เล่มที่ 4 อภินิหารแห่งเหมันต์ บทที่ 109 พื้นที่ิญญาศักดิ์สิทธิ์
นี่คือพื้นที่อันมืดมิด โดดเดี่ยวและบริสุทธิ์ เงียบสงบอย่างน่าขนลุก
พื้นที่กว้างใหญ่เต็มไปด้วยรังสีศักดิ์สิทธิ์ในทุกทิศทาง บางครั้งก็ได้ยินเสียงแห่งธรรมดังกึกก้อง มืดมน ลึกลับ และไม่อาจคาดเดาได้
สถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนความโกลาหลก่อนการกำเนิดของโลก เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ลึกลับอย่างยิ่ง
“ควับ--”
รังสีของแสงแวบวับสว่างแลดูสวยงาม แท่นบูชาเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงมาั้แ่สมัยโบราณ มันถูกสร้างขึ้นจากวัตถุลึกลับ เรียบง่ายและแปลกตา หยัดนิ่งอยู่กลางอากาศ
้าของมัน มีกลุ่มเปลวไฟสีแดงที่ยืดหยุ่นเคลื่อนไหว แต่น่าแปลกที่มันไม่ปล่อยความร้อนใดๆ ออกมา ดูนิ่งสงบ ราวกับจะดับลงในพริบตา
แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือเปลวไฟเล็กๆ นี้ยืดเปลวไฟเล็กๆ สองเส้นออกมา คล้ายพยายามจะโบกสะบัด ทำให้เกิดระลอกคลื่นในพื้นที่ว่างเปล่าและหายไปอย่างช้าๆ
ในเวลานี้ เส้นเปลวไฟนั้นคล้ายกับทารกที่เพิ่งหัดพูดพล่าม เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ เปลวไฟเล็กๆ สองเส้นซ่อนตัวอยู่ในเปลวไฟ ส่องแสงเจิดจ้า ราวกับเป็คู่ดวงตาที่คอยสอดส่องไปข้างหน้า
มันกำลังมองมนุษย์อยู่
ชายหนุ่มที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยที่กำลังหมดสติ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า และที่นี่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ไม่นานหลังจากนั้น เปลือกตาที่ปิดสนิทของชายหนุ่มก็สั่นไหว ร่างกายของเขาเริ่มตอบสนอง ค่อยๆ ฟื้นความมีชีวิตขึ้นมา
“ข้า…”
“ตายแล้วหรือ?”
เขาค่อยๆ เปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้น สติสัมปชัญญะค่อยๆ กลับคืนมา เมื่อมองไปข้างหน้าก็พบเพียงความมืดมิด แม้นิ้วมือของตัวเองก็แทบมองไม่เห็น
มีเพียงแสงไฟรางๆ ที่ส่องมาจากบริเวณใกล้เคียง ทำให้ดูโดดเดี่ยวน้อยลง
“ที่นี่คือนรกหรือ?”
หลังจากสำรวจรอบๆ แล้ว ฉู่อวิ๋นก็สะดุ้งเล็กน้อย และความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในใจ
เพราะในการสู้รบนองเืกับราชันราชสีห์เขี้ยวโลหิต เขาได้รับาเ็สาหัส ร่างกายแหลกลาญ เป็ไปไม่ได้ที่จะยังมีชีวิตอยู่
แต่เมื่อฉู่อวิ๋นสำรวจร่างกายของตัวเองแล้ว เขาก็ต้องแปลกใจที่พบว่ารอยแผลทั้งหมดของเขาหายดีแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่กระดูกที่หักทั่วร่างก็ได้รับการซ่อมแซม คล้ายได้เกิดใหม่ นี่มันน่าทึ่งมาก ขนาดหมอยาผู้โด่งดังยังทำไม่ได้
เขามองไปข้างหน้า เห็นกลุ่มเปลวไฟที่กำลังลุกโชน รูปร่างคุ้นตาอย่างยิ่ง จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเปลวไฟลึกลับนี้คือิญญาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านล่างของเสาศักดิ์สิทธิ์!
“ในเมื่อิญญาไฟศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่ แสดงว่าข้าก็ยังมีชีวิตอยู่?”
หลังจากคิดอยู่นาน ฉู่อวิ๋นก็จัดระเบียบความคิดใหม่ต่อสถานการณ์ในตอนนี้
แม้จะไม่รู้ว่าอะไรทำให้ร่างกายที่ยับเยินเช่นนั้นของเขาฟื้นตัวขึ้นมา แต่ก็หมดสงสัยเลยว่าเขารอดชีวิตมาได้แล้ว!
“แต่ตอนนั้นข้าอยู่ที่ป่าสีเืนี่ ที่นี่คือที่ไหน?” ฉู่อวิ๋นตบหัวตัวเอง เขายังสับสนอยู่
“มนุษย์... จริงด้วย... เป็มนุษย์จริงด้วย...”
