อวิ๋นอี้รู้สึกประหลาดใจ นางมิเคยคิดเลยว่าหรงซิวจะหาคิดวิธีทำให้นางมีความสุขได้
ทั้งๆ ที่การแทรกแซงของซูเมี่ยวเออร์ ทำให้นางเศร้าจนอยากจะตายแท้ๆ ทว่าหลังจากที่เขาพูดคำเหล่านี้ นางก็ค่อยๆ สงบลง
นางก้มหน้าลงและอยู่เคียงข้างอย่างเชื่อฟังที่มักเป็ไปได้ยาก จากนั้นก็กอดเขาตามเขาไปในห้องหนังสือ
หลังเที่ยง พระอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนไปทางประจิม ไผ่ในสวนเติบโตและเขียวขจี แสงส่องผ่านกิ่งก้านและใบไม้ที่ลดหลั่นกันลงมา ทำให้เกิดเงา
อวิ๋นอี้ถูกกดตัวลงมาที่ขาของหรงซิว นางััได้ถึงความแข็งแรงของต้นขาเบื้องล่าง ราวกับว่ามัน้าจะแผดเผาผิวของนาง จึงถูไปมาอย่างไม่สบายตัว
“อย่าขยับเยอะสิ” เขายิ้มพลางเลิกคิ้ว โน้มตัวเข้าไปใกล้อีก คิ้วที่ดูดีของเขาโดดเด่นยิ่งขึ้น “เว้นแต่ว่าเ้า้าจะทำกระไรกับข้า”
“ฝ่าาหยุดคิดถึงเื่นี้ตลอดเวลาได้หรือไม่เพคะ?” บรรยากาศคลุมเครือพังทลายลงทันทีเพราะความทะลึ่งของเขา อวิ๋นอี้จ้องเขาด้วยแววตากลมโตอย่างขุ่นเคือง
หรงซิวไม่สบายใจ แกล้งมุ่ยปากเกินจริง "ได้ เ้ามิชอบ ข้าจะไม่พูดแล้ว พอใจแล้วใช่หรือไม่"
"พูดดีๆ เพคะ!" อวิ๋นอี้โกรธ เขาแสดงจนติดนิสัยจริงๆ!
หรงซิวมองใบหน้าเล็กๆ ของนาง ทันใดนั้นก็โค้งริมฝีปากขึ้น เขาเข้าไปลูบหน้านาง น้ำเสียงอ่อนโยน “จริงจังเช่นนี้เลยหรือ? ข้าอยากให้เ้าสบายใจ อย่าดุนักเลย”
คำพูดช่างไพเราะเหลือทน กลับกลายว่านางเป็ฝ่ายผิด
อวิ๋นอี้อยากจะพูดด้วยเหตุผลกับเขา ทว่าเมื่อสบตาที่แสนอ่อนโยนนั้นพลันต้องยอมแพ้
ช่างมันเถิด
เื่นี้ไม่สำคัญ
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ คิดถึงเื่จริงจังจึงได้ดึงแขนเสื้อของเขา “ฝ่าาบอกว่าแม่นางหมีอินเขียนจดหมายถึงข้าหรือ?”
