จวบจนพลบค่ำแล้วเหมันต์ยังไม่หยุดลงสักเค่อหนึ่ง มองไปทางไหนมีแต่สีขาวโพลน ความหนาวเย็นเกาะกุมไปทั่วบริเวณ
เหม่ยฉีกระชับผ้านวมหนาขึ้นคลุมไหล่มิดชิด นางหายใจเป็ไอควัน ขลุกตัวอยู่บนฟูกมาครึ่งค่อนวัน ซีซวน ซิงอีนำยาบำรุงและอาหารเข้ามาวางไว้ข้างเตียงนอน ซูหนี่ว์คอยเติมฟืนให้คุณหนู นางแลเห็นว่าเห็นบ่าวรับใช้ตั้งใจทำงานดี จึงส่งถุงเงินให้ซูหนี่ว์เป็ธุระไปซื้อฟืนและเสื้อคลุมกันหนาวมอบให้บ่าวในเรือนหมอหลวง
บ่าวรับใช้ย่อมดีใจกับความเมตตากรุณาของคุณหนูรอง ข่าวดีกระจายไปทั่ว หลายคนพูดกันว่าหนูเยว่ไม่ตบตีพวกเขา ไม่กักขังใครแม้พูดจาไม่เข้าหู อย่างมากก็แค่ข่มขู่ด้วยน้ำเสียงและแววตาดุดัน ซึ่งเพียงเท่านั้นพวกเขาก็กลัวจนหัวหด ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งคุณหนูแล้ว
แต่ละครอบครัวของบ่าวยังได้รับยาสมุนไพรและอาหารกลับบ้านตะกร้าใหญ่ คุณหนูบอกว่ากำลังฝึกวิชาทำอาหาร ้าผู้ชิมฝีมือนาง
ทหารคนสนิทของแม่ทัพเจี้ยนหยู่พึ่งส่งรายงานความเคลื่อนไหวของคุณหนู วันก่อนโดนจับได้กลางวันแสก ๆ ว่าแอบสะกดรอยตาม ทว่านางไม่เรียกพวกเขาไปเป็ที่ระบายอารมณ์เกรี้ยวกราด เช่นคราวก่อนนางเอาไม้ไล่ตีทหารยศใหญ่โดยไม่สนว่าเขาเป็ลูกสมุนใคร คราวนี้นางซื้อขนมให้พวกเขากิน ยังฝากสมุนไพรตะกร้าใหญ่ให้ท่านแม่ทัพด้วย
หลังได้รับเงินก้อนใหญ่เพื่อบรรเทาความหนาว แม้แต่พ่อบ้านก็ดีใจ สาวใช้สองฝาแฝดตามซูหนี่ว์ไปช่วยจัดการธุระอีกแรง คุณหนูรองรอจนสาว ๆ ขึ้นรถม้าไป จึงกลับเข้าเรือน เรียกบ่าวสตรีให้เตรียมน้ำอุ่น สั่งห้ามไม่ให้ใครรบกวนนางเป็อันขาด มิฉะนั้นนางจะลงโทษด้วยการให้ยืนตากน้ำแข็งจนกว่านางจะเห็นดวงตะวัน! สาวน้อยที่ยังไม่ถึงวัยปักปิ่นสองคนรีบปฏิบัติตามคำสั่งคุณหนูรอง
เหม่ยฉีปิดประตูแล้วใช้ไม้ขัด นางใช้อุ้งมือทั้งสองวักน้ำจากถัง โดยไม่ถอดชุดสีขาวบางสองชั้นออก เรือนผมของนางเปียกชื้น นางรู้สึกไม่สบายตัว ขณะเรียกตำราออกมาจากกลางหน้าผาก มันส่องสว่างเป็สีทอง ห้อมล้อมด้วยไอหยินจำนวนมาก กระทั่งบนพื้นที่เหยียบยืนก็ยังปะปนด้วยไอควัน
‘ตำราผสานจิตใจ’
เยว่ฉีได้รับมันมาจากแม่เฒ่าใกล้กับวัดบนเชิงเขาแห่งหนึ่ง ตำราเล่มนี้เคลื่อนย้ายจิติญญา ล่วงรู้ถึงจิตใจที่ผูกพัน อดีต ปัจจุบัน อนาคต เยว่ฉีกลืนมันเข้าไปไม่นาน หลังท่านผู้ตรวจการเดินทางไปต่างแคว้น
ประจวบเหมาะพอดีกับที่เหม่ยฉีพบนิยาย ‘สตรีผู้ถือตำราลับสกุลหยาง’ บนร้านค้าแผงลอยใน่ตลาดกลางคืน นางซื้อมันมาจากหญิงชราในราคาหนึ่งหยวน นางให้เงินคุณยายไปถึงร้อยหยวน ก่อนจะนั่งรถเมล์กลับไปนั่ง ๆ นอน ๆ อ่านหนังสือในอพาร์ทเม้นท์ สบถก่นด่านักเขียน
ในโลกที่จากมานางไม่เป็ที่รักของใคร นางเป็เด็กสายตาไม่ดี สวมแว่นหนาเตอะ ไร้ญาติขาดมิตรคอยเหลียวแล ญาติพี่น้องล้วนเห็นแก่ตัว ไม่รับผิดชอบเด็กน้อยเช่นนาง พวกเขามองนางเป็ภาระ ต่อให้นางจะเป็เด็กดี นางเลยถูกโยนเข้าบ้านเด็กกำพร้าั้แ่ยังเล็ก แต่ด้วยความอุตสาหะของนาง ตั้งใจเรียนจนสอบทุนของมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์และเภสัชศาสตร์แผนจีนได้ นางดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอดในยุคสมัยทุนนิยม
นางไม่เคยสุขสบายเท่านี้
น่าอิจฉาเยว่ฉีผู้มีวาสนา!
ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นถึงขั้วกระดูก ไม่มีใครจุ่มขาแช่น้ำในฤดูเหมันต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่นี่ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ทว่ามีบ่าวรับใช้ต้มน้ำให้อาบ นางถอดเสื้อขาวบางชิ้นสุดท้าย หย่อนขาลงไปแช่น้ำอย่างสบายใจ
“เกิดอะไรขึ้นกับเ้ากันแน่? เยว่ฉี” เสียงที่ดังขึ้นเรียกนางให้มองขวับ กริชที่วางอยู่ข้างอ่างไม้ถูกคว้าไปตอนไหนไม่รู้ได้ ผู้บุกรุกหยิบมันไปถือด้วยมือขวา มืออีกข้างปรากฏเล็บปีศาจทั้งห้า คว้าคอนางด้วยท่าทีข่มขู่ “พูดมา ก่อนที่ข้าจะทรมานเ้าเพื่อเอาความจริง เ้าไปทำอะไรมา?”
“ท่านพ่ออยู่กับข้ามาทั้งชีวิต ยังไม่กล้าวิจารณ์ข้า ท่านเป็ใคร จึงบุกรุกเข้ามาในห้องอาบน้ำสตรียามวิกาล เพียงเพื่อ... ถามเื่ไร้สาระจากข้า?”
“เื่ไร้สาระอะไรของเ้า ข้าเห็นว่าเป็อย่างที่ท่านผู้ตรวจการบอกข้า... เ้าส่งตำรานั่นมาให้ข้าซะดี ๆ”
“ตำรารู้เ้าของ” นางพูดโดยไร้ความกลัวเกรง ภาพสะท้อนบนพื้นน้ำมิอาจปิดบังใบหน้าหล่อเหลา เหม่ยฉีก้มมองเงาบุรุษร่างกำยำในชุดแม่ทัพ
เจี้ยนหยู่หน้าเสีย ตามองตำราเล่มเก่าเบื้องหน้านาง เขาพยายามดึงมันออกมาด้วยพลังหยิน แต่ก็ราวกับว่าเป็เพียงลมพัดผ่าน มันหายไปในแต้มสีชาดหว่างกลางคิ้วเรียวงาม มันเป็ตำราที่รู้เ้าของเช่นนางว่า
“เ้าไม่รักตัวกลัวตาย ไม่เกรงกลัวบุรุษข่มเหงรังแก เค้นเอาความจริงจากปากเ้าหรือ รู้ไหมว่าข้าบังคับเ้าได้?”
“แม่ทัพเจี้ยนข่มเหงรังแกข้า? ควรนับเป็เกียรติของข้าซะมากกว่า น่าเสียดายที่ท่านไม่แตะต้องสตรี ขนาดคณิการูปโฉมงดงามเป็ที่เลื่องลือในต้าเหลียง บุรุษค่อนเมืองล้วนอยากมีสัมพันธ์เร่าร้อนกับนาง ในคืนงานเลี้ยงสังสรรค์ ท่านเกือบจะตัดมือนางด้วยกระบี่ปีศาจของท่าน...”
“เ้ารู้?”
“คืนนั้นข้าเดินทางไกล ไปเยี่ยมคณาญาติกับท่านพ่อ ข้าคงได้ยินมา... กระมัง”
เจี้ยนหยู่เลิกคิ้วขึ้น โดยไม่สนใจเรือนร่างเปลือยเปล่าในอ่างน้ำ ในขณะที่นางเอี้ยวมองมาทางเขาพร้อมรอยยิ้มหยัน
“ข้าแน่ใจว่าเื่นี้ไม่มีใครรู้นอกจากเหล่าทหารผู้ไปงานเลี้ยงสังสรรค์...”
