บทที่ 103 ศึกสัตว์อสูร
ใจกลางของป่าสีเื ต้นไม้นับไม่ถ้วนล้มระเนระนาด เม็ดทรายสีเหลืองทองม้วนตัวเป็ลูกคลื่นลอยขึ้นไปในอากาศ
ด้านหน้าเสาเปลวไฟสีแดง สัตว์อสูรสองตัวกำลังเผชิญหน้ากัน พวกมันทรงพลังทั้งยังพูดภาษามนุษย์ได้ เป็ปีศาจที่ฝีกตนได้สำเร็จ
ความจริงแล้ว ในบรรดาสัตว์อสูรนั้นมีไม่กี่ตัวที่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ สัตว์อสูรสองตัวนี้เห็นได้ชัดว่ามีสายเืโบราณ ดังนั้นพวกมันจึงเชี่ยวชาญภาษามนุษย์ั้แ่แรกเริ่ม
ตัวของสิงโตนั้นมีสีแดงเข้ม มีเกล็ดปกคลุมทั้งสี่ขา แสงเย็นๆ ส่องประกายรอบตัว ขนบนหัวที่ฟูฟ่องนั้นยาวมาก ราวกับหอกานับพันเล่มมัดเข้าด้วยกัน เขี้ยวฟันขนาดใหญ่สองซี่โผล่ออกมาจากปาก ดูดุดันและสง่างาม
สิงโตตัวนี้เป็ผู้นำของฝูงราชสีห์เขี้ยวโลหิต และเป็หนึ่งในสัตว์อสูรที่ทรงพลังที่สุดในป่าสีเื มีสมญานามว่าราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิต
มันพูดภาษามนุษย์กับสัตว์อสูรัด้วยน้ำเสียงโกรธ "เ้าคิดว่าพาฝูงสัตว์ปีศาจมาเยอะเช่นนี้แล้วจะชนะข้าได้หรือ? เ้างูเขลา อย่าลืมสิ ป่าสีเืแห่งนี้มีข้าเป็าา! สมบัติศักดิ์สิทธิ์ถือกำเนิดแล้ว อย่าได้คิดจะแย่งไป!”
ัั์มีเกล็ดสีทองรอบตัว สะท้อนแสงแวววาวสวยงาม มันเยาะเย้ย "าา? เ้าคู่ควรหรือ? เ้าก็แค่สิงโตตัวจ้อยที่อารมณ์ร้อนและไร้สมองก็เท่านั้น สมบัติศักดิ์สิทธิ์คือของขวัญจาก์ เ้าคิดจะฮุบไปคนเดียวเช่นนี้ อ้าปากกว้างเกินไปแล้วกระมัง!”
ทันใดนั้น สัตว์อสูรัก็เหวี่ยงหางของมัน แสงสีทองสว่างวาบ กระแทกลงบนพื้นหลายครั้งจนกลายเป็ปล่องูเาไฟขนาดใหญ่ มันกำลังลองเชิง
“โฮก!!”
ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตโกรธในคำพูดของัทองและคำรามอย่างดุเดือด อากาศสั่นะเื สัตว์ปีศาจตัวสั่นด้วยความกลัว และสนามรบก็เงียบไปชั่วขณะ
“ครืด! เ้าเป็เพียงงูไร้แขนขา ไหนเลยจะกลืนของสิ่งนั้นเข้าไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายเ้าเป็ธาตุเย็น ข้าเกรงว่าเ้าจะไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับสมบัติเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์นี้!” ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตเหยียดหยาม
“ฟ่อ! ช่างน่าขัน! แม้ว่าแกนสัตว์อสูรของข้าจะเป็หยิน แต่ขอเพียงข้าดูดซับพลังิญญาแห่ง์ ข้าก็สามารถไปถึงขั้นสมานหยินหยางได้ เมื่อแกนสัตว์อสูรแปรเปลี่ยนเป็แก่นแท้ การจะกลายเป็อสูรก็ไม่ใช่เื่เพ้อฝันอีกต่อไป!” ัทองลุกขึ้นสูดลมหายใจที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ดูสง่าผ่าเผยมาก
สัตว์ปีศาจมีความคล้ายคลึงกับมนุษย์ พวกมันมีเส้นทางแห่งการฝึกฝน ก้าวหน้าไปทีละระดับ ไปถึงท้องฟ้าทีละชั้น
สัตว์ปีศาจดูดซับพลังิญญาและควบแน่นแกนสัตว์อสูรให้ตนเองกลายเป็สัตว์อสูร สัตว์อสูรควบแน่นแกนสัตว์อสูรให้เป็แก่นแท้เพื่อกลายเป็อสูร มีพละกำลังมหาศาลจนสามารถปะทะกับนักรบขั้นพื้นพิภพได้
“โฮก! เ้าคิดว่านี่เป็ิญญาเปลวไฟธรรมดาหรือ? โง่เขลา!” ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า รู้สึกว่าคำพูดของัทองนั้นตลกสิ้นดี
“อย่าคิดว่าข้าเป็ผู้ราชันโง่เขลา นี่คือิญญาศักดิ์สิทธิ์แห่ง์พิภพ! หากงูเหม็นเช่นเ้ากลืนมันลงไปในท้อง ข้ารับรองได้เลยว่าเ้าจะต้องถูกแผดเผาจนกลายเป็เถ้าถ่านทันที แม้แต่แกนสัตว์อสูรของเ้าก็จะถูกเผาทั้งเป็!”
“แต่ถ้าหากเ้ายอมหลีกทาง หลังจากที่ข้ากลืนิญญาศักดิ์สิทธิ์นี้แล้ว ข้าสัญญาว่าจะพาเ้าและสัตว์ปีศาจทั้งหมดที่นี่ต่อสู้บุกออกจากป่าอันน่าเบื่อหน่ายแห่งนี้ ไปพิชิตพื้นที่อื่นๆ ละเลงเืไปให้ทั่วใต้หล้า!”
หลังจากพูดจบ ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตก็คำรามเสียงดัง ท่าทางที่สง่างามของมันสูงส่ง เสียงคำรามที่ดังสนั่น ทำให้สัตว์ปีศาจทั้งหมดตัวสั่น
มันป่าสีเืนี้มาเป็เวลานาน ทั้งยังไม่อนุญาตให้สัตว์ปีศาจตัวอื่นมาท้าทายอำนาจ มัน้าพิชิตัั์ที่ส่องแสงสีทองอยู่ตรงหน้านี้
แต่หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ ัทองก็หันร่างและดวงตาอันดุร้ายมาพูดว่า “ข้อเสนอของเ้าไม่เลวเลย...”
“เพียงแต่ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่จะนำสัตว์ปีศาจพิชิตใต้หล้านี้ คือข้า!”
ทันใดนั้น ดวงตาของมันก็เบิกกว้างด้วยความโกรธ หมุนร่างวนไปรอบๆ ท่ามกลางลมกระโชกแรง ฝุ่นควันปลิวฟุ้ง สัตว์ปีศาจที่อยู่ใกล้เคียงจำนวนมากก็ปลิวกระเด็น มันส่งเสียงคำรามซ้ำๆ ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรระดับสูงนี้ช่างไม่ธรรมดา!
