หลังจากส่งพี่หวังกลับไปแล้วหลินลั่วหรานก็สงบลง
เมื่อนึกถึงเื่ที่หลี่อันผิงแอบเข้ามาในห้องและเื่ที่ครอบครัวของหลี่อันผิง พาผู้คนเข้ามาสร้างปัญหาที่บ้านของเธอ แถมยังมี“คำสั่งกีดกัน” จากไอลี่อีก ตอนนี้มันไม่ใช่ว่าไอลี่ไม่ยอมปล่อยเธอไปอีกแล้วแต่มันกลายเป็หลินลั่วหรานไม่้าจะปล่อยทั้งสองไปง่ายๆ อีกต่อไปแล้วแทน!
แต่ว่าจะแก้แค้นอย่างไร เธอยังไม่ได้คิดดีนะแม้ว่าหลินลั่วหรานในตอนนี้จะไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วก็ตามแต่หลินลั่วหรานก็มีเพียงพละกำลังเท่านั้น นอกจากพลังตรวจหาหยก การมองทะลุความว่องไวราวกับโบยบิน และพลังเหลือล้น เธอก็ยังเป็เพียงคนปกติคนหนึ่งบนโลกในขั้นตอนของการเป็ผู้ฝึกศาสตร์นั้นเธอก็ยังเป็เพียงคนที่ยังทำอะไรไม่ได้คนหนึ่ง
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเพิ่มความสามารถของตัวเองให้มากขึ้น!
เมื่อหลินลั่วหรานคิดได้ดังนั้นไม่กี่วันที่ผ่านมาก็ถือว่าดีขึ้นมามาก ตอนกลางวันก็ทำงานใช้พลังตรวจสอบสินค้าในร้านไปแล้วรอบหนึ่ง ไข่มุกเป็ราวกับหนูตกถังข้าวสารมันสามารถดูดซึมพลังได้อย่างมีความสุขในทุกๆ วัน
หลินลั่วหรานเองก็เข้าใจแล้วภายในของหยกบรรจุพลังของโลกเอาไว้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ดูเหมือนว่าพลังเ่าั้จะรุนแรงมาก ต่างพูดกันว่าหยกช่วยบำรุงร่างกายมนุษย์แต่ว่าพลังที่กระจัดกระจายที่อยู่ในหยกระดับสูงเหล่านี้อย่าพูดถึงเื่ยืดอายุขัยเลย แค่ไม่ทำร้ายร่างกายก็ถือว่าดีแล้ว!
ความเป็จริงกับความรู้แต่เดิมในสมองเริ่มตีกันแต่เมื่อเปรียบเทียบดูแล้ว หลินลั่วหรานก็อยากจะเชื่อไข่มุกที่มอบเื่ดีๆให้กับชีวิตเธอมากกว่า แต่เ้าไข่มุกกลับไม่ได้เื่มากนักหลินลั่วหรานนึกถึงหลังจากที่เธอคิดอยากจะตรวจสอบก้อนแร่หยกของเสี่ยซุยเมื่อครั้งก่อนพลังที่ไข่มุกปล่อยออกมาตอบแทน นั้นช่างดูสงบและมั่นคง เมื่อคิดได้ดังนั้นก็แสดงว่าไข่มุกนั้นคงมีความสามารถบางอย่างในการแลกเปลี่ยนพลัง
ก้อนหยกที่โดนไข่มุกดูดซึมพลังที่กระจัดกระจายเ่าั้ไปแล้วก็ไม่ได้แสดงปัญหาสูญเสียการส่องประกายไปแต่อย่างใดแม้ว่าการที่ไม่มีพลังที่กระจัดกระจายเ่าั้แล้วจะไม่ได้ส่งผลดีอะไรต่อร่างกายของคนแต่อย่างน้อยตอนนี้พวกมันก็นับได้ว่าเป็สินค้าที่ได้มาตรฐานแล้วอย่างน้อยก็ไม่ทำร้ายร่างกายหลินลั่วหรานจึงวางใจที่จะปล่อยให้ไข่มุกดูดซึมพลังเ่าั้ต่อไป
ส่วนเื่การปล่อยกลับออกมาน่ะเหรอ? หลินลั่วหรานรู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อยตอนนี้เธอรู้สึกว่าพลังแทบจะไม่พอใช้อยู่แล้วแล้วจะให้เธอยอมกัดฟันสั่งให้ไข่มุกปล่อยพลังที่ดูดเข้าไปกลับออกมาแบบที่ทำกับก้อนแร่หยกของเสี่ยซุยได้อย่างไร?
