หวังหรูเมิ่งไม่คาดคิดมาก่อนว่าเื่นี้จะพัวพันมาถึงตนเอง แต่ใจนางย่อมรู้ดี ถึงนางยืนกรานปฏิเสธ แต่ฮูหยินผู้เฒ่าก็จะไม่ละเว้นนางอยู่ดี
พูดให้ฟังดูแย่ เื่ภายในครอบครัว้าหลักฐานยืนยันเสียที่ไหน ไม่ใช่ว่าฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวเช่นไรก็เป็ไปตามนั้นหรือ
แล้วก็เป็ไปตามคาด มีคำสั่งถ่ายทอดจากฮูหยินผู้เฒ่าเย็นวันนั้นว่า่นี้ถูกนางทำให้บันดาลโทสะจนไม่สบาย ให้นางไปอยู่วัดสวดมนต์ภาวนาเพื่อให้ครอบครัวสงบสุข
วิธีกล่าวเช่นนี้คลับคล้ายเป็การบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นางที่ก่อขึ้น
หวังหรูเมิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในความไม่เป็ธรรม ย่อมไม่อยากจะไปสวดมนต์ขอพรที่สำนักชีอะไรทั้งนั้น ไปแล้วก็ไม่รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะทรมานนางอย่างไรบ้าง ส่วนเื่จะกลับมาได้หรือไม่ก็ยังเป็ปัญหา ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความกลัวขึ้นมาจริงๆ
นางรอแล้วรอเล่า เฝ้ารอให้ซูต้าหลางกลับมาเร็วหน่อย จะได้พอช่วยเหลือนางได้บ้าง ใครจวนแห่งนี้มีเพียงแต่เขาที่สามารถช่วยนางได้จริง
นางขบริมฝีปาก กวาดแป้งชาดเครื่องประทินผิวทั้งหมดบนโต๊ะลงพื้น แล้วเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด "ข้าอยากให้คนสกุลซูไปตายเสียให้หมดจริงๆ"
สาวใช้ได้ยินก็อกสั่นขวัญแขวน สาวใช้เดิมสองคนของนางล้วนตายไปหมดแล้ว เพราะการรนหาที่ของนางเอง สาวใช้ผู้นี้คือคนที่ซูต้าหลางหามาให้เป็พิเศษ เพราะนางไม่อยากใช้คนที่ฮูหยินใหญ่จัดมาให้
ดูจากตรงนี้ก็นับได้ว่ามีความจริงใจและคิดเพื่อนางจริงๆ
"อี๋เหนียงอย่าได้หุนหันพลันแล่นเป็อันขาด ในจวนแห่งนี้บางอย่างก็พูดไม่ได้ หากผู้อื่นมาได้ยินเข้า เกรงว่าจะนำพาปัญหาใหญ่มาให้นะเ้าคะ"
หวังหรูเมิ่งโกรธจัด เอ่ยว่า "ข้าต้องสนใจด้วยหรือว่าปัญหาใหญ่หรือปัญหาเล็ก ตอนนี้ข้าจวนเจียนจะถูกขับออกไปอยู่แล้ว ยายเฒ่าผู้นั้นนางดีแต่กับบุตรชายของตนเอง ไม่คิดบ้างว่าข้าเต็มใจแต่งเข้ามาหรือไม่"
สาวใช้รีบลงไปคุกเข่า "อี๋เหนียง ท่านอย่าพูดส่งเดชเพราะความโกรธอีกเลยเ้าค่ะ นายท่านใหญ่รักท่านที่สุด ต้องไม่ปล่อยให้เื่ราวบานปลายอย่างแน่นอน"
หวังหรูเมิ่งกำหมัดแน่น "เ้าไปดูว่านายท่านใหญ่กลับมาแล้วหรือยัง"