“ประเสริฐ! เช่นนั้นข้าก็จะกัดเ้าให้ตายก่อน แล้วค่อยกลืนกินิญญาศักดิ์สิทธิ์!” ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตคำราม ฟันแหลมคมยาวคู่หนึ่งเปล่งประกายด้วยสีเื รัศมีอันดุร้ายแผ่ขยาย ไอสังหารเพิ่มขึ้นไม่หยุดหย่อน
ในเวลาเดียวกัน ัทองก็พ่นน้ำออกมาจากปาก ทำให้น้ำค้างกลายเป็น้ำแข็ง หมอกระเหยเรื่อยริน มันต้องเผชิญหน้ากับราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิต
“ตึง--”
ณ ตอนนี้ าาสัตว์อสูร้าเปิดศึก โดยมีคลื่นลมลอยเลื่อนและเสียงดังกึกก้องเป็พยาน
วายุพัดเมฆาพริ้วไหว พื้นแผ่นดินเลื่อนลั่น สัตว์ปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนถอยทัพไปไกล พวกมันตัวสั่นเพราะกลัวว่าจะได้รับผลกระทบ
เมื่อาาสัตว์อสูรทั้งสองกำลังต่อสู้กัน ฉู่อวิ๋นที่อยู่ในเกราะอากาศสีทองก็แสดงท่าทางประหลาดใจ ใบหน้าของเขาว่างเปล่า และตกอยู่ในอาการงุนงง
“ิญญาศักดิ์สิทธิ์” สี่คำนี้ กำลังดังก้องหมุนเวียนอยู่ในใจของเขา
“วิญ...ิญญาศักดิ์สิทธิ์? มีิญญาศักดิ์สิทธิ์ซ่อนอยู่ภายในเสาศักดิ์สิทธิ์นั่นหรือ?!” ฉู่อวิ๋นดูยินดีและรู้สึกเหลือเชื่อ
เดิมทีเขาคิดว่าชีวิตนี้ของเขาคงไม่มีทางได้พบกับิญญาศักดิ์สิทธิ์ แต่เพราะวิกฤติที่เผชิญทำให้ได้พบกับิญญาศักดิ์สิทธิ์ ช่างบังเอิญเหลือเกิน!
ิญญาศักดิ์สิทธิ์นั้นอาจเรียกหาไม่อาจร้องขอ ทุกครั้งที่ปรากฏขึ้นจะทำให้เกิดพายุนองเือย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งยังดึงดูดกองกำลังอันทรงพลังจากทุกทิศทุกทางเพื่อเข่นฆ่าแย่งชิงมัน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เหตุผลที่ทำให้สัตว์ปีศาจทั้งหมดมารวมตัวกันจนเกิดรอยเืเป็ระยะทางหลายพันลี้นั้น แท้จริงแล้วคือการกำเนิดของิญญาศักดิ์สิทธิ์!
และทักษะวิชาพิเศษที่ฉู่อวิ๋นฝึกฝน ก็้าวัตถุิญญาชิ้นนี้
ภาพประกอบห้าิญญาแห่งทักษะการขัดเกลาศักดิ์สิทธิ์ที่เขาฝึกฝนนั้น เป็วิชาลับจากโถงกระบี่แปดบัญชร แม้ว่าทักษะนี้จะมีระดับเริ่มต้นที่ต่ำมาก แต่ก็สามารถพัฒนาได้โดยการดูดซับิญญาศักดิ์สิทธิ์ มันลึกลับและแปลกประหลาด
ตลอดมา ด้วยการฝึกพลังปราณฮุ่นหยวนผ่านทักษะนี้ ฉู่อวิ๋นในระดับหกของขอบเขตควบแน่นพลังปราณจึงสามารถแข่งขันกับคู่ต่อสู้ที่สูงกว่าเขาสามระดับได้ ทำให้ผู้คนตกตะลึงไปทั่ว
ถ้าได้กินิญญาศักดิ์สิทธิ์แห่ง์และพิภพ ความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นขนาดไหนกัน?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็สว่างขึ้น เขาจ้องมองไปที่เสาศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า อยากขึ้นไปจนแทบรอไม่ไหว สิ่งที่เขา้ามากที่สุดในตอนนี้คือการเพิ่มพลังยุทธ์!
