เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกเขากับลั่วเสี่ยวซีเป็แบบนี้มากว่าสิบปีแล้ว
ตอนที่เขาเจอเธอครั้งแรกเธอยังไม่ได้ดัดผมลอน ยังไม่รู้ว่าความเซ็กซี่เย้ายวนคืออะไรยังไม่ได้ดูน่าหลงใหลขนาดนี้ เธอมักจะรวบผมหางม้าที่แกว่งไปมาตามจังหวะการเดินซึ่งดูจะเหมือนผู้ชายเสียมากกว่า
เธอใช้ดวงตาคู่งามราวกับลูกกวางน้อยมองเขาก่อนจะพูดว่า “นายหล่อจัง” หลังจากนั้นก็เริ่มตามตื๊อเขาไม่ห่าง
ในสายตาเขาเด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าปีคนนั้นยังเป็แค่เด็กน้อยไม่ต่างจากูเี่อันการที่เด็กสาวบอกเขาว่า “ฉันชอบนาย”“อีกหน่อยฉันอยากแต่งงานกับนาย” นั้นเขานึกว่าเธอแค่ล้อเล่น
แต่ไม่นึกเลยว่าเธอจะพูดจริงแถมยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจมาตลอดหลายปี
เขาเฝ้ามองการเติบโตของูเี่อันในขณะเดียวกันก็สังเกตเห็นว่าลั่วเสี่ยวซีเองโตขึ้นทุกๆ ปี
ไม่ว่าเทศกาลอะไรเขาก็ไม่เคยให้ของขวัญกับลั่วเสี่ยวซีเลยต่อให้เธอจะใช้ไม้ไหนมาหลอกล่อเขาก็ตาม ยกเว้นแต่วันเกิดของเธอที่บางครั้งเขาจะสั่งให้เลขาเป็คนจัดการ ไม่ก็ให้เธอไปเลือกเอง ของขวัญของเธอนั้นบ้างก็เป็ของแบรนด์เนมราคาแพง บ้างก็เป็ของกุ๊กกิ๊กน่ารักๆซึ่งมักจะถูกห่อเอาไว้อย่างสวยงาม
ทุกครั้งเขาจะคิดในใจว่าเธอโตขึ้นอีกปีแล้วสินะ
หลายปีมานี้เขาเฝ้ารอให้เธอเติบโตเป็ผู้ใหญ่
เพราะอะไรกันนะ?
คำตอบนั้นทำให้ซูอี้เฉิงต้องหนาวไปสุดขั้วหัวใจเขาพยายามปฏิเสธความคิดของตัวเองว่ามันเป็ไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็ไปได้...
เขาออกจากโรงแรมไปอย่างเร่งรีบโดยไม่ทันได้บอกกล่าวน้องสาวของตนสักคำ
จางเหมยจับตามองซูอี้เฉิงอยู่ตลอดเมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบเดินตามเขาขึ้นรถไป
“งานยังไม่เลิกเลยคุณจะไปไหนคะ มีธุระด่วนงั้นเหรอ”
ซูอี้เฉิงเอนพิงเบาะก่อนจะยกมือกุมขมับไม่พูดไม่จาเห็นดังนั้นจางเหมยก็รู้ทันทีว่าเขาคงมีเื่กลุ้มใจ จึงรีบเสนอ
“ไปโรงแรมกันเถอะค่ะ”
เขาเปิดห้องส่วนตัวไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งเธอได้ยินมาว่าเขาไม่เคยพาผู้หญิงกลับบ้านแม้แต่คนเดียว ล้วนแต่พาทุกคนไปที่นั่น
เพราะฉะนั้นหากวันนี้พวกเธอไปที่โรงแรมด้วยกันนั่นก็เท่ากับยอมรับในสถานะของเธอ
สิ่งที่จางเหมย้าจะสื่อนั้นคงไม่ชัดเจนไปมากกว่านี้แล้วมือที่นวดขมับอยู่ของซูอี้เฉิงชะงักเล็กน้อย แววตาของเขาแปรเปลี่ยนดูอ่านยาก
แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ
