ในที่สุดจื่อเจี้ยนหลานก็หาโอกาสหลบหนีลงจากูเาได้ ทว่าระหว่างหลบหนีเธอกลับถูกมีดบินของคนที่ไล่ตามมา ทำให้ได้รับพิษใจสลายที่เคลือบบนนั้น
คราแรกหญิงสาวยังเฝ้ารออย่างมีความหวังว่าเฉินฮุยจะมาช่วย ในฐานะผู้ฝึกวรยุทธ์อันดับหนึ่งของคนรุ่นเยาว์ตำหนักไท่จี๋ เขาต้องสามารถยืมกระจกครอบสุริยะของสำนักมาช่วยถอนพิษให้เธอได้แน่
แต่ตอนนี้ความหวังของเธอดับวูบไปแล้ว
“ถ้าตอนนี้ฉันไม่กลับไป ยังไงอีกสองวัน ฉันก็ต้องตายเพราะพิษอยู่ดี...”
น้ำเสียงของจื่อเจี้ยนหลานเต็มไปด้วยความเศร้า
“งั้นเราจะไปเอายาถอนพิษกัน เธอบอกฉันเื่ค่ายกลทั้งหมดของสำนักอิ่นเซียนก็พอ”
เย่เฟิงคิดว่าเขาจำเป็ต้องร่วมมือกับเธอ ในเมื่อต่างคนต่างได้ประโยชน์ เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายย่อมยินดีแน่นอน
น่าเสียดายที่เขามองจื่อเจี้ยนหลานผิดไป
จื่อเจี้ยนหลานซาบซึ้งใจมาก “มันอันตรายเกินไป ฉันไม่อยากดึงนายเข้ามาพัวพันด้วย... เดี๋ยวฉันจะกลับไปก่อน เพราะถึงยังไงฉีหลินจือคงไม่ทำร้ายฉัน อย่างมาก… อย่างมากฉันก็คงจะถูกเขา... แต่ด้วยวิธีนี้ฉันจะแอบนำยาถอนพิษมาให้นายได้ นายไม่จำเป็ต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงหรอก”
“…” เย่เฟิงสับสนเล็กน้อย
จื่อเจี้ยนหลานช่างไร้เดียงสาเสียจริง เกรงว่าเธอคงไม่เคยเผชิญหน้ากับความโหดร้ายของโลกใบนี้เลยด้วยซ้ำ ทั้งสองคนเพิ่งเคยพบกัน แม้ถูกเย่เฟิงข่มขู่ เธอคนนี้ก็ยังยอมเสียสละตัวเองเพื่อประโยชน์ของเขาอย่างเต็มใจ
นี่จะเรียกว่าไร้เดียงสาหรือโง่ดีล่ะ?
ในฐานะคนมีคุณธรรมคนหนึ่ง แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่มีทางหลอกใช้เธอ เดิมทีเขามาที่นี่เพื่อจัดการสำนักอิ่นเซียนอยู่แล้ว เป็ไปไม่ได้ที่เขาจะยอมถอยกลางคัน
“เธอวางใจเถอะ” เย่เฟิงกล่าวเสียงหนักแน่น “บอกฉันเื่ค่ายกลพวกนั้นมาก็พอ แค่เจอฉีหลินจือ ฉันเอายาถอนพิษจากเขามาได้แน่ ไม่เพียงเท่านั้น คืนนี้ทั้งสำนักอิ่นเซียน อย่าหวังว่าจะได้อยู่อย่างสงบสุขเลย!”
“นาย...”
เมื่อจื่อเจี้ยนหลานได้ฟังก็ยิ่งซาบซึ้ง เมื่อเห็นความมั่นใจและแน่วแน่ของเย่เฟิงก็คิดว่าคนรักของเขาคงมีความสุขมากแน่
เมื่อเย่เฟิงเห็นท่าทีปลาบปลื้มของคนตรงหน้า ก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ ไม่แปลกที่สาวน้อยคนนี้จะหลงใหลไปกับคำหลอกลวงของเฉินฮุยจากตำหนักไท่จี๋ ก็เธอเชื่อคนง่ายเสียขนาดนี โชคดีที่เย่เฟิงััได้ว่าร่างกายของหญิงสาวยังคงบริสุทธิ์ ไม่ถูกเ้าเฉินฮุยนั่นล่วงเกิน ไม่เช่นนั้นคงน่าเสียดายเกินไป...
ไม่ใช่สิ นี่เขากำลังคิดอะไร?
เย่เฟิงส่ายหัว เขาใช้จิตหยั่งรู้สำรวจพื้นที่ในระยะหนึ่งร้อยห้าสิบเมตรรอบตัวเขา ทำให้ทราบว่ามีสะพานโซ่อยู่ข้างหน้าไกลออกไป มันเชื่อมกับผาหินสูงชันที่ตั้งตระหง่านดูอันตราย!