ทันใดนั้น เสียงแก่แหบแห้งก็ดังขึ้น ก้องกังวานอยู่ในพื้นที่โล่งนี้ ทำให้ฉู่อวิ๋นสะดุ้งทันที
“ผู้ใดกำลังพูดอยู่?” เขารีบลุกขึ้นและมองไปรอบๆ ด้วยสายตาระแวดระวัง เห็นได้ชัดว่าที่นี่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นแล้ว เสียงนี้ดังขึ้นมากะทันหัน ทำให้ผู้คนสั่นกลัว
“เ้า... เ้าอย่า เ้าอย่ากลัวไปเลย ข้าคือ... ข้าคือ... ไอ้หยา นานเกินไปแล้วจริงๆ พูดไม่ออกแล้ว...”
เสียงนั้นดูเคอะเขินและกระตุกกระตักมาก หลังครุ่นคิดครู่หนึ่งก็พูดต่อ “เ้าหนู ดูข้างแท่นบูชาสิ ข้าอยู่นี่”
“หืม?” เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่อวิ๋นก็ประหลาดใจเล็กน้อย เขาจ้องมองที่แท่นบูชาทันที แต่เมื่อมองแวบแรกก็ไม่พบอะไร ทำให้สับสนขึ้นมา
ทว่าหลังจากสังเกตอย่างรอบคอบ ในที่สุดเขาก็พบสิ่งเล็กๆ ที่แปลกประหลาด
สายตามองเห็นลูกไฟดวงเล็กๆ ลอยอยู่บริเวณฐานแท่นบูชา กะพริบติดๆ ดับๆ ดูเล็กจ้อย แต่หากมองดูใกล้ๆ จะเห็นว่าลูกไฟดวงเล็กที่มีขนาดเพียงนิ้วโป้งนี้มีจิตสำนึกิญญา
นี่คือร่างิญญา!
ในแคว้นเทียนเฉิน หลังปรมาจารย์ยุทธ์บางท่านอาสัญ จิตสำนึกิญญาของพวกเขาสามารถเปลี่ยนเป็ิญญาหรือจิตสำนึกที่คงอยู่ในโลกได้ เช่นเดียวกับโครงกระดูกในสุสานปราณัของตระกูลฉู่ ที่สามารถสื่อสารกับผู้คนได้ชั่วขณะหนึ่ง
เพียงแต่เศษิญญาที่เหลืออยู่เหล่านี้จะสลายไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีสติสัมปชัญญะของตนเอง และมีบันทึกข้อมูลไว้น้อยมาก
อีกอย่างใต้หล้านี้ มีนักพรตยุทธ์ผู้ลึกลับอยู่บ้าง ิญญายุทธ์ของพวกเขาอาจอ่อนแอมากกระทั่งจะปลุกิญญายุทธ์ก็ยังไม่ได้ แต่พวกเขามีจิติญญาที่แข็งแกร่งจนสามารถฝึกฝนได้ สามารถเบิกฟ้า ล่วงรู้ความลับ์ เรียกฟ้าเรียกฝน กำหนดชะตาฟ้าดิน
นักพรตเหล่านี้เรียกอีกอย่างว่านักพรติญญา
นักพรตทั่วไปสามารถควบแน่นิญญาของตนและสร้างเป็ร่างิญญาได้ แม้จะตายไปแล้วก็ยังมีสติสัมปชัญญะที่สมบูรณ์และอยู่ในโลกได้อีกยาวนาน
และนักพรตผู้มีอำนาจบางคนสามารถต่อสู้กับนักรบิญญาได้ด้วยการใช้ความคิดแค่แวบเดียว น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
ฉู่อวิ๋นรู้เื่นี้จากบิดาฉู่ซานเหอั้แ่ยังเด็ก ดูเหมือนว่าลูกไฟเล็กๆ นี่คงเป็ิญญาที่หลงเหลืออยู่ของนักพรติญญาหลังสิ้นอายุขัย
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่อวิ๋นก็เดินไปที่แท่นบูชาและพูดกับลูกไฟเล็กๆ ที่ลอยอยู่ “เอ่อ... ผู้าุโท่านนี้ ผู้น้อยฉู่อวิ๋น ข้าอยากถามท่านสักหน่อยว่าที่นี่คือที่ใด?”
“อีกอย่าง...เหตุใดอาการาเ็ของข้าจึงหายดีแล้ว? หรือ... เป็ผู้าุโที่ช่วยข้าไว้?”
หลังจากได้ยินคำถามต่อเนื่องของฉู่อวิ๋น ลูกไฟเล็กๆ ก็ลอยขึ้นไปในอากาศอย่างช้าๆ และถอนหายใจ “เ้าหนู เ้าดูสภาพข้าในตอนนี้สิ ข้าจะช่วยเ้าได้อย่างไร?”
