ัเป็สิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนที่สุด เช่นเดียวกับมนุษย์ที่เข้าใจยาก
เมื่อมีดจิตั ลักษณะของั เืของั จิติญญา หุบเหวแห่งเปลวเพลิง และความตายที่ไม่เต็มใจมารวมกันจึงได้ถือกำเนิดสิ่งใหม่ขึ้น
นี่คืุ์จิตัเพลิง
“ไป!”
สีหน้าของหลัวเลี่ยเปลี่ยนไปอย่างมาก
ทันทีที่มนุษย์จิตัเพลิงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาก็รู้สึกถึงอันตรายแห่งความตาย
เขาััได้ถึงอันตรายประเภทนี้จากคนสองคนเท่านั้น คนหนึ่งคือเมิ่งชิงหลงผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ และอีกคนหนึ่งคือไก้อู๋ซวงที่เขาได้พบในครั้งแรก
ตอนนี้มนุษย์จิตัเพลิงเป็คนที่สาม
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือคนนี้สามารถฆ่าเขาได้
หลัวเลี่ยตบให้อาชาเดือนดารัญก้าวเดิน
อาชาเดือนดารัญพาเสวี่ยปิงหนิงไปที่ฝั่งตรงข้ามของเส้นขอบฟ้าทันที
เนื่องจากมนุษย์จิตัเพลิงปรากฏตัว จึงดึงดูดัน้ำแข็งและัไฟทั้งหมดไว้ ทำให้ไม่มีสิ่งใดกีดขวางทาง พวกเขาทะลุผ่านได้อย่างง่ายดาย แต่นั่นก็เป็เพราะมนุษย์จิตัเพลิงไม่ได้ขวางเสวี่ยปิงหนิงและอาชาเดือนดารัญไว้
เพราะเป้าหมายของมนุษย์จิตัเพลิงผู้นี้คือหลัวเลี่ย
"ฆ่าเขา!"
ชางจื่อเฟิงกล่าวอย่างเ็า
รากฐานของมนุษย์จิตัเพลิงคือเืและิญญาของชางจื่อเฟิง ดังนั้นเขาจึงมีความสัมพันธ์พิเศษกับมนุษย์จิตัเพลิง และมีอิทธิพลบางอย่างต่อมัน
ตูม!
มนุษย์จิตัเพลิงลอยลงมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลัวเลี่ย
มันเป็ชายร่างใหญ่ที่สูงมากกว่าหนึ่งจั้ง มีเกล็ดัทั่วตัว มีเปลวเพลิงัลุกโชนทั่วร่าง หัวัดูดุร้าย หางัน่ากลัว เมื่อมันยกแขนทั้งสองข้างขึ้น ก็เห็นกรงเล็บหนาราวกับมีดเหล็ก
"กรรซ์!"
มนุษย์จิตัเพลิงกระหายเื และมีความปรารถนาที่จะต่อสู้มาก มันไม่พูดอะไรเลย หลังจากลอยลงมาแล้ว มันก็ะโขึ้นไปในอากาศ แล้วง้างกรงเล็บของัโจมตีหลัวเลี่ยอย่างโเี้
แต่การเคลื่อนไหวกลับบรรจุทักษะลับของเผ่าัเอาไว้
ทักษะลับนี้เป็ไปตามธรรมชาติของัเพลิงกลืนเมฆ
และด้านหลังมนุษย์จิตัเพลิงก็มีแสงที่สว่างไสวพุ่งออกมา เปล่งพลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวออกมา จากนั้นก็ปรากฏเป็เงาของัเพลิงกลืนกินเมฆที่ดูสง่างามราวกับเทพเ้า
ในเวลาเดียวกัน เสียงคำรามของันั้นมหัศจรรย์จริงๆ มันดังทะลุผ่านสมองของมนุษย์ เข้ามารบกวนจิตใจ และดูดซับพลังจิติญญา จนทำให้หมีขนทองกรีดร้องและล้มลงคร่ำครวญที่พื้น
ช่างเป็การโจมตีที่น่ากลัว!
“นี่คือพลังอันดุร้ายที่ัเพลิงกลืนเมฆหลงเหลือเอาไว้ มันเป็พลังธรรมชาติของั และพลังของมันก็น่าสะพรึงกลัว ข้าจะคอยดูว่าเ้าจะต้านทานมันอย่างไร” ชางจื่อเฟิงเย้ยหยัน
หลัวเลี่ยก็ดูเคร่งขรึมลงเช่นกัน
เขารู้สึกถึงอันตรายแห่งความตายจริงๆ และมันก็แข็งแกร่งมาก
แน่นอนว่าเขาไม่เก็บงำฝีมืออีกต่อไป
ผนึกมหาหลุนิ!