ตามที่หลงหว่านเอ๋อร์เล่า สะพานนั่นคือประตูทางเข้าสำนักอิ่นเซียน ตัวสะพานทั้งหมดเป็เพียงโซ่ยาวหลายสิบเมตร ซึ่งถูกเมฆหมอกปกคลุมจนแทบมองไม่เห็น กระทั่งนักกายกรรมผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินไต่เชือก เมื่อเจอโซ่เส้นนี้ก็ต้องหยุดชะงักไม่อาจข้ามผ่านไปได้
เมื่อผ่านสะพานนี้ไปได้จึงจะเข้าสู่เขตสำนักอิ่นเซียน และเริ่มเผชิญหน้ากับอันตรายรอบด้าน ค่ายกลมีอยู่ทั่วทุกที่ในสำนัก!
“ไปกันเถอะ”
เมื่อครู่เย่เฟิงเพิ่งใช้สุดยอดเปลวสุริยะเผาศพทำลายหลักฐาน จึงเสียพลังชี่ไปไม่น้อย แต่เมื่อครู่เขาถือน้ำแข็งพันปีไว้ในมือมาตลอดทาง ในระยะเวลาอันสั้นนี้ เขาก็สามารถฟื้นพลังชี่กลับมาได้อย่างเต็มที่
ด้วยทักษะย่างก้าวไร้เงา เย่เฟิงล้วนไม่มีความกลัวเลยสักนิด เขาอุ้มจื่อเจี้ยนหลานก่อนวิ่งข้ามสะพานโซ่อย่างรวดเร็ว!
ยิ่งเวลาผ่านไป พิษใจสลายในร่างจื่อเจี้ยนหลานก็ยิ่งปะทุ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเย่เฟิง เธอคงไม่อาจข้ามสะพานโซ่เส้นนี้ไปได้อย่างปลอดภัย ชายหนุ่มลองใช้เคล็ดแสงศักดิ์สิทธิ์รักษาอาการของอีกฝ่ายแล้วแต่ก็ไม่อาจทำได้ คงมีเพียงยาถอนพิษจากฉีหลินจือเท่านั้นที่จะสามารถทำได้ หรืออีกทางก็คือเขาต้องไปตำหนักไท่จี๋ เพียงแต่ตำหนักไท่จี๋ไม่น่ารำคาญเฉกเช่นสำนักอิ่นเซียน ต่อให้เย่เวิ่นเทียนเป็คนออกหน้าก็ยังยากที่จะพูด...
“ยังทนไหวไหม?”
เย่เฟิงรู้สึกถึงอาการสั่นเทาของร่างบางในโอบกอด ในใจรู้สึกกังวลจึงเอ่ยถาม
“ฉะ... ฉันโอเค...”
จื่อเจี้ยนหลานพูดเสียงแ่ มือทั้งสองข้างกำชุดของเย่เฟิงแน่น
เธอรู้สึกหนาว ยิ่งดึกสงัด พิษใจสลายก็ยิ่งกำเริบ หลังจากผ่านไปสองวัน ผู้ที่ได้รับพิษก็จะสิ้นชีพ
“บอกฉันว่าต้องไปทางไหน?”
เมื่อเย่เฟิงข้ามสะพานมาแล้ว สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือเส้นทางขนาดเล็กในหุบเขา ทั้งสองฝั่งเป็ยอดเขาสูงตระหง่าน มีทางแยกออกไปอีกเจ็ดถึงแปดสาย
“เส้นทางที่สามจากซ้าย... เดินขอบๆ ด้วย ระวังค่ายกลที่อยู่ใต้เท้า...” จื่อเจี้ยนหลานกล่าว
เย่เฟิงใช้จิตหยั่งรู้สำรวจก็พบว่าเส้นทางที่สามจากทางซ้ายมีค่ายกลดักไว้ั้แ่ต้นทาง หากใครไม่ระวังคงตกลงไปแล้วถูกกระบี่เสียบร่างจนพรุน ต่อให้จื่อเจี้ยนหลานไม่ได้เตือน เขาก็ไม่มีทางติดกับอยู่แล้ว
ชายหนุ่มเคลื่อนตัวไปทางแยกที่สามอย่างรวดเร็ว แสงจันทร์สลัวสาดส่องลงมา ทำให้หินกรวดและดอกไม้บนพื้นถนนดูราวกับมีผ้าโปร่งผืนบางปกคลุมทำให้มองเห็นเพียงเลืองราง หลังจากพลบค่ำ เหล่าแมลงส่งเสียงร้องดังระงมให้ความรู้สึกว่างเปล่าและเงียบเหงา
ไม่ใช่ว่าเย่เฟิงไม่เคยสงสัยว่าจื่อเจี้ยนหลานจงใจหลอกล่อศัตรูเข้าไป แต่ถึงเป็เช่นนั้นแล้วมันอย่างไรล่ะ?
ทักษะล่องหน!