“คนที่ช่วยเ้าคือ..." ลูกไฟหยุดชั่วคราว ดูเหมือนจะหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดด้วยความประหลาดใจ “คือกลุ่มเปลวไฟเล็กๆ นั่น”
“อะไรนะ? เป็ิญญาศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยข้าไว้?” เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉู่อวิ๋นก็เบิกตาโพลงและมองไปที่้าสุดของแท่นบูชาด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ ในขณะเดียวกัน เปลวไฟเล็กๆ นั่นก็ลุกพรึบ และดูเหมือนว่ามันก็มองมาที่เขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นี่น่าอัศจรรย์นัก เปลวไฟนี่สามารถช่วยคนได้จริงหรือ? ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือิญญาศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่าสิ่งสูงสุดแห่งฟ้าดิน เทพเหล่านี้ล้วนเกิดจากธรรมชาติ มีปัญญาสูงส่ง และเย่อหยิ่ง
จะมาช่วยชีวิตมนุษย์ได้อย่างไร?
เมื่อลูกไฟเห็นแววตาสับสนของฉู่อวิ๋นราวกับเขาจะไม่เชื่อ จึงอธิบายต่อไปว่า “ตอนนั้น จู่ๆ เ้าก็ปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ว่างเปล่านี้ ร่างกายเต็มไปด้วยาแ และกำลังจะตาย”
“ต่อมา อาจเพราะความซุกซนของิญญาไฟศักดิ์สิทธิ์นี้กระมัง มันเลยยื่นสายไฟเล็กๆ เข้าไปในร่างกายของเ้า ตอนนั้นข้าคิดว่าเ้าคงจะถูกเผาตาย แต่ไม่นาน าแของเ้าก็เริ่มฟื้นตัว น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!”
“เฮ้อ ข้าคงแก่แล้วจริงๆ ทำไมชายหนุ่มจากโลกภายนอกถึงได้มีร่างกายแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!”
“ฝืนกฎ์ยิ่งนัก! นี่คือิญญาศักดิ์สิทธิ์ ิญญาศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ! เฮ้อ ผู้เฒ่าเช่นข้าบริสุทธิ์เกินไป... ฮือ…”
ในขณะนี้ ลูกไฟเล็กๆ นี้ก็เริ่มพูดกับตัวเอง พูดอย่างไม่ต่อเนื่อง พูดไม่ปะติดปะต่อ และไม่สนใจฉู่อวิ๋นิกต่อไป
ร่างิญญาที่ถูกซ่อนไว้ที่นี่ ผ่าน่เวลาอันยาวนานมาตามลำพัง เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้เข้าก็คงใจนสับสน
“ิญญาไฟศักดิ์สิทธิ์ช่วยข้าไว้หรือ?”
ฉู่อวิ๋นรับรู้เื่ราว จ้องมองไปที่เปลวไฟเล็กๆ เหนือแท่นบูชา และจมอยู่กับความคิด
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็คาดเดาคร่าวๆ เกี่ยวกับเื่นี้ได้
“ดูท่าข้าคงมาที่อีกมิติหนึ่งที่ิญญาไฟศักดิ์สิทธิ์เคยอยู่มาก่อน ิญญาศักดิ์สิทธิ์นี้เพิ่งถือกำเนิดขึ้น มันคล้ายกับเด็กทารกที่ไร้เดียงสา จึงปล่อยพลังไฟออกมาด้วยอยากสำรวจร่างกายข้า”
“แต่วงแหวนห้าิญญาที่ข้าฝึกฝนคงมีผลสัมฤทธิ์ขึ้นมาในตอนนั้น เลยดูดซับพลังไฟทั้งหมดมารักษาร่างกายข้า ด้วยวิธีนี้ ข้าถึงสามารถฟื้นตัวได้ ์ เกือบไปแล้วจริงๆ”
เมื่อคิดเช่นนี้ ฉู่อวิ๋นก็ปาดเหงื่อเย็นๆ บนใบหน้าออก ที่แท้เขาก็ไปเดินเล่นรอบๆ ประตูผีมาแล้ว ถ้าิญญาศักดิ์สิทธิ์นี่ไม่ซุกซนหรือถ้าเขาไม่ได้เข้ามาที่นี่ เขาก็คงไม่อาจดูดซับพลังไฟได้
แต่ฉู่อวิ๋นก็สงสัยขึ้นมาอีกครั้ง เขากำลังจะตาย ทั้งยังไม่สามารถขยับตัวได้ แล้วผู้ใดพาเขามาที่นี่?
ทันใดนั้น เขาก็สะดุ้งและนึกถึงร่างเล็กๆ ขึ้นมาทันใด
ว่าแต่เสี่ยวหวงอยู่ที่ไหน? เสี่ยวหวงเล่า?