แต่ในไม่ช้า เขาก็ล้มเลิกความคิดนี้และรู้สึกหงุดหงิดมาก
“ให้ตายเถอะ! ิญญาศักดิ์สิทธิ์หายากเกินยาก แต่ตอนนี้มีาาสัตว์อสูรสองตัวขวางอยู่ และข้าก็ผ่านไปไม่ได้! น่าโมโหนัก!” ฉู่อวิ๋นพูดกับตัวเองด้วยความกังวลอย่างยิ่ง มือกำหมัดแน่น
ตอนนี้ แม้ว่าเขาจะมีเกราะอากาศของเสี่ยวหวงปกป้องอยู่ และอยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย แต่ทันทีที่เขาก้าวออกไป แม้ว่าจะไม่ถูกสัตว์ปีศาจโจมตี ก็คงจะถูกคลื่นอากาศต่อสู้ของราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตหรือัทองโจมตีจนแหลกเป็ชิ้นๆ แทน
การพุ่งเข้าหาเสาศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ ถือเป็การวิ่งไปฆ่าตัวตาย
“เฮ้อ ที่แท้ในป่าสีเืก็มีสัตว์อสูรที่ทรงพลังพวกนี้พบเจอกับวัตถุิญญาแสนเ้าเล่ห์นี่แล้ว” มู่หรงซินเดินเข้ามาและยืนอยู่ข้างๆ ฉู่อวิ๋น ในที่สุดนางก็รู้แล้วว่าก่อนหน้านี้เขาทั้งคู่พลาดเบาะแสอะไรไป
“วัตถุิญญาซ่อนอยู่ในอีกพื้นที่หนึ่ง จะออกมาก็เพียง่เวลาพลบค่ำเพื่อดูดซับิญญาเพลิงไฟเท่านั้น ดูเหมือนว่าจะสามารถซ่อนตัวจากสายตาของผู้อื่นได้ ดังนั้นเหล่าปรมาจารย์ที่มาที่นี่จึงไม่อาจหาพบ”
“แต่ในป่าสีเืก็มีสัตว์ปีศาจที่ทรงพลังอยู่มาก แม้ว่าวัตถุิญญานี้จะปรากฏขึ้นเป็เวลาสั้นๆ ของทุกวัน แต่ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตและัทองก็ยังคงสามารถตรวจจับการมีอยู่ของมันได้! ตอนนี้ที่วัตถุศักดิ์สิทธิ์ถือกำเนิดขึ้น พวกมันทั้งหมดก็เลยผนึกกำลังกัน ต่างฝ่ายต่าง้าจะแย่งชิงมัน!”
มู่หรงซินจ้องมองไปข้างหน้าและรู้สึกกลัวเล็กน้อยเมื่อเห็นสัตว์ร้ายสองตัวต่อสู้กันที่หน้าเสาศักดิ์สิทธิ์ พวกมันดุร้ายและทรงพลัง
ฉู่อวิ๋นถอนหายใจและพูดว่า “น่าเสียดายที่เราเข้าใกล้ได้เพียงแค่นี้ หากมีโอกาสข้าจะต้อง...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ดวงตาของฉู่อวิ๋นก็มืดมน
เขาในตอนนี้อ่อนแอเกินไป แม้ว่าจะเห็นิญญาศักดิ์สิทธิ์อยู่ใกล้ตรงหน้า แต่ก็ไม่สามารถเอื้อมคว้าหรือแย่งมันมาครองได้ นี่คือโลกแห่งสัตว์ปีศาจ แม้ว่าจะมีนักรบขั้นมหาสมุทรมาที่นี่ก็ยังต้องคุกเข่าลง
“ไม่ต้องกังวล เกราะอากาศของเสี่ยวหวงปกป้องพวกเราได้ อาศัยจังหวะนี้หนีออกไปกันเถอะ!” มู่หรงซินตบไหล่ของฉู่อวิ๋นเบาๆ ด้วย้าปลอบโยน นางไม่รู้ว่าเขา้าแย่งชิงิญญาศักดิ์สิทธิ์มา...
