หลังจากพวกเซวียเสี่ยวหรั่นออกมาจากร้านเป่าฟางไจ ก็ยังไม่ได้กลับจวน แต่ไปสำนักศึกษาทิงเทาซึ่งอยู่ในละแวกนั้น
สำนักศึกษาทิงเทาอยู่ใกล้กับร้านเป่าฟางไจ มีนักเรียนค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่จะเป็เด็กอายุน้อย เหมาะสำหรับเด็กที่เพิ่งเริ่มต้นยังไม่มีพื้นฐานมาก่อน
แม้เซวียเสี่ยวเหล่ยจะพอรู้อักษรอยู่บ้าง แต่เขาไม่เคยรับการศึกษาอย่างเป็ทางการ ดังนั้นเซวียเสี่ยวหรั่นจึงอยากให้เขาได้เข้าไปเรียนรู้ในสำนักศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ให้สูงขึ้นทีละขั้น
ตำแหน่งที่ตั้งของสำนักศึกษาอยู่ไม่กลจากถนนอันเฉียนเหมิน ประตูใหญ่ก็อยู่ใกล้กับหัวถนน ยามนี้ประตูไม้ทาสีดำกำลังปิดอยู่
พวกเขาลงจากรถม้า ยืนมองซ้ายมองขวางที่หน้าประตูรอบหนึ่ง
"คุณหนู ถ้านายน้อยอยากเข้าสำนักศึกษา ในเมืองหลวงยังมีที่ดีกว่านี้อีกมาก ได้ยินว่าสำนักศึกษาทิงเทาแห่งนี้เป็เพียงแค่สำนักศึกษาธรรมดาเท่านั้น" ชิงหนิงกระซิบบอก ก่อนหน้านี้คุณหนูเคยถามว่าสำนักศึกษาที่อยู่ใกล้ที่สุดคือที่ใด นางจึงให้สารถีพามาที่นี่
"ยังมีดีกว่านี้อีกหรือ ที่ไหนบ้างเล่า" เซวียเสี่ยวหรั่นรีบถาม
"ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดย่อมเป็สำนักศึกษาเหวินซง รองลงมาคือสำนักศึกษาฉือซาน และสำนักศึกษาหลันจู๋เ้าค่ะ" ชิงหนิงบอกอย่างละเอียด "ในเมืองหลวง เหล่าเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงรวมถึงบุตรหลานของขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ส่วนใหญ่ต่างก็เรียนที่สำนักเหวินซงทั้งนั้น มีเพียงส่วนน้อยถึงจะกระจายออกมาเรียนที่สำนักศึกษาฉือซานและหลันจู๋"
พอเซวียเสี่ยวหรั่นได้ฟังก็ส่ายหน้า "แม้เสี่ยวเหล่ยพอรู้อักษรอยู่บ้าง แต่เขาไม่เคยเข้าสำนักศึกษาอย่างเป็ทางการมาก่อน หากจู่ๆ ให้ไปเข้าสำนักใหญ่เยี่ยงนั้น เขาอาจจะปรับตัวลำบาก"
เซวียเสี่ยวเหล่ยมองพี่สาวของตนเองอย่างระมัดระวัง ในใจก็เห็นด้วย สำนักศึกษาเ่าั้แค่ได้ยินก็รู้สึกได้ถึงความเคร่งครัดน่าเกรงขาม กลัวว่าหลังจากตนเองเข้าไปแล้ว จะตามสหายร่วมชั้นไม่ทันทำให้พี่สาวต้องเสียหน้า
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่อยากให้น้องชายกดดันเกินไป และมิได้คาดหวังว่าเขาจะไปสอบจ้วงหยวน [1]
"คุณหนูใคร่ครวญถูกต้องแล้วเ้าค่ะ" ชิงหนิงพยักหน้า
เซวียเสี่ยวหรั่นมองดูสภาพแวดล้อมของสำนักศึกษาทิงเทา ตำแหน่งที่ตั้งพอใช้ได้ ไม่วังเวงหรือเสียงดังอึกทึกเกินไป เพียงแต่ไม่รู้ว่าอาจารย์ที่อยู่ด้านในจะมีคุณสมบัติดีหรือไม่
เข้าไปสอบถามดูค่อยตัดสินใจดีกว่า
หลังจากมองอยู่ครู่หนึ่ง ขณะกำลังก้าวลงจากรถม้า คนขี่ม้าขบวนหนึ่งซึ่งกำลังจะผ่านไป กลับหยุดกะทันหัน
บุรุษซึ่งอยู่หัวขบวนแต่งกายด้วยชุดแพรเนื้อเบาสีขาวพระจันทร์ คุ้นตาเซวียเสี่ยวหรั่นเป็อย่างมาก จนกระทั่งคนหันกลับมา
ตายละหว่า... อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ เมืองหลวงแสนจะกว้างใหญ่ ดันต้องมาพบจิ้งจอกตัวนี้จนได้ เซวียเสี่ยวหรั่นสบถในใจ แกล้งทำเป็มองไม่เห็นจะทันไหมหนอ...