“ใช่” หรงซิวพูดแล้วดึงซองสีน้ำตาลออกมาพลันยัดใส่มือนาง
มิมีการลงชื่อบนซอง ทว่าลายมือเป็หมีอินจริงๆ
“ขออภัยเพคะพระชายา คุณหนูซูมาหาข้ากะทันหันเมื่อวานนี้ และบังคับให้ข้าพูดเกี่ยวกับการแสดงของท่าน เพื่อปกป้องตนเอง หมีอินไร้หนทางเช่นกัน ข้าคิดอยู่แล้วว่าต้องนำมาซึ่งปัญหาให้พระชายาเป็แน่ เกรงว่าท่านจะต้องกังวลมากเป็แน่ หมีอินต้องขออภัยอีกคราเพคะ พระชายายังจำที่เราสองคนเคยพูดกันว่า ท่านเองชอบเต้นรำมากกว่าได้หรือไม่เพคะ? ท่าเต้นที่ท่านเต้นในครานั้น แม้จะเล็กน้อย ทว่าสวยงามมากเลยเพคะ ในความคิดของหมีอิน ความงดงามส่งผ่านอดีตถึงปัจจุบันเพคะ ศิลปะก็เช่นกัน และการเต้นก็เช่นเดียวกันเพคะ หมีอินมั่นใจว่าวิสัยทัศน์ของข้าไม่ผิดพลาด หากท่านมิรู้จริงๆ ว่าจะแสดงกระไร เหตุใดมิลองเต้นรำดูเล่าเพคะ? นี่เป็เพียงข้อเสนอเล็กๆ น้อยๆ จากข้า หวังว่าจะสามารถช่วยพระชายาได้นะเพคะ หมีอินมิสะดวกใน่เพลานี้ ภายภาคหน้าข้าจะไปขออภัยด้วยตนเองเป็แน่”
อวิ๋นอี้อ่านเนื้อหาคร่าวๆ แล้วยัดจดหมายกลับใส่ซอง โยนมันทิ้งไปบนโต๊ะ
นางเข้าใจวิธีการของซูเมี่ยวเออร์ จึงมิได้พะวงใจในเื่ที่หมีอินบอกเื่ของนาง
ผู้ที่รู้เหตุการณ์คือปราชญ์ หากเป็นางเอง เกรงว่าคงจะปิดปากราวกับขวดมิได้เช่นกัน
ข้อเสนอแนะนั้นทำให้นางฉุกคิดขึ้นได้ ทว่านางก็รู้สึกหลงทางเช่นกัน
การเต้นเป็ความคิดที่ดี และนางมั่นใจว่านางทำได้ดีที่สุด ทว่าสิ่งที่นางอยากเต้นล้วนเป็การเต้นละติน
ใน่เวลาและสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้ เต้นระบำแปลกๆ ออกไปจะเป็อย่างไรหากนางถูกมองเป็ผู้บ้าแล้วโดนทุบจนตายเล่า?
น่ากลัว น่ากลัวเกินไป
อวิ๋นอี้คิดถึงเื่นี้ พลันอดมิได้ที่จะตัวสั่น ทำให้หรงซิวใ
เขาใช้มือใหญ่ตบก้นนาง อวิ๋นอี้ที่กำลังจะยืนขึ้นกลับถูกเขาดันให้นั่งลงอีกครา ทั้งสองคนยิงฟันและต่อสู้กันอย่างไร้เสียงสักพัก อวิ๋นอี้จึงยอมประนีประนอม "ฝ่าาจะทำกระไรเพคะ?”
“เมื่อครู่เ้าคิดสิ่งใดอยู่เล่า?” เขาถาม
“คิดว่าจะเต้น หมีอินแนะนำให้ข้าเต้นรำ” อวิ๋นอี้มองหรงซิว มุมปากกดลง ความกระตือรือร้นไม่สูงนัก
“เต้นกระไร?” หรงซิวถามอีกคราเพราะััได้ถึงความไม่สบายใจของนาง
"......" อวิ๋นอี้ลังเลว่า "เป็การเต้นอย่างหนึ่งเพคะ ฝ่าาน่าจะมิเคยเห็นมาก่อน"
"เช่นนั้นก็เป็เื่สดใหม่มิใช่หรือ?" หรงซิวยิ้มพลันพูดกับนางว่า "อวิ๋นเออร์ ลองเต้นให้ข้าดูหน่อยสิ"
ดูดูดู ดูกระไรเล่า
อวิ๋นอี้กลอกตาอย่างขุ่นเคือง มิรู้ว่าเื่เป็อย่างไรพลันเข้ามายุ่งเสียแล้ว
“เป็กระไรไป?” หรงซิวมิได้รับคำตอบ “ไปเต้นสิ”
“ฝ่าา” อวิ๋นอี้เอาความลำบากใจส่งให้หรงซิว “การเต้นที่ข้าจะเต้นนี้ ฝ่าาอาจจะมิเคยเห็นมาก่อน แต่มันเป็การเต้นจริงๆ ฝ่าาจะยอมรับได้ใช่หรือไม่เพคะ?"
“หากเป็เ้า ข้ายอมรับได้ทั้งสิ้น” เขาพูดแล้วบีบเอวนาง "ไปเต้นเถิด ข้าจะเต้นด้วย"
กำลังใจจากหรงซิว ทำให้อวิ๋นอี้รู้สึกดีขึ้น
นางสูดหายใจเข้าลึกๆ คิดทบทวนอีกครา แล้วพูดอย่างลังเลว่า “รอคืนนี้เถิดเพคะ เพลานี้เสื้อผ้าของข้าไม่สะดวกนัก”
“จะถอดเสื้อเต้นหรือ?” หรงซิวใ รีบส่ายหน้าทันที “มิได้ มิได้ ถอดให้ข้าดูได้ หากให้ผู้อื่นดูมิได้เด็ดขาด”
เริ่มพูดพล่ามอีกแล้ว
อวิ๋นอี้เอามือปิดปากเขา จ้องเขาอย่างดุดัน “หากพูดไร้สาระอีก ข้าตัดลิ้นฝ่าาแน่!”