หลัวเลี่ยเป็เหมือนจักรพรรดิิในตำนาน เขาดูสง่างามและน่าเกรงขาม เขานิ่งสงบเหมือนูเา ซึ่งตรงกันข้ามกับความเร็วของมนุษย์จิตัเพลิง ผนึกที่เป็รูปมือของเขากดลงบนตัวของมัน
ตูม!
รอยมือที่ปะทะกับหมัดันั้นราวกับูเาไฟที่ปะทุ คลื่นไฟพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จากนั้นเส้นขอบฟ้าก็สั่นไหว แล้วอากาศเย็นและเปลวไฟที่พลุ่งพล่านในเหวทั้งสองข้างก็แผ่ออกไปทั้งสองด้านอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองแยกจากกันด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
มนุษย์จิตัเพลิงถูกกระแทกจนล้มลง และกระเด็นห่างออกไปราวสามจั้ง
หลัวเลี่ยที่ยืนนิ่งราวกับูเาก็ไถลห่างออกไปราวหกจั้ง เขาได้ทิ้งร่องรอยไว้เป็ทางบนเส้นทางแคบๆ ของเส้นขอบฟ้า
"กรรซ์..."
ดูเหมือนว่ามนุษย์จิตัเพลิงจะถูกกระตุ้นแล้ว หัวของัถูกยกขึ้น มันคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า กรงเล็บของัก็กำเป็กำปั้นและทุบลงบนหน้าอกของตัวเอง
เสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ทำให้เปลวเพลิงัรอบตัวเขาพุ่งสูงขึ้นทันที จากนั้นแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ปล่อยออกมาจากด้านหลังก็สว่างขึ้น แล้วเงาของัเพลิงกลืนเมฆก็แสดงท่าทางแปลกๆ ออกมาอย่างแ่เบา
“ไม่ยุติธรรมเลย พลังการต่อสู้ของัชายผู้นี้มีแต่จะเพิ่มขึ้นด้วยพรจากัระดับกายทองคำ ซึ่งเกินขอบเขตปกติของพลังการต่อสู้โดยทั่วไปแล้ว” หยางเสี้ยวเสียะโขึ้น
ชางจื่อเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัวว่า “ไม่มีความยุติธรรมในโลกนี้ มีแต่รอดหรือตายเท่านั้น” น้ำเสียงของเขาเ็าอย่างยิ่ง “ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!”
คำว่าฆ่าสามคำที่เอ่ยออกมาติดต่อกันนี้ได้จุดชนวนมนุษย์จิตัเพลิงขึ้นอย่างสมบูรณ์
เปลวเพลิงัสูงหนึ่งจั้งบนร่างของมนุษย์จิตั จู่ๆ ก็ขยายเป็สามจั้ง และมันยังลอยขึ้นไปอย่างช้าๆ ในสภาพนี้ มันทุบหน้าอกของตัวเองอย่างเมามัน และทุกคนก็เห็นได้ว่า ในขณะที่มันทุบนั้น พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้แผ่กระจายจากหน้าอกของเขาไปจนถึงคอของเขา แล้วลอยขึ้นมากันในอากาศ
"กรรซ์!"
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามของัดังเขย่าท้องฟ้าและผืนดิน
แสงของัที่ไม่มีตัวตนทะลุผ่านความว่างเปล่าจากปากของมัน และตรงเข้ามาสังหารหลัวเลี่ย
รอยยิ้มของชางจื่อเฟิงสดใสขึ้น “เมื่อมีแสงักลืนเมฆออกมา ก็มีแต่จะต้องตายโดยไม่มีทางรอดชีวิตเท่านั้น!”
แสงักลืนเมฆเป็ความสามารถที่มีมาแต่กำเนิดของัเพลิงกลืนเมฆที่อยู่ในระดับกายทองคำ
การปรากฏตัวของแสงัอย่างกะทันหันทำให้ทุกสิ่งสั่นะเื
หลัวเลี่ยคำรามออกมาหนึ่งครั้ง แล้วยกมือทั้งสองขึ้นมาส่งพลังออกไปเช่นกัน
เขาส่งพลังผนึกมหาหลุนิออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ตูม! ตูม! ตูม! พรึ่บ!
