สิ่งที่เ้าจิ้งจอกน้อยตัวนั้นวางลงที่พื้นจะต้องเป็อึ่งเจ็งโดยไม่ต้องสงสัย อีกทั้งยังมีอายุกว่าร้อยปีเ้าตัวน้อยนี้ฉลาดแสนรู้เสียเหลือเกิน ไม่รู้ว่ามันไปบังเอิญเก็บได้มาจากที่ไหนถึงได้เอามาให้เธอแบบนี้
หลินลั่วหรานเคยได้ยินเื่ ‘การตอบแทนคุณของจิ้งจอก’ มาก่อน แต่ว่าเธอค่อนข้างมั่นใจว่าเธอยังไม่ได้ช่วยเหลืออะไรเ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้เลย ดังนั้นการที่มันเอาอึ่งเจ็งร้อยปีนี้มาให้เธอจะต้องไม่ใช่เพื่อการตอบแทนพระคุณ แต่อาจจะเป็การขอความช่วยเหลือจากเธอแทนถ้าหากว่าเป็เวลาปกติทั่วไปหลินลั่วหรานก็อาจจะอดทนพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เ้าจิ้งจอกตัวนี้้าจะบอกแต่ว่าในตอนนี้อย่าเพิ่งพูดไปถึงเป่าเจียที่หายตัวไปั้แ่แรกแม้กระทั่งพวกเหวินกวนจิ่งที่ตกลงมาพร้อมกัน เธอตามหาพวกเขามาสองวันแล้วแต่ก็ยังไม่พบเบาะแสใดๆ ดังนั้นแล้วเธอจะมีอารมณ์ที่ไหนไปใส่ใจเ้าจิ้งจอกตัวน้อยนี่
หลินลั่วหรานไม่ได้รับอึ่งเจ็งจากมันมาเ้าจิ้งจอกสีเขียวนั้นทั้งร้อนใจและโมโหดวงตากลมโตของมันปรากฏน้ำตาประกายวิบวับขึ้น แม้แต่อึ่งเจ็งมันก็ไม่้าแล้วมันหมุนตัวย้อนกลับไป ก่อนที่จะหายไปในอุโมงค์ทับซ้อนอย่างรวดเร็ว
หลินลั่วหรานถอนหายใจออกมา ถ้าหากว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็ไปตามปกติเธอก็อยากจะช่วยเ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้มากช่างน่าเสียดาย...เธอมองไปยังแผ่นหลังที่ค่อยๆ ไกลห่างออกไปของเ้าตัวน้อยในใจของหลินลั่วหรานไม่อาจจะอดทนต่อไปได้ เธอจึงเดินต่อไปด้านหน้าโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองอึ่งเจ็งเลย
เธอไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้ว อุโมงค์แห่งนี้จะไปโผล่ขึ้นที่ไหนมันคืออุโมงค์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือว่าใช้กำลังคนในการขุดขึ้นมา? ดูจากท่าทางแล้วดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับภาพประติมากรรมฝาผนังที่พวกเธอกำลังตามหาอยู่เลยแม้แต่น้อยอีกทั้งตอนนี้เธอก็ไม่รู้ว่าเป่าเจียอยู่ที่ไหน
เธอเดินทางมากว่าครึ่งวันก่อนที่จะได้ยินว่ามีเสียงบางอย่างดังขึ้นจากด้านหลัง เมื่อเธอหมุนตัวกลับไปมองก็พบว่ามันคือจิ้งจอกน้อยสีเขียวตัวนั้น เรือนขนเป็ประกายของมันเลอะเทอะไปด้วยรอยดินโคลนอุ้งมือและกรงเล็บของมันเองก็เต็มไปด้วยดินโคลนสีดำมันยกเอาอึ่งเจ็งที่ใหญ่ขึ้นและมีอายุที่สูงขึ้นมาให้พร้อมกับใช้สายตาเว้าวอนมองมาที่หลินลั่วหราน
ที่แท้มันก็ยังไม่ยอมแพ้อย่างนั้นเหรอ?
ดูจากท่าทางแล้ว มันน่าจะไปหาอึ่งเจ็งนี้มาด้วยตัวเองเ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้คงจะมีความสามารถอยู่พอสมควรเลยทีเดียวหลินลั่วหรานโบกมือไปมาให้กับมัน ก่อนที่จะทำใจแข็งพร้อมกับพูดขึ้นว่า “กลับไปเถอะ!”
