างก็กลายเป็แค่เื่เพ้อฝัน ไม่ต้องพูดว่าสิบปีแต่ต่อให้ร้อยปีก็เป็เทพไม่ได้ ดังนั้นจึงรีบพูดจูงใจขึ้นด้วยเช่นกัน “เด็กน้อย เ้าไม่ฝึกไม่ได้น่ะถือว่าพวกข้าทั้งสองขอร้องเ้าละ คิดซะว่าไม่มีอะไรทำฝึกเล่นๆ ไป...เอ้ย! ไม่ใช่ เฮ้อ...เอาเป็ว่าเ้าจะต้องฝึกก็แล้วกัน!”
เย่ชิงอวี่เองก็ร้อนรนเช่นกันสายตามองไปยังทั้งสองคนอย่างเกรงกลัวแล้วก็มองไปยังเย่ชิงอู่ จากนั้นก้มหน้าลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ ออกมา “ท่านปู่ทั้งสอง ข้ารู้ดีว่าการฝึกยุทธ์นั้นดี แต่ข้าไม่อยากเรียนจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง...ต่อให้พวกท่านบีบบังคับให้ข้าเรียนแต่ข้าไม่มีความสนใจ ฝึกฝนไปก็คงไม่ได้เก่งกาจอะไรมาก ระดับพลังฝีมือก็คงไม่สูงเท่าไรแน่ๆ?”
“เอ่ออ...” เย่เทียนหลงถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงด้วยความอับจนปัญญา เย่ชิงอวี่ไม่มีความสนใจที่จะฝึกถือว่าเป็เื่ที่ยุ่งยากอย่างแท้จริง การฝึกยุทธ์หากใช้การบีบบังคับผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ต่างจากไม่ฝึก
“หนูอู่ เ้าต้องคิดหาวิธีพูดโน้มน้าวให้เย่ชิงอวี่ฝึกยุทธ์ให้ได้ ส่วนเหตุผลข้าจะอธิบายให้ฟังหลังจากนี้ เื่นี้เป็เื่ที่สำคัญมาก!” เย่ชิงหนิวก็อับจนปัญญา ดวงตาวัวกลอกกลิ้งไปมาสุดท้ายมองไปทางเย่ชิงอู่ จากนั้นนึกอะไรขึ้นมาได้จึงส่งกระแสเสียงบอกเย่ชิงอู่ให้หาทางพูดโน้มน้าวเย่ชิงอวี่ให้ได้
“หืม?” เย่ชิงอู่มองดูเย่ชิงหนิวอย่างงุนงงสงสัยแต่ก็ยังพยักหน้าตอบรับ แม้จะไม่เข้าใจว่าในเมื่อเย่ชิงอวี่โตถึงขนาดนี้แล้วทำไมท่านหัวหน้าตระกูลและท่านปู่ถึงยัง้าให้เย่ชิงอวี่ฝึกยุทธ์อยู่อีก? การฝึกยุทธ์จำเป็ต้องเริ่มฝึกต้องแต่ยังเล็ก ยิ่งอายุยังน้อยการเลื่อนระดับขั้นพลังยิ่งรวดเร็วความสำเร็จในภายภาคหน้าก็จะไปได้ไกลมากยิ่งขึ้น แต่ตอนนี้เย่ชิงอวี่อายุสิบห้าเกือบจะสิบหกแล้วถึงค่อยเพิ่งให้มาเริ่มฝึกยุทธ์ แล้วอย่างนี้จะมีความสำเร็จอะไรมากมายได้รึ?
แต่สงสัยก็ส่วนสงสัย ในเมื่อเย่ชิงหนิวส่งกระแสเสียงมาขนาดนี้แล้วและโดยเฉพาะอย่างยิ่งมองเห็นเย่เทียนหลงร้อนรนกระวนกระวายใจเช่นนั้นนางก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน ครั้นแล้วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ยปากพูดขึ้น “น้องสาว เคล็ดวิชาเ่าั้เ้าจำเป็จะต้องฝึกฝนจริงๆ!”
