เยี่ยจื่ออวิ๋นเดินไปส่งเนี่ยหลีถึงหน้าประตูสวนเงียบๆ หลังจากนิ่งงันอยู่ครู่หนึ่งจึงก้มหน้าก้มตาพูดขึ้น “เนี่ยหลี ต่อไปอย่าได้มาหาข้าอีก”
“ทำไม?” เนี่ยหลีขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อย จ้องมองเยี่ยจื่ออวิ๋นและเอ่ยถาม
เยี่ยจื่ออวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองเนี่ยหลี ดวงตาสดใสคู่นั้นมีความเศร้าเสียใจลึกซึ้งปรากฏอยู่ นางเอ่ยถาม “เ้าไม่กลัวตายหรือ? เ้าไม่กลัวท่านพ่อข้าจะฆ่าเ้าหรือ?”
“ฆ่าข้า? หากพ่อเ้าคิดจะฆ่าข้า คงลงมือแต่แรกแล้ว!” ดวงตาของเนี่ยหลีล้ำลึก “หรืออย่างน้อยที่สุดก็คงขับไล่ข้าออกจากจวนเ้าเมืองแล้ว หากข้าถูกขับออกจากจวนเ้าเมือง ข้าก็ต้องตายอย่างแน่นอน สมาคมมืดคงไม่ปล่อยข้าไว้เป็แน่ แต่เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น”
“แล้วเหตุใดเขาจึงไม่ทำเช่นนั้น?” ดวงตาของเยี่ยจื่ออวิ๋นฉายแววสับสนใจ
เนี่ยหลีจ้องมองไปยังทิศทางที่เยี่ยจงเดินจากไป แผ่นหลังกำยำแข็งแกร่งราวกับป้อมเหล็ก ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง ช่างดูโดดเดี่ยวเดียวดายนัก ชั่วขณะนั้น เนี่ยหลีจึงบังเกิดความเข้าใจขึ้นมาเป็อันมาก เขาพูดขึ้น “นี่เป็เื่ระหว่างลูกผู้ชาย ต่อไปเชื่อฟังข้าก็เพียงพอแล้ว!”
เวลานี้เนี่ยหลีเข้าใจแล้ว เยี่ยจงมิใช่ไม่ใส่ใจเยี่ยจื่ออวิ๋น ทว่าบนบ่าของเยี่ยจง แบกรับเื่ต่างๆ เอาไว้มากมายเกินไป
“นี่ เนี่ยหลี เหตุใดข้าจึงต้องเชื่อฟังเ้าด้วย!” เยี่ยจื่ออวิ๋นเบ้ปากบ่นขึ้นมาด้วยท่าทางเคืองใจ วันนี้นางรู้สึกผิดมากเกินไปแล้ว แม้ระหว่างเยี่ยจงกับนางไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันนัก ไม่มีเื่พูดคุยระหว่างบิดาและบุตรสาว ทว่าท่าทางเ็าของบิดาเช่นนี้ นี่เป็ครั้งแรกที่นางได้รับ ในใจของเยี่ยจื่ออวิ๋นจึงรู้สึกเ็ปอยู่หลายส่วน
ท่าทางเคืองใจของเยี่ยจื่ออวิ๋นก็ตรึงใจผู้คนอย่างยิ่ง
“แค่กๆ!” เนี่ยหลีไอเอาเืออกมาหลายคำ ยิ้มขื่นและพูด “เ้ายังจะให้ข้ากลับไปเช่นนี้อีกหรือ?”
“เ้าเป็อย่างไรบ้าง?” เห็นสภาพของเนี่ยหลี เยี่ยจื่ออวิ๋นพลันเอ่ยขึ้นอย่างเป็ห่วง รีบเข้าไปช่วยพยุงเนี่ยหลี
“ไม่ดีเลย อาการาเ็ของข้าหนักเกินไป เดาว่าจะต้องให้เ้าช่วยประคองอย่างนี้อยู่ที่นี่ไปอีกสักสองวัน!” เนี่ยหลีพูดขณะใช้มือกุมอก
เยี่ยจื่ออวิ๋นจ้องมองเนี่ยหลี ดวงตาแสดงความงุนงงกับสถานการณ์ ยังจะมีผู้ใดหน้าไม่อายไปกว่าเนี่ยหลีอีกหรือไม่? ในหัวของเขาคิดเื่อะไรกัน? เพิ่งถูกบิดาทำให้าเ็หนัก กลับยัง้าอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองวัน? ในหัวของเนี่ยหลีเต็มไปด้วยแป้งเปียกหรืออย่างไร? เขาไม่กลัวว่าเมื่อบิดาโกรธขึ้นมาจริงๆ จะลงมือฆ่าเขาทิ้งหรือ?
