หลิวฉีซื่อปลอบโยนหลิววั่งกุ้ยได้สําเร็จ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้เอ่ยถึงชุ่ยหลิวอีกต่อไป ก็กระแอมไอหนึ่งทีแล้วเอ่ย “เดิมทีชุ่ยหลิวก็เกิดในจวนตระกูลหวง แต่ฮูหยินใหญ่หวงเห็นแก่ข้าที่เป็คนเก่าคนแก่ จึงยกชุ่ยหลิวให้ข้า ว่ากันว่า ไม่เห็นแก่หน้าสงฆ์ ก็ต้องเห็นแก่หน้าพระโพธิสัตว์ เราเองก็หาใช่คนที่ไม่เห็นแก่สายสัมพันธ์อันยาวนาน ชุ่ยหลิวนั้นไม่อาจถูกจัดการได้ตามใจ อีกอย่างข้าว่านางเองก็เป็ที่ถูกใจของเ้ารอง…”
ก่อนที่นางจะพูดจบ คิ้วของหลิวซุนซื่อก็ชี้ตั้งราวกับไฟที่ลุกโชน การแบ่งปันผู้ชายของตนกับผู้อื่น นางทำไม่ได้ “ท่านแม่ ข้าไม่เห็นด้วย!”
เปลือกตาของหลิวฉีซื่อกระตุกแรง ก่อนจะเอ่ยอย่างเ็า “ตอนนั้นที่เ้าเป็ตายก็จะกลับบ้านแม่ให้ได้ ข้าก็ไม่เคยบอกให้เ้ารองไปรับเ้ากลับมานี่นา”
หลิวซุนซื่อร้องไห้อีกครั้ง “ท่านแม่ ข้าบอกว่ากลับบ้านแม่ แต่ตอนนั้นเพราะด้วยอารมณ์ อีกอย่างข้าคลอดลูกชายให้ท่านตั้งสองคน ฉะนั้นนี่จึงไม่อยู่ในกฎการปลดภรรยาเจ็ดข้อ”
หลิวฉีซื่อเหลือบมองนางอย่างใจร้อนและตอบว่า “อืม ข้าก็ไม่ได้บอกว่าจะปลดเ้า อีกอย่างผู้ชายบ้านคนรวยหลังไหนบ้างที่ไม่มีเมียสามอนุสี่”
หลิวซุนซื่อเห็นว่าหลิวฉีซื่อได้ตัดสินใจแล้วที่จะรับชุ่ยหลิวเป็อนุ และรู้ว่าตนเองไม่อาจขัดขวางได้ จึงหันไปทะเลาะกับหลิวเหรินกุ้ยแทน “หลิวเหรินกุ้ย เ้าคนใจไม้ไส้ระกำ เสียแรงที่พ่อแม่ข้าให้คุณค่ากับเ้า เ้าลองนึกถึงมโนธรรมของตนเองแล้วบอกสิว่า หลายปีมานี้บ้านแม่ข้าเพิ่มเงินให้เราไปเท่าไรต่อเท่าไร มิฉะนั้นเ้า…ฮือๆ”
มิฉะนั้นหลิวเหรินกุ้ยจะมีเงินมากมายและสะสมที่นาดีได้สามสิบกว่าไร่ได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม นางไม่มีอะไรจะพูดอีก เพราะหลิวเหรินกุ้ยที่อยู่ด้านข้างกลัวว่านางจะหลุดปาก จึงรีบเอามืออุดปากนางไว้
หลิวซุนซื่อถูกปิดปากก็ยิ่งเดือดดาล จึงเอื้อมมือออกมาทั้งหยิกและข่วน ทำเอาใบหน้าที่ถือว่าหล่อเหลามีรอยเืไหลซิบๆ หลิวเต้าเซียงที่อยู่ด้านข้างถึงกับขนลุกตัวสั่น และเตือนตนเองในใจว่า ครั้งหน้าหากมีเื่กับหลิวซุนซื่อ ต้องหลบให้ห่าง ต้องไม่ให้ใบหน้าน้อยๆ ของตนเองมีรอยยับเยิน
ไม่ว่าหลิวฉีซื่อจะแย่แค่ไหนก็ยังรักหลิวเหรินกุ้ย จึงทนดูหลิวซุนซื่อรังแกบุตรชายตนเองไม่ได้ นางเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำชาบนโต๊ะขึ้นมาแล้วขว้างออกไปเต็มแรง พร้อมกับตวาด “ซุนเถาฮัว หยุดเดี๋ยวนี้!”