"คุณหนูเซวีย!" เห็นได้ชัดว่าไม่ทัน
น้ำเสียงใสกระจ่างของชายหนุ่มแฝงแววตกตะลึงแกมยินดี บังคับม้าวิ่งกุบกับตรงเข้ามาหา ก่อนพลิกกายลงจากหลังม้าอย่างสง่างาม
"คุณชายซ่ง ช่างบังเอิญนัก" เซวียเสี่ยวหรั่นกระตุกมุมปาก
หนิงชิงซึ่งอยู่ด้านข้างปราดเข้ามาขวางไม่ให้บุรุษแปลกหน้าที่จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวเข้าใกล้เซวียเสี่ยวหรั่นจนเกินไป
"ใช่แล้ว ที่แท้คุณหนูเซวียก็มาถึงเมืองหลวงแล้วนี่เอง ช่างประจวบเหมาะยิ่ง" ซ่งจิ่งซีกวาดมองปราดหนึ่ง สาวใช้ที่อยู่เบื้องหน้าดูไม่คุ้นตา ดูจากสัญชาตญาณการระวังตัวของนางน่าจะเป็สตรีฝึกยุทธ์
ประกายคมผุดวาบในแววตาของชายหนุ่ม สถานะของหญิงสาวผู้นี้ชวนให้สงสัยใคร่รู้เสียเหลือเกิน
ยามอยู่เมืองเฉียนเฟิง ก็ยืมคฤหาสน์นอกของเฟิงอ๋องอยู่อาศัย หลังจากมาถึงเมืองหลวง ข้างกายก็ยังมีสาวใช้หน่วยก้านไม่ธรรมดาอยู่ข้างกาย
"แฮ่ม คุณชายซ่งเป็ชนชั้นสูงธุระย่อมจะรัดตัว ไม่ถ่วงเวลาพวกท่านจะดีกว่า" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะแหะๆ ก่อนยอบกายคารวะ แล้วยกเท้าเตรียมจะไป
"เอ้อ คุณหนูเซวีย อย่าได้เห็นเป็คนอื่นไกลเช่นนี้สิ ไหนๆ ก็พบกันแล้ว ให้ผู้สกุลซ่งเป็เ้ามือเลี้ยงน้ำชาคุณหนูกับคุณชายน้อยสองพี่น้องได้หรือไม่" ซ่งจิ่งซีเห็นแม่นางผู้นี้ไม่พูดไม่จาก็ตั้งท่าจะไปเสียแล้ว จึงร้องทักพลางกล่าวเชื้อเชิญ
"ขอบคุณคุณชายซ่ง เพียงแต่ที่บ้านยังมีธุระ ยังไม่ดื่มชาดีกว่า" เซวียเสี่ยวหรั่นอยากกลอกตาใส่เขาจะแย่ หมอนี่พยายามจะเข้าหาเธอทำไม เธอจะทำอะไรให้เขาได้อย่างนั้นหรือ?
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่คิดเข้าข้างตัวเองว่าซ่งจิ่งซีหลงเสน่ห์ตนเอง ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอจะมีอะไรน่าดึงดูดใจเล่า
ขณะหมุนตัวกลับกำลังจะเดิน ซ่งจิ่งซีกลับก้าวเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกนาง
"คุณหนูเซวียอย่าได้ปฏิเสธผู้อื่นอย่างไม่มีเยื่อใยเช่นนี้เลย เมืองหลวงออกจะกว้างใหญ่ สามารถมาพบกันได้โดยบังเอิญถือเป็วาสนา ไม่ทราบว่าพวกเ้าสองพี่น้องมาเยี่ยมญาติในเมืองหลวงหรือว่ามาอยู่อาศัยเป็การถาวร"
ซ่งจิ่งซีสวมอาภรณ์หรูหน้าตาหล่อเหลารูปร่างงดงาม ดูมีสง่าราศีเหนือสามัญ หากไม่เอ่ยปากก็ดูเป็คุณชายผู้แสนสุภาพ แต่น่าเสียดาย แค่เอ่ยปากเท่านั้น หางจิ้งจอกก็โผล่ออกมาให้ระคายสายตา
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะเบาๆ "ถ้ามีวาสนาจริง โอกาสหน้าค่อยบอกท่าน ลาก่อน"
เธอจูงเซวียเสี่ยวเหล่ยตรงดิ่งไปขึ้นรถม้า ไม่แม้แต่จะชายตามองเขา
รถม้าหลังคาแบนสีดำค่อยๆ เคลื่อนออกไป ก่อนที่จะหายลับไปตรงหัวถนน
"จี๋มู่ ตามไป" ซ่งจิ่งซีเชิดคาง
