“อ๊า!”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงกรีดร้อง ขณะที่องครักษ์สองนายกระชากตัวฮวาชีเยว่ออกมา “สารเลว! เ้ากล้าทำร้ายองค์หญิงผู้นี้หรือ?”
หนึ่งในองครักษ์ชักดาบออกจากฝัก คนกำลังจะยกดาบพาดคอฮวาชีเยว่แล้ว ทว่าอวิ๋นสือโม่กลับยุดฝักดาบเอาไว้ องครักษ์ตกตะลึง เขาออกแรงดึงดาบมากขึ้น แต่ดาบกลับไม่ยอมหลุดออกมา!
หนานอ๋องแห่งเมืองหลวงผู้นี้มิใช่เพียงราชันโอสถและหมอเทวดา ทว่ายังเป็ถึงปรมาจารย์แห่งการปรุงโอสถและปรมาจารย์ยุทธ์
“หนานอ๋อง โปรดอย่าทำให้กระหม่อมลำบากใจเลยพ่ะย่ะค่ะ” เห็นสถานการณ์เช่นนี้องครักษ์ก็กระซิบออกมา
องค์หญิงฮุ่ยหลิงยังััได้ถึงเืจากรอยบาดบนมือ นางมองฮวาชีเยว่อย่างเคียดแค้น เต็มไปด้วยปราณสังหาร!
ใบหน้าน่ารักบิดเบี้ยวด้วยแรงโทสะ เห็นดังนั้นองค์หญิงฮุ่ยหยาก็ปลอบนางเสียงนุ่ม “พี่หญิง อย่าได้โกรธคุณหนูฮวาไปเลย บางทีนางอาจเพียงไม่ระวังเท่านั้น…”
“ไม่ระวังหรือ? ฮวาชีเยว่ ทราบหรือไม่ว่าทำร้ายราชวงศ์มีโทษมหันต์? บทลงทัณฑ์คือปะา ไป นำตัวฮวาชีเยว่ไปขังเสีย! ” องค์หญิงฮุ่ยหลิงเกรงว่าจะไม่ได้ลงโทษฮวาชีเยว่ เหตุการณ์นี้นับว่าเป็โอกาสเหมาะสมให้ได้จัดการอีกฝ่ายหนึ่ง “ฮวาชีเยว่ เ้าตายแน่!”
ลู่ซินโง่งมไป นางมองฮวาชีเยว่ที่ไม่รู้เื่รู้ราวอะไร
จี้เฟิงเห็นเหตุการณ์ชัดเจน มุมปากกระตุกอย่างเ็า ได้ยินฮวาชีเยว่กระซิบ “องค์หญิง...หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ...หม่อมฉันเห็นกบในพุ่มหญ้า...เพียงคิดจะจับมันเท่านั้น แต่บังเอิญไปผลักท่านเข้า…”
“เ้าโกหก! ฮวาชีเยว่ กล้าดีอย่างไรโกหกข้า ก็ข้าเป็คนขัดขาเ้า…” ทันใดนั้น ทุกสายตาก็จ้องมององค์หญิงฮุ่ยหลิง องค์หญิงผู้นี้หยาบคายตรงไปตรงมา จึงพ่นความจริงออกมาโดยไม่ทันคิด
องค์หญิงฮุ่ยหลิงพลันรู้สึกตัวขึ้นมาว่านางหลุดพูดความจริงออกไปเสียแล้วจึงรีบปิดปากตนเองทันที จ้องมองจี้เฟิงอย่างกระอักกระอ่วน
จี้เฟิงไม่เคยเห็นสตรีหยาบคายโง่งมเช่นนี้มาก่อน ปากจึงกระตุกอยู่เล็กน้อยยามกล่าว “ใช่แล้ว องค์หญิงทรงขัดขาฮวาชีเยว่ ทำให้นางบังเอิญชนท่าน เช่นนี้นับเป็ก่อเหตุได้อย่างไร? องค์หญิงชอบล้อเล่น เื่นี้คงเป็เพียงเื่ตลกกระมัง ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
อวิ๋นสือโม่เอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “องค์หญิง กระหม่อมเองก็เห็น…”
องค์หญิงฮุ่ยหลิงหัวเราะแห้งๆ ออกมาสองครั้ง นางพลาดเองเช่นนี้จะโทษใครได้? หากนางนำตัวฮวาชีเยว่ไปขังคุกจริง ย่อมต้องกลายเป็ตัวตลกแล้ว!
องค์หญิงแห่งฉางจิงวางแผนใส่ร้ายบุตรีท่านแม่ทัพ ข่าวเช่นนี้มีแต่จะทำให้ชื่อเสียงราชวงศ์แปดเปื้อน กระตุ้นโทสะฮ่องเต้ ทว่านางมิคาดอวิ๋นสือโม่จะออกปากให้ฮวาชีเยว่ ความเกลียดชังที่มีให้อีกฝ่ายจึงยิ่งล้ำลึกขึ้น!