เย่เฟิงกระชับร่างนุ่มนิ่มราวกับไร้กระดูกของหญิงสาวไว้แนบอก ในที่สุดร่างของพวกเขาก็เลือนหายไป ทั่วทั้งหุบเขากลับมาเงียบสงบไร้ซึ่งผู้คนอีกครั้ง
ชายหนุ่มมุ่งไปข้างหน้าโดยหลบค่ายกลไปตลอดทาง สถานที่แห่งนี้ช่างอันตรายเสียจริง หากเขาไม่มีจิตหยั่งรู้ คงเผลอเข้าสู่ทางตันแน่นอน ทันใดนั้นจิตหยั่งรู้ของเขาก็พบว่ามีใครบางคนซ่อนอยู่กลางป่าในหุบเขาด้านข้าง อีกฝ่ายสวมใส่ชุดสีดำซึ่งกลืนไปกับบรรยากาศยามค่ำคืน เป็ผู้ฝึกวรยุทธ์ที่มีระดับพลังห้าสิบห้าปี
‘หึๆ คิดจะลอบโจมตีงั้นเหรอ?’
เย่เฟิงหัวเราะเบาๆ ตามที่หลงหว่านเอ๋อร์เล่า เ้าหมอนี่คงเป็ฉินสือ เ้าของฉายามือปีศาจสยบเทพ และเป็พี่ชายของมือปีศาจสังหารเทพฉินเกอซึ่งถูกเขาสังหารที่ทะเลจีนตะวันออกไปก่อนหน้านี้
เวลานี้มือปีศาจสยบเทพฉินสือกำลังจับจ้องเส้นทางในหุบเขาอย่างจดจ่อ น่าเสียดายที่เย่เฟิงและจื่อเจี้ยนหลานล่องหนอยู่ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะจับจองอย่างไรก็ไม่มีทางเห็นพวกเขา
เย่เฟิงเดินเข้าใกล้อย่างเงียบเชียบ!
“เป็เขา...”
เมื่อระยะห่างใกล้เข้ามา ภายใต้แสงจันทร์ท้ายที่สุดจื่อเจี้ยนหลานก็เห็นมือปีศาจสยบเทพ ใบหน้าสวยซีดลงด้วยความใ
นี่มันเื่อะไรกัน เย่เฟิงไม่เพียงไม่หลบหนี แต่กลับพุ่งเข้าใกล้อีกฝ่าย ที่น่าแปลกคือฝ่ายตรงข้ามกลับมองไม่เห็นพวกเขา?
จนกระทั่งเย่เฟิงเข้าไปใกล้ในระยะห้าเมตร มือปีศาจสยบเทพฉินสือก็รู้สึกตัวในที่สุด!
ฟุบ ฟุบ ฟุบ ฟุบ ฟุบ!
เคล็ดวิชาเฉพาะของสำนักอิ่นเซียนอย่างกระบวนท่านางฟ้าโปรยดอกไม้ เทพธิดาหว่านดอกไม้ มือปีศาจสยบเทพก็ฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่หาศัตรูไม่พบ เขาพลันรู้สึกตื่นตัว จิตใต้สำนึกสั่งให้ใช้กระบวนท่านี้ออกมา
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เย่เฟิงต้องปะทะกับคนของสำนักอิ่นเซียน เขาจึงเตรียมพร้อมสำหรับเื่นี้ก่อนแล้ว
เย่เฟิงใช้ย่างก้าวไร้เงาขั้นที่สองพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว!
ทันทีที่เย่เฟิงใช้ย่างก้าวไร้เงา ทักษะล่องหนที่เขาใช้ไปก่อนหน้าก็หายไป ร่างของเขาและจื่อเจี้ยนหลานในอ้อมกอดปรากฏในสายตาของมือปีศาจสยบเทพ
“นังสารเลว แกถึงกับสมรู้ร่วมคิด—”
เมื่อมือปีศาจสยบเทพเห็นคนทั้งคู่ก็บันดาลโทสะขึ้นมาทันที ยังไม่ทันได้ตอบสนอง เขาก็ถูกเย่เฟิงใช้กระบี่เล่มยาวสีเขียวเข้มแทงทะลุอกเสียแล้ว!
ฉินสือล้มลง ขณะเืยังไม่ทันไหล เย่เฟิงก็ปล่อยบอลไฟเปลวสุริยะออกมาทำลายร่างของเขาทันที
“นาย...”
จื่อเจี้ยนหลานที่อยู่ในอ้อมกอดของเย่เฟิงรับรู้ถึงความรวดเร็วและท่าทางเป็ธรรมชาติของเขาก็ยิ่งตกตะลึง ชายคนนี้สามารถสังหารได้แม้กระทั่งมือปีศาจสยบเทพที่มีระดับวรยุทธ์ห้าสิบห้าปี!
สีหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความยินดี บางทีเย่เฟิงอาจสามารถเอายาถอนพิษมาได้จริงๆ แต่เมื่อลองคิดดูอีกที ฉีหลินจือแข็งแกร่งกว่ามือปีศาจสยบเทพหลายเท่านัก ต่อให้เย่เฟิงสังหารมือปีศาจสยบเทพได้ แต่ให้เผชิญหน้ากับฉีหลินจือนั้นเกรงว่าคงเป็เื่ยาก...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้