“พี่หลิ่วเยียน พี่มีที่อยู่ในเมืองหลวงแล้วใช่ไหม ถ้าไม่มีก็อยู่ที่หมู่บ้านอวิ๋นหัวสิ เดี๋ยวผมไปบอกนายท่านให้ ไม่มีปัญหาอะไร” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“คนอื่นก็ออกไปแล้วยังจะมาเอาเปรียบฉันอีกเหรอ เมื่อกี้เห็นเรียกฉันว่าเมียจ๋าเมียจ๋าซะคล่องปากเชียวนะ” หลิ่วเยียนพูดด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ
“เฮอะๆ ถ้าพี่ยินยอมผมก็จะรวบพี่ ไว้ถึงตอนนั้นพี่จะได้กินดีอยู่ดี ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เื่งานประมูลก็รบกวนพี่ด้วยนะครับรอให้เื่ราวเสร็จสิ้นผมจะเอาของดีๆ ให้พี่ รับระกันเลยว่าจะทำให้พี่พอใจได้แน่นอน”
“ฉันมีที่อยู่ในเมืองหลวงแล้วล่ะ ไม่อยู่ที่หมู่บ้านอวิ๋นหัวหรอกนายวางใจเถอะ มีอะไรไว้ฉันโทรหานายนะ” หลิ่วเยียนพูดเบาๆเธอมองไปยังกัวไฮว่ที่จับจ้องมาที่ตนเอง จากนั้นก็วิ่งไปราวกับหนีอะไรบางอย่าง
“เฮอะๆ แบบนี้สิถึงเป็ผู้หญิง ฉันชอบ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆเขามองไปยังอาหารเช้าที่ตระกูลเซวียนหยวนทำเอาไว้เต็มโต๊ะจากนั้นก็รับประทานไปอย่างออกรสออกชาติ อันไหนอร่อยก็กินได้อันไหนไม่อร่อยก็กินได้ เมื่อนึกถึงสมัยที่ตัวเองเป็นักพรตต่อให้ฝันถึงของพวกนี้ยังฝันไม่ถึงเลย
“พี่ใหญ่ ผมล่ะนับถือพี่จริงๆ นับถือจากใจจริงเลยมีของดีอยู่กับตัวเยอะขนาดนั้นแท้ๆ ยังจะกลืนของพวกนี้ลงไปได้อีก” เซวียนหยวนเวยพูดเบาๆ
“มาเมืองหลวงวันนึงแล้ว ควรจะออกไปทำธุระได้แล้วล่ะเดี๋ยวไปถามนายท่านดีกว่าว่าค่ายเป้าหลงไปยังไง ฉันจะไปหาพวกเขาสักหน่อย” กัวไฮว่พูดขึ้นด้วยความยิ้มแย้ม
“เสี่ยวไฮว่ เสี่ยวไฮว่” กัวไฮว่เพิ่งจะพูดเสร็จเซวียนหยวนซยงเฟิงก็กลับมายังโถงรับแขกอีกครั้งด้านหลังมีคนตามมาไม่น้อย
“พ่อ ลุงใหญ่ อาสาม อาสี่ อาเก้า พวกคุณมาได้ยังไงเนี่ย” เซวียนหยวนเวยมองไปยังคนที่อยู่หลังเซวียนหยวนซยงเฟิงพร้อมกับถามขึ้นเบาๆ “อย่าบอกนะว่าพวกคุณตามเอาของกินน่ะ”
“ไปเลย! กินๆๆ รู้จักแต่เื่กิน ของไร้สาระ” เซวียนหยวนหัวมองเซวียนหยวนเวยพลางพูดเสียงดังเซวียนหยวนเวยจึงร่นถอยกลับไป แม้พ่อของตนจะเป็คนไม่เอาไหนประจำตระกูลเซวียนหยวนทว่าสำหรับเขาแล้วก็เป็หมาป่าตัวหนึ่ง
“นายท่าน สถานการณ์ใหญ่โตในวันนี้ ไม่ทราบว่ามีเื่อะไรเหรอ” กัวไฮว่มองไปยังเซวียนหยวนซยงเฟิงพร้อมกับถามด้วยความยิ้มแย้มเขาเดาจุดประสงค์ในการมาของพวกเขาได้เกือบจะทั้งหมด
“ที่นี่ไม่มีคนนอก ตระกูลเซวียนหยวนเองก็ไม่ได้มองว่าเสี่ยวไฮว่เป็คนนอกเธอเป็ผู้มีพระคุณช่วยชีวิตอาตั่วกับเด็กสองคนนั้นเอาไว้เป็มิตรของตระกูลเซวียนหยวนเรา ถ้าเป็ไปได้ฉันก็อยากจะหน้าด้านขอให้เธอมาเป็ลูกเขยของฉัน” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆทำเอาเม่ยเอ๋อร์กับเซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนทั้งสองคนหน้าแดงก่ำขึ้นมา