เ้าจิ้งจอกสีเขียวคุกเข่าอ้อนวอนเธออีกครั้งเมื่อเห็นว่าสุดท้ายแล้วหลินลั่วหรานก็ยังคงใจแข็งอยู่มันจึงทิ้งอึ่งเจ็งเอาไว้เหมือนครั้งก่อนหน้า ก่อนที่จะวิ่งออกไป
หลินลั่วหรานมองพิจารณาไปยังอึ่งเจ็งที่ดูเหมือนว่า มันจะมีอายุกว่าสามร้อยปีไม่รู้ว่ามันไปหามาจากที่ไหน แต่ว่าเธอยังมีเื่ของตัวเองอยู่อีกกองใหญ่ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะแบ่งใจไปช่วยมันได้ในใจของหลินลั่วหรานพยายามพูดหาเหตุผลมาใช้ในการปลอบใจตัวเองก่อนที่จะบังคับให้ตัวเองใจแข็งเข้าไว้
เธอเดินออกมาอีกสักพักหนึ่งโดยที่หลินลั่วหรานไม่ทันรู้ตัวเลยว่าฝีเท้าของตัวเองนั้นช้าลงั้แ่เมื่อไรสุดท้ายแล้วมันก็ไม่ต่างจากที่เธอคาดไว้เ้าจิ้งจอกสีเขียวตัวนั้นตามเธอมาเป็ครั้งที่สาม
หลินลั่วหรานหยุดฝีเท้าลง และมองไปที่มัน ในอุ้งมือของมันยังคงถือเอาอึ่งเจ็งเอาไว้เช่นเดิมแต่ว่าหัวนี้ดูเหมือนว่าจะมีขนาดเล็กกว่าสองหัวก่อนเล็กน้อยแต่ว่าแม้จะอยู่ในระยะห่างไกลขนาดนี้หลินลั่วหรานก็ยังคงััได้ถึงพลังที่เต็มเปี่ยมอยู่ภายในนั้นได้ดังนั้นเธอจึงสามารถประมาณการได้ว่า อึ่งเจ็งหัวนี้น่าจะมีอายุกว่าเจ็ดถึงแปดร้อยปีเลยทีเดียว
“ก็บอกไปแล้วไง ว่าฉันช่วยอะไรไม่ได้ ทำไมถึงยังจะทำแบบนี้อยู่อีก...” หลินลั่วหรานถอนหายใจออกมา ในใจของเธอไม่อาจจะอดทนต่อไปได้อีกแล้วเ้าจิ้งจอกน้อยยื่นอึ่งเจ็งมาที่ด้านหน้าของเธอ เพื่อให้เธอยอมรับมันไปหลินลั่วหรานบังคับให้ตัวเองหมุนตัวกลับมาอีกครั้ง พอขยับเท้าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเธอก็ไม่สามารถที่จะทำใจแข็งต่อไปได้ เมื่อหันกลับมาก็พบว่าครั้งนี้เ้าจิ้งจอกตัวน้อยไม่ได้เดินหนีออกไปไหนแต่ว่ามันกับยื่นยกอึ่งเจ็งอยู่ที่เดิม บริเวณพื้นเต็มไปด้วยรอยหยดน้ำหยาดน้ำไหลรินลงมาจากบริเวณส่วนหัวที่ก้มลงไปของมัน
น้ำตา?
เมื่อหลินลั่วหรานเห็นดังนั้นเธอก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าขาข้างหนึ่งของมันดูผิดปกติไปเรือนขนของมันก็เต็มไปด้วยร่องรอยดินโคลนที่มากกว่าเดิมกลิ่นของสมุนไพรไม่อาจจะปกปิดกลิ่นเือ่อนๆ ได้ มันได้รับาเ็เหรอ? หลินลั่วหรานหมุนตัวกลับไปโดยไม่รู้สาเหตุเ้าจิ้งจอกตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมองไปยังตัวเธอ ดวงตาของมันชื้นไปด้วยหยาดน้ำที่แท้มันก็กำลังร้องไห้อยู่นี่เอง!
“นี่ อันนี้เธอเป็คนหามาเหรอ?” อยู่ๆน้ำเสียงของหลินลั่วหรานก็ถูกส่งขึ้นมา ทำเอาเ้าจิ้งจอกตัวน้อยที่กำลังร้องไห้ใสะดุ้งขึ้นมันกลัวว่าหลินลั่วหรานจะไม่เชื่อว่ามันหาอึ่งเจ็งนี้มาเองมันจึงวางอึ่งเจ็งลงใต้จมูก ก่อนจะทำท่าดมดอมขึ้นพร้อมทั้งทำท่าทางใช้กรงเล็บขุดลงไปในดินด้วย
หลินลั่วหรานได้แต่สงสัย หรือว่าเ้าจิ้งจอกตัวน้อยนี้จะเป็ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการหาสมุนไพร?