เมื่อถึงโรงแรมจางเหมยก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อน ส่วนซูอี้เฉิงยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ข้างหน้าต่าง
วิวยามค่ำคืนของเมืองไม่เคยหลับใหลแสงไฟบนท้องถนนทอเป็เส้นยาวราวกับสะพานที่นำทุกคนในเมืองนี้ไปสู่ความสำเร็จ
เส้นแสงที่คดเคี้ยวเลี้ยวลดเ่าั้กลับกลายเป็ภาพใบหน้าเปื้อนยิ้มของลั่วเสี่ยวซีไปซะได้
อุตส่าห์พาจางเหมยมาที่นี่แล้วเขาจะคิดถึงเธออีกทำไมกัน
ซูอี้เฉิงดับบุหรี่ในมืออย่างหงุดหงิดก่อนจะปิดผ้าม่านอย่างแรง จางเหมยที่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำออกมาพอดีเมื่อเห็นการกระทำนั้นของเขา เธอจึงแย้มยิ้มบาง
เรียวขาขาวนวลเนียนของหญิงสาวกอปรกับรอยยิ้มน้อยๆ ดูเย้ายวนตรงหน้า ยากที่ชายคนไหนจะหักห้ามใจได้ไหวเธอเดินมาหยุดตรงหน้าซูอี้เฉิง
“ฉันเตรียมชุดให้คุณแล้วไปอาบน้ำเถอะค่ะ”
ซูอี้เฉิงเดินเข้าไปในห้องน้ำไม่นานเสียงน้ำไหลก็ดังขึ้น จางเหมยปลดเสื้อคลุมอาบน้ำของตนให้หลวมขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ
คนที่เข้าใจซูอี้เฉิงดีมักจะรู้ว่าเขาชอบผู้หญิงแบบไหนเธอพยายามที่จะเป็ผู้หญิงในแบบที่เขา้าและจะไม่มีทางปล่อยให้ลั่วเสี่ยวซีได้มีโอกาสแม้แต่ครั้งเดียว
ในตอนนี้ซูอี้เฉิงก็กลายเป็ของเธอแล้วอย่างที่หวังไว้
จางเหมยหยิบน้ำหอมขวดเล็กออกมาจากกระเป๋าเธอฉีดมันในอากาศและเดินผ่านไปเพื่อให้กลิ่นหอมอันน่าหลงใหลติดเรือนกายก่อนจะเอนตัวลงบนเตียงขาเรียวยาวพาดไขว้อยู่บนเตียงอย่างเซ็กซี่เพื่อรอซูอี้เฉิงออกมา
แต่แล้วเสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้นบนหน้าจอปรากฏชื่อของูเี่อัน
จางเหมยลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกดรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“เลขาจางเหรอคะ”ูเี่อันดูแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด “ฉันขอคุยกับพี่หน่อยค่ะ พี่อยู่ไหนคะ”
“พวกเราออกมาก่อนน่ะค่ะเขาไม่ได้บอกคุณเหรอคะ” จางเหมยพูดพลางยิ้ม “ขอโทษนะคะ พอดีพวกเราค่อนข้างรีบตอนนี้เขากำลังอาบน้ำอยู่ เดี๋ยวถ้าเขาออกมาแล้วจะให้โทรกลับหาคุณไหมคะ”
ูเี่อันนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะตอบ“ไม่เป็ไรค่ะ ฉันก็แค่ไม่เห็นเขาในงานเท่านั้น”
พูดจบูเี่อันก็วางสายไปจางเหมยมองหน้าจอมือถือของซูอี้เฉิงก่อนจะกดย้อนกลับไปที่หน้าโฮมและก็ได้เห็นภาพของลั่วเสี่ยวซีที่ถูกตั้งค่าเอาไว้