หรงซิวหัวเราะ เขาดึงมือนางลงมาจูบที่ริมฝีปาก “เ้าวางใจเต้นเถิด มิเคยเห็นแล้วกระไร ต้องมีสิ่งใหม่ๆ เกิดอยู่เสมอนั่นแล ต้องยอมรับสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ คนเราไม่สามารถจะอยู่กับอดีตได้ตลอดหรอกนะ อย่างไรเสียข้าจะสนับสนุนเ้า ผู้ใดกล้าพูดไร้สาระลับหลังเ้า เ้าจงบอกข้า ข้าจะโกรธแทนเ้าเอง เ้าทำในสิ่งที่เ้าอยากทำเถิด ทำได้ไม่ดีก็ไม่เป็ไร เข้าใจหรือไม่?"
บุรุษหนุ่มพูดใส่ใจขึ้นมา ผู้ใดจะทนไหว
อวิ๋นอี้ราวกับถูกอาคม จำมิได้ชัดว่าจูบกับหรงซิวอย่างไร
ทว่าเพียงเวลาสั้นๆ กลับควบคุมไว้มิอยู่แล้ว
มิรู้ว่านางกอดคอเขาก่อนหรือเขาปลดเสื้อนางออกก่อน
อุณหภูมิในห้องหนังสือสูงขึ้น เสียงหายใจหนักดังขึ้นสลับกัน ปากของพวกเขานัวเนียกัน เหงื่อที่หอมหวานผสมผสานไปหมด
จนกระทั่งหรงซิววางอวิ๋นอี้ลงบนโต๊ะหนังสือ ปัดม้วนหนังสือลงพื้นเบาๆ มือร้อนๆ ของเขาบีบเอวนาง และตอนที่เขากำลังจะถอดชุดของนางอวิ๋นอี้พลันได้สติขึ้นมา ะโให้หยุดเสียงดัง!
เกิดความชะงักงันชั่วขณะ
หรงซิวเหงื่อออกเต็มหน้าผาก พร้อมบุกเต็มพลัง เขารู้สึกเ็ปมากแต่ทนแล้วพูดว่า “อวิ๋นเออร์ เป็กระไรไป?”
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนา มือสั่นอยู่แต่ไม่หยุดพัก จุดไฟลุกบนร่างของนางไปทั่ว ทำให้อวิ๋นอี้กัดฟันและสูดลมหายใจ
หรงซิวเห็นว่านางไม่พูดกระไร จึงจูบนางอีกครา อยากจะทำต่อ ทว่าถูกอวิ๋นอี้ผลักออกไปอีกครา
เขาเลิกคิ้วอย่างสับสน จับใบหน้าของนางด้วยมือใหญ่ของเขา "เกิดกระไรขึ้น?"
ใบหน้าของนางร้อนจัด แก้มของนางแดงก่ำ แววตาของนางดูเปียกโชกไปด้วยน้ำ
“หือ?” เขาถาม
"สิ่ง...สิ่งนั้นของข้ามา" อวิ๋นอี้ก้มหน้า ไม่กล้ามองดูสีหน้าของหรงซิว "ข้า...ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้"
นางพูดจบพลันรีบจัดแจงเสื้อผ้า รวดเร็วมากจนทำเอาพูดไม่ออก ร่างกายนางอ่อนลง หลุดพ้นจากอ้อมกอดของหรงซิว เดินออกไปด้วยปลายเท้า
"เดี๋ยว" หรงซิวเอามือปิดหน้า สูดหายใจลึกๆ เรียกหยุดนาง "มาจริงหรือ?"
"อืม..."
"ได้" หรงซิวกัดฟัน "อวิ๋นอี้ เ้าเป็สิ่งที่์จัดสรรมาทรมานข้าเสียจริง!"
"ข้า..."
"ไปเถิด" หรงซิวเดินมาจากข้างหลังแล้วคว้าเอวอันเรียวเล็กของนางไว้ "พาเ้าไปทานข้าว อย่างไรเสียเ้าก็หนีไม่พ้น รอให้มันไปก่อน ข้าจะขอคิดทั้งต้นทั้งดอกกับเ้า!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้