หลังจากใจเย็นลงแล้ว หวังหรูเมิ่งก็รู้ว่าใครถึงจะสามารถพึ่งพาได้
สาวใช้รับคำแล้วรีบออกไปทันที
และเวลานี้เอง ซูต้าหลางซึ่งเป็ความหวังที่ยิ่งใหญ่ของหวังหรูเมิ่งกลับอยู่ในอาภรณ์ที่หาได้ทั่วไป แต่งเสียจนคนจำไม่ได้ว่าเป็ใคร เดินทางมาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่ชานเมือง เขาอำพรางตัวตลอดเวลา ก่อนจะแวบหายเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง
หลังจากเข้าไปแล้ว ซูต้าหลางก็หันกลับมาปิดประตูให้เรียบร้อย ด้วยเกรงว่าจะถูกคนสังเกตเห็นเข้า ทันใดนั้น สตรีคนหนึ่งก็เข้ามากอดเขาจากด้านหลัง แม้ว่าอากาศในฤดูใบไม้ผลิจะยังหนาวเย็น แต่นางยังคงสวมอาภรณ์ฤดูร้อนบางเบาเพียงตัวเดียว
ดวงหน้าเล็กจ้อยแนบไปบนแผ่นหลังของซูต้าหลาง "ต้าหลาง ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน"
ซูต้าหลางหันกลับมา แล้วรั้งตัวนางเข้ามาในอ้อมอก "องค์หญิง"
คนผู้นี้หาใช่ใครอื่น คือชายาอ๋องสี่แห่งซีเหลียงและอดีตองค์หญิงแห่งราชวงศ์
"เมื่อก่อนท่านล้วนเรียกข้าว่าเยาเม่ย"
ซูต้าหลางยิ้มขื่น เอ่ยว่า "เ้าคือเยาเม่ยของข้าเสมอ แต่ข้า..." เสียงถอนหายใจดังขึ้น "เ้าสบายดีหรือไม่?" พูดจบก็เลิกแขนเสื้อของนางขึ้น แต่ชายาอ๋องสี่กลับซ่อนแขนไว้ด้านหลัง
ซูต้าหลางตะลึงงัน หลังจากนั้นก็หรี่ตาแคบ "เขาทุบตีเ้าอีกแล้ว?"
ชายาอ๋องสี่ขบริมฝีปาก น้ำตาร่วงเผาะลงมา "เขาทุบตีข้าเป็เื่ปรกติอยู่แล้วมิใช่หรือ เมื่อไรที่ไม่ทุบตีสิถึงจะแปลก ท่านก็รู้ พวกเขาล้วนเป็คนวิกลจริต"
สายตาของนางแฝงไปด้วยความขื่นขมระทมใจ ยิ่งเป็เช่นนี้ ซูต้าหลางก็ยิ่งปวดใจเป็เท่าทวี เขาดึงมือนางออกมาแล้วเลิกแขนเสื้อขึ้น ก็เห็นแต่รอยช้ำเขียวม่วงเต็มไปหมด
ซูต้าหลางโกรธจนดวงตาแดงก่ำ "เ้าพวกสารเลว เ้าพวกสารเลว"
"ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ท่านอย่าเก็บไปใส่ใจอีกเลย" ชายาอ๋องสี่ส่ายหน้าแล้วเอ่ยเสียงเบา
"เป็เพราะข้าไม่มีความกล้าที่จะแต่งงานกับเ้าในตอนนั้น เ้าถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมเยี่ยงนี้ เป็ความผิดของข้าเอง เป็เพราะความใจเสาะของข้า..."
ซูต้าหลางตาแดงก่ำ ทั้งหัวใจและสายตามีเพียงแต่นางเท่านั้น
ทว่าดวงตาของชายาอ๋องสี่กลับมีประกายวาบผ่าน นางก้มศีรษะลงเอ่ยเสียงเบา "โทษท่านได้เสียที่ไหนกันเล่า?"