คืนนั้นฮ่องเต้ออกพระราชดำรัสสั่ง มิให้แพร่งพรายเื่นี้เป็อันขาด เพื่อไม่ให้เป็การเสื่อมเสียชื่อเสียงแม่ทัพใหญ่ ใครจะติฉินนินทาเอาได้ว่าแม่ทัพเจี้ยนหยู่โเี้อำมหิต สังหารได้แม้กระทั่งสตรีไร้หนทางสู้ อาจเป็ไปได้ว่าเขาชื่นชอบบุรุษด้วยกันเอง จึงไม่สนใจหญิงงาม
ไหนจะกริชประจำตัวเยว่ฉี นางรู้แก่ใจดีว่าอาบพิษร้ายกาจ เขาเป็ผู้ทายาพิษบนกริชเล่มนี้ด้วยมือตน นางไม่สนว่าเขาจะทำอะไรด้วยซ้ำไป
พอเขาดึงคมมีดออกจากฝักเพื่อข่มขู่นาง พลันเอื้อมมาคว้ามันเต็มกำมือ
“เ้าทำอะไร!?” เจี้ยนหยู่เบิกตากว้างใ เขาเก็บกริชที่ดึงกลับไปเสมือนเก็บคมดาบลงฝัก เขายังคงระวังไม่ให้นางแตะต้องพิษบนกริช มันเป็พิษร้ายแรงถึงขั้นว่าเพียงััก็อาจจะสิ้นสติไปในพริบตา
“กริชเล่มนี้เป็ของขวัญชิ้นแรกจากท่านแม่ทัพ มอบให้ข้าไว้ป้องกันตัว แม่ทัพใหญ่มีศักดิ์ศรี มอบของให้ผู้อื่นแล้ว ย่อมไม่ทวงคืน”
“ข้ารู้จักเ้ามานาน มีวิธีจัดการเด็ดขาด เ้าสารภาพความจริงตอนที่ข้ายังใจดีกับเ้าดีกว่าไหม เยว่ฉี”
“ท่านจะให้ข้าทำยังไง ให้ข้าคายเยว่ฉีออกมารึไง ข้าก็เป็ข้า เป็ผู้เดียวที่ไม่เคยคิดร้ายต่อท่าน แม่ทัพเจี้ยนหยู่ ท่าน้าพิสูจน์สิ่งใด?”
“ข้า... เกรงว่าเ้าจะถูกตำราผสานจิตใจนั่นหลอกเข้า”
เหม่ยฉีถอนหายใจยาว นางมีสีหน้าอ่อนโยนลงยามเจรจากับแม่ทัพเจี้ยนหยู่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็น่าสงสาร ขนาดว่าเขาอยากรู้ความจริงจากนาง พยายามข่มขู่นาง แววตาดุดันคู่นี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ใต้เท้าจำได้หรือไม่? ข้าเคยพูดว่ายินดีตายด้วยน้ำมือท่าน ในเมื่อท่านอยากรู้นัก อุตส่าห์มาพบข้าถึงห้องอาบน้ำ” พลันคว้าจับข้อมือหนาเอาไว้อย่างเอาแต่ใจ อีกฝ่ายยื้อแย่งกริช แต่เมื่อนางแบมือขอกริชของนางคืน เขาก็จำต้องคืน นางยัดกริชใส่มือหนา บังคับให้เขาจับมันจ่อคอนางพลางว่า “จะเรียกข้า... เหม่ยฉี เยว่ฉี ข้าก็ยินดี ดวงจิตข้าเคยอยู่ร่วมกับเยว่ฉีก่อนพลัดพรากจากลาไปในสถานที่แสนไกล ข้ามีจิติญญาของนาง ข้าคือนาง นางคือข้า หากท่านไม่เชื่อ ลองไปถามท่านหมอหลวง หากท่านไม่พอใจข้า จะฆ่าข้าก็ขอให้รีบมา ข้าจะรอ”
เมื่อแววตาแน่วแน่ของนางประกาศศึก! แม่ทัพใหญ่ผู้ถนัดงานทรมานนักโทษคงไม่ได้ความจริงจากดรุณีน้อย มิหนำซ้ำเขายังกลายเป็ลูกไก่ในกำมือนาง
เจี้ยนหยู่รั้งมือออกจากลำคอบอบบาง เลิกเอาคำตอบจากนางแล้ว ตาคมหลุบมองเนินอกอวบอัดที่แช่อยู่ในผืนน้ำ ผิวพรรณของนางขาวสะอาด เรือนผมดำขลับสยายกระจายบนนั้น เขาเผลอลอบกลืนน้ำลายลงคอ
หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทางเชิญชวน ราวว่านางจะชวนเขาลงไปเจรจาในอ่างน้ำ
เขาก็ต้องไป!
หายไปในทันที!