“เอาอึ่งเจ็งมาให้ทั้งสามครั้งนี่เป็เพราะว่ามีเื่อยากจะให้ฉันช่วยใช่ไหม?” หลินลั่วหรานลดตัวนั่งยองๆลง ในขณะเดียวกันเธอก็ใช้ ‘เวททำความสะอาด’ ในการขจัดร่องรอยเลอะเทอะบนเรือนร่างของเ้าจิ้งจอกน้อยให้หายไป
เ้าจิ้งจอกน้อยสีเขียวพยักหน้าลง มันคิดว่าหลินลั่วหรานคงจะเปลี่ยนใจแล้วจึงดันเอาอึ่งเจ็งขยับมายังบริเวณเบื้องหน้าของเธอ
เมื่อเห็นว่าผ่านไปนาน หลินลั่วหรานก็ยังคงไม่รับอึ่งเจ็งของมันไปในใจของมันจึงเต็มไปด้วยความร้อนรน ขาข้างขวาของมันได้รับาเ็ และนี่ก็เป็สมุนไพรที่ดีที่สุดเท่าที่มันจะหาได้แล้วถ้าหากว่ามันยังคงไม่สามารถทำให้หลินลั่วหรานยื่นมือมาช่วยมันได้มันเองก็คงไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปแล้ว
ใจของหลินลั่วหรานอ่อนยวบยาบลง เธออุ้มมันขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทีที่หวาดระแวงของมัน เธอก็พูดปลอบประโลมออกมาว่า “ฉันรับอึ่งเจ็งของเธอเอาไว้แล้ว มีอะไรให้ฉันช่วยเหรอ?” อึ่งเจ็งที่วางอยู่บนพื้น ถูกหลินลั่วหรานเก็บเข้าไปยังพื้นที่ลึกลับมือขวาของเธอเปล่งแสงสีเขียวออกมาก่อนที่มันจะเข้าปกคลุมไปทั่วขาข้างขวาที่ได้รับาเ็ของมัน
เ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ได้รับการาเ็เพียงภายนอกเท่านั้นดังนั้นมันจึงไม่จำเป็ที่เธอจะต้องใช้ ‘เวทรักษา’ ช่วยเพียงแค่ใช้พลังธาตุไม้ธรรมดาก็สามารถช่วยหยุดเืและฟื้นฟูรักษามันขึ้นมาได้แล้ว
“ว่ามาเถอะ อยากจะให้ฉันทำอะไร?”
เ้าจิ้งจอกตัวน้อยนั้นขยับตัวซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเธอก่อนจะใช้อุ้งมือของมันในการชี้ทางเพื่อบอกให้หลินลั่วหรานเดินไปที่อุโมงค์ด้านข้างหลินลั่วหรานกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ก่อนที่จะเดินไปที่อุโมงค์นั้นจริงๆพร้อมกับเพิ่มความเร็วขึ้นด้วย
ตลอดทางที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเ้าจิ้งจอกตัวน้อยจะเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแต่มันก็ยังคงพยายามบังคับไม่ให้ตัวเองหลับใหลลงไปหลินลั่วหรานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมมันถึงได้ออกมาขอความช่วยเหลือจากพวกมนุษย์อย่างเธอแต่ว่าเมื่อเห็นมันนำอึ่งเจ็งที่อายุมากขึ้นเรื่อยๆ มาให้อีกทั้งยังสามารถแสดงท่าทางความรู้สึกออกมาได้มากมายอีกทั้งยังสามารถฟังคำพูดของเธอได้เข้าใจอีก เห็นได้ชัดว่ามันมีสติปัญญาที่สูงมากไม่รู้ว่ามันเป็จิ้งจอกประเภทไหนกันแน่
ที่ขาได้รับาเ็แบบนี้น่าจะเป็เพราะไปหาอึ่งเจ็งรอบที่สามมาสินะ...หากรู้ว่าจะเป็แบบนี้ั้แ่ทีแรกก็น่าจะตอบรับมันไปั้แ่ต้น หลินลั่วหรานรู้ดีว่าการใจอ่อนนั้นเป็ข้อเสียอย่างหนึ่ง แต่ว่าด้วยนิสัยที่ถูกปลูกฝังมาตลอดหลายปีทำให้เมื่อพบกับคนที่อ่อนแอแบบนี้ เธอก็ไม่สามารถที่จะทำเป็มองไม่เห็นได้
คนและจิ้งจอกเดินทางต่อไปโดยไม่ได้หยุดพักหลินลั่วหรานเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เธอเลี้ยวข้ามผ่านมาไม่รู้กี่โค้งในที่สุดหูของจิ้งจอกน้อยในอ้อมแขนของเธอก็ตั้งตรงขึ้นก่อนที่มันจะะโลงจากอ้อมแขนของเธอไปยังบนพื้น
เมื่อเห็นท่าทางของจิ้งจอกตัวน้อยแล้ว หลินลั่วหรานก็เผลอกลั้นหายใจขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุพร้อมกับขยับไปด้านหน้าด้วยความเงียบเชียบทั้งสองฝั่งของอุโมงค์แห่งนี้เต็มไปด้วยรูกลมเล็กๆ มากมายเมื่อเห็นว่าเ้าจิ้งจอกตัวน้อยกำลังเพ่งความสนใจไปที่มันเธอก็ระมัดระวังตัวขึ้นมา เมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นว่าบริเวณด้านหน้านั้นคือถ้ำที่เปิดออกกว้างจิ้งจอกตัวหนึ่งที่มีขนาดใหญ่กว่าจิ้งจอกตัวน้อยที่อยู่ข้างตัวของเธอและมีขนสีขาวไปทั่วทั้งตัว ถูกแขวนอยู่ที่้าของตัวถ้ำ การเคลื่อนไหวเล็กๆของกรงเล็บทำให้เห็นว่า มันยังมีชีวิตอยู่
หรือว่าเ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้จะเรียกให้เธอมาช่วยจิ้งจอกขาวตัวนี้อย่างนั้นเหรอ?