"คนที่ผิดต่อข้าแท้จริงแล้วมิใช่ท่าน แต่เป็ฉีอิ่งซิน หากไม่เพราะนาง ข้าจะลงเอยเช่นนี้ได้อย่างไร เดิมทีข้าคิดจะแต่งให้ซานหลาง เพื่อตัดหนทางเข้าสู่เส้นทางขุนนางของเขา หากข้าได้แต่งกับเขา พวกเราก็จะได้อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน ได้พบกับท่านทุกวัน แต่ใครเล่าจะคาดคิด ฉีอิ่งซินกลับไม่เห็นแก่มิตรภาพ นางเป็สหายรักที่สนิทกับข้าที่สุดแท้ๆ แต่กลับแย่งชิงสิ่งของที่ควรจะเป็ของข้าไป ต้าหลาง แต่ไรมาข้ามิเคยโทษท่านเลย ท่านเองก็มีความลำบากใจของตน ส่วนข้าก็ทนเห็นท่านต้องละทิ้งทุกอย่างเพื่อมาแต่งกับข้าไม่ได้ คนที่ข้าเคียดแค้นจึงมีแต่ฉีอิ่งซิน มีแค่นางเท่านั้น"
"เ้าวางใจเถอะ ข้าจะช่วยแก้แค้นให้เ้าเอง" ซูต้าหลางหัวเราะเยียบเย็น
"ท่านจะช่วยข้าจริงหรือ?" ชายาอ๋องสี่เงยหน้าขึ้นถามด้วยความดีใจ
"ข้าต้องช่วยท่านอยู่แล้ว ฉีอิ่งซินนางนับเป็ตัวอะไร รู้แต่ประจบสอพลอซานหลางทั้งวัน นึกว่าตนเองหัวใจของซานหลางได้ก็เพียงพอแล้วหรือ ข้าไม่เชื่อว่าทุกสิ่งจะราบรื่นอย่างที่นางคิด"
"เช่นนั้นท่านมี... ท่านมีความคิดดีๆ อันใด?"
ซูต้าหลางกระซิบข้างหูนางสองสามประโยค ชายาอ๋องสี่เงยหน้าขึ้นถามด้วยความประหลาดใจ "จริงหรือ?"
ซูต้าหลางยิ้มน้อยๆ "จริงสิ เ้านึกว่าฮองเฮาทรงโปรดพวกเขานักหรือ? พระนางเกลียดชังอิ้งเยว่เป็ที่สุด คนที่ฮองเฮากับองค์หญิงหรงเหยียนจัดเข้าไปในจวนรัชทายาทล้วนถูกซูอิ้งเยว่กำจัดจนหมดเกลี้ยง สถานการณ์เช่นนี้ เ้าคิดว่าฮองเฮาจะทรงโปรดปรานเรือนสามสกุลซูนักหรือ? หากมิใช่ว่าข้าผูกพระทัยฮองเฮาไว้ได้ เกรงว่าทั้งจวนซู่เฉิงโหวคงกลายเป็ศัตรูกับพระนางไปแล้ว"
ชายาอ๋องสี่หัวเราะออกมาแล้วเอ่ยเสียงเบา "เช่นนี้คือดีที่สุด ข้าเองก็เกลียดสตรีผู้นั้น ให้พวกเขาเป็สุนัขกัดกันเองได้ยิ่งดี"
"เ้าวางใจ หลายปีมานี้ข้าสั่งสมประสบการณ์มากมาย ทำสิ่งใดล้วนคล่องมือ ว่าแต่... เ้ากลับมาเมืองหลวงได้อย่างไร มีคนรู้หรือไม่?
ชายาอ๋องสี่ขบริมฝีปากก้มหน้า "ต้าหลาง อภัยให้ข้าด้วย"
ซูต้าหลางมองนางอย่างงุนงง หลังจากนั้นก็ถามกลับไป "คนสารเลวพวกนั้นบีบบังคับให้เ้าทำอะไรอีกแล้วหรือ?"
