โจวชิงหวากระโจนเข้าใส่ หมายจะคว้าเชือกถักสีแดงในมือของควงเหยา
ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่ยินยอม ะโหลบ จนล้มลงไปนอนบนกองหิมะ “เ้าเป็บ้าอะไร? ข้ามิได้หมายถึงควงเจียเสียหน่อย!”
มิใช่หนีเจียเอ๋อร์หรอกหรือ?!
พอได้ยินเช่นนั้น โจวชิงหวาก็เบาใจ แล้วเอ่ยถาม พร้อมย่นหัวคิ้วเข้าหากัน “สรุปแล้ว เ้ามีศิษย์น้องหญิงกี่คนกันแน่?”
“แค่สองคน แต่ผู้ที่มอบมันให้กับข้า หาใช่ศิษย์สำนักอิ้นเสวี่ย” ควงเหยาอธิบาย
โจวชิงหวาดึงร่างเขาขึ้นมา พลางหัวเราะเจื่อนๆ อย่างแก้เขินไปสองครั้ง “ขอโทษที”
เขากล่าว ก่อนเงยหน้ามองท้องฟ้าในยามค่ำคืน แล้วแสร้งแสดงท่าทีหนาวสั่น “อา… หนาวเหลือเกิน รีบกลับสำนักกันเถอะ!”
ควงเหยาปรายตามามอง จากนั้น คนทั้งสองก็เดินกลับไปด้วยกัน
โจวชิงหวาเหลือบมองคนข้างๆ เป็ระยะ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามด้วยความสงสัย “แล้วตอนนี้ ศิษย์น้องหญิงของเ้าอยู่ที่ใดเล่า?”
แววตาของควงเหยาหมองลง แล้วรีบเปลี่ยนเื่ เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถามของอีกฝ่าย “หนาวจริงๆ รีบกลับกันเถอะ!”
ในเมื่อเขาไม่อยากกล่าวถึง โจวชิงหวาก็ไม่คิดจะตอแยเซ้าซี้
…
พอกลับมาถึง ก็พบว่าหนีเจียเอ๋อร์กำลังรอพวกเขาอยู่ที่หน้าทางเข้าสำนักอิ้นเสวี่ย ควงเหยารั้งตัวโจวชิงหวาเอาไว้ ก่อนพูดว่า “ได้โปรดอย่าบอกนาง ว่าข้าออกไปทำอะไรมา”
โจวชิงหวาขมวดคิ้วด้วยความงุนงง แต่ก็พยักหน้ารับปาก “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่บอกนางแน่!”
ควงเหยาพยักหน้า เดินเข้าไปหาหนีเจียเอ๋อร์ แล้วถอดเสื้อไปคลุมให้นาง “เสี่ยวเอ๋อร์ เหตุใดจึงไม่กลับไปรอพวกเราที่เรือนของเ้าเล่า รับความเย็นเข้าไปแบบนี้ หากไม่สบายขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
หนีเจียเอ๋อร์กระชับเสื้อคลุม พลางเอ่ย “ร่างกายของข้า หาได้อ่อนแอเช่นที่ท่านคิด!”
ว่าแล้ว ก็คลี่ยิ้ม ก่อนกล่าวต่ออีก “ศิษย์พี่ใหญ่ ร่างกายของท่านยังไม่หายดี เหตุใดจึงรีบออกไปข้างนอกเล่า?”
“ร่างกายของข้า ก็มิได้อ่อนแอเช่นที่เ้าคิดเหมือนกัน!” ควงเหยาหยิบคำพูดของนางมาตอบโต้
โจวชิงหวากลอกตา “ศิษย์ของคนผู้นั้น จำเป็จะต้องเหมือนกันขนาดนี้เชียวหรือ?”