“ตูม--”
ทันใดนั้น เสาแสงสีแดงก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า อ่อนแสงลงเรื่อยๆ และสิ่งที่อยู่ภายในก็แทบจะมองไม่เห็น
“ฟุ่บ--”
มองเห็นเสาศักดิ์สิทธิ์หดตัวลง แสงเรืองรองก็จางไป และปรากฏแท่นบูชาขึ้นที่ด้านล่าง สลักด้วยลวดลายเทพสุริยัน เผยให้เห็นบรรยากาศที่เก่าแก่และลึกลับ
เหนือแท่นบูชา มีเปลวไฟดวงเล็กๆ ลอยขึ้นมา สะเก็ดไฟกะพริบระยิบระยับ
แม้ว่าลูกไฟขนาดเล็กนี้จะดูลวงตาและเปราะบางมาก คล้ายสามารถมอดดับได้ทุกเมื่อ แต่พลังที่อยู่ในนั้นทำให้พื้นดินแตกแยก เกิดความสับสนวุ่นวาย
ลูกไฟดูเหมือนจะมีชีวิต อยากรู้อยากเห็นมาก อยากจะบินออกจากแท่นบูชา แต่เมื่อเกิดประกายไฟ มันก็หดกลับไป ดูตัวสั่นราวกับเด็กหัดเดิน
“ิญญาศักดิ์สิทธิ์!”
ในขณะนี้ ไม่เพียงแต่ฉู่อวิ๋นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงาาสัตว์อสูรที่กำลังต่อสู้กันก็กำลังจ้องมองที่ด้านในของเสาศักดิ์สิทธิ์ ความโลภในดวงตาของพวกมันชัดเจนแจ่มแจ้ง
ลูกไฟเล็กๆ ที่มีประกายศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนอยู่รอบๆ นี้ เป็วัตถุิญญาสูงสุดที่เกิดจาก์และพื้นพิภพ ิญญาเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์!
“ของข้า! นั่นของข้า!” ดวงตาของราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตเบิกกว้าง มันคำรามเสียงดัง รีบวิ่งออกไปคว้าิญญาศักดิ์สิทธิ์ในทันที
“อยากฮุบไปคนเดียวหรือ? ผ่านข้าไปให้ได้ก่อน!”
ัทองพุ่งเข้าใส่อย่างดุเดือด ร่างของมันบิดเกลียว เกล็ดของมันเรืองแสงสีทองก่อนจะะโขึ้นไปในอากาศ และพ่นหนามน้ำแข็งออกมาจากปาก แทงไปที่ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิต
“ฟิ้ว——”
หนามน้ำแข็งเหล่านี้กลายเป็ลูกศรน้ำแข็ง กวาดล้างไปทั่วความว่างเปล่าราวกับัน้ำแข็งที่ทะยานสูง
“ฉึก--!”
ด้วยเสียงฉึกนั้น ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตที่รีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยประมาทไปครู่หนึ่ง ร่างกายของมันก็ถูกหนามน้ำแข็งทิ่มแทง ด้วยพลังอันเย็นเสียดกระดูก ทำให้ร่างกายของสัตว์ปีศาจทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงเปลี่ยนเป็สีม่วง ไอความหนาวเย็นอบอวลไปในอากาศ มันจึงเคลื่อนไหวช้าลงมาก
“อย่าคิดหนีเชียว!”
ัทองทะยานขึ้นไปในอากาศ พลิกตัวม้วนตลบ เคลื่อนไหวได้อย่างยืดหยุ่น และพันรอบร่างของราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตอย่างแ่า มันพลิกตัวอีกสองสามครั้ง พยายามรัดคอสัตว์อสูรสิงโตผู้ยิ่งใหญ่ให้ตายด้วยพลังอันมหาศาลของมัน
“ครืด--!”
ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตถูกรัดคอก็ส่งเสียงคำรามอย่างดุเดือด ในเวลาเดียวกัน เท้าเหล็กก็เหยียบลงบนพื้น แยกพื้นดินให้แตกออก เสียงกึกก้องดังไม่มีที่สิ้นสุด การต่อสู้นั้นทรงพลังจนสัตว์ปีศาจจำนวนมากหวาดกลัวไปหมด
ยามนี้ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้เสาศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด ก็คือฉู่อวิ๋นและมู่หรงซิน เช่นเดียวกับสัตว์อสูรสองตัวที่กำลังต่อสู้กันอยู่
สัตว์ปีศาจธรรมดาต่างหวาดกลัวกันหมด หากพวกมันถูกัทองรัดแน่นเช่นนั้น กระดูกและเนื้อของพวกมันคงจะแหลกเหลวไปแล้ว ไหนเลยจะยังเคลื่อนไหวดิ้นไปมาได้อย่างราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตได้อีก?
“โฮก!!”
ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตจ้องมองด้วยความโกรธ ร่างกายถูกรัดพันจนหายใจไม่ออก มันวิ่งอาละวาดทันที พยายามหลบหนีจากร่างงูยาวเฟื้อย
ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตพุ่งขึ้นไปในอากาศ ะโสูงร้อยหมี่แล้วกระแทกพื้นโดยคว่ำหน้าลงจนกลายเป็หลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่ขึ้นทันที ความใทำให้ัทองไอออกมาเป็เืสกปรก เกล็ดทองคำหลุดร่วงไปหลายชิ้น
แต่ัทองยังคงเกาะติดกับราชันราชสีห์ไม่ปล่อย พ่นลมหายใจแห่งความเยือกแข็งอันหนาวเย็นออกมา
นี่คือการต่อสู้เอาชีวิตรอด เพราะราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตมีพลังมหาศาล โดยเฉพาะเขี้ยวสีเืคู่นั้น ขอเพียงแค่ถูกกัด แก่นแท้และเืในกายเหยื่อก็จะถูกดูดจนแห้ง
ัทองรู้ดีว่าพลังของมันกับราชันราชสีห์นั้นมีช่องว่างอยู่ ดังนั้นหากมัน้าต่อสู้เพื่อชีวิตตัวเอง ขอเพียงแค่ชนะ มันก็จะสามารถกลืนิญญาศักดิ์สิทธิ์เปลวไฟได้เพียงลำพัง แล้วขัดเกลาร่างกายและจิติญญา เส้นทางการฝึกฝนที่เคยยุ่งเหยิงก็จะราบเรียบ!
“ตูม--”
สัตว์อสูรตัวใหญ่สองตัวพัวพันเข้าด้วยกัน และในขณะที่ราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิตต่อสู้นดุเดือด มันก็กลายเป็เงาดำที่อาละวาดไม่หยุด ดีดดิ้นไปมา ขึ้นๆ ลงๆ จนทำลายพื้นโลกให้แตกออกเป็หลุมขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วน ชุลมุนสิ้นดี
“น่ากลัวมาก!”
“พวกเขาจะทำลายโลกแล้วหรือ?”
เมื่อมองดูสัตว์อสูรระดับสูงทั้งสองต่อสู้กันจนเละเทะไปทั่ว ฉู่อวิ๋นและมู่หรงซินต่างก็รู้สึกใจสั่น ทั้งคู่กลืนน้ำลายลงคอ พลังการต่อสู้นี้สำหรับเขาทั้งสองคนยังคงห่างชั้นกันเกินไป ไม่อาจเข้าร่วม!
“แกรก...”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังดูการต่อสู้อย่างตั้งใจ รอยแตกก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ ที่ไหนสักแห่งในเกราะอากาศ ส่งเสียงแตกร้าวเล็กน้อย และแสงสีทองก็ค่อยๆ จางลง