เขาทุบโต๊ะอย่างเดือดดาล แต่ไม่มีความสามารถจะทำอะไรได้
ชายาอ๋องสี่ไม่กล้าเงยหน้า หยาดน้ำตาร่วงเผาะลงมา "เป็เหล่าจิ่ว เขาวางแผนจะมาสู่ขอกับฮ่องเต้ต้าฉี แต่งซูเฉียวเยว่กลับไปซีเหลียง"
ชายาอ๋องสี่เงยหน้าทั้งน้ำตานอง "เขาให้ข้าลอบกลับมาเพื่อแจ้งข่าวนี้"
ซูต้าหลางอึ้งงันเล็กน้อย "มู่หรงจิ่วอยากแต่งงานกับเฉียวเยว่?"
ชายาอ๋องสี่พยักหน้า หลังจากนั้นก็พูดต่อ "ใช่ เขาอยากแต่งกับซูเฉียวเยว่ เขาเป็คนวิกลจริต ท่านก็รู้ข้าไม่กล้าขัดคำสั่งเขา แม้แต่ตัวไร้ประโยชน์อย่างอ๋องสี่ยังถูกเขาควบคุมไว้ในกำมือ อย่างข้าจะรอดพ้นได้หรือ ข้าไร้หนทางจริงๆ"
นางก้มหน้าร้องไห้ไม่หยุด "ข้าไม่ได้อยากให้ท่านทำอะไร ถึงอย่างไรนางก็เป็หลานสาวของท่าน ข้าจะจัดการด้วยตนเอง ทะ... ท่านไม่ต้องห่วงข้า แต่ข้าขอร้องท่านอย่าเข้ามายุ่งเกี่ยว ข้า..."
ซูต้าหลางนิ่งคิดอยู่พักใหญ่ ก็กุมมือนางไว้ "ข้าจะช่วยเ้าเอง"
ชายาอ๋องสี่เงยหน้ามองเขาอย่างประหลาดใจ แล้วยกมือโบกไม่หยุด "ไม่ต้อง ไม่ต้อง ก่อนหน้านี้ท่านช่วยข้าทำอะไรมามากแล้ว ตอนนี้ข้าจะให้ท่าน..."
ยังไม่ทันพูดจบ ซูต้าหลางก็พูดขึ้นมา "ซานหลางมีบุตรชายเพียงคนเดียวก็ดี ส่วนอิ้งเยว่กับเฉียวเยว่เป็แค่บุตรสาวเท่านั้น อีกอย่างข้าไม่ชอบฉีอิ่งซินมาแต่ไหนแต่ไร นางมีดีอะไรนักหนา ทุกอย่างที่นางมีอยู่ตอนนี้ก็ล้วนได้มาจากจวนซู่เฉิงโหวของเราทั้งนั้น ข้าเป็บุตรชายคนโต ผู้สืบทอดจวนซู่เฉิงโหวก็ควรเป็ข้าอยู่แล้ว ซานหลางไม่เคยมีความคิดจะเป็ขุนนาง ต้องเป็นางที่คอยยุยงส่งเสริมเขาถึงเข้าร่วมการสอบเคอจวี่ครานี้ สตรีเช่นนางช่างน่ารังเกียจ บุตรสาวของนางก็น่ารังเกียจไม่ต่างกัน"
ชายาอ๋องสี่ซบไปบนตัวซูต้าหลาง ริมฝีปากสีแดงสดขยับน้อยๆ "ข้ารู้ ท่านชอบข้า ข้ารู้... ท่านล้วนทำเพื่อข้า..."
เสียงค่อยๆ แ่เบาลงไปทีละน้อย บรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีก
องครักษ์ที่รับหน้าที่เฝ้าจับตาชายาอ๋องสี่ฟังเสียงจากในห้องก็ยิ้มเหยียดหยัน แล้วะโขึ้นไปหลบบนคาน
จนกระทั่งถึงกลางดึกซูต้าหลางกลับมาถึงจวนก็เป็เวลาห้ามออกจากเคหสถานแล้ว เขาเข้ามาทางประตูหลังอย่างเงียบเชียบ แต่เพิ่งจะถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
ซูต้าหลางลังเลชั่วขณะก่อนเอ่ยถาม "ใคร?"