“ใช่แล้วๆ ไม่ต้องสนใจข้าหรอก ฮวาชีเยว่ ข้าเพียงแต่ล้อเล่นเท่านั้น!”
ฮวาชีเยว่กะพริบตา เมื่อครู่นางจงใจโกหกเพื่อหลอกล่อให้องค์หญิงพูดความจริง คนตรงไปตรงมาเช่นนี้รับมือง่ายที่สุด
“โอ ตรัสอะไรเพคะองค์หญิง? กบหนีไปแล้ว!”
“เหอะๆ! ใช่ กบหนีไปแล้ว ตอนนี้ดึกแล้ว ข้าต้องกลับก่อน พรุ่งนี้พบกันใหม่นะเ้าคะพี่จี้!” องค์หญิงฮุ่ยหลิงหัวเราะเปิดเผย ในขณะที่องค์หญิงฮุ่ยหยาหัวใจร่วงลงไปอยู่ตาตุ่มเมื่อทราบว่าที่แท้พี่หญิงผู้นี้ของนางก็ชื่นชอบจี้เฟิงด้วยเช่นกัน
“ขออภัยองค์หญิง วันพรุ่งนี้กระหม่อมติดธุระช่วยฮวาชีเยว่จับกบพ่ะย่ะค่ะ” จี้เฟิงยิ้มอธิบาย อำนาจของสกุลจี้ยิ่งใหญ่นัก พวกเขาล้วนไม่จำเป็ต้องไว้หน้าราชวงศ์
ถูกปฏิเสธเช่นนี้ องค์หญิงฮุ่ยหลิงก็อารมณ์ย่ำแย่ลงกว่าเดิม เื่ทั้งหมดนางล้วนโทษฮวาชีเยว่ทั้งสิ้น
มุมปากขององค์หญิงฮุ่ยหลิงขยับน้อยๆ “ได้เ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะไปหาพี่จี้เมื่อท่านมีเวลานะเ้าคะ!” พูดจบ นางก็จากไปพร้อมท่านหญิงิจู ในขณะที่องค์หญิงฮุ่ยหยาหันกลับไป คนยังส่งสายตาปลอบประโลมไปยังฮวาชีเยว่
แสงอาทิตย์อัสดงไปนานแล้ว นี่เป็ครั้งแรกที่ฮวาชีเยว่ใช้เวลาอยู่นอกจวนจนดึกดื่น ลู่ซินและชิวอวิ๋นรีบพานางกลับจวนทันที อวิ๋นสือโม่และจี้เฟิงมองหน้ากันและมุ่งไปยังจวนหนานอ๋อง
จี้จิงก็อยู่ด้วย นานๆ ครั้งนางจะได้ออกมาเล่นข้างนอก ซ้ำนางยังแอบชอบอวิ๋นสือโม่ จะปล่อยโอกาสนี้ผ่านไปได้อย่างไร?
ในจวนหนานอ๋อง เมื่ออวิ๋นสือโม่กับคนอื่นๆ กลับมาถึง พ่อครัวก็รีบนำอาหารเย็นชั้นเลิศขึ้นโต๊ะให้ผู้มาเยือนและเ้าบ้านทันที
ห้องอาหารนี้มีขนาดใหญ่โต มีบ่อน้ำขนาดเล็กอยู่ด้านใน เมื่อเงยหน้าขึ้นระหว่างทานอาหารก็สามารถมองเห็นแสงสะท้อนแวววาวจากบ่อน้ำ เห็นปลาสีสันสดใสว่ายน้ำอย่างมีความสุข ดอกบัวปลูกไว้กลางสระมีหยดน้ำทอประกายเกาะตามใบ
แสงจันทร์สีเงินยวงทอประกายบนสายน้ำ เคล้าคลอเสียงพูดคุยในห้องอาหาร เสียงหัวเราะของสตรีใสกระจ่างราวกระดิ่งเงิน
“พี่อวิ๋น! มิคาดทิวทัศน์ที่นี่จะดีกว่าภายนอกเสียอีก หากทราบข้าคงมาที่นี่เสียนานแล้ว ฮ่าๆ!” จี้จิงหัวเราะเบิกบาน
รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของอวิ๋นสือโม่ “จิงเอ๋อร์สามารถมาที่นี่ได้เสมอ”
หวงฝู่เซียนมองอวิ๋นสือโม่แล้วนิ่วหน้า ก่อนจะมองจี้จิง “อยู่กับสตรีโง่นานๆ ย่อมมิใช่เื่ดีอะไร!”