“หืม? พี่สาวชิงอู่ ทำไมแม้แต่ท่านก็ยังพูดเช่นนี้ล่ะ?” เย่ชิงอวี่มองดูนางอย่างงุนงงสงสัย อยากจะฟังเหตุผลที่นางจะพูดออกมา
“เหตุผลมีมากมาย!” เย่ชิงอู่ยิ้มพรายออกมาพร้อมกับพูดขึ้น “เหตุผลข้อแรก...ตอนนี้พลังฝีมือของพี่ชายเ้ายิ่งนับวันยิ่งสูงมากขึ้นเรื่อยๆ และแน่นอนว่าเขาคงไม่สามารถอยู่ข้างกายเ้าได้ตลอดเวลาใช่ไหม ถ้าหากครั้งต่อไปมีคนเลวแบบเย่ชิงเสโผล่ขึ้นมาอีกถ้าเ้ามีวรยุทธ์ก็จะสามารถป้องกันตนเองได้ โศกนาฏกรรมที่น่าเศร้าก็คงไม่ต้องเกิดขึ้นอีกมิใช่รึ?”
“เหตุผลข้อที่สอง...การฝึกยุทธ์สามารถทำให้อายุขัยยืนยาวขึ้นได้และรูปร่างหน้าตาไม่แก่ลงง่ายๆ ตอนนี้พี่ชายของเ้าพลังฝีมือแข็งแกร่งยิ่งขึ้นทุกวันอายุขัยก็ยืนยาวขึ้นอีกมาก เพียงแค่ผ่านไปไม่กี่สิบปีเ้าคงจะกลายเป็ยายแก่แล้วแต่พี่ชายของเ้ายังคงเป็หนุ่มเหมือนเดิม เ้าคงไม่อยากให้เป็แบบนั้นหรอกใช่ไหม? ดังนั้นหากเ้าอยากที่จะอยู่ด้วยกันกับพี่ชายของเ้าให้นานๆ และเป็สาวเช่นนี้ตลอดไป การฝึกยุทธ์จึงเป็ตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว...”
“เหตุผลข้อที่สาม...ยิ่งพลังฝีมือของพี่ชายเ้าสูงมากยิ่งขึ้นเท่าไรศัตรูที่ต้องพบเจอก็ยิ่งแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเท่านั้น เ้าไม่อยากที่จะช่วยพี่ชายของเ้าหากเ้าสามารถพอที่จะช่วยได้หรอกรึ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเ้าไม่อยากทำให้พี่ชายของเ้าตื่นเต้นดีใจเมื่อเขากลับมาเห็นว่าเ้าเองก็ได้กลายเป็ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งแล้วเช่นเดียวกันหรอกรึ? เหตุผลข้อที่สี่...”
เย่ชิงอู่บรรยายออกมาช้าๆ อย่างมีเหตุมีผล นางรู้เป็อย่างดีว่าถ้าอยากให้เย่ชิงอวี่ฝึกยุทธ์ละก็จะต้องหาเหตุจูงใจให้นางเกิดความสนใจขึ้นมาให้ได้ และสิ่งที่สามารถทำให้เย่ชิงอวี่มีความสนใจขึ้นมาได้ก็มีแค่เพียงเย่ชิงหานเพียงคนเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางโยนเหยื่อล่อชั้นดีคือความไม่แก่เมื่อทำการฝึกยุทธ์ออกมา ซึ่งความจริงนี้เป็สิ่งล่อลวงที่ผู้หญิงทุกๆ คนล้วนไม่สามารถที่จะต้านทานเอาไว้ได้
“ข้าจะฝึก!” เย่ชิงอวี่ตอบอย่างเด็ดเดี่ยวโดยไม่มีอาการลังเลใดๆ อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟังดูแล้วยังเต็มไปด้วยความสนใจอย่างเหลือล้น
.................................
