ซ่งอี้เฉินให้เหยียนอู๋อวี้อยู่ในตำหนักอีหลวนเพื่อเสวยพระกระยาหารร่วมกัน ก่อนที่จะยกอาหารเข้ามา เว่ยหรูไห่รีบเดินเข้าไปกราบทูลว่า “ฝ่าา ซิ่วหนี่ว์สองคนที่ถูกลงโทษให้คุกเข่าวันนี้สิ้นใจตายไปหนึ่งคนพ่ะย่ะค่ะ!”
ไม่ว่าร่างกายจะบอบบางเพียงใด ก็เป็ไปไม่ได้ที่จะตายเพราะคุกเข่าเพียงไม่กี่ชั่วยาม
อย่างไรก็ตามทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวังหลวงแห่งนี้ล้วนไม่ธรรมดา ดังนั้นเื่ผิดปกติจึงกลายเป็เื่ธรรมดาไปเสียแล้ว
ซ่งอี้เฉินเบื่อหน่ายที่จะสนใจเื่นี้ ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าของเหยียนอู๋อวี้ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางพยายามระงับความตื่นตระหนกและเอ่ยถามว่า “ตายได้อย่างไร?”
เว่ยหรูไห่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นซ่งอี้เฉินพยักหน้าจึงกล่าวต่อไปว่า “ได้ยินว่า......ถูกพิษจนเสียชีวิตพ่ะย่ะค่ะ”
“เจิ้นจะไปดู” ซ่งอี้เฉินลุกขึ้นพลางเดินออกไปอย่างเร่งรีบ เหยียนอู๋อวี้ก็รีบตามไปเช่นกัน
เขาเห็นถงซวงเอ๋อร์คุกเข่าอยู่จากระยะไกล ดวงตาของซ่งอี้เฉินพลันหม่นหมองลงทันที
หากถงซวงเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นผู้ที่เสียชีวิตก็คือเนี่ยเจิน
เหยียนอู๋อวี้รู้สึกสงสารอยู่ภายในใจ ทั้งยังอยากเก็บนางไว้ เผื่อบางทีในอนาคตอาจจะใช้ประโยชน์จากนางได้บ้าง
“ฝ่าา พระองค์ทรงช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ!” ถงซวงเอ๋อร์พยายามคลานไปอยู่เบื้องหน้าซ่งอี้เฉินพร้อมโขกศีรษะกับพื้นสองครั้ง
นางในยามนี้ไร้ซึ่งพละกำลัง ทว่าดวงตาที่จ้องมองเหยียนอู๋อวี้ยังคงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง แค่เพียงได้ยินนางอธิบายว่า “เนี่ยซิ่วหนี่ว์กับหม่อมฉันกำลังคุกเข่าอยู่ที่นี่ จากนั้นใน่ยามอู่[1] สนมเหยียนให้คนนำโจ๊กและน้ำมาให้ ทว่ายามนั้นหม่อมฉันไม่รู้สึกหิวจึงไม่ได้แตะต้องแม้แต่น้อยเพคะ”
ถงซวงเอ๋อร์เอ่ยพลางชี้ไปทางสิ่งที่นางยังไม่ได้แตะต้องพวกนั้น
สิ่งเ่าั้วางอยู่บนพื้นอย่างเรียบร้อยประหนึ่งหลักฐานอันแ่าวางอยู่ในที่เกิดเหตุ
ในยามนั้นมีหมอหลวงเข้ามาตรวจสอบโดยใช้เข็มเงินจิ้มลงในโจ๊ก ขณะดึงออกมาเข็มเงินกลับเปลี่ยนเป็สีดำ
ถงซวงเอ๋อร์ทั้งใและหวาดกลัว “ยามนั้นหม่อมฉันไม่ได้กิน จึงรอดชีวิตมาได้ ทว่าเนี่ยซิ่วหนี่ว์นาง......ฮื่อ ฮื่อ.....” คำพูดหลังจากนั้นถูกเสียงร่ำไห้ของนางกลบไปทั้งหมด
“วันนี้สนมเหยียนอยู่กับเจิ้นตลอด และเจิ้นก็ไม่เห็นนางออกไปที่ใดเลย” ซ่งอี้เฉินเอ่ยเสียงเ็า
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว สีหน้าถงซวงเอ๋อร์พลันตกตะลึงและอ้ำอึ้งไป “หม่อมฉันได้ยิน...ชัด ชัด......เจน บางที นางอาจสั่งคนของนางก็ได้......เพคะ”
“ฝ่าา หม่อมฉันไม่ได้ทำ” เหยียนอู๋อวี้เอ่ยทั้งน้ำตา “หากหม่อมฉันมีเจตนาชั่วร้าย ก็ไม่จำเป็ต้องร้องขอความเมตตา”
ทุกคนในวังอีหลวนรู้ดีว่าวันนี้นางไม่ได้ออกไปที่ใดเลย ผู้ใดจะใช้วิธีโง่เง่าเช่นนี้ใส่ร้ายนางกัน?