เสียงของไท่ไท่ใหญ่จากนอกประตูตอบกลับมาเสียงเบา "ท่านพี่ ข้าเองเ้าค่ะ"
"มีธุระอะไร?" ซูต้าหลางเอ่ยถาม
ไท่ไท่ใหญ่คะเนว่าเขาอาจจะไปหอคณิกาหรือสถานเริงรมย์ที่ไหนสักแห่ง มิเช่นนั้นคงไม่ถึงกับไม่ยอมเปิดประตู นี่คงกลัวว่านางจะได้กลิ่นอะไรเข้า
นางขบริมฝีปาก เก็บงำความขุ่นเคืองเอาไว้ในใจ
"มีเื่บางอย่างเกี่ยงข้องกับหวังอี๋เหนียงเ้าค่ะ" เสียงของไท่ไท่ใหญ่เ็าอยู่หลายส่วน
ซูต้าหลางเปิดประตูห้อง "เข้ามาสิ นางก่อเื่อีกแล้วหรือ?"
...
ค่ำมืดดึกดื่น ซูเฉียวเยว่กำลังหลับสบาย แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกคล้ายมีเสียงลมหายใจแ่เบาอยู่ในห้อง นางสะดุ้งตื่นขึ้นมา ก็เห็นเงาสีดำยืนอยู่ข้างหน้าต่าง เฉียวเยว่ใจนขวัญหนีดีฝ่อ ขณะกำลังจะร้องะโออกมา คนผู้นั้นก็วิ่งเข้ามาอุดปากของนางไว้ แล้วเอ่ยเสียงเบา "ไม่ต้องกลัว ข้าเอง"
ิ่จื้อรุ่ยพยักหน้า หลังจากนั้นก็ถอยหลังออกไปเล็กน้อย ไม่มองสิ่งขัดต่อจรรยา
แม้จะไม่มีแสงเทียน แต่แสงจันทร์สว่างไสวสาดส่องลงมากระทบใบหน้าของเฉียวเยว่พอดี
"ข้าว่าท่านควรบอกข้ามา เพราะเหตุใดถึงมาปรากฏตัวที่นี่เวลานี้ หากถูกใครพบเข้า ชื่อเสียงของข้าจะเป็เช่นไร?"
เสียงของเฉียวเยว่ราวกับละอองน้ำแข็ง
ิ่จื้อรุ่ยพลันกระอักกระอ่วน รีบอธิบาย "ข้ามิได้ตั้งใจ ข้าเพียงแค่ เพียงแค่..." แต่กลับพูดไม่ออก
"เพียงแค่อันใด?" เฉียวเยว่ซักไซ้
นางเป็แม่นางที่เฉลียวฉลาด เอ่ยขึ้นมาทันที "ท่านมีภารกิจบางอย่าง ก็เลยมาหลบที่ห้องข้า?"
ิ่จื้อรุ่ยเงียบอยู่สักพักก่อนพยักหน้า
เฉียวเยว่นึกค่อนแคะอยู่เงียบๆ ในใจ ห้องของนางกลายเป็สถานที่หลบซ่อนเพื่อความปลอดภัยของทุกคนไปแล้ว
"เื่อะไร?"
"บอกไม่ได้" ิ่จื้อรุ่ยเงยหน้าตอบอย่างจริงจัง
หลังจากนั้นก็ะโออกไปทางหน้าต่างอย่างรวดเร็ว เฉียวเยว่อยากจะถามอีกคำก็ทำไม่ได้แล้ว
นางขบริมฝีปากเอ่ยอย่างโกรธกริ้ว "เห็นห้องข้าเป็ประตูเมืองหรือไร คนพวกนี้ทำเกินไปแล้ว!"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้