หลิวซุนซื่อยังคงดึงผมของหลิวเหรินกุ้ยอย่างแรงโดยไม่ปล่อยมือ และยังคงแอบกัดนิ้วมือของหลิวเหรินกุ้ย เมื่อเห็นเขาปวดจนปล่อยมือ จึงมีโอกาสเปิดปากโต้ตอบ “ถุย บอกให้ข้าหยุดก็ต้องหยุดอย่างนั้นหรือ คิดว่าไม่มีคนของบ้านแม่ข้าแล้วคิดจะรังแกข้าหรือ?”
หลิวจื้อไฉช่วยห้ามปรามอย่างนอบน้อม “ท่านย่า ท่านแม่ข้าก็เพราะเห็นความสำคัญของท่านพ่อมาก จึงโกรธเคืองจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ ขอท่านย่าอย่าได้โมโหท่านแม่เลย”
เขาเกลียดชุ่ยหลิวมาก แต่ก็รู้ดีว่าตนเองเป็เพียงผู้เยาว์ เื่ของผู้าุโนั้นไม่มีใครฟังเขาอยู่แล้ว
หลิวฉีซื่อมองไปที่หลิวจื้อไฉ ในที่สุดก็ไม่ได้ดุหลิวซุนซื่อต่อ จากนั้นบอกหลิวเหรินกุ้ยให้ปล่อยนาง “ตอนนี้ข้าวสารก็กลายเป็ข้าวสุกแล้ว ใครใช้ให้เ้าไม่จับตาดูผู้ชายของตนเองให้ดี เหรินกุ้ยมีอะไรกับชุ่ยหลิวไปแล้ว จะไล่นางไปก็ไม่ได้ เ้าไม่คิดถึงคนอื่น ก็ต้องคิดแทนจื้อไฉกับจื้อเป่าให้มาก อนาคตพวกเขายังต้องลงสอบ”
“เป็เพราะเรามีลูกชายอยู่แล้ว และเราไม่จำเป็ต้องมีอนุ หลิวเหรินกุ้ย เ้าว่าถูกหรือไม่?” หลิวซุนซื่อกัดฟันถาม แล้วมองเขาตาขวาง
หลิวเหรินกุ้ยกลัวว่าหลิวซุนซื่อจะสติขาดจนพูดเื่ที่นาดีของครอบครัวตนเองออกมา
เขายืนอ้ำอึ้งอยู่ตรงนั้นชั่วขณะ เพราะไม่กล้าทำให้หลิวซุนซื่อโกรธเคืองไปมากกว่านี้
หลิวฉีซื่อเห็นดังนั้นก็โกรธจนควันออกจมูก บุตรชายแสนดีของนางถูกภรรยาข่มเหงจนเงยหน้าไม่ขึ้น หลิวซุนซื่อคิดจะครองโลกหรืออย่างไร?
นางพูดด้วยความโกรธทันทีว่า “จะไปสำคัญอะไร ข้าบอกแล้วว่าตอนนี้ชุ่ยหลิวก็เป็แบบนี้ไปแล้ว นางจะมีที่ไปอีกหรือ? คนอื่นไม่เท่าไร ลำพังคนที่มีสมองก็น่าจะคิดถึงสถานะของนางได้ เอาเถิด เื่นี้ตกลงกันตามนี้ ขืนเ้ายังอาละวาดไม่หยุด ข้าจะให้เหรินกุ้ยปลดเ้า ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ต้องสอบอะไร และคงไม่ได้เป็ขุนนางในราชสำนัก”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ นางก็นึกถึงสิ่งที่หลิวต้าฟู่เคยพูดไว้จึงเอ่ยต่อ “ฮึ เ้าอาละวาดในบ้านสามีไม่หยุด หลังจากเ้าถูกปลด คิดว่าบ้านของแม่เ้าจะมีที่สำหรับเ้าหรือ? นั่นคือบ้านพี่ชายกับพี่สะใภ้เ้า เ้าเป็เพียงหญิงสาวที่ออกเรือนไปและถูกปลดกลับมาอยู่บ้าน เ้าคิดว่าบ้านฝั่งแม่เ้าจะปล่อยให้เ้ามีชีวิตอยู่ดีหรือ?”