หนีเจียเอ๋อร์และควงเหยาเหยียดยิ้ม ก่อนหัวเราะออกมา
หลังจากส่งควงเหยาให้ควงเยวี่ยโหลวดูแลต่อแล้ว โจวชิงหวาก็มาส่งหนีเจียเอ๋อร์กลับเรือนเพื่อพักผ่อน
ประตูยังไม่ทันปิดสนิท ก็ถูกมือแกร่งของชายหนุ่มผลักให้เปิดออกเสียก่อน
หนีเจียเอ๋อร์ที่ยืนอยู่หน้าประตู พลันทำหน้านิ่ว “เ้าบอกให้ข้ารีบกลับมาพักผ่อนมิใช่หรือ?”
“ที่ข้าพูดเช่นนั้น ก็เพราะอยากจะมีเวลาอยู่กับเ้าสองคน” เขาปิดประตูลง แล้วเดินเข้ามาเกี่ยวปลายผมของหญิงสาวเล่น “อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ หากได้นั่งพูดคุยกันหน้าเตาผิงก็คงจะดี เ้าว่าหรือไม่?”
“ดีหรือ? แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้นนะ!” หนีเจียเอ๋อร์เดินไปเปิดประตู หมายจะให้โจวชิงหวาออกไป
แต่นอกจากชายหนุ่มจะไม่ออกไปแล้ว เขายังเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้อีกด้วย
โจวชิงหวาไม่ใส่ใจว่าหญิงสาวจะคิดอย่างไร เพียงหยิบกาต้มน้ำที่กำลังร้อนได้ที่ขึ้นมา แล้วเทชาลงในถ้วยสองใบ
หนีเจียเอ๋อร์เดินไปหยิบตำราสำหรับผู้พิการทางสายตามานั่งอ่านเงียบๆ บนเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม
“ฟู่...!”
ชายหนุ่มจงใจเป่าชาเสียงดัง เมื่อน้ำชาเย็นแล้ว จึงยื่นมันมาตรงหน้าอีกฝ่าย “ไม่ร้อนแล้ว เ้าดื่มได้เลย”
หนีเจียเอ๋อร์รับถ้วยชามา จากนั้นก็นึกขึ้นมาได้ ว่าเมื่อชาติที่แล้วขณะที่นางป่วย โจวชิงหวาก็มักจะไปต้มชา แล้วเป่าให้หายร้อน ก่อนจะนำมันมาให้ตนเสมอ ต้องยอมรับว่าในตอนนั้น นางไม่เข้าใจเลย ว่าหากอยากดื่มชาเย็นๆ แล้วจะต้มให้เสียเวลาไปทำไม?
กระทั่งหลังแต่งงานกับสวีเพ่ยหราน ตอนที่ตนป่วย สวีเพ่ยหรานก็เคยเติมน้ำเย็นลงไปในชาร้อน เพื่อให้เย็นลงจนนางสามารถดื่มได้ หนีเจียเอ๋อร์ถึงได้รู้ ว่ารสชาติของน้ำชาที่ได้ดื่ม ช่างต่างกันยิ่งนัก
โจวชิงหวาเอียงหน้าเล็กน้อย ก่อนฉีกยิ้มกว้าง “ดูจากสีหน้าของเ้าแล้ว... รู้สึกซาบซึ้งที่ข้าใส่ใจสินะ?”
“อาจจะ...” หนีเจียเอ๋อร์วางถ้วยชาลงช้าๆ
“อ๊ะ! ไม่สิ... บอกมาให้ชัดๆ เสียที ทุกครั้งที่ข้าเอ่ยถาม เ้าก็มักจะตอบคลุมเครือเช่นนี้ตลอด”
โจวชิงหวาดึงเก้าอี้ของอีกฝ่าย ให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ
หญิงสาวชะงักงัน แล้วแสร้งทำเป็โมโห เพื่อเปลี่ยนเื่ “แทนที่จะเอาเวลามาแกล้งข้า เ้าควรจะกลับไปพักผ่อนได้แล้ว!”