กาลเวลาราวกับเมฆหมอกที่พัดผ่าน เพียงชั่วพริบตาสองเดือนก็ผ่านไป ลมหนาวพัดมาเยือนอย่างช้าๆ ป่าดำมืดทางด้านทิศเหนือเริ่มมีหิมะสีขาวลอยปลิวไสวขึ้นทั่วทั้งผืนป่า ทวีปัเพลิงถูกสายลมที่เหน็บหนาวปกคุลมไปทั่วทุกพื้นที่
เย่ชิงหานไม่ได้รู้สึกถึงความเหน็บหนาวแม้แต่น้อย ไม่ใช่เพราะระดับพลังฝีมือที่สูงขึ้นของเขาจนทำให้ไม่รู้สึกหนาว แต่เป็เพราะม่านพลังหมอกสีขาวของูเาสุสานทวยเทพที่ขวางกั้นตัดขาดที่แห่งนี้กับโลกภายนอกออกจากกัน ที่นี่ไม่มีลม ไม่มีฝน แม้แต่แสงแดดในตอนกลางวันที่สาดส่องเข้ามายังมืดสลัวเป็อย่างมาก
เย่ชิงหานไม่รู้ว่าคนภายนอกสวมใส่เสื้อผ้าขนหนากันแล้ว และไม่รู้อย่างแน่ชัดว่าตนเองอยู่ภายในูเาสุสานทวยเทพแห่งนี้มานานเท่าใดแล้ว แรกเริ่มเขายังพอจะนับวันเวลาอย่างแน่นอนอยู่ แต่พอมาถึงพักหลังๆ นี้เขาเริ่มี้เีที่จะนับขึ้นมาแล้ว ตอนนี้เขารู้แต่เพียงว่าภายในดินแดนแห่งภาพลวงตานี้เขารู้สึกเบื่อเป็อย่างมาก ทัศนียภาพภายในไม่มีอะไรชวนให้สนุกตื่นเต้นเลยทั้งจืดชืดไร้ชีวิตชีวาจนแทบจะทำให้คนหงุดหงิดรำคาญจนเป็บ้า ดังนั้นเขาจึงตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนทั้งวันทั้งคืนเพียงอย่างเดียวเพื่อที่จะได้บรรลุถึงระดับขอบเขตจ้าวนักรบให้เร็วที่สุด
ในวันนี้เป็วันที่เขาจะทำการสร้างแก่นแท้พลังตันเถียนขึ้น ขอเพียงแค่สร้างแก่นแท้พลังตันเถียนได้สำเร็จก็จะสามารถเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตจ้าวนักรบได้ ขอเพียงพลังฝีมือบรรลุถึงระดับขอบเขตจ้าวนักรบด่านภาพลวงตาอีกหกด่านที่เหลือก็จะไม่ใช่เื่ยากอีกต่อไป รีบเด็ดเอาผลไม้แห่งอารมณ์ทั้งหกลงมาแล้วผ่านด่านแรกนี้ไปเสียที
ผลไม้วิเศษที่มีอยู่อย่างมากมายภายในด่านแรกนี้ทำให้พลังฝีมือของเขารุดหน้าอย่างก้าวะโ เพียงแค่แปดเดือนก็สามารถทำให้เขาที่เพิ่งเหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตนักรบเลื่อนขั้นพลังฝีมือขึ้นมาถึงระดับขั้นสูงสุดขอบเขตนักรบได้ หากพูดออกไปให้คนภายนอกฟังคงไม่มีใครเชื่อเพราะในประวัติศาสตร์ยังไม่เคยมีใครที่มีผลไม้วิเศษไว้ใช้ฝึกฝนได้อย่างยาวนานถึงแปดเดือนเช่นนี้มาก่อน
“เสี่ยวเฮย ข้าจะทำการฝึกฝนขั้นตอนที่สำคัญที่สุดแล้ว...การสร้างแก่นแท้พลังตันเถียน เ้าจำเอาไว้ถ้าหากครบกำหนดสี่ชั่วโมงแล้วข้ายังฝึกฝนได้ไม่สำเร็จละก็ให้เ้ารีบส่งกระแสเสียงมาบอกข้า!”