เวลาที่หลิวฉีซื่อไม่อาละวาด อันที่จริงก็เป็คนที่เ้าเล่ห์เพทุบายเอาการ
นางคิดว่าเื่ต่อจากนี้ไม่เหมาะสมที่จะให้สองพี่น้องหลิวจื้อไฉได้ยิน จึงสั่งให้พวกเขาพาหลิวซุนซื่อกลับห้องปีกตะวันออกไป ยังไม่ต้องถามว่าสองพี่น้องขุ่นเคืองเพียงใด แต่ถามว่าเหตุใดหลิวฉีซื่อจึงอยากแยกทั้งสองออกไปดีกว่า
“ซานกุ้ย เ้าก็เห็นแล้วว่าเื่นี้เกิดอย่างกะทันหัน ปีก่อนบ้านเราแยกครอบครัว แล้วก็สร้างบ้านใหม่ แม่ไม่ได้ไปสอนงานเย็บปักอีกแล้ว เื่ของพี่รองเ้า เ้ามองว่าตัวเองควรออกอะไรสักหน่อยหรือไม่?”
เงินในมือของหลิวฉีซื่อไม่พอ ดังนั้นนางจึงฉุกคิดได้และจับหลิวซานกุ้ยมาเป็ตัวตายตัวแทน
หลิวซานกุ้ยพยักหน้าก่อน แล้วก็สาธยายต่างๆ นานา!
“ท่านแม่ ตอนนั้นข้าบอกแล้วว่า ของขวัญประจำปีทุกปีใหม่จะมอบชุดสี่ฤดู ให้มีใช้ไม่ขาดมือ ของขวัญปีที่แล้วข้าให้ท่านพ่อไปหมดแล้ว ท่านแม่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ ตอนนั้นที่แยกครอบครัว เราได้เพียงที่นาสองผืน แต่ว่าพี่ใหญ่กับพี่รองได้รับแบ่งไปไม่น้อย! ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ไม่มีทางทำให้ท่านพ่อท่านแม่อดอยาก หากพวกเขาไม่ให้เสบียง ลูกจะช่วยพวกท่านเชิญหลี่เจิ้งมาเอง ท่านก็รู้ จื้อเซิ่ง จื้อไฉ กับจื้อเป่า ต่อไปอาจจะได้เป็จอหงวน ไม่ต้องกลัวว่าพวกเขาจะไม่ให้”
หลิวฉีซื่อที่กำลังหงุดหงิดเต็มทนปรายตามองไปบนตัวสองพี่น้องหลิวเต้าเซียง ตอนนี้นางกำลังหาเหตุผลที่จะโกรธไม่ได้ จึงยิ่งเดือดดาลทันใด!
ขนาดนางที่เป็มารดายังไม่มีเสื้อคลุมขนกระต่าย แต่นางเด็กล้างผลาญสองคนกลับได้ใส่ก่อน ร่างก็บางราวกับกระดาษ แค่ดูก็รู้ว่าเป็พวกอายุสั้น ยังทำเป็สวมใส่เครื่องประดับทองอะไรกัน?
ไฟริษยาแผดเผาหัวใจของนางจนอึดอัดทรมาน หลิวฉีซื่อฉุกคิดได้จึงกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่นแล้วนั่งลงกับพื้น เอื้อมมือออกมาทุบพื้นแล้วโอดครวญ จากนั้นหันไปด่าว่าหลิวเต้าเซียง “์ เหตุใดไม่เปิดตามองดูแล้วสงสารหญิงเฒ่าอย่างข้าบ้าง ลูกชายที่เลี้ยงมาหลายสิบปีกลับออกนอกลู่นอกทาง ไม่เอาไหนจริงๆ นี่เพิ่งจะแยกครอบครัวไป ก็ไม่นับข้าเป็แม่แล้ว ฮือๆ ข้าที่น่าสงสารยังเปรียบกับนางเด็กล้างผลาญสองตัวไม่ได้ ข้าไม่อยากมีชีวิตต่อแล้ว...ฮือๆ!”