กัวไฮว่มองเซวียนหยวนซยงเฟิงพร้อมกับผงกศีรษะเพื่อส่งสัญญาณว่าให้เขาพูดต่อไป
“พูดตามตรง ตอนแรกฉันชื่นชมเธอมากเลย เพราะฉันชอบนิสัยของเธอตอนที่เธอบอกว่ามาหาเื่ตระกูลกู่เพราะมีเื่ต้องสะสางนิดหน่อยฉันถึงกับถอยตัวกลางคันเลย จากศักยภาพของตระกูลแล้วฉันจำเป็ต้องเลือกเป็กลางฉันบอกเธอให้ได้ว่าจะจัดการยังไง แต่จะพูดชัดเจนว่าจะช่วยเธอไม่ได้แต่ยากระตุ้นปราณที่เธอพูดในวันนี้ทำฉันหวั่นไหวฉันเลยอยากให้ตระกูลเซวียนหยวนได้เกี่ยวดองกับเธอ เธอว่าฉันมีอิทธิพลไหมล่ะ” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆ
“แปะๆๆ!” กัวไฮว่ฟังไปพร้อมกับปรบมือขึ้น “นายท่าน ตอนแรกผมนึกว่าคุณเป็แค่ตาแก่ที่ชอบกินเหล้ากินเนื้อตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณสมควรแล้วที่จะเป็ผู้นำตระกูล ผมชอบนิสัยคุณนะ ชอบมากเลยฮ่าๆ เหมือนกับที่ชอบหลานสาวของคุณน่ะแหละ ชอบมาก ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ทำเอาเด็กสาวทั้งสองหน้าแดงก่ำกว่าเดิม
“ในเมื่อนายท่านตรงไปตรงมาขนาดนี้ ผมก็จะไม่อ้อมค้อมล่ะนะผมมียากระตุ้นเืเยอะขนาดที่ว่าผมอยากมีเท่าไหร่ก็มีเท่านั้น” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม ดูทรงแล้วแค่ประโยคง่ายๆประโยคเดียวทำให้เซวียนหยวนซยงเฟิงและคนอื่นๆ ด้านหลังต่างก็นิ่งอึ้งไปเด็กนี่ต้องเป็ศิษย์ของสำนักลึกลับแน่ แถมยังเป็ศิษย์เอกอีกไม่งั้นไม่น่ามีทรัพยากรเยอะขนาดนี้
ที่ว่าแก่แล้วไม่ตายก็เป็โจร[1] เซวียนหยวนซยงเฟิงเนี่ยแหละโจรเทพแห่งจิตมีชีวิตมาไม่รู้ว่ากี่กาลเวลา และเมื่อเทียบกับโจรแล้วในแดนมนุษย์ใครจะเป็คู่ต่อสู้ของเขาอีก พูดง่ายๆ ก็คือหากตระกูลเซวียนหยวนรวมกับกัวไฮว่แล้วกัวไฮว่ก็ยังอยากจะจัดการตระกูลกู่ด้วยตัวเองทว่า่เวลาในแดนมนุษย์ก็มีบางเื่ที่ตัวเองเป็คนทำแล้วได้รับความสุขจากมัน
“เ้าสาม วันนี้แกไปเขตทหารเป็เพื่อนเสี่ยวไฮว่นะเดี๋ยวฉันจะไปติดต่อกับผู้รับผิดชอบ เขาจะพาพวกเธอไปค่ายเป้าหลง” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆ “เ้าสองเมียของเสี่ยวไฮว่เป็คนของห้างประมูลแกไปช่วยจัดการเื่ทางฝั่งห้างประมูลหน่อยนะ เ้าเก้า ดูตระกูลกู่ไว้ให้ดีๆมีความเคลื่อนไหวอะไรให้รายงานทันที อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น เ้าสี่ให้คนของแกไปเมืองอู่เฉิง คุ้มกันน้องหลิวอี้ให้ดี”
กัวไฮว่มองเซวียนหยวนซยงเฟิงยิ้มๆ สุดยอดขนาดตัวเองทำยังไม่เว่อร์ขนาดนี้เลย “นายท่านตอนนี้ในตระกูลเซวียนหยวนมีนักพรตขั้นสูงสุดโฮ่วเทียนกี่คนเหรอ แล้วมีระยะเซียนเทียนกี่คน” กัวไฮว่ถามอย่างยิ้มแย้ม
“สูงสุดโฮ่วเทียนสิบสามคน เซียนเทียนระยะแรกเก้าคน ระยะกลางสามคนระยะสุดท้ายหนึ่งคน” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดเบาๆนี่ถือเป็ความลับสุดยอดของตระกูลเซวียนหยวนและเป็สาเหตุที่ทำให้ตระกูลเซวียนหยวนเป็หนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงได้