ััได้ถึงพลังปราณรบสภาพของแข็งที่คล้ายกับ “เม็ดทราย” ที่กำลังไหลเวียนอยู่ภายในตันเถียน เย่ชิงหานยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับส่งกระแสเสียงบอกเสี่ยวเฮย ให้มันคอยเตือนเขาถึงการโจมตีของภาพลวงตาที่กำลังจะมาถึงในครั้งต่อไป
“ได้เลยลูกพี่...ลูกพี่สู้ๆ ต้องทำให้สำเร็จให้ได้ พรุ่งนี้พวกเราไปทะลวงผ่านด่านแรกกันข้าเบื่อจะตายอยู่แล้ว!” เสี่ยวเฮยหัวเราะแหะๆ ส่งกระแสเสียงตอบกลับมา
เย่ชิงหานยิ้มออกมาที่มุมปากอย่างเบิกบานใจ จากนั้นเริ่มทำให้ทั่วทั้งร่างกายผ่อนคลายลง ทำจิตใจให้สงบเป็สมาธิจดจ่อเข้าไปภายในเพื่อเริ่มสร้างแก่นแท้พลังตันเถียนขึ้นมา
การสร้างแก่นแท้พลังตันเถียนง่ายดายมาก พลังปราณรบสภาพของแข็งที่เป็ก้อนเล็กๆ เหมือนเม็ดทรายที่อยู่ภายในตันเถียนในตอนนี้ สิ่งที่เย่ชิงหานจะต้องทำคือควบคุมพลังปราณรบสภาพของแข็งที่เป็ก้อนเม็ดทรายเ่าั้ให้ขยับเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ ภายในตันเถียนจนเกิดการหมุนวนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นทำการบังคับหมุนวนต่อไปเรื่อยๆ ไม่หยุด เพิ่มความเร็วในการหมุนให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีกจนสุดท้ายหมุนจนเกิดเป็ลักษณะเกลียวน้ำวนขึ้นมา
คล้ายๆ กับการใช้มือแกร่งลงไปในน้ำที่อยู่ในกะละมัง แกว่งไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่องหลายๆ รอบน้ำภายในกะละมังก็จะกลายเป็เกลียวน้ำวนขึ้นมา การทำให้เกิดเป็เกลียวน้ำวนนั้นเป็เพียงแค่ขั้นตอนแรกเพียงเท่านั้น ขั้นตอนต่อมาจะต้องทำให้พลังปราณรบสภาพของแข็งที่เป็ก้อนเล็กๆ คล้ายกับเม็ดทรายเ่าั้หมุนเป็เกลียวน้ำวนให้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อพวกมันหมุนวนจนไปถึงความเร็วในระดับหนึ่งมันจะค่อยๆ ไหลไปทับถมรวมกันอยู่ภายในบริเวณจุดศูนย์กลางเกลียวน้ำวนซึ่งก็คือใจกลางตันเถียน เนื่องจากการไหลมารวมกันจึงทำให้ระดับความหนาแน่นและแรงกดทับของเม็ดทรายเ่าั้มีต่อกันและกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มันเริ่มติดแน่นเข้าด้วยกัน และท้ายที่สุดจะค่อยๆ เริ่มประสานรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์จนไม่สามารถที่จะแยกออกจากกันได้อีกนั่นจึงจะถือว่าเป็การสร้างแก่นแท้พลังตันเถียนได้อย่างเสร็จสมบูรณ์
แม้จะฟังดูง่ายดาย แต่เมื่อลงมือกระทำจริงๆ กลับมีความยากลำบากเป็อย่างมาก...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้