คุณหนูเยว่ผู้เปี่ยมเมตตาทำเอาบ่าวรับใช้ประหลาดใจมิใช่น้อย แม้แต่ทหารคนสนิทของแม่ทัพเจี้ยนหยู่คงส่งรายงานเขาทั้งหมดแล้ว โดนจับได้กลางวันแสก ๆ เื่แอบตามนางตามคำสั่งท่านแม่ทัพใหญ่ โชคดีที่นางไม่เรียกพวกเขาไปต่อว่า ยังซื้อขนมให้กิน
จวบจนพลบค่ำแล้วเหมันต์ก็ยังไม่หยุดลงสักเค่อหนึ่ง สีขาวโพลนเกาะกุมไปทั่วบริเวณ มองไปทางไหนมีแต่เกล็ดน้ำแข็ง เหม่ยฉีกระชับผ้านวมหนาขึ้นคลุมมิดชิดบนฟูก นางหายใจเป็ไอควัน บ่าวรับใช้นำยาและอาหารมาให้นาง ส่งถุงเงินให้ซูหนี่ว์เป็ธุระไปซื้อฟืนและเสื้อผ้ากันหนาวมอบให้บ่าวในเรือน
เหม่ยฉีรอจนสาวใช้คนสนิทขึ้นรถม้าไป เรียกบ่าวสตรีให้เตรียมน้ำอุ่นพร้อมสั่งห้ามไม่ให้ใครรบกวนนางเป็อันขาด หากว่านางไม่เรียกหา มิฉะนั้นนางจะลงโทษพวกเขาให้ยืนตากน้ำแข็ง บ่าวรับใช้ปฏิบัติตามคำสั่งนาง
เหม่ยฉีปิดประตูแล้วใช้ไม้ขัด นางใช้อุ้งมือทั้งสองวักน้ำจากถัง โดยไม่ถอดชุดสีขาวบางสองชั้นออก เรือนผมของนางเปียกชื้น นางรู้สึกไม่สบายตัวจึงเรียกตำราออกมาจากกลางหน้าผาก มันส่องสว่างเป็สีทอง ห้อมล้อมด้วยไอหยินจำนวนมาก กระทั่งบนพื้นที่เหยียบยืนก็ยังปะปนด้วยไอควัน
‘ตำราผสานจิตใจ’
เยว่ฉีได้รับมันมาจากแม่เฒ่าใกล้กับวัดบนเชิงเขาแห่งหนึ่ง ตำราเล่มนี้เคลื่อนย้ายจิติญญา ล่วงรู้ถึงจิตใจที่ผูกพัน อดีต ปัจจุบัน อนาคต นางกลืนมันเข้าไปไม่นาน หลังท่านผู้ตรวจการเดินทางไปต่างแคว้น
เหม่ยฉีพึ่งนึกขึ้นได้ว่านางพบนิยาย ‘สตรีผู้ถือตำราลับสกุลหยาง’ บนร้านค้าแผงลอยใน่ตลาดกลางคืน นางได้มันมาจากหญิงชรา ขายให้นางในราคาหนึ่งหยวน นางให้เงินคุณยายไปถึงสิบหยวน ก่อนจะกลับไปนั่ง ๆ นอน ๆ อ่านหนังสือในคอนโดมิเนียม ด่านักเขียนอย่างสบายใจ
ในโลกที่จากมานางไม่เป็ที่รักของใคร นางเป็เด็กสายตาไม่ดี สวมแว่นหนาเตอะ ไร้ญาติขาดมิตรคอยเหลียวแล ญาติพี่น้องล้วนเห็นแก่ตัว ไม่รับผิดชอบเด็กน้อยเช่นนาง พวกเขามองนางเป็ภาระ ต่อให้นางจะเป็เด็กดี ตั้งใจเรียนจนสอบทุนของมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์และเภสัชศาสตร์แผนจีนได้ นางดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอดในยุคสมัยทุนนิยม
นางไม่เคยสุขสบายเท่านี้
น่าอิจฉาเยว่ฉีผู้มีวาสนา...
ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ไม่มีใครจุ่มขาแช่น้ำในฤดูเหมันต์ ทว่านางมีบ่าวรับใช้ต้มน้ำให้อาบ นางคงล้างหน้าล้างตา จัดการธุระส่วนตัวเล็กน้อย บ่าวรับใช้ยังคงเป็ห่วงคุณหนูรอง จึงขอยืนรออยู่ด้านนอก
“เกิดอะไรขึ้นกับเ้ากันแน่? เยว่ฉี” เสียงที่ดังขึ้นเรียกนาง ร่างผอมบางยืนนิ่งงันใต้อุ้งมือปีศาจ กริชที่เอวนางถูกคว้าไปตอนไหนไม่รู้ได้ เขาหยิบมันไปถือด้วยมือขวา มืออีกข้างปรากฏเล็บปีศาจทั้งห้า คว้าคอนางด้วยท่าทีข่มขู่ “พูดมา ก่อนที่ข้าจะทรมานเ้า เพื่อเค้นเอาความจริง”
“ท่านพ่ออยู่กับข้ามาทั้งชีวิต ยังไม่กล้าวิจารณ์ข้า ท่านเป็ใคร จึงบุกรุกเข้ามาในห้องอาบน้ำสตรียามวิกาล เพียงเพื่อ... ถามเื่ไร้สาระจากข้า?”