“ตอนสายๆ วันนี้ไปเรียกนักพรตตระกูลเซวียนหยวนให้มารวมตัวทุกคน หาที่ลับๆมาที่นึง ส่วนที่เหลือให้ผมจัดการเอง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆจากนั้นก็เดินกลับไปยังบ้านของเม่ยเอ๋อร์ซึ่งเป็สถานที่ที่ตนเองนอนไปเมื่อวาน
“าแรกในแดนมนุษย์ จะมาพลิกเรือในท่อระบายน้ำ[2] ไม่ได้ ร่างในตอนนี้ไม่ใช่ร่างที่ตายไม่ได้ ถ้ามีคนลอบคิดร้ายจริงๆชีวิตน้อยๆ นี่ก็จบเห่แล้ว” กัวไฮว่นั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องเขานำเม็ดหยกเก้าเม็ดออกมาวางเรียงรายไว้ในบ้าน
“พ่อ ให้อำนาจทั้งหมดของตระกูลเซวียนหยวนกับเขาจริงๆ เหรอ พ่อเชื่อเขาจริงๆเหรอ” เซวียนหยวนหัวถามเบาๆ
“สามตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง ตระกูลกู่ ตระกูลหนานกง ตระกูลเซวียนหยวนแต่สถานการณ์ตระกูลเซวียนหยวนในตอนนี้เป็ยังไงฉันว่าพวกแกก็รู้ดีแก่ใจถ้าให้ตระกูลกู่กับตระกูลหนานกงได้หน้าต่อไปอีก ตระกูลเซวียนหยวนก็จะถึงจุดจบอีกไม่นานฉันมาอยากให้ตระกูลเซวียนหยวนทั้งตระกูลจบเห่ในตอนที่ฉันเป็ผู้นำตระกูลฉันจะขอพนันสักตา” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดเบาๆ “อีกอย่าง ฉันรู้สึกว่ากัวไฮว่เนี่ยเชื่อถือได้คนนิสัยเหมือนชื่อเลยที่แปลว่าไม่ดีแต่ว่าคบค้ากับคนไม่ดีแบบนี้สบายกว่าคบค้ากับคนดีๆ ที่พอโดนแสงแดดสาดส่องก็เก็บความลับไม่อยู่พวกนั้นเยอะ”
“ผมเชื่อพ่อครับ!” เซวียนหยวนตู่ ลูกชายคนที่เก้าของเซวียนหยวนซยงเฟิงพูดขึ้นเบาๆ “ผมรู้สึกไม่แย่กับเด็กนั่นถ้าพวกพี่เคยเห็นข้อมูลเมื่อก่อนของเขาที่พวกเราเคยรวบรวมไว้พวกพี่จะรู้ถึงเหตุผลที่พ่อเชื่อเ้าเด็กนี่”
“ในเมื่อเ้าเก้าพูดขนาดนี้ งั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะก็ตามเด็กนี่ไปวุ่นวายสักครั้งหน่อยแล้วกันเอาให้ทั้งเมืองหลวงพลิกจากหน้ามือเป็หลังมือเลยไม่สนหรอกว่าจะตระกูลกู่หรือตระกูลหนานกงก็จะทำให้ตระกูลเซวียนหยวนกลับมาผงาดอีกครั้ง” เซวียนหยวนปู้จิงที่ไม่พูดไม่จามาตลอดก็พูดด้วยเสียงดัง
“ปู้จิง ตามฉันพานักพรตตระกูลเซวียนหยวนไปหาเสี่ยวไฮว่ตอนนี้ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าเด็กนี่จะทำอะไรฉันรู้สึกได้ว่าตระกูลเซวียนหยวนของเราจะได้เชิดหน้าชูตาอีกครั้งแล้ว” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆ สิบสี่ปีแล้ว นับั้แ่ที่นักพรตยอดฝีมือไคกวงระยะหลังได้หายตัวไปก็โดนแอบลอบทำร้ายตระกูลเซวียนหยวนมาไม่น้อยทว่าผู้แข็งแกร่งย่อมได้รับการเคารพ ตระกูลเซวียนหยวนจึงทำได้เพียงกัดฟันกล้ำกลืนทว่าตอนนี้โอกาสของตระกูลเซวียนหยวนได้มาถึงแล้ว
[1] เป็สำนวนจีน ใช้ตำหนิผู้มีอายุมากที่ไร้ซึ่งคุณธรรม
[2] อุปมาว่าทำดีมาตลอดแต่ดันมาพลาดท่า