หลิวชิวเซียงใและกอดหลิวเต้าเซียงไว้แน่น ก่อนจะกระซิบว่า “น้องรอง ท่านย่าเรา...”
คำพูดนั้นทำให้นางนึกเสียใจที่ไม่ควรเชื่อน้องรองจนแต่งกายโดดเด่นเพียงนี้!
หลิวเต้าเซียงยกยิ้มมุมปากอย่างเ็า แล้วตบมือของหลิวชิวเซียงเบาๆ
ตามคาด เครื่องประดับทองเหล่านี้ทิ่มแทงสายตาของหลิวฉีซื่อ เดาว่าตอนนี้นางคงทุกข์ทรมานใจอย่างหนัก
เมื่อผู้อื่นทุกข์ทรมานใจ นางก็ยิ่งมีความสุขดุจสายลม
ระเริงใจยิ่งนัก!
“หัวใจของท่านย่าถูกเข็มทิ่มแทง!”
หลิวชิวเซียงฟังด้วยใบหน้าสับสน!
“ข้ากังวลว่าท่านย่าเราจะขอเงินกับครอบครัวเรา!”
หลิวเต้าเซียงบีบมือเล็กๆ ของนางเบาๆ แล้วหันไปยิ้มเล็กน้อยเพื่อปลอบโยนพี่สาว “ท่านพี่ ไม่ต้องห่วง มีท่านพ่ออยู่!”
หลิวชิวเซียงหดศีรษะและใช้สายตาที่ไม่เชื่อมั่นมองไปยังผู้เป็บิดา ดูอย่างไรก็เหมือนคนอ่อนแอ
หลิวต้าฟู่มองหลิวฉีซื่ออย่างปวดศีรษะและน่ารำคาญใจ จะปลดก็ปลดไม่ได้
เขาหันไปมองหลิวเหรินกุ้ยอีกครั้งแล้วนึกอิจฉาจากใจจริง! ใครจะไม่ชื่นชอบแม่สาวอ่อนหวานเช่นนั้นบ้าง เทียบกับภรรยาของตนเองที่เป็พวกอันธพาลไม่มีเหตุผล
สุดท้ายก็ต้องหาทางออกให้ภรรยาตนเองอีก หลิวต้าฟู่เริ่มย้อนนึกถึงชีวิตในวันวานที่อยู่โดดเดี่ยว ช่างสบายใจและสบายหูเหลือเกิน!
นั่นต่างหากคือชีวิต
“พวกเ้ายังไม่รีบพยุงแม่ขึ้นมาอีก อากาศหนาวเพียงนี้ เกิดแม่พวกเ้าเป็หวัด พวกเ้ายังต้องควักเงินค่ายาอีกไม่ใช่หรือ?”