เวลานี้ ที่มุมหนึ่งของจวนเ้าเมือง เงาร่างสองคนกำลังยืนเด่นเป็สง่าอยู่
หนึ่งในนั้นคือเยี่ยจงที่เพิ่งเดินออกมาจากหมู่ตึกส่วนตัวของเยี่ยจื่ออวิ๋น อีกผู้หนึ่งคือกู่เอี๋ยน ประธานสมาคมนักปรุงยาวิเศษ
“ท่านเ้าเมือง ท่านทำร้ายเขาหนักเกินไปแล้ว! หากอาจารย์ของเขารู้เข้า โกรธขึ้นมา จะไม่เป็การดีต่อเมืองกวงฮุยเลยทีเดียว” กู่เอี๋ยนยิ้มขื่น พูดขึ้นขณะจ้องมองเยี่ยจง
“ทำร้ายหนักเกินไปรึ?” รังสีสังหารยังเข้มข้นอยู่บนกรอบคิ้วของเยี่ยจง “ข้าไม่ได้ฆ่าเขาทิ้งเสียก็ถือว่ามีความเกรงใจเขามากแล้ว เ้าเด็กบ้านี่ ทั้งๆ ที่อยู่ในจวนเ้าเมืองของข้า ยังกล้าไปหยอกลูกสาวของข้า ทำลายความบริสุทธิ์ผุดผ่องของลูกสาวข้า!”
กู่เอี๋ยนอับจนหนทางแล้ว ครั้งนี้เนี่ยหลีก็ทำเกินไปจริงๆ อยู่ในจวนเ้าเมืองแท้ๆ ยังกล้าไปเกี้ยวพาราสีธิดาของท่านเ้าเมือง เื่เช่นนี้ มีแต่เนี่ยหลีที่กล้ากระทำ ท่านเ้าเมืองไม่ได้ฆ่าเนี่ยหลี ก็ถือว่าปราณีมากแล้วจริงๆ
“เช่นนั้นเหตุใดท่านเ้าเมืองจึงไม่ขับไล่เขาออกจากจวนเล่า?”
“โยนเขาออกไปจะมีประโยชน์อันใด? เด็กคนนี้ไม่รู้ว่าหลอมรวมกับจิตอสูรประเภทไหนกัน กระทั่งมีทักษะล่องหน ในจวนเ้าเมืองนี้ มีผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองดำเพียงไม่กี่คนที่จะสามารถััได้ถึงจุดที่เขาอยู่ จวนเ้าเมืองสำหรับเขาก็เป็เพียงสวนเดินเล่นเท่านั้น! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจื่ออวิ๋น นางหนูนั่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถูกเ้าเด็กบ้านั่นกินเสียอยู่หมัด! ทำให้ข้าโมโหจนแทบจะบ้าตายแล้ว หรือข้าควรจะจับลูกสาวของข้าไปขังไว้ในสถานที่ลับสักแห่งดี? เยี่ยจงร้องฮึเ็า “เ้าเด็กบ้าอายุเพียงเท่านี้ ก็มีพลังของผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองแล้ว อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนสูตรยาหลายอย่าง เป็ประโยชน์ใหญ่หลวงต่อเมืองกวงฮุย ต่อไปความปลอดภัยของเมืองกวงฮุยยังไม่แน่ว่าจะต้องอาศัยเขา ถือว่าเห็นแก่เมืองกวงฮุย ความโกรธเกรี้ยวครั้งนี้ ข้าก็ได้แต่ทนรับเอาไว้!”