หลินลั่วหรานก้มหน้าลงก่อนจะเห็นว่าเ้าจิ้งจอกตัวน้อยกำลังชี้ไปยังจิ้งจอกขาว พร้อมกับท่าทางร้อนรน
ด้วยความสูงขนาดนี้ไม่น่าจะช่วยได้ยากไม่ใช่เหรอ...มันน่าจะต้องมีสาเหตุอื่นอีกสิ? ปลายนิ้วของหลินลั่วหรานปรากฏแสงสีทองขึ้นมาก่อนที่จะตวัดลงจนเถาวัลย์ที่พันรัดจิ้งจอกขาวเอาไว้จะขาดลงเธอรับจิ้งจอกขาวเอาไว้อย่างแ่เบา
เ้าจิ้งจอกน้อยดีใจมากมันรีบวิ่งพุ่งเข้ามาพร้อมกับลูบลงบนตัวของจิ้งจอกขาวเบาๆ ราวกับท่าทางของคน
แต่ในทันใดนั้นเอง ก็มีแหขนาดใหญ่ถูกปล่อยลงมาจาก้าของตัวถ้ำก่อนจะครอบคลุมลงที่ตัวของคนหนึ่งคนและจิ้งจอกอีกสองตัว
สิ่งมีชีวิตหางยาวค่อยๆ ออกมาจากรูกลม มันปรากฏตัวหนาแน่นขึ้นและมันก็คือหนูใต้ดินที่หลินลั่วหรานเคยได้พบมาก่อนนั่นเองสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้ดินแห่งนี้ต่างก็ดูน่าประหลาดไม่เพียงแต่จิ้งจอกเท่านั้นที่มีสติปัญญาสูงแต่แม้กระทั่งพวกหนูเหล่านี้ต่างก็รู้จักวางแผนหลินลั่วหรานอุ้มจิ้งจอกทั้งสองเอาไว้ในอ้อมแขนเธอมองไปยังพวกหนูที่ต่างเต็มไปด้วยความสุข โดยที่ไม่รู้ว่าพวกมัน้าจะทำอะไร
หนูั์ตัวหนึ่งมีขนาดเกือบเท่ากับเสือดาวปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางการปกป้องของเหล่าหนูตัวอื่น เส้นหนวดบนใบหน้าของมันต่างก็กลายเป็สีขาวไม่รู้ว่ามันมีอายุเท่าไรแล้วสายตาที่มันใช้จ้องมองมายังจิ้งจอกทั้งสองในอ้อมแขนของเธอ เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
เมื่อเห็นดังนั้นหลินลั่วหรานก็พอจะคาดเดาทุกอย่างขึ้นมาได้เมื่อเห็นว่าเ้าจิ้งจอกทั้งสองมีความแค้นกับหนูใต้ดินพวกนี้พวกมันจึงจับตัวที่ใหญ่กว่ามา เพื่อที่จะล่อให้เ้าตัวเล็กเข้ามาติดกับเ้าหนูพวกนี้ฉลาดได้ถึงขนาดนี้...แล้วข้อดีของพวกมนุษย์จะไปอยู่ที่ตรงไหนกันล่ะ?
อย่างเช่นแหผืนนี้ พวกนั้นไม่ได้ถักเอาไว้ดีนักหลินลั่วหรานมองไปยังเ้าจิ้งจอกตัวน้อยที่กำลังสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมอกของเธอก่อนที่จะลูบลงบนหัวของมันเบาๆ
“ไม่ต้องกลัว พวกมันไม่ใช่คู่มือของฉันหรอก”
สิ่งที่ตอบกลับเธอมา ก็คือใบหน้าฟันยื่นอันแสนน่าเกลียดของเหล่าฝูงหนูใต้ดินทั้งหลายพวกนั้น