หวงฝู่เซียนเป็คนพูดตรงไปตรงมาเสียจนทำให้จี้เฟิงรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
อวิ๋นสือโม่กลับมองเขาอย่างไม่คิดอะไร “หวงฝู่ คิดว่าฮวาชีเยว่โง่งมดังที่นางแสดงออกหรือ มิใช่ข้าเป็ผู้ที่ลงพนันข้างนาง แล้วนางชนะได้จริงหรอกหรือ?”
หวงฝู่เซียนแค่นหัวเราะเย็น ขณะที่จี้จิงอุทธรณ์ออกมา “ไอ้หยา คนไร้สมองเช่นเ้าจะเข้าใจได้หรือว่าเหตุใดพี่ชีเยว่จึงชนะ? ฮึ่ม! ตำหนินางเช่นนี้เ้าก็ไม่ใช่ตัวดีอะไร!”
จี้จิงโมโหนัก นางมองอวิ๋นสือโม่ “พี่อวิ๋น ท่านปล่อยคนแบบนี้เข้ามาไม่ได้นะเ้าคะ! ทำให้บรรยากาศดีๆ เสียเปล่าแล้ว!”
อวิ๋นสือโม่รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย อย่างไรหวงฝู่เซียนก็ยังเป็บุตรขุนนาง ทั้งยังเป็บุตรชายเพียงคนเดียวของขุนนางที่เคารพเขา
องค์ชายคนอื่นอาจปฏิบัติต่อเขาอย่างเคารพ ทว่ายังลอบคร่ำครวญว่าเขาไร้ซึ่งเชื้อสายราชวงศ์ ไม่ได้นับถือเขาอย่างแท้จริง
ทว่าเห็นแก่หน้าฮ่องเต้และฝีมือทางด้านการปรุงโอสถของอวิ๋นสือโม่ จึงไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับเขา
แต่หวงฝู่เซียนมาที่จวนเขาทุกวัน ปฏิบัติต่อเขาดังสหาย ดังพี่น้อง
“จิงเอ๋อร์ หวงฝู่คงจะเข้าใจชีเยว่ผิดไป ที่จริงข้าคาดว่านางจะชนะ อย่างไรเสีย...เผชิญหน้ากับการดูถูกเหยียดหยามเพียงนั้น นางยังคงใจเย็นควบคุมท่าทีอยู่ได้ คิดว่านางจะกล้าลงประลองหากไร้พลังปราณ ไร้ฝีมือหรือ?”
จี้เฟิงยิ้มบาง “คราวนี้คุณหนูคุณชายทั้งหลายต้องมอบเงินตำลึงให้ฮวาชีเยว่ ล้วนแต่มีหลักฐานเป็ลายมือชื่อ ย่อมมิอาจปฏิเสธได้”
จี้จิงอารมณ์ดีขึ้นมา นางพยักหน้ารัว “ใช่ใช่! ฮ่าๆ พี่ชีเยว่ร่ำรวยแล้ว!”
“วันพรุ่งนี้ต้องให้นางเลี้ยงอาหารเราแล้ว ได้ยินว่านอกจากภัตตาคารต้งไห่ยังมีอีกร้านชื่อวั่งเยว่ อาหารของร้านนั้นหอมนัก”
จี้เฟิงยิ้มเอ่ยขึ้นมา ในดวงตาอวิ๋นสือโม่ทอประกายแปลกประหลาดสายหนึ่ง
“ใช่แล้วๆ! พี่อวิ๋นก็ต้องมาด้วยนะเ้าคะ!”
อวิ๋นสือโม่ชะงักไป แต่ท้ายสุดก็พยักหน้า หวงฝู่เซียนบ่นออกมาเสียงดัง “พี่อวิ๋นบ้าไปแล้ว! จำได้หรือไม่ว่าฮวาชีเยว่เคยล้มใส่ท่าน? ฮึ่ม! นาง้าลวนลามท่าน ท่านยังกล้าเอาตัวเองส่งไปให้นางอีกหรือ?”
คำของหวงฝู่เซียนทำให้ทั้งจี้เฟิงและจี้จิงพากันตกตะลึง ทั้งสองหันไปมองอวิ๋นสือโม่ทันที
มุมปากอวิ๋นสือโม่กระตุก เขาส่ายหน้า “หวงฝู่ เป็เพียงเื่เข้าใจผิดเท่านั้น”
ทุกคนล้วนแต่ถอนหายใจโล่งอกเมื่อได้ยินคำของอวิ๋นสือโม่ ในใจพวกเขา ฮวาชีเยว่ย่อมมิใช่สตรีเช่นนั้น
หวงฝู่เซียนผุดลุกขึ้นอย่างไม่พอใจ ทำให้จานอาหารบนโต๊ะถึงกับสั่นะเื “เข้าใจผิด! ข้าว่านางตั้งใจ! เข้าใจผิดอะไรกัน! พี่อวิ๋น เหตุใดท่านจึงใจอ่อนขึ้นมาได้?”