ตอนนี้เธอยังไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนภาพหน้าจอของเขาแต่ก็คงอีกไม่นาน
ซูอี้เฉิงเดินออกมาจากห้องน้ำในจังหวะที่จางเหมยวางมือถือกลับที่เดิมพอดีเขาสวมชุดคลุมอาบสีขาว ทรงผมที่ปกติเนี้ยบตลอดเวลาดูยุ่งเล็กน้อย
แต่นั่นก็ไม่ได้กระทบต่อความหล่อเหลาของเขาแถมยังให้ความรู้สึกสบายๆ เป็กันเองมากกว่าทุกที
จางเหมยลุกออกจากเตียงก่อนจะยกมือโอบรอบคอของเขา
ซูอี้เฉิงมองหญิงสาวตรงหน้าที่มีใบหน้าและรอยยิ้มงดงามไร้ที่ติในรอยยิ้มนั้นซ่อนความหมายบางอย่างได้อย่างพอดี เขาชอบผู้หญิงฉลาดแบบนี้มาโดยตลอด
เห็นเขายืนนิ่งไปจางเหมยจึงเริ่มจูบเขาก่อน
“ฉันชอบคุณ”ในที่สุดเธอก็พูดความในใจออกมา
“ฉันชอบคุณมาตลอดคุณเองก็ไม่ได้รังเกียจฉันใช่ไหมคะ”
ริมฝีปากอ่อนนุ่มของหญิงสาวที่ให้รสัักำลังดีซูอี้เฉิงหลับตาปล่อยให้ทุกอย่างเป็ไปตามอารมณ์ ทว่าภาพใบหน้าของลั่วเสี่ยวซีกับผุดขึ้นมาในหัวของเขาโดยไม่บอกกล่าว
ลั่วเสี่ยวซีเป็ผู้หญิงที่ไร้เหตุผลที่สุดั้แ่เขาเคยพบเจอเธอเอาแต่ใจตัวเองจนคนอื่นต้องหงุดหงิดไหนจะริมฝีปากของเธอที่ดื้อรั้นก๋ากั่นไร้ซึ่งความอ่อนโยนนั่นอีก
แล้วเขาจะชอบเธอได้อย่างไร?
ว่าแล้วซูอี้เฉิงก็จูบตอบจางเหมยซึ่งเธอก็ตอบสนองกับััของเขาได้อย่างลงตัว มือน้อยอ่อนนุ่มของเธอลูบไล้ไปทั่วร่างกายของเขาทำให้ความปรารถนาบางอย่างเริ่มก่อตัว
ในตอนนี้เขาไม่คิดถึงลั่วเสี่ยวซีอีกแล้วไม่นานหลังจากนั้นจางเหมยก็ล้มลงไปนอนบนเตียงสาวออฟฟิศเมื่อตอนกลางวันเวลานี้ได้กลายเป็หญิงสาวที่แสนเร่าร้อนเต็มตัว
ที่เขา้าคือผู้หญิงแบบนี้ผู้หญิงที่เข้าใจอะไรง่ายๆ ไม่ต้องให้เขาบอกกล่าวเธอก็รู้เสมอว่าเขา้าอะไร
คนที่เขาชอบไม่มีทางเป็ลั่วเสี่ยวซี!
ณห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม
หลังวางสายูเี่อันรู้สึกเหมือนเื่เมื่อครู่เป็แค่ความฝัน
ลู่เป๋าเหยียนเห็นเธอทำสีหน้าแปลกไปจึงถาม
“พี่ชายเธอล่ะ?”
“เขากลับไปแล้ว”ูเี่อันตอบอย่างมึนๆ “เขากับจางเหมย...อยู่ที่โรงแรม”
ลู่เป๋าเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเอ่ย
“เื่ปกติเธอไม่ต้องแปลกใจไป”
“แต่ว่า...”ูเี่อันทำท่าเหมือนอยากจะประท้วง “ช่างเถอะ อย่าให้เสี่ยวซีรู้ก็พอ”
“ฉันได้ยินหมดแล้ว”
เสียงเนิบๆ ของลั่วเสี่ยวซีดังขึ้นจากทางด้านหลังอย่าว่าแตู่เี่อัน ลู่เป๋าเหยียนเองก็แอบใเมื่อทั้งสองคนหันหลังกลับไปก็เห็นลั่วเสี่ยวซีกำลังยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาไม่รู้ว่าเธออยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้ว
“เสี่ยวซี...”