ได้ยินคำพูดของเยี่ยจง ไม่ทราบเหตุใด กู่เอี๋ยนรู้สึกว่ามีความน่าขบขันหลายส่วน ท่านเ้าเมืองผู้ยิ่งใหญ่กลับถูกเด็กอายุแค่สิบสามปีผู้หนึ่งกระทำเสียปัญญาสักอย่างก็ไม่เหลือ
“อายุแค่สิบสามปีก็กล้าเข้ามาเกี้ยวสาวในจวนเ้าเมือง สมองของเ้าเด็กนี่โตมาอย่างไรกัน? ในสายตาของข้า หากจื่ออวิ๋นติดตามเขา ไม่แน่ว่าจะต้องเสียใจภายหลัง ข้าได้ยินมาว่าเ้าเด็กคนนี้กระทั่งถึงเวลานี้ ไม่ได้จับผู้หญิงแค่คนเดียว มีลูกสาวของตระกูลอี้หลงผู้นั้น (เซียวหนิงเอ๋อ) ยังมีลูกสาวของตระกูลหูเหยียน อนาคตของเ้าเด็กนี่ คงไม่ได้มีเมียเดียวอย่างแน่นอน!” เยี่ยจงบ่นไม่หยุด
“เช่นนั้นท่านเ้าเมืองตระเตรียมจะทำอย่างไรหรือ?” กู่เอี๋ยนจ้องมองเยี่ยจง ยิ้มบางและเอ่ยถาม
“ยังจะทำอะไรได้? ข้าก็ได้แต่ทนรับมันไว้แล้ว!” เยี่ยจงกัดฟัน ั้แ่เขาได้เป็เ้าเมือง ไม่เคยต้องรอมชอมเช่นนี้มาก่อน “หากเมื่อครู่เ้าเด็กบ้านั่นทำท่าหวาดกลัวหัวหด หลบซ่อนอยู่ข้างหลังจื่ออวิ๋น ต่อให้ข้าต้องเสี่ยงกับการขัดแย้งกับบุคคลที่อยู่เื้ัผู้นั้น ก็ต้องฆ่าเ้าเด็กนั่นให้ได้ ทว่าเขายังพอจะมีความกล้าอยู่บ้าง ต่อให้มีผู้หญิงมากมายในอนาคตข้างหน้า ข้าว่าเ้าเด็กบ้านั่นก็คงไม่ทรยศจื่ออวิ๋น
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยจง ในใจของกู่เอี๋ยนค่อยรู้สึกโล่งอก เื่นี้ยังไม่ย่ำแย่จนถึงจุดที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ถือว่าดีแล้ว
“กู่เอี๋ยน ท่านรู้จักการสะท้อนพลังิญญาหรือไม่?” เยี่ยจงพลันนึกได้ถึงบางสิ่ง จ้องมองกู่เอี๋ยนและเอ่ยถาม
กู่เอี๋ยนส่ายศีรษะและพูด “ข้าเองก็ไม่เข้าใจนัก!”
“ตามความหมายของเ้าเด็กนั่น หากเขาใช้พลังิญญาสะท้อนกลับ จะสามารถเอาชนะข้าได้ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนผลข้างเคียงของพลังิญญาสะท้อนกลับนี้จะใหญ่หลวงมากเช่นกัน หลังจากใช้มัน เขาอาจจะต้องตาย คิดๆ แล้วคงเป็อาจารย์ที่อยู่เื้ัของเขาเป็ผู้สอนให้ หากเป็เช่นนั้น ท่านประธานกู่เอี๋ยนโปรดช่วยข้าดึงเคล็ดวิชาพลังิญญาสะท้อนกลับนี้ออกมาจากปากของเ้าเด็กบ้านี่ด้วยเถอะ!” เยี่ยจงนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งจึงพูด
กู่เอี๋ยนใคราหนึ่งและเอ่ยถาม “ท่านเ้าเมืองคิดใช้วิชาพลังิญญาสะท้อนกลับนี้หรือ? ไม่ได้เด็ดขาด! ท่านเ้าเมืองมิใช่พูดเองหรือว่าวิชาชุดนี้มีผลข้างเคียงใหญ่หลวง?
เยี่ยจงนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงทอดถอนใจ “วิชาต้องห้ามจำพวกนี้ ไม่ถึงคราวคับขันย่อมไม่อาจนำออกมาใช้ได้ ทว่าเตรียมการไว้ก่อนก็ไม่เสียหายอันใด เร็วๆ นี้สมาคมมืดนับวันก็ยิ่งควบคุมได้ยาก!”
“มีข่าวจากท่านเยี่ยโม่บ้างหรือไม่?” กู่เอี๋ยนจ้องมองเยี่ยจง เอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย
“ไม่ผิด สมาคมมืด้าชักนำให้ฝูงสัตว์อสูรเข้าโจมตีเมืองกวงฮุย!”
“ชักนำฝูงสัตว์อสูรเข้าโจมตีเมืองกวงฮุยรึ? ทำเช่นนี้จะมีประโยชน์อะไรกับพวกมัน?” ในใจของกู่เอี๋ยนสั่นสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย พวกสมาคมมืดบ้าแล้วหรืออย่างไร? ิัไม่เหลือขนจะรอดได้อย่างไร หากเมืองกวงฮุยถูกทำลาย แล้วพวกมันจะอยู่รอดได้อย่างไร?