จี้เฟิงกระแอมมองอวิ๋นสือโม่ ทั้งคู่ต่างก็คิดแบบเดียวกัน ทว่าอย่างไรหวงฝู่เซียนก็เป็คนตรงไปตรงมาค่อนข้างหยาบกร้านอยู่บ้าง เช่นนั้นมิควรพูดถึงฮวาชีเยว่ต่อหน้าเขามากนัก
“มาๆ พี่หวงฝู่! อย่าได้โมโหไป มากินดื่มกันเถอะ! ” จี้เฟิงหัวเราะ ยกจอกขึ้น
เห็นอวิ๋นสือโม่ไม่มีท่าทีอะไร หวงฝู่เซียนก็ถอนใจ ยกจอกขึ้นชนกับจี้เฟิง
จี้จิงเป็คนฉลาด นางยิ้ม หันไปสั่งการกับสาวใช้ข้างกาย กระซิบกระซาบข้างหู
สาวใช้ได้ยินคำของนางก็จ้องมองหวงฝู่เซียนอย่างเงียบงันก่อนจะหมุนกายจากไป ไม่นานนักบ่าวของหนานอ๋องก็เข้ามารายงานว่าที่จวนเขาเกิดถูกน้ำท่วม เร่งเร้าให้เขารีบจากไป
หวงฝู่เซียนหน้าเปลี่ยนสีทันทีที่ได้ยินข่าวแล้วจึงรีบจากไปโดยไม่ร่ำลาอวิ๋นสือโม่
เห็นหวงฝู่เซียนจากไปอย่างเคร่งเครียด จี้จิงก็หัวเราะคิกคัก จี้เฟิงส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “จิงเอ๋อร์ หากจะโกหกอะไรก็อย่าได้โกหกเื่ใหญ่โต ดูพี่หวงฝู่เคร่งเครียดสิ เขารักครอบครัวถึงเพียงนั้น”
อวิ๋นสือโม่แทบปิดบังความขบขันในแววตาไม่มิด จี้จิงทั้งฉลาดทั้งเ้าเล่ห์ ย่อมต้องสามารถล่อลวงหวงฝู่เซียนออกไปเพื่อให้คุยกันได้สะดวกขึ้น
“จวนของซื่อจื่อได้จินหวังเฟยเป็ผู้ควบคุมดูแลการสร้างด้วยตนเอง ทรงจากไปไว ซื่อจื่อคิดถึงท่านนักจึงได้ให้คุณค่าจวนแห่งนี้มาก”
คำของอวิ๋นสือโม่ทำให้จี้เฟิงและจี้จิงเงียบไป ทั้งสองต่างก็สูญเสียมารดาไปนับแต่ยังเล็ก ย่อมทำให้รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
“ฮวาชีเยว่คนนั้น...ฉลาดมากจริงๆ ใช้ลูกไม้ล่อลวงเอาเงินเกือบหมื่นตำลึงเงินมาได้” จี้เฟิงยิ้มเปลี่ยนเื่
อวิ๋นสือโม่ผงกศีรษะรับ ใบหน้าโง่งมของฮวาชีเยว่ปรากฏขึ้นในห้วงคิด นางมีจิตใจเ้าเล่ห์ ทว่าภายนอกดูคล้ายไม่ใส่ใจสิ่งใด
นางเ้าเล่ห์ร้ายกาจจนสามารถล่อลวงให้คนตกหลุมพราง ทั้งคนเ่าั้ยังหันไปโทษว่าตนโชคร้ายเสียแทน
นอกจากพวกเขาไม่กี่คน ย่อมไม่มีใครคิดออกว่าที่แท้ฮวาชีเยว่เสแสร้งทำตัวโง่งม
“ถูกต้อง ชีเยว่ฉลาดเสียจนมีคนเพียงไม่มากที่เห็นตัวตนของนาง ทว่าพี่อวิ๋น ท่านพอจะรู้จักวิชาตัวเบาแปลกประหลาดของนางหรือไม่?”
จี้เฟิงกระซิบ เกรงจะมีคนแอบฟังเอาได้
จี้จิงเองก็มองอวิ๋นสือโม่อย่างสนใจ ท่าร่างเท้าของฮวาชีเยว่แปลกประหลาดไม่เหมือนใครทั้งยังน่าประทับใจ ทำให้คนสามารถหลบหนี่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานได้อย่างง่ายดาย
อวิ๋นสือโม่มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา “ไม่เลย ข้าถอดท่าร่างเท้าของนางไม่ออก พี่จี้เองก็ไม่ทราบเหมือนกันหรือ?"