ูเี่อันอยากจะอธิบายแต่ก็พูดไม่ออกลั่วเสี่ยวซียักไหล่เล็กน้อยก่อนจะพูดตัดบท
“ไม่เป็ไรหรอกอย่างที่บอสใหญ่ของเธอบอกนั่นแหละ มันเป็เื่ปกติอีกอย่างเขาก็เคยพาผู้หญิงไปนอนที่โรงแรมมาแล้วตั้งหลายคนจางเหมยไม่ใช่คนที่สวยที่สุดด้วยซ้ำ”
ลั่วเสี่ยวซียิ้มอย่างไม่ถือสาราวกับเธอไม่สนใจจริงๆแตู่เี่อันรู้ดีว่าเพื่อนของเธอพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกแถมยังทำได้อย่างแเี
ว่าแล้วลั่วเสี่ยวซีจึงโบกมือลาูเี่อัน
“งั้นฉันกลับก่อนนะ”
พูดจบเธอก็เดินออกจากห้องจัดเลี้ยงเพื่อตรงไปยังลานจอดรถ
ไม่ว่าอย่างไรเธอจะต้องไปให้เห็นกับตาและถามเขาด้วยตัวเองว่า นี่มันหมายความว่าอย่างไร
เมื่อกี้เขาทำกับเธอแบบนั้นแต่ในพริบตาก็ผู้หญิงอื่นเข้าโรงแรม
ซูอี้เฉิงเห็นเธอเป็อะไร? ผู้หญิงที่ดันไปหลงรักเขาจนเขาคิดอยากจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ?
เธอเคยยั่วยวนเขาก็จริง
แต่เธอไม่ใช้ผู้หญิงใจง่ายแบบนั้น
เฟอร์รารีสีแดงคันงามมุ่งหน้าไปยังโรงแรมที่ซูอี้เฉิงอยู่อย่างรวดเร็ว
ลั่วเสี่ยวซีเคยมาที่นี่หลายครั้งจนยามและประชาสัมพันธ์คุ้นหน้าเธอดีเธอเดินตรงไปยังลิฟต์ VIP เพื่อขึ้นไปชั้นบนสุด
ในพื้นที่ทำเลทองแบบนี้ห้องชุดเต็มพื้นที่ชั้นบนสุดคือห้องของซูอี้เฉิง เมื่อเดินออกมาจากลิฟต์ลั่วเสี่ยวซีจึงกดออดที่หน้าประตู
สามถึงสี่นาทีให้หลังประตูก็ถูกเปิดออก และคนที่อยู่ด้านหลังประตูนั้นก็คือ จางเหมย
เธอสวมเสื้อคลุมอาบน้ำอย่างลวกๆโดยยังไม่ทันผูกเชือกรอบเอวด้วยซ้ำ ผมเผ้าของเธอยุ่งเหยิงลำคอและ่ไหล่มนเต็มไปด้วยรอยแดงที่หลงเหลือจากกิจกรรมบางอย่าง
“คุณลั่ว ทำไมเป็คุณล่ะคะ?” จางเหมยยิ้มอย่างเอ่ยๆ“ฉันนึกว่าเป็รูมเซอร์วิสซะอีก คุณมาหาอี้เฉิงเหรอคะ เขา...”