การกระทำเช่นนี้ไม่สามารถทำร้ายนางได้เลย
ซ่งอี้เฉินมองเหยียนอู๋อวี้ที่กำลังร่ำไห้ทั้งน้ำตา ทันใดนั้นเขาพลันเผยรอยยิ้มเสน่หา
“เจิ้นเชื่อว่าอวี้เอ๋อร์ไม่ได้ทำ!”
รอบบริเวณพลันเงียบสงัด หมอหลวงหลายคนมองหน้ากัน ก่อนจะพร้อมใจกันคุกเข่าลงกับพื้นและกล่าวว่า “กระหม่อมจะพยายามตรวจสอบแหล่งที่มาของพิษนี้อย่างเต็มความสามารถ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ให้กับสนมเหยียนพ่ะย่ะค่ะ”
“ตรวจสอบเถิด เจิ้นอยากเห็นเช่นกันว่าผู้ใดร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้ สามารถทำร้ายคนซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
ซ่งอี้เฉินหันกลับมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับเหยียนอู๋อวี้ว่า “ข้างนอกลมพัดหนาว เ้ากลับไปกับข้าเถิด”
เหยียนอู๋อวี้เดินไปยังตำหนักเฟิ่งชัยพร้อมกับซ่งอี้เฉิน ภายในใจนางไม่อาจสงบสติอารมณ์ลงได้เลย
ในวังหลวงแห่งนี้ไม่เคยมี่เวลาแห่งความสงบสุข เื้ัล้วนมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา คือการเปลี่ยนแปลงอำนาจและการนองเื
เวลาเพียงแค่หนึ่งวัน ลี่เจาอี๋ถูกลงโทษให้คุกเข่า ฮวารั่วซีพลิกสถานการณ์กลับมาได้สำเร็จ เนี่ยเจินถูกปองร้าย และทุกเื่ล้วนเกี่ยวข้องกับนาง แม้ขณะนี้จะมีซ่งอี้เฉินเป็พยาน ทว่าหากยังไม่สามารถจับตัวฆาตกรได้ นางก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้ไปได้
เป็ฝีมือฮวารั่วซีหรือ?
ทว่าแผนการโง่เง่าเช่นนี้ ไม่คล้ายเป็แผนการของนาง
“กำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ?” เสียงทุ้มต่ำของบุรุษดังขึ้นข้างหูนาง นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับสบสายตาที่อ่อนโยนนั้น ทว่าเหยียนอู๋อวี้กลับนิ่งไม่สะทกสะท้าน ดวงตากลายเป็สีแดงก่ำพลางเอ่ยว่า “เกิดเื่ขึ้นกับเนี่ยซิ่วหนี่ว์ครานี้มันบังเอิญเกินไป หม่อมฉันรู้สึกว่าคนผู้นั้นจงใจหาเื่ใส่ความหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่ได้ฆ่าคนผู้นั้น ทว่าคนผู้นั้นก็ตายเพราะหม่อมฉัน หม่อมฉันมีความผิดเพคะ......”
เชิงอรรถ
[1] ยามอู่ คือ เวลาประมาณ 11.00-13.00 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้