ผักและยาที่ปลูกเอาไว้ในพื้นที่ลึกลับต่างพากันเติบโตไวขึ้นผ่านมาครึ่งเดือนแล้วในตอนเย็นที่หลินลั่วหรานลองสั่งพลังในเส้นโลหิตของเธอดูอีกครั้งในที่สุดเธอก็เริ่มเห็นสัญญาณ ค่อยๆ ขยับเคลื่อนตัวของกลุ่มพลังเ่าั้
แม้จะเป็เพียงการเคลื่อนไหวเบาๆแต่หลินลั่วหรานก็สูญเสียพลังไปมากทุกครั้งหลังการทดลองเธอจะรู้สึกเหนื่อยจนเหงื่อไหลออกมาทั่วร่างจนต้องนอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน แต่หลินลั่วหรานก็ยังดีใจอยู่ดี
ต้องเหนื่อยสิถึงจะดีการที่รู้สึกเหนื่อยแสดงว่าได้ผลยังไงล่ะ! หลังจากที่ร่างกายของเธอถูกปรับแต่งมานั้นน้อยมากที่เหงื่อจะไหลรินออกมาจากร่างของเธอแล้วก็น้อยมากที่เธอจะัักับความรู้สึกเหนื่อยล้า
ทั้งหมดนี้คงจะต้องยกความดีความชอบให้ความกล้าหาญของหลินลั่วหรานที่กล้าออกไปทดลองความสามารถลึกลับของเ้าไข่มุก หลินลั่วหรานเคยเห็นไข่มุกปล่อยพลังออกมาตอบแทนก้อนหยกเธอคิดพิจารณาอยู่นานก่อนจะคิดได้ว่าไข่มุกเองก็น่าจะปล่อยพลังออกมาให้เธอได้เช่นกันความรวดเร็วในการดูดซึมพลังจากแร่ของไข่มุกเรียกได้ว่าบ้าไปแล้วบ้าเสียจนหลินลั่วหรานต้องทำตัวเหมือนโจรในทุกๆ วันเดินผ่านไปมาระหว่างเคาน์เตอร์ต่างๆ ไปเรื่อย เพื่อที่จะได้เข้าใกล้ก้อนหยกมากขึ้นและอำนวยความสะดวกในการดูดพลังให้เ้าไข่มุก
เมื่อมาถึงตอนเย็น เพียงแค่คิดขึ้นมาในหัวไข่มุกก็จะปล่อยพลังที่ผ่านการจัดการเรียบร้อยแล้วออกมา ก่อนจะค่อยๆซึมไหลผ่านเข้าไปในร่างของหลินลั่วหราน หลังจากผ่านการดูดซึมเป็เวลาครึ่งเดือนพลังบางๆ ในร่างกายของเธอ ก็เริ่มก่อตัวเข้าด้วยกัน และขยับช้าๆไปตามการกระตุ้นของหลินลั่วหราน
ตอนนี้การฝึกฝนเป็ไปอย่างล่าช้า สาเหตุหลักก็คือหลินลั่วหรานมักจะเป็ฝ่ายถูกดูดซึมพลังจากไข่มุกอยู่เสมอแต่เมื่อเธอคิดอยากจะเป็คนดูดซึมด้วยตัวเองบ้างเธอกลับยังไม่สามารถทำมันได้ในตอนนี้
เธอมีเพียงสิ่งเหนือธรรมชาติอย่างไข่มุกนี่อยู่แต่กลับไม่รู้การฝึกฝนเลยแม้แต่น้อย ช่างน่าผิดหวังเสียจริง!
เหล่ายาสมุนไพรในพื้นที่ลึกลับนั้นต่างเติบโตได้ดีผักก็เก็บเกี่ยวมาได้หลายรอบ ถูกกองเอาไว้บนเสื่อจนกลายเป็ูเาลูกเล็ก ทั้งๆที่นี่เป็เพียงส่วนที่เหลือจากที่หลินลั่วหรานแบ่งไปให้ที่บ้านแล้วที่เป่าเจียเองก็มีไม่ขาด แถมบางครั้งก็ยังเอาไปให้พี่หวังอีกด้วย!
สิ่งเหล่านี้ต่างก็ไม่ขาดสิ่งเดียวที่น่าจะเป็ไปได้ก็คืออาจจะมีการฝึกฝนพลังซ่อนอยู่ในกระท่อมน้อยหลังนั้น แต่มันยังคงถูกบาเรียปกป้องเอาไว้ไม่ให้หลินลั่วหรานเข้าใกล้แม้แต่ก้าวเดียว
พระเ้า ไม่รู้เลยว่าบาเรียจะหายไปเมื่อไรหรืออาจจะคงอยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หากจะมัวแต่ไปคาดหวังอยู่แบบนั้นก็คงจะไร้เหตุผลเกินไป แม้ว่าจะก้าวเข้ามาสู่หนทางการฝึกศาสตร์แล้วแต่หลินลั่วหรานก็รู้ดี ว่าเธอยังเป็เพียงเด็กฝึกหัดเท่านั้น หากว่าไม่ก้าวผ่านขอบเขตนี้ไปการฝึกที่ชักช้าแบบนี้ ร้อยปีหลังจากนี้ก็คงจะเป็เพียงกองเศษกระดูกแห้งๆสีแดงเท่านั้นสินะ?
การมีอยู่ของไข่มุกทำให้หลินลั่วหรานคิดขึ้นมาได้ว่า บนโลกใบนี้ไม่น่าจะมีเพียงตัวเองที่เป็ผู้ฝึกศาสตร์ใช่ไหมนะ?