ลั่วเสี่ยวซีเข้าใจเื่ทุกอย่างในทันทีเธอไม่คิดจะเขาไปหาซูอี้เฉิงให้มากความจึงยิ้มเย็นก่อนเอ่ย
“ขอโทษด้วยที่มารบกวน”
พูดจบเธอก็หันหลังกลับเมื่อออกมาจากโรงแรมเธอถึงได้รู้ว่าวันนี้อากาศหนาวเหลือเกิน
ความหนาวของ่ปลายฤดูใบไม้ผลิไม่ได้หนาวเสียดกระดูกแบบ่หน้าหนาวก็จริงแต่มันทำให้เธอสั่นไปทั้งตัวจนสุดขั้วหัวใจ
ลั่วเสี่ยวซีเข้าไปในรถความหนาวจากด้านนอกเข้ามาในนี้ไม่ได้อีกแล้วแต่ไม่รู้เพราะอะไรเธอกลับรู้สึกหนาวะเืไปทั้งตัว
เธอขับรถกลับไปที่ Lu Media ก่อนจะเปลี่ยนเป็ชุดออกกำลังกายเธอขึ้นไปวิ่งบนลู่ที่ถูกปรับความเร็วให้เร็วกว่าปกติอีกเท่าตัว
เธอต้องทำให้ตัวเองเหนื่อยจนสลัดภาพเขาออกไปให้ได้เธอจะไม่คิดอีกแล้วว่าเมื่อกี้เขากับผู้หญิงคนนั้นทำอะไรกันไปบ้าง
ไม่รู้ว่าเธอวิ่งไปนานแค่ไหนก่อนที่โทรศัพท์มือถือที่ข้างกายจะดังขึ้น คนที่โทรเข้ามาคือูเี่อัน
เธอรับโทรศัพท์เสียงหอบูเี่อันรู้ทันทีว่าต้องเกิดเื่อะไรแน่ๆ
“เสี่ยวซี เธออยู่ไหน”
“ฟิตเนสที่บริษัท”ลั่วเสี่ยวซีปรับความเร็วของลู่วิ่งให้ช้าลง “มีอะไรเหรอ”
“เธอโอเคหรือเปล่า?”
ูเี่อันนึกว่าลั่วเสี่ยวซีจะไปหาพี่ชายเธอจึงนิ่งไปก่อนเอ่ยถามลั่วเสี่ยวซีตอบกลับมาในทันที
“วางใจเถอะฉันชินแล้วล่ะ ถ้าฉันไม่โอเคทุกรอบ ป่านนี้คงช้ำในตายไปแล้ว แค่นี้ก่อนนะฉันกำลังวิ่งอยู่”
ูเี่อันได้ยินดังนั้นจึงไม่พูดอะไรอีกก่อนจะเตือนเพื่อนด้วยความเป็ห่วง
“รีบกลับบ้านนะ”
“รู้แล้วจ้า”ลั่วเสี่ยวซีเงียบไปชั่วครู่ก่อนพูดเสริม “เจี่ยนอันฉันว่าลู่เป๋าเหยียนดีกับเธอมากนะอย่างน้อยในตอนนี้เขาก็ทำให้ทุกคนรู้ว่าเขาแคร์เธอมากแค่ไหน เธอทำดีๆ กับเขาหน่อยล่ะฉันว่าพวกเธอน่าจะไปด้วยกันได้ อยู่ด้วยกันไปนานๆ เดี๋ยวก็รักกันเองแหละเชื่อสิ”
ูเี่อันยิ้มบาง“อืม ถ้ามีข่าวดีเมื่อไรฉันจะรีบบอกเธอคนแรกเลย”
พูดจบเธอจึงวางสายไปเสียงถามอย่างใคร่รู้ของลู่เป๋าเหยียนดังขึ้นข้างหูเธอ
“ข่าวดีอะไร”
เธอยิ้มก่อนจะทำหน้าเหมือนจะบอกเขาทว่า
“ไม่บอก!”
ลู่เป๋าเหยียนตั้งท่าจะหยิกแก้มเธอเธอจึงรีบหลบมือนั้นและเข้าไปกอดเอวเขา
“ไว้จะบอกทีหลัง”
เสียงอ่อนหวานที่มาพร้อมกับรอยยิ้มบางของเธอนั้นทำให้ลู่เป๋าเหยียนใจอ่อน
ครั้งนี้เขาจะยอมปล่อยเธอไปก่อนก็ได้
