ค่ำคืนอันเงียบงันไม่เคยเงียบสงบ
อวิ๋นจื่อถูกปลุกจากฝันร้ายจนรู้สึกหวาดกลัว
เมื่อได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น หงจินก็รีบเข้ามาในห้อง
“คุณหนู ดื่มชาร้อนๆ สักหน่อยแล้วค่อยนอนต่อเถิดเ้าค่ะ ตอนนี้ยังเช้าอยู่” สาวใช้ตัวน้อยผู้ซื่อสัตย์รีบนำชาร้อนมาให้
อวิ๋นจื่อรู้สึกว่าหัวใจของนางว่างเปล่า
นางมีลางสังหรณ์ว่าต้องมีเื่ไม่ดีเกิดขึ้น!
นางเป็คนที่นอนหลับสนิทเสมอและไม่ค่อยฝันร้าย
‘ข้าจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ข้าฝันร้ายคือสามวันก่อนที่จะมีข่าวว่าเสด็จแม่ป่วยหนัก’
นางรู้สึกหวาดวิตกจนไม่สามารถข่มตาหลับได้
อวิ๋นจื่อจิบชาร้อนและกล่าวว่า “หงจินจุดธูปหอมให้ข้า เมื่อฟ้าสางให้เ้าไปที่โรงเตี๊ยมตรงข้ามแล้วสั่งเป็ดกรอบให้ข้าสักตัว”
หงจินรับคำ หลังจากห่มผ้าให้อวิ๋นจื่อแล้วนางก็จากไปเงียบๆ
กลิ่นของธูปหอมค่อยๆ แผ่กระจายไปทั่วห้อง
หญิงสาวที่เดิมทีง่วงนอนอยู่แล้วค่อยๆ ผล็อยหลับไปในที่สุด
เมื่อนางตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่ามู่ชิงซ่งมาถึงแล้ว
เขามาเร็วมาก
หญิงสาวรีบแต่งกายให้เรียบร้อยและออกไปพบมู่ชิงซ่ง ทันทีที่พบกัน อวิ๋นจื่อก็ถามว่า “คุณชายมู่ ตอนนี้ท่านประมุขอยู่ที่ใด?”
มู่ชิงซ่งกล่าวว่า “ท่านประมุขอยู่ที่แคว้นซินหลัว เกิดเื่ใดขึ้นกับเ้าหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่มี แต่ไม่แน่ว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้น ข้าอยากพบท่านประมุข”
มู่ชิงซ่งพยักหน้า “ข้าจะส่งข้อความถึงท่านประมุข ส่วนเื่นั้นคนของข้าได้รับข่าวแล้ว เ้าอาจได้ออกจากหอจุ้ยฮวนในไม่ช้า”
อวิ๋นจื่อส่งสัญญาณให้เขากล่าวต่อ
“นี่เป็ความคิดของซูเจิน ตอนนี้เขากำลังขอคำแนะนำจากเย่เช่อ”
อวิ๋นจื่อถามเบาๆ “คุณชายดูไม่กังวลเื่นี้เลย”
มู่ชิงซ่งยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีอะไรต้องกังวล ข้าเชื่อในตัวซูเจิน”
ทั้งสองพูดคุยกันอย่างเป็กันเอง ไม่นานมู่ชิงซ่งก็จากไป
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาเดินออกจากประตู มู่ชิงซ่งก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่น่ารังเกียจของใครบางคน ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองอวิ๋นจื่อด้วยความสงสัย
อวิ๋นจื่อกล่าวว่า “แม่นางชิงเกอดูเหมือนจะเข้าใจข้าผิดไป”
ทันใดนั้นชิงเกอก็เดินเข้ามา
“โอ้ เ้ารับแขกอยู่หรือ? พอคุณชายซูไม่มาเ้าก็รับแขกคนใหม่ทันทีเลยหรือ?”
ชิงเกอกล่าวเสียงดังคล้ายกับกลัวว่าคนอื่นจะไม่ได้ยิน
สีหน้าของอวิ๋นจื่อเรียบเฉย นางไม่ตอบโต้ใดๆ แต่กล่าวกับมู่ชิงซ่งว่า “คุณชายมู่ เดินทางดีๆ เ้าค่ะ”
มู่ชิงซ่งไม่สนใจชิงเกอ เขาเพียงกล่าวว่า “ข้าเพิ่งรู้ว่ามีสุนัขบ้าในศาลาฉีอวิ๋นด้วย! วันหลังข้าจะให้คนจับมันโยนลงจากกำแพงเมือง!”