คน “แบบเดียว” กันกับเธอ จะอยู่ที่ไหนกัน?
เมื่อหลินลั่วหรานมองออกไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่ไม่ได้เห็นชัดเจนนักของเมือง R ก็เผลออดคิดขึ้นมาไม่ได้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ใต้ฟ้าฝืนเดียวกันนี้จะถูกซ่อนไว้ด้วยผู้ฝึกศาสตร์จำนวนนับไม่ถ้วนหรือเปล่าเหมือนกับในตำนานลึกลับเล่าขานแบบนั้น มีอายุยืนยาวนาน มีพลังเวทมนตร์อันเจิดจรัสมีการฝึกพลังที่สืบทอดต่อกันมารุ่นสู่รุ่น มีพวกที่สามารถบินข้ามฟ้าดำทะลุดินได้...
แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของหลินลั่วหรานนั้น นอกจากการฝึกที่ลำบากแล้วก็ยังมีปัญหาของเด็กชายที่เธอช่วยเอาไว้เมื่อวันก่อน
ครึ่งเดือนที่ผ่านมา หลินลั่วหรานไปทำงานในตอนกลางวันหลังจากเลิกงานก็นัดไปเยี่ยมเด็กชายด้วยกันกับเป่าเจีย ข่าวดีก็คือหลังจากผ่านการดูแลรักษามากว่าครึ่งเดือน อาการของเด็กชายก็ดีขึ้นมากแล้วแถมหมอก็ยังบอกอีกว่าสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
ข่าวร้ายก็คือทางตำรวจยังไม่สามารถหาเบาะแสเกี่ยวกับตัวเด็กคนนี้ได้เลย และก็สามารถพูดได้ว่าหากออกจากโรงพยาบาลมาแล้ว เขาก็คงจะถูกส่งตัวไปยังบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าอะไรพวกนั้น
ในสถานการณ์แบบเดียวกันนี้การถูกส่งไปบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าก็เป็เื่ปกติอยู่แล้วเพียงแต่จนถึงตอนนี้เด็กชายก็ยังคงไม่ยอมเปิดปากพูด อาการเก็บตัวของเขาหนักมากอย่าว่าแต่หลินลั่วหรานเลย แม้แต่เป่าเจียเองก็ยังเป็ห่วง
“เสี่ยวหรานทำไมเธอถึงไม่รับเลี้ยงเขาล่ะ?” ที่จริงเป่าเจียอยากจะรับเขามาเลี้ยงด้วยตัวเองแต่สถานการณ์ที่บ้านของเธอซับซ้อนมาก จึงไม่สามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้นักตอนนี้เธอจึงทำได้เพียงพยายามกระตุ้นหลินลั่วหรานแล้ว
รับเลี้ยง? จริงสิ ทำไมถึงนึกวิธีนี้ไม่ออกกันนะตอนนี้ก็ใช่ว่าจะเลี้ยงไม่ไหว...หลังจากนี้ก็จะไปรับพ่อกับแม่เข้ามาทั้งสองคนต่างไม่ชินกับการอาศัยอยู่ในเมือง หากมีเด็กให้พวกเขาได้คอยดูแลก็ดีเหมือนกันนี่มันยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวชัดๆ
“รับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ใช่ว่าต้องอายุสามสิบก่อนเหรอหรือว่าผมจะจำผิดไป?” ในห้องพักคนไข้นายตำรวจตระกูลหลีที่ช่วยเด็กชายมาั้แ่แรกด้วยกัน ถามขึ้นด้วยความสงสัยเมื่อได้ฟังความคิดของหลินลั่วหราน
เขาพิจารณาหลินลั่วหรานและเป่าเจียดูแล้วทั้งสองคนดูไม่น่าจะมีอายุถึงสามสิบ
ในตอนแรกหลินลั่วหรานยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจขึ้นมาแต่ในเวลานี้กลับรู้สึกราวกับถูกสาดน้ำเย็นใส่หน้า ใช่แล้วยังไม่ได้คิดถึงเื่นี้เลย ที่แท้เธอกับเป่าเจียก็เป็คนที่ไม่ได้รู้เื่กฎหมายเลยแม้แต่น้อย!
เป่าเจียหันไปค้อนสายตาใส่นายตำรวจเธอเอียงหัวใช้ความคิดไปสักพัก ก่อนจะหันไปพูดกับหลินลั่วหรานพร้อมรอยิ้ม “จริงสิผักที่เธอเอามาให้ฉัน่นี้ ตาของฉันชอบมากเลย ท่านบอกว่าอยากเจอเธอด้วยนะจะนัดวันไหนก็ไม่รู้จะว่างไหม เพราะแบบนั้นไปกันวันนี้เลยเถอะ!”
นายตำรวจตามความคิดของเป่าเจียไม่ทันเลยแม้แต่น้อยแต่เมื่อได้ยินดังนั้นหลินลั่วหรานกลับรู้ความหมายลึกๆ ของมันยิ่งเมื่อเป่าเจียขยิบตามาให้ ก็ราวกับเธอกำลังพูดว่าคุณตาของเธอเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาเื่นี้...