จี๋มู่รูปร่างผอมบางไม่สะดุดตาผงกศีรษะน้อยๆ ก่อนบังคับม้าติดตามไปยังทิศทางเดียวกับรถม้าคันนั้น
"นายท่าน สตรีหัวแข็งผู้นี้ ไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาสักนิด ช่างประหลาดนัก" เคอตาเดินเข้ามาข้างกายซ่งจิ่งซีพลางจุปากอย่างประหลาดใจ
พวกเขามาถึงเมืองหลวง่หนึ่งแล้ว ซื่อจื่อกับคุณหนูมักเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์จากที่ต่างๆ เป็ครั้งคราว
ด้วยสถานะและรูปโฉมของซื่อจื่อ ไม่ว่าจะไปที่ไหน ล้วนมีเหล่าคุณหนูทั้งหลายคอยติดตามเป็ก่ายกอง จะมีก็แต่คุณหนูเซวียคนเมื่อครู่เท่านั้นที่มิชายตาแลซื่อจื่อแม้แต่น้อย พบกันทุกคราก็แทบจะวิ่งหนีโดยเร็ว
สายตาแฝงแววรังเกียจเช่นนั้น จะนึกว่าซื่อจื่อเป็พวกเติงถูจื่อจอมเสเพลหรือไม่ก็สุดรู้ได้
"อืม สถานะของนางคงไม่ธรรมดา สาวใช้คนเมื่อครู่นั่น รากฐานท่อนล่างแข็งแกร่ง ลมหายใจเบาและยาว เป็ยอดฝีมือดีๆ นี่เอง" ซ่งจิ่งซีหันไปมองไปในละแวกใกล้ๆ
พวกเขาเพิ่งมาหยุดที่นี่ คิดว่าน่าจะมาติดต่ออะไรบางอย่าง
หลังจากกวาดตามองรอบหนึ่ง สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่สำนักศึกษาทิงเทา
"สามารถใช้งานสาวใช้หน่วยก้านไม่ธรรมดาเช่นนั้น สถานะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน"
เคอตาพยักหน้า หญิงรับใช้ที่เป็วรยุทธ์ใช่ว่าอุปถัมภ์กันง่ายๆ สตรีในตระกูลใหญ่ทั่วไปล้วนเป็โฉมงามอรชร สาวใช้ติดตามข้างกายมักชำนาญด้านการประทินโฉมหรือไม่ก็เก่งการฝีมือ ใครจะอยู่ดีๆ พาสาวใช้ที่เป็วรยุทธ์ติดตามข้างกาย ใช่ว่าจะไปมีเื่กับผู้อื่นต้องใช้กำลังเอาชนะเสียเมื่อไร
"นางคิดจะให้น้องชาเข้าสถานศึกษารึ?" ซ่งจิ่งซีมุ่นคิ้วพลางพึมพำเสียงเบา
หากจะเข้าศึกษา เหตุใดไม่เลือกสำนักใหญ่ๆ อย่างเหวินซง ฉือซาน หรือหลันจู๋เ่าั้เล่า?
ดูไปสาเหตุไม่น่าจะใช่เพราะฐานะทางครอบครัวไม่ดี แล้วจะมีสาเหตุใดที่เลือกเข้าสำนักศึกษาเล็กระดับนี้? ซ่งจิ่งซีมองไม่ออก
"เคอ ไปตรวจสอบว่าวันนี้พวกนางเข้าไปสมัครที่สำนักศึกษาหรือไม่"
"ขอรับนายท่าน" เคอตารับคำก่อนเข้าไปเคาะประตูใหญ่ของสำนักศึกษา
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เคอตาก็กลับมา
"นายท่าน คนของสำนักศึกษาบอกว่าวันนี้ไม่มีผู้ใดมาสมัครขอรับ"
คิ้วน่ามองของซ่งจิ่งซียิ่งขมวดเข้าหากันแน่น หรือว่าแค่ผ่านมา?
หลังจากนั้นหนึ่งเค่อ จี๋มู่ก็กลับมาถึง สีหน้ากลับไม่ค่อยดีนัก
"นายท่าน พลาดการติดตามขอรับ มีคนมาขวางม้าของข้าน้อย หลังจากเสียเวลาไปชั่วขณะหนึ่ง รถม้าก็หายไปแล้ว" จี๋มู่ท่าทางขุ่นเคืองใจไม่น้อย
ซ่งจิ่งซีตะลึงพรึงเพริด ความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสถานะของนางยิ่งเพิ่มมากขึ้น
....
[1] จ้วงหยวนหรือจอหงวน คือราชบัณฑิตซึ่งได้อันดับหนึ่งในการสอบหน้าพระที่นั่ง