ด้วยความตื่นตระหนก ฉู่อวิ๋นจึงถอดเสื้อคลุมออกค้นดู แต่ไม่ว่าเขาจะมองหามันอย่างไร เ้าก้อนนุ่มฟูสีเหลืองน่ารักตัวเล็กๆ นั่นก็ไม่ะโออกมา คล้ายว่าหายไปกับอากาศ
“เสี่ยวหวง!!”
ฉู่อวิ๋นร้อนรน จมูกเองก็แสบร้อน แม้ว่าสัตว์ปีศาจตัวน้อยนี้จะอยู่กับเขาเพียงระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็มีความผูกพันระหว่างเขากับสัตว์ปีศาจตัวนี้ยิ่งนัก พวกเขากลายเป็คู่หูที่ใกล้ชิดและเป็มิตรสหายที่ดีต่อกัน
ตอนนี้เ้าหนูนั่นหายไป จู่ๆ ฉู่อวิ๋นก็รู้สึกราวกับว่าชิ้นส่วนในหัวใจของเขาหายไป รู้สึกทรมานมาก
ฉู่อวิ๋นหาเสี่ยวหวงไม่พบ แต่เมื่อเขาเปิดเสื้อคลุมออกและมองลงไป ก็เห็นเครื่องหมายแปลกๆ ที่สลักไว้บนหน้าอก มันล้อมรอบไปด้วยแสงสีทอง แสนลึกลับ
“นี่…นี่คืออะไร?”
ฉู่อวิ๋นประหลาดใจ เขาเหยียดฝ่ามือออกแตะเครื่องหมายสีเหลืองบนหน้าอกอย่างลืมตัว ทันใดนั้น ความรู้สึกคุ้นเคยก็เกิดขึ้นในหัวใจ รู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก
“เฮ้อ เ้าตัวเล็กนั่นยังไม่โตเต็มที่ แต่กลับใช้พลังแห่งความว่างเปล่ามากเกินไป” ในเวลานี้ ลูกไฟเล็กๆ ก็ลอยมาหาและถอนหายใจ
“เ้าตัวเล็ก? ผู้าุโ ท่านรู้จักเ้าขนฟูตัวน้อยหรือ? เครื่องหมายสีเหลืองบนหน้าอกของข้าคืออะไร?” ฉู่อวิ๋นถามอย่างกังวล เห็นได้ชัดว่าร่างิญญานี้รู้เื่ราวภายในบางอย่าง
ลูกไฟครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “แน่นอน ข้าย่อมรู้จักเ้าตัวซุกซนและขี้อายตัวนั้น มันเป็สัตว์ิญญาเวิ้งว้าง อีกอย่าง เดิมทีมันก็ซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่นี้เช่นเดียวกับข้า”
“แต่ต่อมาข้าลืมไปแล้วว่ามันเกิดขึ้นเมื่อใด เ้าหนูนั่นค่อยๆ เติบโตขึ้น และแหวกพื้นที่หนีออกไป! เพียงแต่ว่าตอนนั้นยังไม่มีความสามารถมากเพียงพอ จึงไม่อาจพาข้าไปด้วย”
“จริงๆ แล้ว มันคือคนที่พาเ้ามาที่นี่ แต่ดูเหมือนว่าจะหมดพลังไปแล้ว ไม่นาน มันก็กลายเป็อักษรสลักประทับบนหน้าอกเ้า”
“อะไรนะ?!” ฉู่อวิ๋นใและรีบถามด้วยความร้อนรน “ถ้าอย่างนั้น...มันจะไม่เป็ไรใช่หรือไม่?! หรือ... หรือว่า...มันตายแล้ว?”
ยามนี้ ฉู่อวิ๋นตื่นตระหนกแล้วจริงๆ ที่แท้เป็เสี่ยวหวงที่ยอมเสี่ยงที่จะหมดพลังเพื่อพาเขามายังพื้นที่ิญญาศักดิ์สิทธิ์นี้
หากเ้าปีศาจน้อยตัวนี้ตายไป เขาคงกินไม่ได้นอนไม่หลับ
“เฮ้อ อย่าเพิ่งกังวลไป! ข้าผู้เฒ่าติดอยู่ที่นี่มานานนมแล้วยังไม่กังวล เ้าจะกังวลด้วยเหตุใด?! ฟังข้าให้จบก่อนได้หรือไม่?”
ลูกไฟดวงน้อยดุด่าไปหลายคำ พุ่งไปตีหน้าผากของฉู่อวิ๋น แล้วพูดว่า “เ้าตัวน้อยนั่นไหนเลยจะตายง่ายๆ เช่นนั้น? มันแค่กลายเป็อักษรเวิ้งว้างชั่วคราว แล้วเข้าไปนอนหลับอยู่ในร่างของเ้า”