หลังจากส่งผนึกมหาหลุนิออกไปสามครั้งติดต่อกัน ก็ทำให้แสงักลืนเมฆแตกสลายไป
แต่ทันทีที่ผนึกที่สี่ของเคล็ดวิชามหาหลุนิถูกส่งออกมา แสงักลืนเมฆดวงที่สองของมนุษย์จิตัเพลิงก็มาถึง
ตูม!
แสงักลืนเมฆทำลายผนึกมหาหลุนิอย่างทรงพลัง
หลัวเลี่ยก้าวถอยหลังทีละก้าว และยังคงส่งพลังผนึกมหาหลุนิต่อไป
ในทุกครั้งเขาต้องใช้ผนึกมหาหลุนิสามครั้ง เพื่อทำลายแสงักลืนเมฆในหนึ่งครั้ง ซึ่งทำให้แสงักลืนเมฆค่อยๆ เข้ามาใกล้หลัวเลี่ยเรื่อยๆ
เมื่อมาถึงการโจมตีครั้งที่หกของแสงักลืนเมฆ ในที่สุดหลัวเลี่ยก็ร่ายพลังผนึกมหาหลุนิเพื่อทำลายการโจมตีนี้ไม่ทันแล้ว
มือทั้งสองข้างของเขาไม่มีผนึกมหาหลุนิ
ผลลัพธ์ของการกระแทกนี้ก็สามารถจินตนาการได้ แสงจากักลืนเมฆสามารถทำให้หลัวเลี่ยาเ็ได้ แม้ว่าหลัวเลี่ยจะใช้มือทั้งสองปัดออกแล้ว โชคดีที่เขามีสนับมือยุวราช ทำให้ไม่เจ็บมือเท่าไร แต่เขาก็ใเพราะแขนทั้งสองข้างของเขามีรอยปริแตกที่ผิว เืไหลออกมาจากรอยนั้น และแสงของักลืนเมฆที่เหลืออยู่ก็กระแทกเข้าที่ใบหน้าของหลัวเลี่ยอย่างรุนแรง
ในตอนนั้นเองสัญชาตญาณการต่อสู้ของหลัวเลี่ยก็ปรากฏขึ้น มันเป็ปฏิกิริยาตอบสนองที่เกิดขึ้นเอง
พรึ่บ!
แสงักลืนเมฆผ่าผ่านไหล่ซ้ายของเขา หอบเอาชิ้นเนื้อและเืลอยออกไป
พลังอันทรงพลังทำให้หลัวเลี่ยเสียหลัก และตกลงไปในก้นบึ้งของเปลวเพลิง
“ตายซะ!” ชางจื่อเฟิงคำรามอย่างดุเดือดขณะเฝ้ามองดู
ต้วนเหยียนเจี๋ยและคนอื่นๆ พากันส่งเสียงออกมาอย่างตื่นเต้น ราวกับว่าในที่สุดหมอกหนาในใจก็ได้จางหายไปแล้ว
“ไม่นะ!”
“ท่านอ๋องเซี่ยจะต้องไม่ตาย”
หยางเสี้ยวเสียและคนอื่นๆ ใจสลาย พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าสถานการณ์จะเดินมาถึงจุดนี้
มนุษย์จิตัเพลิงที่บ้าคลั่งคำรามออกมาอย่างดุเดือด มันกรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วลอยลงมาจากท้องฟ้าพุ่งเข้าหาหลัวเลี่ยอย่างโเี้
ขณะที่มันคำราม เปลวเพลิงที่อยู่ใต้ก้นบึ้งของหุบเหวก็ะเิขึ้น ก่อตัวเป็ทะเลเพลิงขนาดมหึมาที่มีรัศมีมากกว่าสองลี้ หวังกลืนกินร่างของหลัวเลี่ยจากด้านล่าง
มนุษย์จิตัเพลิงลอยลงมาจาก้า มันเผยกรงเล็บอันดุร้ายของตัวเองออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเงาของักลืนเมฆข้างหลัง ซึ่งเป็สิ่งที่เรียกว่าธรรมชาติของจิตั ที่จะพุ่งเข้าสู่ร่างกายจนทำให้พลังของกรงเล็บัเพิ่มขึ้น
มีการโจมตีจากทั้ง้าและด้านล่างเพื่อสังหารหลัวเลี่ย