หลังจากมู่ชิงซ่งพูดจบ เขาก็ส่งสัญญาณให้อวิ๋นจื่อกลับไปพักผ่อนเพราะเขารู้ว่าเมื่อคืนนี้นางนอนไม่ค่อยหลับ
ชิงเกอกระทืบเท้าด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่มู่ชิงซ่งเป็ผู้อุปถัมป์หอจุ้ยฮวน นางจึงไม่อยากทำให้เขาขุ่นเคือง
แน่นอนว่าความโกรธทั้งหมดของนางย่อมถูกนำมาลงกับอวิ๋นจื่อ “ปี้เหยียน เ้ารอก่อนเถอะ!”
หลังจากชิงเกอพูดจบ นางก็จากไปด้วยความโกรธ
อวิ๋นจื่อรู้สึกเหนื่อยหน่าย
คุณชายซูขึ้นชื่อเื่การใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางบุปผานับพัน การที่ชิงเกอผู้งดงามจะเต็มไปด้วยความหึงหวงก็ไม่ใช่เื่แปลกอะไร
เป็ไปได้ไหมว่านางตกหลุมรักซูเจิน?
ชิงเกอมีรูปลักษณ์ที่งดงาม อ่อนหวาน และชวนมอง อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากท่าทางที่เต็มไปด้วยความเสแสร้งของม่านอู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวเ้าอารมณ์ผู้นี้น่าพึงพอใจมากกว่า
แต่ความไม่สบายใจที่อธิบายไม่ได้นี้มาจากไหนกัน?
หรือเป็เพราะคำพูดของซูเจิน?
ซูเจินแค่พูดเล่นหรือไม่?
อวิ๋นจื่อไม่อยากคิดอีกต่อไปแล้ว
นางไม่อยากคิดเื่ซับซ้อนเหล่านี้เลย นางสูญเสียทั้งครอบครัวและบ้านเมือง นางย่อมเกลียดเื่ทำนองนี้ ครั้งที่นางหลบหนีมายังหยงโจว นางยังคิดว่าตนเองหลุดพ้นจากวงจรความริษยาอันแสนน่าเบื่อของวังหลังมาได้แล้วเสียอีก
ชีวิตที่เหมือนกับการเดินบนน้ำแข็งบางๆ แม้แต่ยามหลับก็ยังต้องระมัดระวัง ช่างไม่แตกต่างจากสมัยที่โจวกุ้ยเฟยยังปกครองวังหลังเลย
อวิ๋นจื่อไม่ชอบชีวิตแบบนั้นเลยจริงๆ
เมื่อมาอยู่ที่ศาลาฉีอวิ๋นของหอจุ้ยฮวน ถึงแม้สถานะของนางจะแตกต่างจากเมื่อก่อน แต่อวิ๋นจื่อก็ยังรู้สึกว่าตนเองโชคดีที่สามารถใช้ชีวิตอย่างสบายใจได้ และที่สำคัญที่สุดคือนางมีตระกูลมู่คอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา
ชีวิตที่สงบและราบรื่นมักทำให้ผู้คนหลงใหล
ถ้าเป็ไปได้นางก็อยากจะมีชีวิตแบบนี้ไปตลอด
ปล่อยให้ความแค้นและความเกลียดชังที่เคยมีสลายไปเหมือนหมอกควัน!
แต่จะเป็ไปได้อย่างไรที่ความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งจะสลายไปเช่นนี้?
การมาที่นี่คือทางเลือกสุดท้ายที่นางมี
ไม่ว่าอย่างไรอวิ๋นจื่อก็ไม่อาจปล่อยวางหนี้เืในวังหลวงไปได้
แต่นางก็ไม่สามารถกลายเป็คนโเี้อย่างโจวกุ้ยเฟย
‘จะว่าไปสตรีผู้ชั่วร้ายคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ? นางจะกลับมาฆ่าข้าหรือไม่?’