เขาไม่สนใจอีกต่อไปว่าวันนี้คือวันขึ้นปีใหม่หรือไม่
หลิวเหรินกุ้ยตอบสนองเร็วที่สุด รีบวิ่งไปหาหลิวฉีซื่อแล้วพยุงนางขึ้นมาด้วยความสงสาร “ท่านแม่ ลูกไม่ดีเองทำให้ท่านแม่ต้องลำบากใจ หากลูกได้งานที่ตำบลจะไม่ทำให้ท่านแม่ต้องลำบากอีก”
นี่คือการโยนคำครหามาให้หลิวซานกุ้ย
หลิวเต้าเซียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยในใจ ห้ามโกรธ ห้ามโมโห ห้ามสูญเสียสติสัมปชัญญะ
นางปลอบโยนตัวเองอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ลุงรองพูดได้น่าแปลก ข้ากับพี่สาวสวมเครื่องทองเครื่องเงินแล้วทำให้ท่านย่าลำบากอย่างไร คงไม่ใช่เพราะในสายตาลุงรองคิดว่า ของที่น้าชายข้ามอบให้พวกข้าด้วยความรักใคร่เอ็นดูนั้น ก็ต้องตกอยู่ในชื่อของท่านย่าหรอกนะ ”
นางหันไปมองหลิวซานกุ้ยด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้ ก่อนจะเอ่ยถาม “ท่านพ่อ เดิมทีหนังสือแยกครอบครัวก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรนี่นา เดี๋ยวคงต้องไปถามท่านปู่หลี่เจิ้งว่าตกลงมันเป็อย่างไรกันแน่”
เส้นเอ็นหลังมือของหลิวเหรินกุ้ยปูดขึ้น ชัดว่าโมโหของจริง
หลิวเต้าเซียงแอบเบะปาก โกรธก็โกรธไปสิ ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้เนื้อแหว่งสักหน่อย
อันที่จริง นางค่อนข้างจะมีเล่ห์เหลี่ยมกลโกง!
หลิวซานกุ้ยถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ว่าเหตุใดพี่น้องที่รักใคร่ในวัยเด็ก กลับห่างเหินกับเขาไปทุกที เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะของบุตรสาว แล้วมองดูพวกนางที่มีรอยยิ้มบริสุทธิ์และไร้เดียงสา เขาคิดไม่ตกว่าเหตุใดมารดาจึงชอบอิจฉาข้าวของของพวกนาง ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องประดับเหล่านี้ก็ล้วนเป็ของที่ญาติมิตรสหายมามอบให้
หลิวต้าฟู่อารมณ์เสียมาก วันขึ้นปีใหม่ทั้งทีมีบ้านใดบ้างที่ไม่หัวเราะมีความสุขกัน มีเพียงบ้านเขาที่เต็มไปด้วยเื่ไร้สาระมากมาย จึงเกิดความหงุดหงิดใจ คำพูดก็แฝงความหมายไว้ด้วย “พอได้แล้ว เ้ารอง แม่เ้ากำลังโมโห เ้าหยุดพูดพล่ามได้แล้ว หนังสือแยกครอบครัวก็มีผู้าุโเป็พยานมากมาย จะไม่ถือเป็เื่จริงจังได้อย่างไร?”
หลิวหลี่ซื่อไม่รู้ว่าไปตักน้ำอุ่นใส่กะละมังมาั้แ่เมื่อไร หลิวสี่กุ้ยรีบรับมาแล้ววางตรงหน้าหลิวฉีซื่อ ก่อนจะเอ่ย “ท่านแม่ วันนี้คือวันขึ้นปีใหม่ เรามีเื่อะไรก็ค่อยๆ คุยกัน อย่าใจร้อนเลย ถึงอย่างไรเ้ารองก็แค่มีอนุ ท่านอย่าโกรธไปเลย”
เมื่อหลิวฉีซื่อหยุดสร้างปัญหา หลิวสี่กุ้ยจึงเกลี้ยกล่อมนางอย่างอ่อนโยน
หลิวหลี่ซื่อเพียงแค่ดึงหลิวจื้อเซิ่งกับหลิวเฉี่ยวเอ๋อร์ไปยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
“สี่กุ้ย ใช่ว่าข้าหาเื่ซุนซื่อ พวกเ้าไม่รู้หรอกว่า ตอนนั้นนางขี้คร้านเพียงใดตอนที่อยู่บ้าน ข้าอยากสั่งสอนให้นางนอบน้อมเชื่อฟังและดูแลปรนนิบัติเ้ารองดีๆ ใครจะรู้ว่านางกลับเป็พวกกระดูกแข็ง อาละวาดจนพาคนฝั่งแม่มาบุกถึงบ้าน ใจข้าเหมือนมีหนามทิ่มแทง ชุ่ยหลิวเป็เด็กที่เชื่อฟังมาโดยตลอด ตอนนี้ได้กับเ้ารอง ข้าเองก็อยากจัดงานเลี้ยงสักหน่อยเพื่อให้มันครึกครื้น และเพื่อให้คนในหมู่บ้านรับรู้”
-----
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้