“พวกมันคงมีวิธีหลบหลีกจากการโจมตีของพวกสัตว์อสูร!” เยี่ยจงพูดเสียงต่ำ
กู่เอี๋ยนครุ่นคิดครู่หนึ่งและพูดขึ้น “เหตุใดท่านเ้าเมืองจึงไม่บอกเื่นี้แก่เนี่ยหลี? ไม่แน่ว่าผู้ที่อยู่เื้ัเนี่ยหลีท่านนั้นจะมีหนทาง!”
“ให้ข้าขอร้องเขาหรือ?” เยี่ยจงสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อย “ข้าไม่ได้ฆ่าเขาก็ถือว่าสุภาพกับเขามากแล้ว ยังจะให้ข้าไปขอร้องเขา เป็ไปไม่ได้เด็ดขาด!”
ได้ยินคำพูดของเยี่ยจง กู่เอี๋ยนก็ได้แต่ยิ้มขื่น ไม่ทราบว่าตนจะสามารถคิดหาวิธีไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายได้หรือไม่
เวลานี้ ในห้องของเยี่ยจื่ออวิ๋น เนี่ยหลีนั่งอยู่บนเตียงอย่างพร้อมสรรพ กำลังโคจรลมปราณ แม้จะได้รับาเ็หนักจากเยี่ยจง อาณาเขติญญาของเนี่ยหลีฉีกขาดรอยหนึ่ง ทว่ากลับมีวี่แววว่าจะเกิดความก้าวหน้า เขาโคจรลมปราณต่อไป พลังิญญาหมุนวนรอบกาย หลังการเปลี่ยนรูปพลังิญญา การฝึกยุทธ์ของเนี่ยหลีก็มีแนวโน้มเด่นชัดว่าจะก้าวหน้าต่อไป พลังิญญาของเขาจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้ในไม่ช้า
เยี่ยจื่ออวิ๋นไม่กล้าพักอยู่ในห้องเดียวกันกับเนี่ยหลี นางนั่งปรับลมหายใจอยู่ในสวนครู่หนึ่ง ครุ่นคิดถึงสีหน้าเข้มงวดของบิดาก็อดที่จะทอดถอนใจออกมาคำหนึ่งไม่ได้ มารดาของนางจากไปนานแล้ว ระหว่างนางกับบิดา ความสัมพันธ์มิได้ใกล้ชิดกันมากนัก แต่เล็กจนใหญ่ คำสั่งของบิดาเข้มงวดนัก เอาแต่ให้นางฝึกยุทธ์ ดังนั้นวรยุทธ์และความรู้ของนางจึงเหนือกว่าเด็กในวัยเดียวกันมาก ทว่าความเกรี้ยวกราดเข้มงวดของบิดาในวันนี้ นางไม่เคยเห็นมาก่อน
“เนี่ยหลี ข้าควรจะทำอย่างไรกับเ้าดี?” ย้อนคิดกลับไปเมื่อครู่ เนี่ยหลีรู้ทั้งรู้ว่ามิใช่คู่ต่อสู้ ก็ยังยืนบังอยู่ข้างหน้านาง หัวใจของเยี่ยจื่ออวิ๋นบังเกิดสั่นไหวระลอกใหญ่ขึ้นมา แม้เนี่ยหลีจะมีส่วนเ้าเล่ห์อยู่บ้าง มีส่วนไร้สาระอยู่บ้าง ทว่าใน่เวลาคับขัน ยังคงกล้าหาญยิ่ง ในใจของนางจึงเต็มไปด้วยความสับสนและเศร้าใจ
เวลาเดียวกัน การกระทำของบิดาทำให้เยี่ยจื่ออวิ๋นบังเกิดความสงสัยหนัก เดิมทีนางคิดว่าบิดาจะต้องลงมืออย่างน่าสะพรึงกลัวกลัวเพื่อระบายความโกรธ ทว่ากลับคิดไม่ถึง บิดาของนางเพียงสั่งให้นางก้าวให้ถึงระดับทองภายในเวลาหนึ่งปี
เยี่ยจื่ออวิ๋นอยากจะรู้ว่าบิดาของนางกำลังคิดอะไรอยู่เป็ที่สุด แต่ไม่ว่าอย่างไร นางจะขยันฝึกยุทธ์อย่างหนัก ไม่ทำให้บิดาต้องผิดหวังเป็อันขาด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้