เมื่อนึกถึงเื่นี้ ความเกลียดชังในใจของอวิ๋นจื่อก็ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง
โจวกุ้ยเฟยต้องตาย
สตรีชั่วร้ายอย่างนางไม่อาจปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ดวงตาของอวิ๋นจื่อเปลี่ยนเป็สีแดงโดยไม่รู้ตัว
เมื่อหงจินเข้ามาเห็นนางก็ผงะและรีบถามว่า “คุณหนู เป็อะไรไปเ้าคะ?”
อวิ๋นจื่อส่ายหน้า “ไปเอากู่ฉินมา จิตใจของข้าไม่ปลอดโปร่ง ได้เล่นกู่ฉินสักหน่อยคงช่วยให้สงบลงได้”
จากนั้นเพลงาอันดุดันก็ดังออกมาจากศาลาฉีอวิ๋น
ในเวลานั้นซูเจินซึ่งอยู่ในห้องของม่านอู่รู้สึกประหลาดใจมาก เขาจึงหาข้ออ้างที่จะออกจากห้องของนางและเดินตามเสียงกู่ฉินไป
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ บุคคลที่เล่นกู่ฉินกลับเป็ปี้เหยียน
หลังจากนั้นไม่นานเพลงก็จบลง
ซูเจินที่ตอนนี้อยู่ในห้องของอวิ๋นจื่อแล้วได้ถามขึ้นมาว่า “เ้าเป็ใครกันแน่?”
อวิ๋นจื่อกล่าวอย่างใจเย็น “ข้าชื่อปี้เหยียน นายหญิงแห่งศาลาฉีอวิ๋นเป็ญาติห่างๆ ของข้า”
ซูเจินกล่าวอย่างเ็า “เห็นได้ชัดว่าเสียงกู่ฉินของเ้ามีกลิ่นอายของทหารม้าเกราะเหล็กนับพันคน ข้าเองก็เป็ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีเช่นกัน เื่นี้เ้าหลอกข้าไม่ได้”
ทันใดนั้นดวงตาของอวิ๋นจื่อก็แปรเปลี่ยนเป็ขุ่นเคือง นางกล่าวอย่างเ็าว่า “เช่นนั้นคุณชายจึงให้ชิงเกอทดสอบข้า? ตอนนี้ทุกอย่างเป็ไปตามที่ท่าน้าหรือไม่?”
ซูเจินตกตะลึงเล็กน้อย “นั่นไม่ใช่ความ้าของข้า ข้าไม่เคยให้ชิงเกอทำอะไรเลย ข้าแค่หวังว่าเ้าจะไม่ทำร้ายเย่เช่อเท่านั้น”
อวิ๋นจื่อหัวเราะเยาะและถามว่า “เย่เช่อเป็ใครสำหรับท่าน?”
“เขาเป็พี่ชายของข้า”
“เหตุใดคุณชายถึงแน่ใจว่าข้าจะทำร้ายเขา? แล้วถ้าข้าจะช่วยเขาล่ะ?”
“บอกข้ามาว่าเ้าเป็ใคร แล้วข้าจะช่วยเ้า”
“ข้าได้บอกทุกอย่างที่จำเป็ต้องบอกไปแล้ว”
ซูเจินกล่าวว่า “ข้าเป็คนเดียวที่ช่วยเ้าได้ในตอนนี้ เพราะตระกูลมู่จะไม่พาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับเื่ของราชสำนักอย่างแน่นอน”
“คุณชายรู้อะไรอีกบ้าง?” อวิ๋นจื่อถาม
“ข้ารู้ทั้งในสิ่งที่ควรรู้และไม่ควรรู้”
อวิ๋นจื่อไม่ตอบ นางยิ้มและกล่าวว่า “แต่คุณชายยังคงมาถามข้า เช่นนั้นจะให้ข้าตอบอะไร?”
ซูเจินถอนหายใจยาว “ให้ข้าถามเ้าอีกครั้ง เ้าจะทำร้ายเย่เช่อหรือไม่?”
น้ำตาของอวิ๋นจื่อไหลริน นางกล่าวอย่างเศร้าสร้อยว่า “คุณชายไม่ต้องกังวล ข้าให้สัญญากับสหายเก่าแล้วว่าจะไม่ทำร้ายเขา”
ใบหน้าของซูเจินเปลี่ยนเป็ซีดขาวก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “เป็เ้าจริงๆ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้