เพราะเติบโตมาด้วยกัน โจวชิงหวาย่อมมองออกอยู่แล้ว ว่าตอนนี้หนีเจียเอ๋อร์กำลังโมโหจริงหรือแกล้งทำ เขาจึงคว้ามือเล็กของอีกฝ่ายมากุมไว้ “อนิจจา… ท่าทีเช่นนี้ของเ้า ทำให้ข้าปวดใจยิ่งนัก!”
หนีเจียเอ๋อร์ดึงมือออก เลี่ยงที่จะต่อปากต่อคำกับชายหนุ่ม และเดินไปทิ้งตัวลงนอน ทั้งยังหันหลังให้อีกต่างหาก “จะออกทางประตูหรือหน้าต่าง ก็อย่าลืมปิดกลับมาให้ด้วย อ้อ! ฝากดับไฟที!”
เอ่ยจบ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ โจวชิงหวาจึงรู้ว่าหนีเจียเอ๋อร์ได้หลับไปแล้วจริงๆ แต่กระนั้น ชายหนุ่มก็มิได้ออกจากห้องไปตามที่นางบอก ทว่า นั่งมองใบหน้าของหญิงสาวอยู่อย่างนั้นทั้งคืน กว่าจะกลับก็รุ่งเช้าของอีกวัน
ส่วนหนีเจียเอ๋อร์ วันนี้นางตื่นสายกว่าปกติ หญิงสาวรีบล้างหน้าล้างตา ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกมาหาควงเยวี่ยโหลวทันที
“ท่านอาจารย์ ขออภัยด้วย วันนี้ข้าตื่นสายเ้าค่ะ!”
“อืม… หลังเวลาพัก เ้าจะต้องถูกลงโทษ ในฐานะที่มาสาย” ควงเยวี่ยโหลวเอ่ย
“เ้าค่ะ!” หนีเจียเอ๋อร์รับคำเบาๆ
ในตอนเที่ยง บรรดาศิษย์ทั้งหลายก็พากันไปพักรับประทานอาหาร เหลือเพียงควงเยวี่ยโหลวที่ยังคงหมกมุ่นอยู่กับการอ่านตำรา หนีเจียเอ๋อร์จึงต้มชามาให้
“ท่านอาจารย์ พักก่อนเถิดเ้าค่ะ!”
แม้หญิงสาวจะมองไม่เห็น แต่ความสามารถในการชงชานั้น ยังยอดเยี่ยมเช่นเคย
ควงเยวี่ยโหลววางตำราในมือลง แล้วรับถ้วยชามาจิบเล็กน้อยก่อนวางลง จากนั้น จึงสังเกตเห็นว่าปิ่นลูกปัดบนศีรษะของลูกศิษย์ค่อนข้างเอียง จึงลุกขึ้น และยื่นมือไปช่วยจัดให้
หนีเจียเอ๋อร์รู้สึกประหม่าเล็กน้อย พลางถามเสียงอ้อมแอ้ม “อาจารย์ ท่านจะทำอะไรหรือเ้าคะ?”
ควงเยวี่ยโหลวโน้มตัวเข้าไปใกล้ “อย่าเพิ่งขยับ…”
พอได้ยินเช่นนั้น นางก็ยืนนิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อน
มือเรียวของควงเยวี่ยโหลวดึงปิ่นลูกปัดออก แล้วเสียบกลับเข้าไปใหม่ “เรียบร้อยแล้ว ไปได้!”
แก้มของหญิงสาวขึ้นสีแดงระเรื่อ รีบหันหลัง เดินจากไปทันที
โจวชิงหวายืนอยู่นอกหน้าต่าง จึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาได้แต่กำหมัดแน่น หากไม่ติดว่าหนีเจียเอ๋อร์้าจะเรียนรู้วิชาแพทย์ ตนคงจะพานางออกไปจากที่นี่เสียเดี๋ยวนี้เลย ทว่า สิ่งเดียวที่ทำได้ในยามนี้ ก็คือต้องรอจนกว่าหญิงสาวจะร่ำเรียนวิชาแพทย์จบ จากนั้น เขาจะพาอีกฝ่ายออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!