“เื่ไร้สาระอะไรของเ้า ข้าเห็นตามที่ท่านผู้ตรวจการบอกข้า... ส่งตำรามาให้ข้าซะดี ๆ”
“ตำรารู้เ้าของ” นางพูดผ่านอ่างไม้โดยไร้ความกลัวเกรง ภาพสะท้อนมิอาจปิดบังใบหน้าหล่อเหลาของใต้เท้าเจี้ยน เหม่ยฉีก้มมองเงาบุรุษในนั้น
เจี้ยนหยู่หน้าเสีย ตามองตำราเล่มเก่าเบื้องหน้านาง พยายามดึงมันออกมาจากนางด้วยอุ้งมือปีศาจ แต่ก็ราวกับว่าเป็เพียงลมพัดผ่าน มันหายไปในแต้มสีชาดหว่างกลางคิ้วเรียวงาม มันเป็ตำราที่รู้เ้าของเช่นนางว่า
“เ้าไม่รักตัวกลัวตาย ไม่เกรงกลัวบุรุษข่มเหงรังแก เค้นเอาความจริงจากปากเ้าหรือ รู้ไหมว่าข้าบังคับเ้าได้?”
“ใต้เท้าเจี้ยนข่มเหงรังแกข้า? ควรนับเป็เกียรติของข้าซะมากกว่า น่าเสียดายที่ท่านไม่แตะต้องสตรี ขนาดคณิการูปโฉมงดงามเป็ที่เลื่องลือในต้าเหลียง บุรุษค่อนเมืองล้วนอยากมีสัมพันธ์เร่าร้อนกับนาง ในคืนงานเลี้ยงสังสรรค์ ท่านเกือบจะตัดมือนางด้วยกระบี่ปีศาจของท่าน...”
“เ้ารู้?”
“คืนนั้นข้าเดินทางไกล ไปเยี่ยมคณาญาติกับบิดา ข้าคงได้ยินมา... กระมัง”
เจี้ยนหยู่เลิกคิ้วขึ้น พินิจพิเคราะห์นางแต่หัวจรดเท้า เื่นี้ไม่มีใครรู้นอกจากเหล่าทหารผู้ไปงานเลี้ยงสังสรรค์ พวกนั้นเมาเสียหมด จำอะไรไม่ได้สักอย่าง
คืนนั้นฮ่องเต้ออกพระราชดำรัสสั่ง มิให้แพร่งพรายเื่นี้เป็อันขาด เพื่อไม่ให้เป็การเสื่อมเสียชื่อเสียงแม่ทัพใหญ่ ใครจะติฉินนินทาเอาได้ว่าแม่ทัพเจี้ยนหยู่โเี้อำมหิต สังหารได้แม้กระทั่งสตรีไร้หนทางสู้ อาจเป็ไปได้ว่าเขาชื่นชอบบุรุษด้วยกันเอง จึงไม่สนใจหญิงงาม
ไหนจะกริชประจำตัวนาง รู้แก่ใจดีว่าอาบพิษร้ายกาจ เขาเป็ผู้ทายาพิษบนกริชเล่มนี้ด้วยมือตน นางไม่สนว่าเขาจะทำอะไรด้วยซ้ำไป
พอเขาดึงคมมีดออกจากฝักเพื่อข่มขู่นาง พลันเอื้อมมือมาคว้ามัน
“เ้าทำอะไร!?” เขาใเมื่อนางไม่ระวังมือ กริชที่ดึงกลับไปปิดเข้าที่เข้าทางดังฉับ เสมือนคมดาบลงฝัก
“กริชเล่มนี้เป็ของขวัญชิ้นแรกจากท่าน ตอนนั้นเยว่ฉีอายุครบสิบปี แม่ทัพใหญ่มีศักดิ์ศรี มอบของให้ผู้อื่นแล้ว ย่อมไม่ทวงคืน”
“ข้ารู้จักเ้ามานาน มีวิธีจัดการเด็ดขาด เ้าสารภาพความจริงตอนที่ข้ายังใจดีกับเ้า ดีกว่าไหม? เยว่ฉี”
“ท่านจะให้ข้าทำยังไง ให้ข้าคายเยว่ฉีออกมารึไง ข้าก็เป็ข้า เป็ผู้เดียวที่ไม่เคยคิดร้ายต่อท่าน ใต้เท้าเจี้ยน ท่าน้าพิสูจน์สิ่งใด?”
“ข้าเกรงว่าเ้าจะถูกตำราผสานจิตใจนั่นหลอกเข้า”
เหม่ยฉีถอนหายใจ “นานแล้ว... ข้าเคยพูดว่ายินดีตายด้วยน้ำมือท่าน ในเมื่อท่านอยากรู้นัก อุตส่าห์มาพบข้าถึงห้องอาบน้ำ” พลันคว้าจับมือหนาเอาไว้ ยัดกริชใส่มือแล้วบังคับให้เขาจับมันจ่อคอนาง ประกาศว่านางไม่กลัวตาย เจี้ยนหยู่รั้งมือออกจากนาง เลิกเอาคำตอบจากนาง
“จะเรียกข้า... เหม่ยฉี ข้าก็ยินดี ดวงจิตข้าเคยอยู่ร่วมกับเยว่ฉีก่อนพลัดพรากจากลาไปในสถานที่แสนไกล จวบจนข้าหวนคืนมา ข้ามีจิติญญาของนาง ข้าคือนาง นางคือข้า หากท่านไม่เชื่อ ลองไปถามท่านหมอหลวง หากท่านไม่พอใจข้า จะฆ่าข้าก็ขอให้รีบมา”
เมื่อแววตาเกรี้ยวกราดประกาศศึก! แม่ทัพใหญ่ผู้ถนัดงานทรมานนักโทษคงไม่ได้ความจริงจากสตรีอ่อนแอ เขาดันเหมือนลูกไก่ในกำมือนาง...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้